“พอแล้ว ข้าอิ่มแล้ว” อ๋าวหลวนหลงรู้สึกว่าใบหน้าของตนหดลงจนเล็กกว่าฝ่ามือ แต่ยังแสร้งทำหน้าบึ้งเอาไว้ดังเดิม มู่เหยาจีไม่เพียงไม่โต้เถียงแต่นางกลับดูแลเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดี พอมีข้าวเลอะติดปากก็ยังเช็ดมุมปากให้เขาอย่างเอาใจใส่จนเขารู้สึกขัดเขินเป็นที่สุด“เมื่อวานท่านกินโจ๊กหมดชามเลยนี่เจ้าคะ นี่เพิ่งหมดไปไม่ถึงครึ่งเองอิ่มแล้วหรือ ถ้าเช่นนั้นกินผลท้ออีกหน่อยนะเจ้าคะ”อ๋าวหลวนหลงอยากจะกัดลิ้นให้ตายไปเสียเดี๋ยวนั้น รู้สึกว่าตนทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ให้นางมาคอยช่วยเหลือ กลิ่นกายหอมกรุ่นที่ยังวนเวียนอยู่ในลมหายใจกับการเอาใจใส่ที่ไม่เคยมีใครทำให้เช่นนี้มันช่างน่าอึดอัดนักภาพในความทรงจำเดิมของตน มู่เหยาจีก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง แต่ยามนี้นางเป็นหญิงสาววัยแรกแย้มจะไม่ให้เขาคิดเลยเถิดไปบ้างก็ไม่ได้ในเมื่อตนก็เป็นชายหนุ่มเต็มตัวแล้วเช่นกันจะขับไล่นางไม่ให้มาคอยช่วยเหลือก็เท่ากับกลืนน้ำลายตัวเอง แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหากผู้อื่นรู้ว่าเขาเขินอายจนใจสั่นไปหมด!! คิดยังไม่ทันถึงไหน ผลท้อชิ้นเล็กหวานฉ่ำก็ถูกส่งเข้าปากโดยที่อ๋าวหลวนหลงทำได้เพียงอ้าปากรับอย่างว่าง่าย สรุปแล้วเป็นเขาที่ควบ
ตลอดทางเดินอ๋าวหลวนหลงได้เห็นต้นผลไม้หลากชนิดมีฝูงสัตว์เล็กออกหากินตามธรรมชาติอยู่มากมาย พอเริ่มเข้าใกล้น้ำตกอากาศก็เย็นสบายขึ้นมีเสียงน้ำไหลรินพร้อมกับเสียงนกร้องแว่วมาเป็นระยะมู่เหยาจีเลือกให้เขานั่งลงตรงโขดหินเรียบ มีก้อนหินใหญ่หลายก้อนโอบล้อมบดบังสายตาที่นางเคยใช้เป็นสถานที่อาบน้ำเป็นประจำเมื่อครั้งที่ยังไม่ได้สร้างเรือนนางหันไปจัดการกับตะกร้าเสื้อผ้าที่เตรียมมาสำหรับให้อ๋าวหลวนหลง แต่เมื่อหันกลับมาอีกทีหญิงสาวก็ต้องตกใจจนร้องเสียงหลง“กรี๊ด!!” หญิงสาวยกสองมือขึ้นปิดบังใบหน้าเอาไว้แน่น “ท่านทำบ้าอะไรกันเนี่ย อยู่ดีๆ มาถอดเสื้อกลางป่ากลางเขาไม่รู้จักอับอายบ้างหรือไร!”“ข้าผิดตรงไหน? ข้าก็แค่จะอาบน้ำ หรือเวลาอาบน้ำเจ้าไม่ถอดเสื้อผ้า”มู่เหยาจีปิดตาเอาไว้แน่น แต่นางรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวที่อยู่รอบตัวชัดเจน อ๋าวหลวนหลงขยับตัวเข้ามาประชิดตัวนางในระยะห่างไม่ถึงฉื่อจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเขาชัดเจน“อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ!” มู่เหยาจีถอยหลังกรูด เป็นเพราะมองไม่เห็นและตั้งหลักไม่ทันร่างงามจึงลื่นล้มลงไปกองกับพื้น“เหยาจี!!” อ๋าวหลวนหลงใจหายวาบ เขาก็แค่คิดจะหยอกล้อนิดหน่
