“อย่าหยุดเดิน! อย่าสนใจเขาน้องห้า! หากพวกนั้นรู้ว่าพี่รองเป็นคนสกุลอ๋าวคงจะเล่นงานพี่รองหนักกว่านี้เป็นแน่"คำกล่าวของอ๋าวหลวนหลงนั้นรวดเร็วพอที่จะห้ามไม่ให้อ๋าวหลวนหย่งหันกลับไปทัน แต่พวกฉีอันเฉิงก็ไม่ได้โง่! วันที่หลวนหลงยืนรอรับผลท้อจากมหาเทพมู่ซี เรื่องราววิชาการฝึกฝนของเขาก็ถูกนำออกมาพูดคุยกันเป็นวงกว้างและรู้ว่าเขาอยู่ในสายเทพมังกรน้ำ แล้วเซียนที่ลงมาแดนมนุษย์ก็มักจะจุติใหม่ในตระกูลหรือกลับกลายเป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับสายการฝึกฝนนั้นๆ อยู่แล้ว เซียนสายเทพมังกรมีเพียงหลวนหลงผู้เดียวเท่านั้นที่อาสาลงมายังแดนมนุษย์!!“อ้อ เจ้ารู้จักมังกรน้ำด้วยเช่นนั้นหรือ แล้วรู้จักมังกรประเภทอื่นๆ ด้วยหรือไม่เล่า?” คำถามของฉีอันเฉิงแม้จะคล้ายว่ากำลังซักถามหลี่หมิงเจ๋อ แต่สายตาของคนทั้งห้ากลับมองตามร่างของอ๋าวหลวนหลงไปด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาดจนอ๋าวหลวนตงในคราบหลี่หมิงเจ๋อสะดุ้งในใจ คิดว่าตนคงกล่าวอะไรผิดไปแล้วเป็นแน่ ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างผุดขึ้นในใจของชายหนุ่ม ร่างที่ผ่ายผอมลงถนัดตาของอ๋าวหลวนตงสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม ไม่กล้าแม้กระทั่งจะอ้าปากตอบคำ“โครม!!” ฉีอันเฉิงถีบเข้าไปที่หน้าอกของ
จวนตระกูลอ๋าวเมืองหลงเทียน“การรักษาของท่านหมอที่นี่ ห่วยแตกพอๆ กันกับความสามารถในเชิงยุทธ์เลยทีเดียว ข้าต้องพาคุณชายสี่เดินทางไปที่เมืองหยุนไห่”คุณชายสามอ่าวหลวนกังได้ยินคำสบถของฝูซีแล้วก็หน้าเสีย ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ฝูซีมาจากสถานที่ใดกัน ท่านหมอที่เขาเชิญมารักษาอาการของหลวนหลงก็เป็นหมอมือดีที่สุดในเมืองหลงเทียนแห่งนี้แล้วไม่รู้ว่าจะหาท่านหมอจากที่ใดมาได้อีก“นั่นน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้แล้วล่ะฝูซี ท่านหมอรักษาอาการบอบช้ำทางร่างกายได้ก็จริงแต่การบาดเจ็บจากพลังปราณมันใช้เวลานานเกินไป” ผังหนงสนับสนุนอีกเสียง“ที่พวกท่านกล่าวหมายความว่าอย่างไร ที่เมืองหยุนไห่มีท่านหมอที่รักษาอาการบาดเจ็บจากพลังปราณได้รวดเร็วเช่นนั้นหรือขอรับ ให้ข้าไปตามหาแล้วเชิญท่านหมอมาที่นี่ก็ได้ เรายังมีผู้ฝึกตนที่บาดเจ็บต้องพักรักษาตัวยาวนานอยู่อีกตั้งมาก”“เชิญมาไม่ได้ คนผู้นั้นเรายังไม่รู้ว่าจะตามหาพบหรือไม่ คุณชายสามจำได้หรือไม่ว่าเวยวั่งซูกับซินหรูอี้เดินทางไปเมืองหยุนไห่ด้วยเรื่องอะไร”“ผลท้อ? ท่านคิดว่าผลท้อจะรักษาอาการบาดเจ็บได้รวดเร็วกว่าการรักษาของท่านหมอเช่นนั้นหรือ” “ข่าวที่เราได้ยินมาเป็น
