“อย่าหยุดเดิน! อย่าสนใจเขาน้องห้า! หากพวกนั้นรู้ว่าพี่รองเป็นคนสกุลอ๋าวคงจะเล่นงานพี่รองหนักกว่านี้เป็นแน่"คำกล่าวของอ๋าวหลวนหลงนั้นรวดเร็วพอที่จะห้ามไม่ให้อ๋าวหลวนหย่งหันกลับไปทัน แต่พวกฉีอันเฉิงก็ไม่ได้โง่! วันที่หลวนหลงยืนรอรับผลท้อจากมหาเทพมู่ซี เรื่องราววิชาการฝึกฝนของเขาก็ถูกนำออกมาพูดคุยกันเป็นวงกว้างและรู้ว่าเขาอยู่ในสายเทพมังกรน้ำ แล้วเซียนที่ลงมาแดนมนุษย์ก็มักจะจุติใหม่ในตระกูลหรือกลับกลายเป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับสายการฝึกฝนนั้นๆ อยู่แล้ว เซียนสายเทพมังกรมีเพียงหลวนหลงผู้เดียวเท่านั้นที่อาสาลงมายังแดนมนุษย์!!“อ้อ เจ้ารู้จักมังกรน้ำด้วยเช่นนั้นหรือ แล้วรู้จักมังกรประเภทอื่นๆ ด้วยหรือไม่เล่า?” คำถามของฉีอันเฉิงแม้จะคล้ายว่ากำลังซักถามหลี่หมิงเจ๋อ แต่สายตาของคนทั้งห้ากลับมองตามร่างของอ๋าวหลวนหลงไปด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาดจนอ๋าวหลวนตงในคราบหลี่หมิงเจ๋อสะดุ้งในใจ คิดว่าตนคงกล่าวอะไรผิดไปแล้วเป็นแน่ ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างผุดขึ้นในใจของชายหนุ่ม ร่างที่ผ่ายผอมลงถนัดตาของอ๋าวหลวนตงสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม ไม่กล้าแม้กระทั่งจะอ้าปากตอบคำ“โครม!!” ฉีอันเฉิงถีบเข้าไปที่หน้าอกของ
จวนตระกูลอ๋าวเมืองหลงเทียน“การรักษาของท่านหมอที่นี่ ห่วยแตกพอๆ กันกับความสามารถในเชิงยุทธ์เลยทีเดียว ข้าต้องพาคุณชายสี่เดินทางไปที่เมืองหยุนไห่”คุณชายสามอ่าวหลวนกังได้ยินคำสบถของฝูซีแล้วก็หน้าเสีย ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ฝูซีมาจากสถานที่ใดกัน ท่านหมอที่เขาเชิญมารักษาอาการของหลวนหลงก็เป็นหมอมือดีที่สุดในเมืองหลงเทียนแห่งนี้แล้วไม่รู้ว่าจะหาท่านหมอจากที่ใดมาได้อีก“นั่นน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้แล้วล่ะฝูซี ท่านหมอรักษาอาการบอบช้ำทางร่างกายได้ก็จริงแต่การบาดเจ็บจากพลังปราณมันใช้เวลานานเกินไป” ผังหนงสนับสนุนอีกเสียง“ที่พวกท่านกล่าวหมายความว่าอย่างไร ที่เมืองหยุนไห่มีท่านหมอที่รักษาอาการบาดเจ็บจากพลังปราณได้รวดเร็วเช่นนั้นหรือขอรับ ให้ข้าไปตามหาแล้วเชิญท่านหมอมาที่นี่ก็ได้ เรายังมีผู้ฝึกตนที่บาดเจ็บต้องพักรักษาตัวยาวนานอยู่อีกตั้งมาก”“เชิญมาไม่ได้ คนผู้นั้นเรายังไม่รู้ว่าจะตามหาพบหรือไม่ คุณชายสามจำได้หรือไม่ว่าเวยวั่งซูกับซินหรูอี้เดินทางไปเมืองหยุนไห่ด้วยเรื่องอะไร”“ผลท้อ? ท่านคิดว่าผลท้อจะรักษาอาการบาดเจ็บได้รวดเร็วกว่าการรักษาของท่านหมอเช่นนั้นหรือ” “ข่าวที่เราได้ยินมาเป็น