“พี่สี่!!” มู่เหยาจีเพิ่งจะตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ไม่ทันไรเด็กสาวอีกสองคนก็วิ่งพรวดพราดมาล้อมหน้าล้อมหลังอ๋าวหลวนหลงไว้อีกคู่หนึ่งนางเอียงคอข้ามลำตัวของท่านอาเกาโหลวมองไปยังกลุ่มสตรีทั้งสามที่ยังคงชื่นชมอกขาวผ่องเป็นยองใยของอ๋าวหลวนหลงด้วยความรู้สึกโหวงหวิวพิกล ที่แท้คุณชายสี่ก็มักจะเปิดเผยเนื้อตัวให้ผู้อื่นเห็นเป็นประจำสินะ เป็นนางเองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดและคิดฟุ้งซ่านไปคนเดียว“หยุดให้หมด!! พวกเจ้าตามข้ากลับไปที่เรือนเดี๋ยวนี้เลย!!” อ๋าวหลวนหลงใช้สองมือมาปกปิดรอยขาดขนาดใหญ่บนแผงอกเอาไว้แน่น สภาพน่าอายเช่นนี้เขายืนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว“ส่วนท่าน..” ชายหนุ่มยังไม่รู้จักเกาโหลว เพราะยามนั้นเขายังไม่มีสติดีแต่เห็นอีกฝ่ายพูดคุยกับมู่เหยาจีอย่างสนิทสนมก็พอจะเดาได้ว่าเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะลอย“ข้าเกาโหลว เป็นหัวหน้าของชาวบ้านเหล่านี้ขอรับ พวกเรา 15 คนที่เดินทางไปที่เมืองหลงเทียนล้วนสามารถเข้ารับการฝึกฝนเป็นผู้ฝึกตนได้ แต่ข้าต้องเดินทางกลับมาด้วยเพราะไม่มีผู้ใดชำนาญทิศทางเดินเรือเท่าข้าแล้ว”“เช่นนั้นท่านก็ตามข้ากลับไปที่เรือนด้วยเลย ผลไม้เหล่านั้นปล่อยให้พวกนั้นทำกันไป
“คุณชายสี่ ท่านพาแม่นางซินกลับไปด้วยจะดีกว่าเจ้าค่ะ” อ๋าวหลวนหลงถอนหายใจยาวเหยียดออกมาปั้นหน้าบึ้งตึงอีกครั้ง เมื่อครู่เขาเห็นนางกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา ยังคิดว่ามู่เหยาจีจะมาร่ำลาตนด้วยความเป็นห่วง ที่ไหนได้นางกลับมาพูดเรื่องของผู้อื่น“นางทำอะไรให้เจ้าลำบากใจหรือไร ที่นี่ไม่มีสี่เสิน ไม่มีข้า มีนางอยู่ข้าวางใจกว่านะ”“สัตว์เลี้ยงของข้ามาถึงที่นี่ครบเก้าตัวแล้วเจ้าค่ะ พวกมันปรากฏกายให้ข้าเห็นแล้ว เต่า ปลาและหอยมีขนาดใหญ่พอๆ กับปลาหมึกทั้งสามตัวเลยข้าว่าคงไม่มีใครเข้ามาที่นี่ได้ง่ายเป็นแน่ แม่นางซินไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอันใดให้ข้าแต่นางอาจจะเสียใจหากไม่ได้กลับไปพร้อมกับท่านนะเจ้าคะ”“ต่อให้สัตว์เลี้ยงของเจ้าจะปกป้องเกาะลอยเอาไว้ได้ แต่น้องสาวสองคนของข้าก็อยู่ที่นี่ ให้ซินหรูอี้ช่วยสั่งสอนนางไปพลางๆ อยู่นี่นั่นล่ะดีแล้ว”มู่เหยาจีกัดริมฝีปากตัวเองจนแดงก่ำ ต่อให้นางยังไม่รู้เรื่องระหว่างหญิงชายมากนักแต่ใช่ว่าจะไร้เดียงสาไปเสียทีเดียว บนเกาะมีคู่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันหลายครอบครัวพวกเขาล้วนรักใคร่เป็นห่วงเป็นใยกัน แต่อ๋าวหลวนหลงกลับเลือดเย็น เมื่อคืนเขากับซินหรูอี้ยังนอนอยู่ด้วยกันแท้ๆ