เกาะลอย “เหยาจี ข้าทำสำเร็จแล้ว!”มู่เหยาจีได้ยินเสียงของมู่สี่เสินตะโกนเข้ามาในเรือนพักของนางตั้งแต่ตัวคนยังมาไม่ถึง หญิงสาวรีบลุกออกจากสมาธิเปิดประตูออกจากห้องมาหาพี่ชายของนางทันที“พี่สี่เสินท่านเก่งที่สุดเลย อย่างนี้ท่านก็สามารถติดต่อกับสัตว์ที่ลงมาจากแดนสวรรค์ได้แล้วสิเจ้าคะ”“ใช่ข้าได้พูดคุยกับสหายของเจ้าที่ลงมาจากแดนสวรรค์แล้วด้วย”ข่าวนี้ทำให้หัวใจของหญิงสาวแทบระเบิดออกมานอกอก นางคิดไม่ผิดที่ว่าปลาหมึกยักษ์ตัวนั้นจะเป็นสหายของนาง แต่นางยังไม่รู้ว่าเหตุใดพวกมันจึงไม่พูดคุยหรือตอบโต้กับนางเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา“พวกมันทุกตัวปลอดภัยดีใช่หรือไม่เจ้าคะ” หญิงสาวถามเสียงสั่น สัตว์เลี้ยงของนางมีตัวอะไรบ้างนางจำได้ไม่หมด แต่ที่แน่ๆ มันไม่ได้มีเฉพาะปลาหมึกเท่านั้น“เหยาจี พวกมันบางตัวลงมายังแดนมนุษย์ก่อนเราสองพันกว่าปีเชียวนะ” มู่สี่เสินส่ายหน้าแทนคำตอบ“เท่าที่ข้าถามความจากปูยักษ์ที่อาศัยอยู่บนแดนมนุษย์มานานที่สุด มันบอกว่ามีสหายของพวกมันที่เป็นสัตว์น้ำ ล้มตายกันไปไม่น้อยแล้ว เท่าที่มันรู้และยังรวมกลุ่มกันอยู่เวลานี้มีทั้งหมด 9 ตัว เป็นปู ปลาหมึก หอย ปลาและเต่า"“เก้าตัว!!” มู่เหยาจีไ
“หวางเซี่ย!! เจ้ากระจายข่าวบอกพี่น้องของเจ้าทุกตัวได้หรือไม่ เราต้องคุ้มกันเกาะลอยให้แน่นหนา เจ้าเองก็ต้องเคลื่อนตัวออกห่างจากแผ่นดินใหญ่ได้แล้ว” มู่เหยาจีตะโกนออกคำสั่งทันทีแน่นอนว่าคำกล่าวของมู่เหยาจีเจ้าปูยักษ์และสัตว์เลี้ยงของนางที่อยู่รอบเกาะย่อมได้ยินชัดเจน แต่การสื่อสารตอบกลับของอีกฝ่ายก็ยังต้องพึ่งพามู่สี่เสิน“เวลานี้สัตว์จากแดนสวรรค์มีปลาหมึก 3 ตัวและปูอีก 2 ตัว ส่วนสัตว์อื่นอีก 4 ตัวอยู่ไกลเกินไปพวกเขาไม่รู้สถานที่หลบซ่อนของพวกมัน แต่หวางเซี่ยสามารถขอความช่วยเหลือจากฝูงปลาให้ออกไปตามหาที่พวกเหลือและส่งข่าวให้พวกมันได้" “ห้าตัว น้อยเกินไปหรือไม่เจ้าคะพี่สี่เสิน เราไม่รู้ว่าจะมีผู้ฝึกตนมาที่นี่มากมายเพียงใด อีกอย่างพวกเขาแข็งแกร่งในระดับไหนแล้วก็ไม่รู้”มู่สี่เสินหยุดรอฟังคำตอบจากหวางเซี่ยครู่หนึ่งแล้วจึงมาถ่ายทอดให้กับน้องสาวอีกครั้ง"ตั้งแต่อดีตจนถึงเวลานี้หวางเซี่ยไม่เคยพบเจอผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งมาก่อน พวกผู้ฝึกตนระดับต่ำก็ไม่ได้เข้ามารุกรานเกาะลอยนานมากแล้ว มันเลยไม่แน่ใจเช่นกันว่าผู้ฝึกตนในยุคใหม่จะแข็งแกร่งเพียงใด แต่หวางเซี่ยจะตามฝูงปลาขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ มาคุ้มกันเก
“มารดามันเถิด!! พวกเจ้าเห็นอย่างที่ข้าเห็นหรือไม่”“เห็น ข้าเห็นเต็มสองลูกตาเลย” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งแหงนหน้าอ้าปากค้างแบบเดียวกับคนอื่นอีกหลายคน ยืนมองฝูงนกที่คาบเอาผลท้อมาหย่อนใส่ปากปลาขนาดใหญ่จำนวนมากที่ลอยคอขึ้นมาอ้าปากรอกันสลอน“ผลท้อหายากจนมีราคาสูงลิบแล้วดูคนบนเกาะลอยทำสิ! พวกเขาเทมันให้สัตว์น้ำกินกันทีเป็นตะกร้าเลยทีเดียวนะ!” ชายหนุ่มอีกคนแอบกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างฝืดเฝื่อน “บนเกาะลอยมีผลท้อมากมายเพียงใดกัน พวกเขาถึงทำเช่นนั้นได้ พวกเราอย่ารอช้าอีกเลยข้าทนเห็นผลท้อหมดไปอย่างไร้ประโยชน์เช่นนี้ไม่ไหวแล้ว!!”เสียงอุทานและก่นด่าดังระงมออกมาจากเรือหลายลำ แต่ผู้ฝึกตนระดับสูงที่อยู่บนเรือแต่ละลำกลับมองหน้ากันไปมาอย่างเข้าอกเข้าใจ“บนเกาะลอยนั่นข้าคิดว่าเป็นเซียนน้อยเหยาจีแน่แล้ว บนแผ่นดินใหญ่ไม่มีต้นท้อเลยสักต้นแล้วอยู่ดีๆ มันก็โผล่มา ไม่ใช่นางแล้วจะเป็นใคร!”“หากเป็นเซียนน้อยเหยาจีจริง แล้วเรื่องคำสาบานที่เราเคยให้ไว้แก่มหาเทพมู่ซีเล่า? การตัดสินใจเรื่องต้นท้อที่เซียนน้อยเอาลงมาจากแดนสวรรค์ขึ้นอยู่กับหลวนหลงเพียงผู้เดียวเท่านั้นนะ”“นั่นไม่ใช่กลิ่นของท้อสวรรค์สักหน่อย พวกเราให้คำสาบานว่าห
เกาะลอย“พี่สี่เสิน ข้าว่าตาข้าไม่ฝาดนะ ท่านช่วยบอกข้าหน่อยเถิดว่าคนเหล่านั้นใช่ท่านเซียนที่เคยอยู่บนแดนสวรรค์ใช่หรือไม่”“ข้าเห็นแล้วเหยาจี จะบังเอิญมีมนุษย์หน้าเหมือนกันกับท่านเซียนเป็นร้อยคนพอดิบพอดีเชียวหรือ? แต่ว่าหากเป็นท่านเซียนลงมาตามเมล็ดพันธุ์ท้อสวรรค์จากเจ้าจริงๆ พวกเขาทำไมถึงอ่อนแอกันนักเล่า? สัตว์เหล่านั้นไม่มีพลังปราณนะ”“พี่สี่เสินข้ากลัว.. ข้าไม่ได้ตั้งใจเอามันลงมาจริงๆ นะเจ้าคะ พวกเขาก็งกเหลือเกินเมล็ดพันธุ์ท้อสวรรค์ปลูกได้ง่ายเมื่อใดกันเล่า! ยังคิดจะมาตามทวงคืนกันอีก”“เหยาจี พวกเขาจะใช่หรือแค่หน้าเหมือนเราก็ยังไม่รู้ชัด อีกอย่างพวกเขาก็ยังเข้ามาไม่ถึงเกาะลอยนี่ ใจเย็นลงก่อน”“สหายข้าอ่อนล้าเต็มที่แล้ว หากยังมีคนมาไม่หยุดเช่นนี้ต่อไปข้าว่าพวกเขาอาจจะต้านทานเอาไว้ไม่อยู่ เราจะทำอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่เจ้าคะ”“เดี๋ยวนะเหยาจี เจ้าดูนั่น!!”