เกาะลอย “เหยาจี ข้าทำสำเร็จแล้ว!”มู่เหยาจีได้ยินเสียงของมู่สี่เสินตะโกนเข้ามาในเรือนพักของนางตั้งแต่ตัวคนยังมาไม่ถึง หญิงสาวรีบลุกออกจากสมาธิเปิดประตูออกจากห้องมาหาพี่ชายของนางทันที“พี่สี่เสินท่านเก่งที่สุดเลย อย่างนี้ท่านก็สามารถติดต่อกับสัตว์ที่ลงมาจากแดนสวรรค์ได้แล้วสิเจ้าคะ”“ใช่ข้าได้พูดคุยกับสหายของเจ้าที่ลงมาจากแดนสวรรค์แล้วด้วย”ข่าวนี้ทำให้หัวใจของหญิงสาวแทบระเบิดออกมานอกอก นางคิดไม่ผิดที่ว่าปลาหมึกยักษ์ตัวนั้นจะเป็นสหายของนาง แต่นางยังไม่รู้ว่าเหตุใดพวกมันจึงไม่พูดคุยหรือตอบโต้กับนางเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา“พวกมันทุกตัวปลอดภัยดีใช่หรือไม่เจ้าคะ” หญิงสาวถามเสียงสั่น สัตว์เลี้ยงของนางมีตัวอะไรบ้างนางจำได้ไม่หมด แต่ที่แน่ๆ มันไม่ได้มีเฉพาะปลาหมึกเท่านั้น“เหยาจี พวกมันบางตัวลงมายังแดนมนุษย์ก่อนเราสองพันกว่าปีเชียวนะ” มู่สี่เสินส่ายหน้าแทนคำตอบ“เท่าที่ข้าถามความจากปูยักษ์ที่อาศัยอยู่บนแดนมนุษย์มานานที่สุด มันบอกว่ามีสหายของพวกมันที่เป็นสัตว์น้ำ ล้มตายกันไปไม่น้อยแล้ว เท่าที่มันรู้และยังรวมกลุ่มกันอยู่เวลานี้มีทั้งหมด 9 ตัว เป็นปู ปลาหมึก หอย ปลาและเต่า"“เก้าตัว!!” มู่เหยาจีไ
“หวางเซี่ย!! เจ้ากระจายข่าวบอกพี่น้องของเจ้าทุกตัวได้หรือไม่ เราต้องคุ้มกันเกาะลอยให้แน่นหนา เจ้าเองก็ต้องเคลื่อนตัวออกห่างจากแผ่นดินใหญ่ได้แล้ว” มู่เหยาจีตะโกนออกคำสั่งทันทีแน่นอนว่าคำกล่าวของมู่เหยาจีเจ้าปูยักษ์และสัตว์เลี้ยงของนางที่อยู่รอบเกาะย่อมได้ยินชัดเจน แต่การสื่อสารตอบกลับของอีกฝ่ายก็ยังต้องพึ่งพามู่สี่เสิน“เวลานี้สัตว์จากแดนสวรรค์มีปลาหมึก 3 ตัวและปูอีก 2 ตัว ส่วนสัตว์อื่นอีก 4 ตัวอยู่ไกลเกินไปพวกเขาไม่รู้สถานที่หลบซ่อนของพวกมัน แต่หวางเซี่ยสามารถขอความช่วยเหลือจากฝูงปลาให้ออกไปตามหาที่พวกเหลือและส่งข่าวให้พวกมันได้" “ห้าตัว น้อยเกินไปหรือไม่เจ้าคะพี่สี่เสิน เราไม่รู้ว่าจะมีผู้ฝึกตนมาที่นี่มากมายเพียงใด อีกอย่างพวกเขาแข็งแกร่งในระดับไหนแล้วก็ไม่รู้”มู่สี่เสินหยุดรอฟังคำตอบจากหวางเซี่ยครู่หนึ่งแล้วจึงมาถ่ายทอดให้กับน้องสาวอีกครั้ง"ตั้งแต่อดีตจนถึงเวลานี้หวางเซี่ยไม่เคยพบเจอผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งมาก่อน พวกผู้ฝึกตนระดับต่ำก็ไม่ได้เข้ามารุกรานเกาะลอยนานมากแล้ว มันเลยไม่แน่ใจเช่นกันว่าผู้ฝึกตนในยุคใหม่จะแข็งแกร่งเพียงใด แต่หวางเซี่ยจะตามฝูงปลาขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ มาคุ้มกันเก