แนวเทือกเขาเขตพื้นที่ของตระกูลอ๋าว“พวกเจ้าดูข้าให้ดีนะ” มู่สี่เสินหันไปคุยกับลิงน้อยจากเกาะลอยที่แอบลงเรือติดตามเขามายังแผ่นดินใหญ่ชายหนุ่มเริ่มต้นฝึกฝนวิชายุทธ์และก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะลอยมู่สี่เสินได้พยายามอย่างเต็มที่ในการสะสมพลังปราณไว้ในร่างกาย กอปรกับผลท้อที่เขากินเข้าไปทุกวันก็มีส่วนช่วยให้เขาประสบความสำเร็จได้รวดเร็วกว่าปกติมู่สี่เสินกำหนดพลังปราณไปที่ต้นไม้ขนาดเล็กต้นหนึ่ง พลังไร้รูปแฝงไอสีเหลืองอำพันวิ่งผ่านสายตาลิงน้อยนับสิบไปอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็เกิดเสียงดังสนั่นต้นไม้ที่เป็นเป้าหมายลำต้นแตกกระจุยขาดครึ่งต้นในชั่วพริบตา“เจี๊ยกๆๆๆๆๆๆๆ”“ฮ่าๆๆๆ ข้าเก่งใช่ไหมเล่าลิงน้อย มาๆ เดี๋ยวข้าจะแสดงให้พวกเจ้าดูอีกสักสองสามกระบวนท่าเป็นอย่างไร"กลุ่มลิงน้อยสิบเอ็ดตัวกระโดดมาขี่คอและปีนป่ายร่างกายของมนุษย์ตัวสูงด้วยความยินดี ส่งเสียงร้องกันระงมจนมู่สี่เสินต้องเอ่ยปากตักเตือน“พวกเจ้าเบาๆ หน่อยสิ ที่นี่เป็นบ้านผู้อื่นนะไม่ใช่เกาะลอย ห้ามพวกเจ้าดื้อซนเด็ดขาดไม่เช่นนั้นครั้งหน้าข้าจะจับพวกเจ้าขังกรงแล้วส่งกลับไปอยู่กับเหยาจีตามเดิม”จู่ๆ ลิง
“อากุ้ย ฝูซีไปไหน?” อ๋าวหลวนหลงถามกับบ่าวรับใช้หนุ่มทันทีที่แยกตัวออกมาจากฮูหยินผู้เฒ่ากัว“มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณชายมู่ขอรับ เขาหายไปจากสกุลอ๋าวราวเดือนเศษได้แล้ว ท่านอาฝูก็พยายามออกไปค้นหาอยู่ทุกวันแต่ยังไม่พบ” เสียงสูดหายใจเข้าปอดลึกยาวของอ๋าวหลวนหลงดังขึ้นพร้อมกับเท้าก็หยุดเคลื่อนที่ไปด้วย “ข้าคิดว่าสี่เสินอยู่กับฝูซีเสียอีก..หายไป? หายไปได้อย่างไรกัน” คำถามนี้อ๋าวหลวนหลงไม่ได้ตั้งใจเอาคำตอบจากหูกุ้ยเท่าใดนัก เพราะเขารู้ดีว่าหากมู่สี่เสินไม่ได้บอกกล่าวกับฝูซีก็ไม่มีผู้ใดในจวนสกุลอ๋าวจะรับรู้ได้แล้ว“หายไปเฉยๆ เลยขอรับ ไม่มีวี่แววอันใดเลย ท่านอาฝูก็ร้อนใจไม่แพ้ท่านเช่นกัน เขาส่งข่าวไปยังกำลังพลตระกูลอ๋าวทั่วทุกพื้นที่แล้ว เวลานี้ก็ยังรอคำตอบอยู่ขอรับ”ใบหน้างามของมู่เหยาจีปรากฏขึ้นมาในห้วงความคิดของอ๋าวหลวนหลงทันใด หากนางรู้ว่าพี่ชายของนางหายตัวไปมู่เหยาจีจะห่วงกังวลเพียงใดกันนะ! แค่คิดอ๋าวหลวนหลงก็รู้สึกปวดใจแทนอีกฝ่ายไปแล้ว“แล้วสถานการณ์ทางฝ่ายเราร้ายแรงเพียงใด เวลานี้พี่ใหญ่อยู่ที่ไหน?”“เป็นเพราะผลท้อสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้รวดเร็วกว่าอีกฝ่ายทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้นา
7 เดือนถัดมากลางหุบเขาลึกฝั่งตะวันตกยามนี้มู่สี่เสินอาศัยอยู่กลางหุบเขาลึกลับทางฝั่งตะวันตก สถานที่แห่งนี้หากมองจากภายนอกก็เหมือนเป็นเทือกสูงชันขนาดใหญ่มหึมาธรรมดาที่มีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยอยู่ทั่วไป ด้วยความสูงของภูเขาและช่องทางเข้าลึกลับซับซ้อนขนาดเล็กจึงไม่เคยมีผู้ใดเคยเข้าไปสำรวจลึกเข้าไปถึงด้านในว่ามีพื้นที่กว้างขวางกลางหุบเขาซุกซ่อนอยู่“ข้าต้องกลับไปที่เมืองหลงเทียนแล้วล่ะ ป่านนี้ฝูซีคงตามหาข้าจนวุ่นวายแล้วกระมัง เรื่องของพวกเจ้าให้ข้าถามความเห็นจากฝูซีก่อนแล้วข้าจะพาคนกลับมารับพวกเจ้าไปหาเหยาจีเอง” มู่สี่เสินเงยหน้าขึ้นฟ้าพูดคุยกับสหายใหม่ของเขาที่นั่งเรียงกันหน้าสลอนล้อมรอบร่างเล็กจิ๋วเอาไว้เขาติดตามฝูงลิงตัวน้อยจนมาถึงหุบเขาลึกลับแห่งนี้เมื่อหลายเดือนก่อน และได้พบสหายรุ่นหลังของน้องสาวอีกสิบกว่าชีวิตรวมทั้งพวกมันยังให้กำเนิดลูกหลานมากมายอาศัยกันอยู่ในหุบเขาแห่งนี้“เจ้าว่าอะไรนะ? จะทำลายภูเขาออกไปเช่นนั้นหรือ? พวกเจ้าอย่ามาพูดดีอยู่เลย หากพวกเจ้ากล้าหาญกว่านี้ก็คงออกไปเสียนานแล้วสินะ! เจ้าจะไปหาเหยาจีพร้อมกับข้าตอนนี้เลยไหมเล่า!!” มู่สี่เสินค้อนเจ้าวานรร่างใหญ่ด้วยความหมั่นไ
เมื่อถึงทางแยกขบวนบรรทุกผลท้อก็แยกออกเป็นสองกลุ่มตรงกับที่มู่สี่เสินคิดเอาไว้ไม่มีผิด กลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนน้อยกว่ามุ่งหน้าไปยังทิศทางแรกที่คนสกุลกัวขี่ม้าไปทางนั้น ส่วนอีกกลุ่มที่มีจำนวนผลท้อมากมายกลับแยกตัวไปยังอีกทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นเส้นทางที่ต้องผ่านผืนป่าขนาดย่อมๆชายหนุ่มถึงกับตาเหลือกค้างแข็งขึ้นในทันใด ยามนี้สหายตัวน้อยของเขาสองตัวอดทนกับกลิ่นหอมยั่วยวนของผลท้อที่พวกมันเคยกินเป็นประจำเอาไว้ไม่ไหว ร่างเล็กๆ สองร่างกำลังห้อยตัวลงจากกิ่งไม้ฉกฉวยเอาผลท้อมาได้สองลูก“ไอ้ลิงบ้า!! จับมันเร็ว!! มันขโมยผลท้อไปสองลูก” เสียงเอะอะดังขึ้นจากกลุ่มผู้ฝึกตนที่ควบคุมเกวียนมาเซ็งแซ่“ผลท้อเหล่านี้สกุลกัวนับจำนวนเอาไว้ถ้วนถี่ หากหายไปพวกเขาต้องเข้าใจว่าเราแอบกินแน่นอน ตามมันไป!” คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มสั่งความจบผู้ฝึกตนสามคนก็กระโจนไล่หลังลิงน้อยสองตัวไปติดๆ มู่สี่เสินถึงกับต้องถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยสหายของเขาก็ไม่ได้โง่! พวกมันได้ผลท้อไปแล้วก็ไม่ได้วิ่งกลับมาทางเดิมที่เขาแอบซ่อนตัวอยู่ แต่พวกมันวิ่งหนีไปอีกทิศทางทำให้มู่สี่เสินและลิงที่เหลือยังคงซ่อนตัวอยู่เงียบๆ ได้ดังเดิม ส
“นี่พวกเจ้าไม่คิดจะทำสิ่งอื่นนอกจากเกี้ยวพาราสีกันทุกเมื่อเชื่อวันเช่นนี้บ้างหรือไร!” เสียงหวานใสของซินหรูอี้ดังมาแต่ไกล“หรูอี้!! ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วให้พูดแต่คำหวานๆ รักษากิริยาให้สำรวมไว้หน่อยเถิด หากลูกในท้องติดนิสัยโผงผางเช่นเจ้ามาข้าคงต้องกลั้นใจตายสักวันเป็นแน่” เวยวั่งซูชักสีหน้าไม่พอใจแต่สองมือก็ประคองปกป้องร่างภรรยารักเอาไว้ราวกับไข่ในหิน“ท่านก็เลิกวุ่นวายกับชีวิตข้าเสียทีเวยวั่งซู!! ข้ามันคิดผิดจริงๆ ที่ยอมแต่งให้ท่าน