“นั่นพวกเขา..”สองพี่น้องรวมทั้งชาวบ้านที่เฝ้าดูสถานการณ์การต่อสู้จากบนเกาะลอยอยู่ตลอด ได้เห็นกลุ่มเรือกลุ่มหนึ่งเริ่มโจมตีพวกเดียวกันเอง อาวุธและพลังถูกนำออกมาใช้ในการปกป้องสัตว์ทะเลซึ่งควรจะเป็นศัตรูของพวกเขา เดิมทีการต่อสู้ระหว่า
ต้าโหวจื้อและอดีตเซียนคนอื่นๆ ก็ได้ข่าวสารใหม่มาเช่นกัน “เหลาอีโจวตั้งใจจะบีบสกุลอ๋าวไว้ตรงกลาง แล้วเริ่มลงมือทางทิศตะวันออกกับตะวันตกที่อ่อนแอก่อน ฉลาดนัก!!”“แล้วสำนักต้าซิงของพวกเราเล่าเวลานี้จะถูกกำจัดไปแล้วหรือไม่!! เราต้องรีบกลับสำนักกันเดี๋ยวนี้นะโหวจื้อ” “ไม่จำเป็น ก่อนมาที่นี่ข้าสั่งทางนั้นเอาไว้แล้วว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันให้พวกเราย้ายมาเข้าร่วมกับหลวนหลง เหลาอีโจวมันบ้าระห่ำเกินไป”คนอื่นๆ ที่ได้ยินต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย เหลาอีโจวไม่ใช่เพียงบ้าดีเดือด แต่เขาโหดร้ายเกินไป การต่อสู้เพื่อสร้างอาณาจักร สกุลเหลาลงมืออย่างโหดเหี้ยมไม่เว้นแม้แต่อดีตเซียนซึ่งเคยเป็นสหายอยู่บนแดนสวรรค์ด้วยกัน ผู้ใดที่ขัดขวางเขา เขาก็สังหารไม่เลือกหน้า“แต่เวลานี้สกุลอ๋าวมีตระกูลใหญ่ที่เข้าร่วมเพียงห้าตระกูล อีกฝ่ายมีถึงเก้าตระกูล แม้สำนักเล็กๆ ที่แตกพ่ายมาจะย้ายเข้ามาอยู่กับหลวนหลงก็คงไม่ได้มากันทั้งหมด ตระกูลอ๋าวยังเป็นรองอยู่ หากเราเลือกข้างผิดก็มีแต่ตายกับตาย”“เราเลือกไม่ได้แล้ว เจ้าไม่ได้ยินหรือเวลานี้ตระกูลอ๋าวตรึงกำลังทางภาคกลางครอบคลุมมาถึงทางใต้ หากเราคิดจะย้อนกลับไปหาเหลาอีโจว พวกเขา
เรือสามลำที่มีเรือของอ๋าวหลวนหลงอยู่ตรงกลางแล่นมาถึงบริเวณรอบเกาะลอยแล้วก็หยุดค้างอยู่ตรงนั้นแน่นิ่งทุกสายตาจ้องมองไปยังฝูซีที่ยืนกำหมัดแน่นใบหน้าเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงคล้ายกับกำลังมีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำอยู่ในร่างกายที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อด้วยความงุนงง“ท่านอาฝูซี