“มารดามันเถิด!! พวกเจ้าเห็นอย่างที่ข้าเห็นหรือไม่”“เห็น ข้าเห็นเต็มสองลูกตาเลย” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งแหงนหน้าอ้าปากค้างแบบเดียวกับคนอื่นอีกหลายคน ยืนมองฝูงนกที่คาบเอาผลท้อมาหย่อนใส่ปากปลาขนาดใหญ่จำนวนมากที่ลอยคอขึ้นมาอ้าปากรอกันสลอน“ผลท้อหายากจนมีราคาสูงลิบแล้วดูคนบนเกาะลอยทำสิ! พวกเขาเทมันให้สัตว์น้ำกินกันทีเป็นตะกร้าเลยทีเดียวนะ!” ชายหนุ่มอีกคนแอบกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างฝืดเฝื่อน “บนเกาะลอยมีผลท้อมากมายเพียงใดกัน พวกเขาถึงทำเช่นนั้นได้ พวกเราอย่ารอช้าอีกเลยข้าทนเห็นผลท้อหมดไปอย่างไร้ประโยชน์เช่นนี้ไม่ไหวแล้ว!!”เสียงอุทานและก่นด่าดังระงมออกมาจากเรือหลายลำ แต่ผู้ฝึกตนระดับสูงที่อยู่บนเรือแต่ละลำกลับมองหน้ากันไปมาอย่างเข้าอกเข้าใจ“บนเกาะลอยนั่นข้าคิดว่าเป็นเซียนน้อยเหยาจีแน่แล้ว บนแผ่นดินใหญ่ไม่มีต้นท้อเลยสักต้นแล้วอยู่ดีๆ มันก็โผล่มา ไม่ใช่นางแล้วจะเป็นใคร!”“หากเป็นเซียนน้อยเหยาจีจริง แล้วเรื่องคำสาบานที่เราเคยให้ไว้แก่มหาเทพมู่ซีเล่า? การตัดสินใจเรื่องต้นท้อที่เซียนน้อยเอาลงมาจากแดนสวรรค์ขึ้นอยู่กับหลวนหลงเพียงผู้เดียวเท่านั้นนะ”“นั่นไม่ใช่กลิ่นของท้อสวรรค์สักหน่อย พวกเราให้คำสาบานว่าห
เกาะลอย“พี่สี่เสิน ข้าว่าตาข้าไม่ฝาดนะ ท่านช่วยบอกข้าหน่อยเถิดว่าคนเหล่านั้นใช่ท่านเซียนที่เคยอยู่บนแดนสวรรค์ใช่หรือไม่”“ข้าเห็นแล้วเหยาจี จะบังเอิญมีมนุษย์หน้าเหมือนกันกับท่านเซียนเป็นร้อยคนพอดิบพอดีเชียวหรือ? แต่ว่าหากเป็นท่านเซียนลงมาตามเมล็ดพันธุ์ท้อสวรรค์จากเจ้าจริงๆ พวกเขาทำไมถึงอ่อนแอกันนักเล่า? สัตว์เหล่านั้นไม่มีพลังปราณนะ”“พี่สี่เสินข้ากลัว.. ข้าไม่ได้ตั้งใจเอามันลงมาจริงๆ นะเจ้าคะ พวกเขาก็งกเหลือเกินเมล็ดพันธุ์ท้อสวรรค์ปลูกได้ง่ายเมื่อใดกันเล่า! ยังคิดจะมาตามทวงคืนกันอีก”“เหยาจี พวกเขาจะใช่หรือแค่หน้าเหมือนเราก็ยังไม่รู้ชัด อีกอย่างพวกเขาก็ยังเข้ามาไม่ถึงเกาะลอยนี่ ใจเย็นลงก่อน”“สหายข้าอ่อนล้าเต็มที่แล้ว หากยังมีคนมาไม่หยุดเช่นนี้ต่อไปข้าว่าพวกเขาอาจจะต้านทานเอาไว้ไม่อยู่ เราจะทำอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่เจ้าคะ”“เดี๋ยวนะเหยาจี เจ้าดูนั่น!!”“นั่นพวกเขา..”สองพี่น้องรวมทั้งชาวบ้านที่เฝ้าดูสถานการณ์การต่อสู้จากบนเกาะลอยอยู่ตลอด ได้เห็นกลุ่มเรือกลุ่มหนึ่งเริ่มโจมตีพวกเดียวกันเอง อาวุธและพลังถูกนำออกมาใช้ในการปกป้องสัตว์ทะเลซึ่งควรจะเป็นศัตรูของพวกเขา เดิมทีการต่อสู้ระหว่า
ต้าโหวจื้อและอดีตเซียนคนอื่นๆ ก็ได้ข่าวสารใหม่มาเช่นกัน “เหลาอีโจวตั้งใจจะบีบสกุลอ๋าวไว้ตรงกลาง แล้วเริ่มลงมือทางทิศตะวันออกกับตะวันตกที่อ่อนแอก่อน ฉลาดนัก!!”“แล้วสำนักต้าซิงของพวกเราเล่าเวลานี้จะถูกกำจัดไปแล้วหรือไม่!! เราต้องรีบกลับสำนักกันเดี๋ยวนี้นะโหวจื้อ” “ไม่จำเป็น ก่อนมาที่นี่ข้าสั่งทางนั้นเอาไว้แล้วว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันให้พวกเราย้ายมาเข้าร่วมกับหลวนหลง เหลาอีโจวมันบ้าระห่ำเกินไป”คนอื่นๆ ที่ได้ยินต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย เหลาอีโจวไม่ใช่เพียงบ้าดีเดือด