ดูสิทุกวันนี้ข้าต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในแดนเหนือที่หนาวเย็นจนถึงกระดูก คลอดลูกออกมาเมื่อใดข้าจะย้ายมาอยู่กับเหยาจีที่ทางใต้เสียให้รู้แล้วรู้รอด”“ก็ข้าเป็นผู้ฝึกตนสายน้ำแข็งนี่นา ไม่อยู่กับหิมะจะให้ข้าไปอยู่ในกองเพลิงหรือไร แล้วเมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ? คลอดบุตรแล้วเจ้าจะมาอยู่ทางใต้ คิดจะทิ้งเราสองพ่อลูกไว้ทางเหนือเพียงลำพังเช่นนั้นหรือ? ฝันไปเถิด!!" “เจ้าจะหงุดหงิดอันใดนักหนาเล่าวั่งซู นางยังไม่ทันคลอดด้วยซ้ำ ข้าแนะนำให้เอง!! กลับไปแดนเหนือคราวนี้ไม่สู้เจ้าแช่แข็งนางเอาไว้เป็นไร นางจะได้ไม่หนีไปเที่ยวเล่นที่ใดได้อีก”ซินหรูอี้ใช้สองมือประคองท้องกลมโตเดินอาดๆ ม
หญิงสาวก้าวออกมายืนด้านหน้าผู้คนแทนที่อ๋าวหลวนหลง“ชัยชนะของพวกเราในครั้งนี้จะไม่สำเร็จโดยง่ายหากปราศจากพวกเขาเช่นกัน” มู่เหยาจีผายมือไปด้านขวาของนาง สายตามองไปยังสัตว์เลี้ยง 12 ตัวที่ยังรอดชีวิตอยู่“สัตว์ปราณทั้ง 12 ตัว ได้รับผลท้อไปแล้ว 5 ตัว ข้าจะไม่ลังเลเลยที่จะมอบผลท้อสวรรค์อีก 7 ผลให้กับพวกมันอย่างยุติธรรม วันใดที่มนุษย์ไม่อาจไว้วางใจกันเอง พวกท่านโปรดจำเอาไว้ว่าสัตว์ทั้ง 12 จะเป็นผู้ที่ปกป้องท่านจากภยันตรายทั้งปวง”สิ้นคำกล่าวของหญิงสาว ผีเสื้อเกล็ดแก้ว 7 ตัวก็โบยบินออกไปส่งมอบผลท้อสวรรค์ให้วานรสองตัว สุนัขจิ้งจอกสองตัว หวางผาง เต่าและปลาหมึก“ท้อสวรรค์ 7 ผลที่เหลือข้าจะให้ผีเสื้อเกล็ดแก้วเป็นผู้คัดเลือกผู้โชคดีขึ้นมาตามแบบอย่างที่เคยทำในแดนสวรรค์ และจากนี้ไปผลท้อที่สุกออกมาทั้งหมดก็จะใช้วิธีเดียวกันนี้เช่นกัน”มู่เหยาจีวาดเรียวแขนงามออกมาโบกสะบัดชายแขนเสื้อยาวกรุยกรายสยายออกเป็นวงกว้างในอากาศพร้อมกับมีร่างของผีเสื้อเกล็ดแก้วลำตัวใสกระจ่างระยิบระยับเจ็ดตัวโบยบินไปวนเวียนอยู่เหนือศีรษะกลุ่มผู้ฝึกตนที่รวมกลุ่มกันอยู่ผู้โชคดีทั้งเจ็ดคนมีทั้งอดีตเซียนที่ลงมาจากแดนสวรรค์และผู้ฝึกต
“ยามนี้บนเกาะลอยที่เหลือเพียงครึ่งไม่มีผลท้อธรรมดาที่สามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บเลยสักผล ทำอย่างไรดีพี่สี่เสิน หวางเซี่ยเจ้าต้องหยุดพักรักษาตัวก่อน เราจะหาทางกลับไปเอาผลท้อมาช่วยเจ้ากันเอง!!” หญิงสาวละล่ำละลัก หันพูดทางนั้นทีทางนี้ทีตัดสินใจทำสิ่งใดไม่ถูก“น้องสาว ผลท้อธรรมดาไม่อาจรักษาอาการบาดเจ็บของหวางเซี่ยได้หรอก ต่อให้เจ้าฝืนเด็ดผลท้อสวรรค์ที่ยังไม่สุกหยิบยื่นให้เขาก็ยังไม่อาจรักษาบาดแผลที่สาหัสนั้นได้ ปล่อยให้เขาทำสิ่งที่เขาต้องการต่อไปเถิด”“ผลท้อช่วยไม่ได้ เช่นนั้นลูกแก้วมังกรของพี่หลวนหลงก็ต้องช่วยได้สิเจ้าคะ ท่านลองส่งสารบอกผีเสื้อเกล็ดแก้วดู ให้พวกเขาพาคุณชายสี่กลับมาที่นี่ก่อน” น้ำตาสองสายไหลออกมาเต็มใบหน้างาม อ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนา“เจ้าตั้งสติให้ดีๆ อวัยวะภายในของหวางเซี่ยเสียหายรุนแรงเกินไป หาใช่ขาดแล้วเชื่อมต่อใหม่ได้เหมือนอย่างเส้นเอ็นของหลวนหลง เจ้าดูดวงตาของฝูซีสิ สิ่งที่ขาดหายไปแล้วน้ำลายมังกรไม่อาจสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้”ไม่ต้องอธิบายมากไปกว่านี้มู่เหยาจีก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงอันหนักหน่วงบนร่างกายสหายรักใต้น้ำสองพี่น้องเดินลงไปที่ชายหาดจุดเดิมที
การเคลื่อนไหวอันทรงพลังของนกอินทรียักษ์รวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาด เพียงไม่นานมันก็พาอ๋าวหลวนหลงมาพบกับกลุ่มผีเสื้อเกล็ดแก้วที่กำลังรุมล้อมรอบเกาะลอยพุ่งโจมตีไส้เดือนปีศาจยี่สิบตัวกันไม่ยั้งมือ“นั่นมัน!!” ดวงตาคมกริบของอ๋าวหลวนหลงเบิกค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ คำพูดที่กำลังจะเอ่ยออกมาก็พลันถูกกลืนลงคอไปด้วยความตื่นตะลึงชายหนุ่มขยี้ตาซ้ำๆ อีกหลายครั้งและสุดท้ายก็ต้องเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาตาไม่ฝาด ยามนี้บนต้นท้อสวรรค์มีผลท้อสีเขียวอมชมพูส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลล่องลอยไปทั่วบริเวณ“เป็นไปได้อย่างไรกัน! ท้อสวรรค์ออกผลอีกแล้ว! ฮ่าๆๆๆ ผลงานของเหยาจีนี่ดูท่าจะลูกดกดีแท้!!” กล่าวจบชายหนุ่มก็ต้องรีบจับขนหลังคอนกอินทรีตัวเขื่องเอาไว้แน่น เจ้านกยักษ์แกล้งบินลงต่ำกะทันหันด้วยความหมั่นไส้กับคำพูดที่กำกวมของมนุษย์ไร้ขนที่ขี่หลังมันอยู่“ข้าหมายถึงผลท้อ เจ้าจะขัดเคืองอันใดนักหนา!!” อ๋าวหลวนหลงเอื้อมมือไปตบหัวนกอินทรีทีหนึ่งอย่างอดไม่ได้ แต่ใบหน้าคมกลับแดงก่ำที่ถูกจับได้ว่าแอบคิดนอกลู่นอกทางในยามคับขัน“พวกเขาจัดการเจ้าหนอนเหล่านี้ได้แน่นอน เราต้องไปช่วยทางนั้น” อ๋าวหลวนหลงชี้มือไปยังบริเวณชายหาดเพิกเฉยกับการต
“ข้ายังมีพลังอ่อนด้อยเกินไป ไม่สามารถติดต่อกับผีเสื้อเกล็ดแก้วที่อยู่ทางใต้ไม่ได้ แต่การที่หวางเซี่ยและคู่ของมันลุกขึ้นมาสู้สุดใจเช่นนี้อาจเกิดเรื่องกับทางหลวนหลง” ฝูซีเอ่ยปากอย่างร้อนรน“คุณชายสี่อยู่ทางนั้นเพียงลำพังหรือเจ้าคะ” มู่เหยาจีก็เพิ่งรู้ว่าอ๋าวหลวนหลงไม่ได้อยู่ร่วมการต่อสู้ทางชายหาดบริเวณนี้“ใช่ เขาต้องรีบผนึกรอยแยกใต้ทะเล ทางนี้พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะปล่อยให้พวกมันขึ้นมาบริเวณน้ำตื้นเพื่อจัดการมันได้ง่ายหน่อย แต่จะไม่ยอมปล่อยให้มันขึ้นฝั่ง การที่หวางเซี่ยพาเกาะลอยกลับลงทะเลลึกอยู่นอกเหนือจากที่เราตกลงกันไว้”“เช่นนั้นข้าจะส่งนกอินทรีออกไปสืบข่าว” ต้าโหวจื้อกระโดดลงจากหลังนกอินทรี แล้วปล่อยให้นกยักษ์บินกลับไปเพียงลำพังเพราะตัวเขายังมีประโยชน์ในการสู้รบกับกลุ่มปีศาจมากมายที่มารวมตัวกันบริเวณนี้ไม่มีเวลาให้ทุกคนได้ไตร่ตรองสิ่งใดต่อไป สัตว์ปีศาจที่เล็ดลอดออกจากรอยแยกใต้ทะเลรวมกับกลุ่มที่หลอกล่อให้มนุษย์หลงไปผิดทางก็มีไม่น้อย พวกเขายังไม่สามารถจัดการมันได้ทั้งหมดหากปราศจากความช่วยเหลือจากผีเสื้อเกล็ดแก้วที่แข็งแกร่งทั้งหกพันตัวอินทรียักษ์บินเลยผ่านหวางเซี่ยที่เคลื่อนตัวไปได้