แต่เขาโหดร้ายเกินไป การต่อสู้เพื่อสร้างอาณาจักร สกุลเหลาลงมืออย่างโหดเหี้ยมไม่เว้นแม้แต่อดีตเซียนซึ่งเคยเป็นสหายอยู่บนแดนสวรรค์ด้วยกัน ผู้ใดที่ขัดขวางเขา เขาก็สังหารไม่เลือกหน้า“แต่เวลานี้สกุลอ๋าวมีตระกูลใหญ่ที่เข้าร่วมเพียงห้าตระกูล อีกฝ่ายมีถึงเก้าตระกูล แม้สำนักเล็กๆ ที่แตกพ่ายมาจะย้ายเข้ามาอยู่กับหลวนหลงก็คงไม่ได้มากันทั้งหมด ตระกูลอ๋าวยังเป็นรองอยู่ หากเราเลือกข้างผิดก็มีแต่ตายกับตาย”“เราเลือกไม่ได้แล้ว เจ้าไม่ได้ยินหรือเวลานี้ตระกูลอ๋าวตรึงกำลังทางภาคกลางครอบคลุมมาถึงทางใต้ หากเราคิดจะย้อนกลับไปหาเหลาอีโจว พวกเขา
เรือสามลำที่มีเรือของอ๋าวหลวนหลงอยู่ตรงกลางแล่นมาถึงบริเวณรอบเกาะลอยแล้วก็หยุดค้างอยู่ตรงนั้นแน่นิ่งทุกสายตาจ้องมองไปยังฝูซีที่ยืนกำหมัดแน่นใบหน้าเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงคล้ายกับกำลังมีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำอยู่ในร่างกายที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อด้วยความงุนงง“ท่านอาฝูซี ท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่” หูกุ้ยเอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อของอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อเรียกสติของอีกฝ่าย“บัดซบ!! เหลวไหลสิ้นดี!! กล้าหาญกันเหลือเกิน!!” ฝูซีระเบิดเสียงออกมาเป็นชุดทำให้หูกุ้ยต้องกระโดดถอยหลังห่างออกมาหลายก้าว“ข้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ข้าก็แค่อยากจะถามว่าเราต้องทำอะไรกันต่อแค่นั้น” หูกุ้ยแทบจะร้องไห้ เขาแค่สะกิดเบาๆ จริงๆนะ“ข้าไม่ได้ว่าเจ้าอากุ้ย!! ข้ากำลังตำหนิพวกมันอยู่ต่างหากเล่า!!” ฝูซียังคงชี้ไม้ชี้มือก่นด่าไม่หยุดปากผู้ฝึกตนจากเรืออีสองลำด้านข้างมองไปยังผืนน้ำว่างเปล่าที่มีคลื่นเบาๆ เป็นระลอกด้วยความสับสนงุนงง ยามนี้พวกเขาไม่เห็นปลาหมึกยักษ์ ปลาหรือนกสักตัวก็ยังหายหัวไปราวกับพวกมันไม่เคยมีอยู่มาก่อนด้วยความสงสัย แล้วฝูซีกำลังพร่ำบ่นผู้ใดกันอยู่แน่?“เหยาจี! สี่เสิน! คอยดูเถิดข้าจะจับเจ้าสองคนมาตีให้ก้นลายเลยท
เมื่อถึงทางแยกขบวนบรรทุกผลท้อก็แยกออกเป็นสองกลุ่มตรงกับที่มู่สี่เสินคิดเอาไว้ไม่มีผิด กลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนน้อยกว่ามุ่งหน้าไปยังทิศทางแรกที่คนสกุลกัวขี่ม้าไปทางนั้น ส่วนอีกกลุ่มที่มีจำนวนผลท้อมากมายกลับแยกตัวไปยังอีกทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นเส้นทางที่ต้องผ่านผืนป่าขนาดย่อมๆชายหนุ่มถึงกับตาเหลือกค้างแข็งขึ้นในทันใด ยามนี้สหายตัวน้อยของเขาสองตัวอดทนกับกลิ่นหอมยั่วยวนของผลท้อที่พวกมันเคยกินเป็นประจำเอาไว้ไม่ไหว ร่างเล็กๆ สองร่างกำลังห้อยตัวลงจากกิ่งไม้ฉกฉวยเอาผลท้อมาได้สองลูก“ไอ้ลิงบ้า!! จับมันเร็ว!! มันขโมยผลท้อไปสองลูก” เสียงเอะอะดังขึ้นจากกลุ่มผู้ฝึกตนที่ควบคุมเกวียนมาเซ็งแซ่“ผลท้อเหล่านี้สกุลกัวนับจำนวนเอาไว้ถ้วนถี่ หากหายไปพวกเขาต้องเข้าใจว่าเราแอบกินแน่นอน ตามมันไป!” คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มสั่งความจบผู้ฝึกตนสามคนก็กระโจนไล่หลังลิงน้อยสองตัวไปติดๆ มู่สี่เสินถึงกับต้องถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยสหายของเขาก็ไม่ได้โง่! พวกมันได้ผลท้อไปแล้วก็ไม่ได้วิ่งกลับมาทางเดิมที่เขาแอบซ่อนตัวอยู่ แต่พวกมันวิ่งหนีไปอีกทิศทางทำให้มู่สี่เสินและลิงที่เหลือยังคงซ่อนตัวอยู่เงียบๆ ได้ดังเดิม ส
7 เดือนถัดมากลางหุบเขาลึกฝั่งตะวันตกยามนี้มู่สี่เสินอาศัยอยู่กลางหุบเขาลึกลับทางฝั่งตะวันตก สถานที่แห่งนี้หากมองจากภายนอกก็เหมือนเป็นเทือกสูงชันขนาดใหญ่มหึมาธรรมดาที่มีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยอยู่ทั่วไป ด้วยความสูงของภูเขาและช่องทางเข้าลึกลับซับซ้อนขนาดเล็กจึงไม่เคยมีผู้ใดเคยเข้าไปสำรวจลึกเข้าไปถึงด้านในว่ามีพื้นที่กว้างขวางกลางหุบเขาซุกซ่อนอยู่“ข้าต้องกลับไปที่เมืองหลงเทียนแล้วล่ะ ป่านนี้ฝูซีคงตามหาข้าจนวุ่นวายแล้วกระมัง เรื่องของพวกเจ้าให้ข้าถามความเห็นจากฝูซีก่อนแล้วข้าจะพาคนกลับมารับพวกเจ้าไปหาเหยาจีเอง” มู่สี่เสินเงยหน้าขึ้นฟ้าพูดคุยกับสหายใหม่ของเขาที่นั่งเรียงกันหน้าสลอนล้อมรอบร่างเล็กจิ๋วเอาไว้เขาติดตามฝูงลิงตัวน้อยจนมาถึงหุบเขาลึกลับแห่งนี้เมื่อหลายเดือนก่อน และได้พบสหายรุ่นหลังของน้องสาวอีกสิบกว่าชีวิตรวมทั้งพวกมันยังให้กำเนิดลูกหลานมากมายอาศัยกันอยู่ในหุบเขาแห่งนี้“เจ้าว่าอะไรนะ? จะทำลายภูเขาออกไปเช่นนั้นหรือ? พวกเจ้าอย่ามาพูดดีอยู่เลย หากพวกเจ้ากล้าหาญกว่านี้ก็คงออกไปเสียนานแล้วสินะ! เจ้าจะไปหาเหยาจีพร้อมกับข้าตอนนี้เลยไหมเล่า!!” มู่สี่เสินค้อนเจ้าวานรร่างใหญ่ด้วยความหมั่นไ
“อากุ้ย ฝูซีไปไหน?” อ๋าวหลวนหลงถามกับบ่าวรับใช้หนุ่มทันทีที่แยกตัวออกมาจากฮูหยินผู้เฒ่ากัว“มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณชายมู่ขอรับ เขาหายไปจากสกุลอ๋าวราวเดือนเศษได้แล้ว ท่านอาฝูก็พยายามออกไปค้นหาอยู่ทุกวันแต่ยังไม่พบ” เสียงสูดหายใจเข้าปอดลึกยาวของอ๋าวหลวนหลงดังขึ้นพร้อมกับเท้าก็หยุดเคลื่อนที่ไปด้วย “ข้าคิดว่าสี่เสินอยู่กับฝูซีเสียอีก..หายไป? หายไปได้อย่างไรกัน” คำถามนี้อ๋าวหลวนหลงไม่ได้ตั้งใจเอาคำตอบจากหูกุ้ยเท่าใดนัก เพราะเขารู้ดีว่าหากมู่สี่เสินไม่ได้บอกกล่าวกับฝูซีก็ไม่มีผู้ใดในจวนสกุลอ๋าวจะรับรู้ได้แล้ว“หายไปเฉยๆ เลยขอรับ ไม่มีวี่แววอันใดเลย ท่านอาฝูก็ร้อนใจไม่แพ้ท่านเช่นกัน เขาส่งข่าวไปยังกำลังพลตระกูลอ๋าวทั่วทุกพื้นที่แล้ว เวลานี้ก็ยังรอคำตอบอยู่ขอรับ”ใบหน้างามของมู่เหยาจีปรากฏขึ้นมาในห้วงความคิดของอ๋าวหลวนหลงทันใด หากนางรู้ว่าพี่ชายของนางหายตัวไปมู่เหยาจีจะห่วงกังวลเพียงใดกันนะ! แค่คิดอ๋าวหลวนหลงก็รู้สึกปวดใจแทนอีกฝ่ายไปแล้ว“แล้วสถานการณ์ทางฝ่ายเราร้ายแรงเพียงใด เวลานี้พี่ใหญ่อยู่ที่ไหน?”“เป็นเพราะผลท้อสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้รวดเร็วกว่าอีกฝ่ายทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้นา
แนวเทือกเขาเขตพื้นที่ของตระกูลอ๋าว“พวกเจ้าดูข้าให้ดีนะ” มู่สี่เสินหันไปคุยกับลิงน้อยจากเกาะลอยที่แอบลงเรือติดตามเขามายังแผ่นดินใหญ่ชายหนุ่มเริ่มต้นฝึกฝนวิชายุทธ์และก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะลอยมู่สี่เสินได้พยายามอย่างเต็มที่ในการสะสมพลังปราณไว้ในร่างกาย กอปรกับผลท้อที่เขากินเข้าไปทุกวันก็มีส่วนช่วยให้เขาประสบความสำเร็จได้รวดเร็วกว่าปกติมู่สี่เสินกำหนดพลังปราณไปที่ต้นไม้ขนาดเล็กต้นหนึ่ง พลังไร้รูปแฝงไอสีเหลืองอำพันวิ่งผ่านสายตาลิงน้อยนับสิบไปอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็เกิดเสียงดังสนั่นต้นไม้ที่เป็นเป้าหมายลำต้นแตกกระจุยขาดครึ่งต้นในชั่วพริบตา“เจี๊ยกๆๆๆๆๆๆๆ”“ฮ่าๆๆๆ ข้าเก่งใช่ไหมเล่าลิงน้อย มาๆ เดี๋ยวข้าจะแสดงให้พวกเจ้าดูอีกสักสองสามกระบวนท่าเป็นอย่างไร"กลุ่มลิงน้อยสิบเอ็ดตัวกระโดดมาขี่คอและปีนป่ายร่างกายของมนุษย์ตัวสูงด้วยความยินดี ส่งเสียงร้องกันระงมจนมู่สี่เสินต้องเอ่ยปากตักเตือน“พวกเจ้าเบาๆ หน่อยสิ ที่นี่เป็นบ้านผู้อื่นนะไม่ใช่เกาะลอย ห้ามพวกเจ้าดื้อซนเด็ดขาดไม่เช่นนั้นครั้งหน้าข้าจะจับพวกเจ้าขังกรงแล้วส่งกลับไปอยู่กับเหยาจีตามเดิม”จู่ๆ ลิง
“คุณชายสี่ ท่านพาแม่นางซินกลับไปด้วยจะดีกว่าเจ้าค่ะ” อ๋าวหลวนหลงถอนหายใจยาวเหยียดออกมาปั้นหน้าบึ้งตึงอีกครั้ง เมื่อครู่เขาเห็นนางกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา ยังคิดว่ามู่เหยาจีจะมาร่ำลาตนด้วยความเป็นห่วง ที่ไหนได้นางกลับมาพูดเรื่องของผู้อื่น“นางทำอะไรให้เจ้าลำบากใจหรือไร ที่นี่ไม่มีสี่เสิน ไม่มีข้า มีนางอยู่ข้าวางใจกว่านะ”“สัตว์เลี้ยงของข้ามาถึงที่นี่ครบเก้าตัวแล้วเจ้าค่ะ พวกมันปรากฏกายให้ข้าเห็นแล้ว เต่า ปลาและหอยมีขนาดใหญ่พอๆ กับปลาหมึกทั้งสามตัวเลยข้าว่าคงไม่มีใครเข้ามาที่นี่ได้ง่ายเป็นแน่ แม่นางซินไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอันใดให้ข้าแต่นางอาจจะเสียใจหากไม่ได้กลับไปพร้อมกับท่านนะเจ้าคะ”“ต่อให้สัตว์เลี้ยงของเจ้าจะปกป้องเกาะลอยเอาไว้ได้ แต่น้องสาวสองคนของข้าก็อยู่ที่นี่ ให้ซินหรูอี้ช่วยสั่งสอนนางไปพลางๆ อยู่นี่นั่นล่ะดีแล้ว”มู่เหยาจีกัดริมฝีปากตัวเองจนแดงก่ำ ต่อให้นางยังไม่รู้เรื่องระหว่างหญิงชายมากนักแต่ใช่ว่าจะไร้เดียงสาไปเสียทีเดียว บนเกาะมีคู่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันหลายครอบครัวพวกเขาล้วนรักใคร่เป็นห่วงเป็นใยกัน แต่อ๋าวหลวนหลงกลับเลือดเย็น เมื่อคืนเขากับซินหรูอี้ยังนอนอยู่ด้วยกันแท้ๆ