เมื่อเห็นหวางเซี่ยพยายามชิงพื้นที่การควบคุมเกาะลอยใต้น้ำไว้อย่างยากลำบาก ผู้ฝึกตนระดับสูงทั้งหกคนก็มุ่งเข้ามาช่วยเหลือปูยักษ์สองสามีภรรยาโดยพร้อมเพรียงกัน“เหยาจี!! เป็นอย่างไรบ้าง” มู่สี่เสินทะยานขึ้นไปบนเกาะไปหาน้องสาวเป็นคนแรก“พี่สี่เสินข้าปลอดภัย พวกมันกำลังพยายามจะขึ้นไปบนฝั่งเจ้าค่ะ”“ฝูซีก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้วเช่นกัน เราจะไม่ยอมให้พวกมันเอาต้นท้อสวรรค์กลับลงไปยังแดนปีศาจได้สำเร็จแน่นอน”“พวกเราต้องช่วยหวางเซี่ย ไส้เดือนปีศาจเหล่านั้นแข็งแกร่งมากอีกไม่นานหวางเซี่ยอาจจะทนต่อไปไม่ไหวเจ้าค่ะ”หญิงสาวสงสารและเป็นห่วงปูยักษ์จับใจ ขาทั้งแปดของหวางเซี่ยขยับเขยื้อนได้เพียงเล็กน้อย ความสามารถในการป้องกันตัวแทบจะเป็นศูนย์ แต่โชคดีที่มันมีร่างกายใหญ่โตกว่าไส้เดือนตาบอดเหล่านั้นจึงยังใช้กระดองดันไส้เดือนปีศาจให้อยู่รอบนอกโดยมันควบคุมพื้นที่ใต้เกาะลอยส่วนใหญ่เอาไว้ได้พอดิบพอดีมู่สี่เสินคว้ามือของน้องสาวย่อตัวลงเล็กน้อยและออกแรงกระโดดขึ้นไปอยู่บนร่างของวานรทั้งสองตัวเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้กับปีศาจไส้เดือนที่กำลังพยายามยึดเอาเกาะลอยกลับคืนมาจากหวางเซี่ย……….รอยแยกใต้ทะเลลึกผีเสื้อเกล็ดแก้
ทางด้านบนนกอินทรีสองตัวก็ได้ยินคำสั่งของมู่สี่เสินแล้วเช่นกัน พวกมันส่งเสียงร้องเรียกสมาชิกสัตว์ปีกในบริเวณใกล้เคียงออกมาทั้งหมดฝูงนกจำนวนมหาศาลไม่ว่าเล็กหรือใหญ่คาบก้อนหินไว้ในปากแล้วทิ้งลงไปในน้ำเป็นการเปิดฉากการต่อสู้และสกัดกั้นให้ปีศาจเคลื่อนตัวได้ช้าลง หวางเซี่ยและคู่พามนุษย์เต็มแผ่นหลังแหวกว่ายขึ้นสู่ชายฝั่งทางทิศตะวันออกได้ก่อนที่ศัตรูจะฝ่าฝนหินขึ้นสู่ชายหาดได้ทันเวลา มันสองสามีภรรยาหันหลังให้กับท้องทะเลใช้กระดองอันใหญ่โตปกป้องผู้ฝึกตนให้รอดพ้นจากหนามแหลมคมที่สลัดออกมาจากสัตว์ปีศาจคล้ายเม่น“สร้างแนวป้องกันไว้อย่าให้พวกมันขึ้นมาได้!!""โจมตี!!”“โจมตี!!”"กี้ดดดด!!!เสียงกรีดร้องจากสัตว์ปีศาจดังระงมขึ้นมาในชั่วพริบตา พวกมันเป็นเป้าหมายที่ถูกโจมตีทั้งในน้ำบนบกและทางอากาศพร้อมกันในขณะที่ยังตั้งตัวไม่ทัน“กี้ดๆๆๆๆๆ!!!”“พวกมันกำลังส่งสัญญาณถึงกัน อีกไม่นานพวกมันจะมุ่งหน้ามาทางนี้เพิ่มขึ้น จัดการพวกที่อยู่ตรงนี้ให้เร็วที่สุด!!”แม้อ๋าวหลวนหลงจะสั่งเอาไว้ว่าให้พวกเขารอจนกว่าเขาและผีเสื้อเกล็ดแก้วจะมาถึง แต่สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทำให้ฝูซีจำต้องขัดคำสั่ง เขาจะปล่อยให้ปีศาจเหล่านี้ขึ้