“พี่สี่!!” มู่เหยาจีเพิ่งจะตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ไม่ทันไรเด็กสาวอีกสองคนก็วิ่งพรวดพราดมาล้อมหน้าล้อมหลังอ๋าวหลวนหลงไว้อีกคู่หนึ่งนางเอียงคอข้ามลำตัวของท่านอาเกาโหลวมองไปยังกลุ่มสตรีทั้งสามที่ยังคงชื่นชมอกขาวผ่องเป็นยองใยของอ๋าวหลวนหลงด้วยความรู้สึกโหวงหวิวพิกล ที่แท้คุณชายสี่ก็มักจะเปิดเผยเนื้อตัวให้ผู้อื่นเห็นเป็นประจำสินะ เป็นนางเองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดและคิดฟุ้งซ่านไปคนเดียว“หยุดให้หมด!! พวกเจ้าตามข้ากลับไปที่เรือนเดี๋ยวนี้เลย!!” อ๋าวหลวนหลงใช้สองมือมาปกปิดรอยขาดขนาดใหญ่บนแผงอกเอาไว้แน่น สภาพน่าอายเช่นนี้เขายืนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว“ส่วนท่าน..” ชายหนุ่มยังไม่รู้จักเกาโหลว เพราะยามนั้นเขายังไม่มีสติดีแต่เห็นอีกฝ่ายพูดคุยกับมู่เหยาจีอย่างสนิทสนมก็พอจะเดาได้ว่าเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะลอย“ข้าเกาโหลว เป็นหัวหน้าของชาวบ้านเหล่านี้ขอรับ พวกเรา 15 คนที่เดินทางไปที่เมืองหลงเทียนล้วนสามารถเข้ารับการฝึกฝนเป็นผู้ฝึกตนได้ แต่ข้าต้องเดินทางกลับมาด้วยเพราะไม่มีผู้ใดชำนาญทิศทางเดินเรือเท่าข้าแล้ว”“เช่นนั้นท่านก็ตามข้ากลับไปที่เรือนด้วยเลย ผลไม้เหล่านั้นปล่อยให้พวกนั้นทำกันไป
ตลอดทางเดินอ๋าวหลวนหลงได้เห็นต้นผลไม้หลากชนิดมีฝูงสัตว์เล็กออกหากินตามธรรมชาติอยู่มากมาย พอเริ่มเข้าใกล้น้ำตกอากาศก็เย็นสบายขึ้นมีเสียงน้ำไหลรินพร้อมกับเสียงนกร้องแว่วมาเป็นระยะมู่เหยาจีเลือกให้เขานั่งลงตรงโขดหินเรียบ มีก้อนหินใหญ่หลายก้อนโอบล้อมบดบังสายตาที่นางเคยใช้เป็นสถานที่อาบน้ำเป็นประจำเมื่อครั้งที่ยังไม่ได้สร้างเรือนนางหันไปจัดการกับตะกร้าเสื้อผ้าที่เตรียมมาสำหรับให้อ๋าวหลวนหลง แต่เมื่อหันกลับมาอีกทีหญิงสาวก็ต้องตกใจจนร้องเสียงหลง“กรี๊ด!!” หญิงสาวยกสองมือขึ้นปิดบังใบหน้าเอาไว้แน่น “ท่านทำบ้าอะไรกันเนี่ย อยู่ดีๆ มาถอดเสื้อกลางป่ากลางเขาไม่รู้จักอับอายบ้างหรือไร!”“ข้าผิดตรงไหน? ข้าก็แค่จะอาบน้ำ หรือเวลาอาบน้ำเจ้าไม่ถอดเสื้อผ้า”มู่เหยาจีปิดตาเอาไว้แน่น แต่นางรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวที่อยู่รอบตัวชัดเจน อ๋าวหลวนหลงขยับตัวเข้ามาประชิดตัวนางในระยะห่างไม่ถึงฉื่อจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเขาชัดเจน“อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ!” มู่เหยาจีถอยหลังกรูด เป็นเพราะมองไม่เห็นและตั้งหลักไม่ทันร่างงามจึงลื่นล้มลงไปกองกับพื้น“เหยาจี!!” อ๋าวหลวนหลงใจหายวาบ เขาก็แค่คิดจะหยอกล้อนิดหน่