ต้าโหวจื้อขึ้นขี่หลังนกอินทรีและออกไปสำรวจเส้นทางเบื้องหน้า ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามนกอินทรีก็บินโฉบมาที่เรือของฝูซีเพื่อรายงานข่าว“พวกมันไม่ได้มุ่งหน้าไปกลางมหาสมุทร แต่กำลังอ้อมไปขึ้นฝั่งอีกด้านหนึ่งทางตะวันออก” “มันกำลังล่อเราให้มุ่งหน้าไปผิดทาง!!” เวยวั่งซูเข้าใจได้ในทันที กลุ่มสัตว์ปีศาจที่ออกจากรอยแยกก้นทะเลทำทีว่าพวกมันต้องการติดตามต้นท้อสวรรค์ไปจนแทบจะไม่สนใจเข้าร่วมการต่อสู้กับกลุ่มมนุษย์ ที่แท้สัตว์ปีศาจไส้เดือนมีเกล็ดกลับแยกออกไปอีกทางหนึ่งเพื่อหาทางนำต้นท้อสวรรค์ขึ้นบก“พวกมันดึงต้นท้อผ่านรอยแยกใต้ทะเลไปแดนปีศาจไม่ได้จึงต้องหาทางกลับเข้าฝั่ง” ฝูซีประเมินความคิดของศัตรูได้อย่างแม่นยำ“ต้าโหวจื้อ! เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าไม่มีรอยแยกบนแผ่นดินเพิ่มขึ้นมาอีก”“วางใจได้ข้าสำรวจอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว ที่พวกมันไม่ส่งสัตว์ปีศาจออกมาจากรอยแยกบนแผ่นดินเพิ่มก็เพื่อลวงเราให้คลายการป้องกันเป็นแน่”“เราจะทิ้งกำลังคนส่วนหนึ่งแสร้งลอยเรือไล่ตามพวกมันไปดังเดิม ส่วนสัตว์ทุกตัวก็ให้ซ่อนกำลังคนส่วนใหญ่กลับเข้าฝั่ง” ฝูซีออกคำสั่ง“พวกเราจะกลับไปป้องกันรอยแยกทั้งสองแห่งเอาไว้ใช่หรือไม่ฝูซี” ซินหรูอี้กั
อ๋าวหลวนหลงเดินตามฝูซีและกลุ่มพี่น้องเข้ามาในเรือนด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำไม่เป็นส่ำ เมื่อเข้ามาด้านในก็พบร่างของมู่สี่เสินกำลังก้มหน้านิ่งสีหน้าเคร่งเครียด เวยวั่งซูและซินหรูอี้ประกบอยู่ข้างกายเขาและกำลังพูดคุยกันเสียงเบาคล้ายกำลังปลอบประโลมอีกฝ่ายอยู่ก้อนโทสะและความหวาดกลัวอันแน่นไปทั่วร่างของชายหนุ่ม คาดเดาการหายไปของเกาะลอยบางส่วนได้อย่างรวดเร็ว“คนที่ได้กินผลท้อสวรรค์ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่ยกเว้นมู่เหยาจี!!” อ๋าวหลวนหลงกัดกรามเอาไว้แน่น จ้องมองไปที่ดวงตาของมู่สี่เสินไม่กะพริบ หากมู่สี่เสินมีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว เขาก็พร้อมจะระเบิดอารมณ์ออกมาไม่ยั้งเช่นกัน!!ลมหายใจของอ๋าวหลวนหลงขาดห้วงไปนานหลายอึดใจ และในที่สุดมู่สี่เสินก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาดีเหลือเกิน!! แววตาของมู่สี่เสินมีเพียงความโกรธแค้นและทุกข์ใจหาได้มีน้ำตาไหลออกมาเฉกเช่นคนที่สูญเสีย!!อ๋าวหลวนหลงถึงกับพรั่งพรูลมหายใจออกมายาวเหยียด หัวใจที่แขวนเอาไว้สูงเมื่อครู่ค่อยๆ ลดลงมาถึงระดับปกติ แต่สีหน้ายังคงมีความกังวลใจอยู่ไม่น้อย“ข้าพร้อมแล้วฝูซี เล่ามา!!”ฝูซีเล่าเหตุการณ์ในช่วงสี่วันที่อ๋าวหลวนหลงหลับไม่ได้สติออกมาช้าๆ