“พอแล้ว ข้าอิ่มแล้ว” อ๋าวหลวนหลงรู้สึกว่าใบหน้าของตนหดลงจนเล็กกว่าฝ่ามือ แต่ยังแสร้งทำหน้าบึ้งเอาไว้ดังเดิม มู่เหยาจีไม่เพียงไม่โต้เถียงแต่นางกลับดูแลเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดี พอมีข้าวเลอะติดปากก็ยังเช็ดมุมปากให้เขาอย่างเอาใจใส่จนเขารู้สึกขัดเขินเป็นที่สุด“เมื่อวานท่านกินโจ๊กหมดชามเลยนี่เจ้าคะ นี่เพิ่งหมดไปไม่ถึงครึ่งเองอิ่มแล้วหรือ ถ้าเช่นนั้นกินผลท้ออีกหน่อยนะเจ้าคะ”อ๋าวหลวนหลงอยากจะกัดลิ้นให้ตายไปเสียเดี๋ยวนั้น รู้สึกว่าตนทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ให้นางมาคอยช่วยเหลือ กลิ่นกายหอมกรุ่นที่ยังวนเวียนอยู่ในลมหายใจกับการเอาใจใส่ที่ไม่เคยมีใครทำให้เช่นนี้มันช่างน่าอึดอัดนักภาพในความทรงจำเดิมของตน มู่เหยาจีก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง แต่ยามนี้นางเป็นหญิงสาววัยแรกแย้มจะไม่ให้เขาคิดเลยเถิดไปบ้างก็ไม่ได้ในเมื่อตนก็เป็นชายหนุ่มเต็มตัวแล้วเช่นกันจะขับไล่นางไม่ให้มาคอยช่วยเหลือก็เท่ากับกลืนน้ำลายตัวเอง แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหากผู้อื่นรู้ว่าเขาเขินอายจนใจสั่นไปหมด!! คิดยังไม่ทันถึงไหน ผลท้อชิ้นเล็กหวานฉ่ำก็ถูกส่งเข้าปากโดยที่อ๋าวหลวนหลงทำได้เพียงอ้าปากรับอย่างว่าง่าย สรุปแล้วเป็นเขาที่ควบ
มู่เหยาจีข่มกลั้นความหวาดวิตกเปิดประตูห้องพักเข้ามาเบาๆ พยายามก้าวเท้าให้เบาที่สุดมาหยุดอยู่กลางห้องพลางมองดูร่างหนาที่นอนผินหน้าออกไปนอกหน้าต่าง“คุณชายสี่ ข้าขอโทษเจ้าค่ะ” มู่เหยาจีวางชามโจ๊กลงบนโต๊ะแล้วนั่งคุกเข่าลงกับพื้นเอ่ยปากขอโทษอ๋าวหลวนหลงก่อน“ผลท้อมันหลุดติดมือข้า ข้าจะต่อมันกลับไปดังเดิมไม่ได้ข้าเลย…”“-”ความเงียบอันน่าขนลุกจากอีกฝ่ายทำให้มู่เหยาต้องเอ่ยปากชวนคุยขึ้นมาอีกครั้ง“ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าแก้ไขอันใดไม่ได้แล้วด้วย ท่านอย่าโกรธเลยนะ” “ข้าอยู่ที่นี่มากี่วัน? เจ้าเพิ่งคิดจะมาขอโทษเอาวันนี้ ข้าควรต้องขอบคุณเจ้าหรือไม่เล่า?” อ๋าวหลวนหลงหลับตาลงแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ เขาจำได้ว่ายามที่นางยอมรับผิดบนแดนสวรรค์ นางขอโทษท่านมหาเทพทั้งสามซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กับตนนางทำเพียงส่งสายตาขอโทษขอโพยมาแต่ยังไม่เคยเอ่ยปากออกมาเลยสักครั้ง“เพราะข้ารู้ตัวว่าครั้งนั้นข้ายังไม่ได้ขอโทษท่านต่างหาก ข้าเลยยังรู้สึกผิดอยู่ แต่เป็นเพราะเวลานั้นข้าไม่รู้ความเจ้าค่ะ”“ยามนี้เจ้าก็ยังอ้างว่ายังไม่รู้ความดังเดิมสินะ?”มู่เหยาจีแสบจมูกแสบตาไปหมด นางรู้ว่านางผิดต่ออ๋าวหลวนหลงแต่หลังจากมาใช้ชีวิตอยู่บน