ท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่” หูกุ้ยเอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อของอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อเรียกสติของอีกฝ่าย“บัดซบ!! เหลวไหลสิ้นดี!! กล้าหาญกันเหลือเกิน!!” ฝูซีระเบิดเสียงออกมาเป็นชุดทำให้หูกุ้ยต้องกระโดดถอยหลังห่างออกมาหลายก้าว“ข้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ข้าก็แค่อยากจะถามว่าเราต้องทำอะไรกันต่อแค่นั้น” หูกุ้ยแทบจะร้องไห้ เขาแค่สะกิดเบาๆ จริงๆนะ“ข้าไม่ได้ว่าเจ้าอากุ้ย!! ข้ากำลังตำหนิพวกมันอยู่ต่างหากเล่า!!” ฝูซียังคงชี้ไม้ชี้มือก่นด่าไม่หยุดปากผู้ฝึกตนจากเรืออีสองลำด้านข้างมองไปยังผืนน้ำว่างเปล่าที่มีคลื่นเบาๆ เป็นระลอกด้วยความสับสนงุนงง ยามนี้พวกเขาไม่เห็นปลาหมึกยักษ์ ปลาหรือนกสักตัวก็ยังหายหัวไปราวกับพวกมันไม่เคยมีอยู่มาก่อนด้วยความสงสัย แล้วฝูซีกำลังพร่ำบ่นผู้ใดกันอยู่แน่?“เหยาจี! สี่เสิน! คอยดูเถิดข้าจะจับเจ้าสองคนมาตีให้ก้นลายเลยท
“นี่พวกเจ้าไม่คิดจะทำสิ่งอื่นนอกจากเกี้ยวพาราสีกันทุกเมื่อเชื่อวันเช่นนี้บ้างหรือไร!” เสียงหวานใสของซินหรูอี้ดังมาแต่ไกล“หรูอี้!! ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วให้พูดแต่คำหวานๆ รักษากิริยาให้สำรวมไว้หน่อยเถิด หากลูกในท้องติดนิสัยโผงผางเช่นเจ้ามาข้าคงต้องกลั้นใจตายสักวันเป็นแน่” เวยวั่งซูชักสีหน้าไม่พอใจแต่สองมือก็ประคองปกป้องร่างภรรยารักเอาไว้ราวกับไข่ในหิน“ท่านก็เลิกวุ่นวายกับชีวิตข้าเสียทีเวยวั่งซู!! ข้ามันคิดผิดจริงๆ ที่ยอมแต่งให้ท่าน ดูสิทุกวันนี้ข้าต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในแดนเหนือที่หนาวเย็นจนถึงกระดูก คลอดลูกออกมาเมื่อใดข้าจะย้ายมาอยู่กับเหยาจีที่ทางใต้เสียให้รู้แล้วรู้รอด”“ก็ข้าเป็นผู้ฝึกตนสายน้ำแข็งนี่นา ไม่อยู่กับหิมะจะให้ข้าไปอยู่ในกองเพลิงหรือไร แล้วเมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ? คลอดบุตรแล้วเจ้าจะมาอยู่ทางใต้ คิดจะทิ้งเราสองพ่อลูกไว้ทางเหนือเพียงลำพังเช่นนั้นหรือ? ฝันไปเถิด!!" “เจ้าจะหงุดหงิดอันใดนักหนาเล่าวั่งซู นางยังไม่ทันคลอดด้วยซ้ำ ข้าแนะนำให้เอง!! กลับไปแดนเหนือคราวนี้ไม่สู้เจ้าแช่แข็งนางเอาไว้เป็นไร นางจะได้ไม่หนีไปเที่ยวเล่นที่ใดได้อีก”ซินหรูอี้ใช้สองมือประคองท้องกลมโตเดินอาดๆ ม
หญิงสาวก้าวออกมายืนด้านหน้าผู้คนแทนที่อ๋าวหลวนหลง“ชัยชนะของพวกเราในครั้งนี้จะไม่สำเร็จโดยง่ายหากปราศจากพวกเขาเช่นกัน” มู่เหยาจีผายมือไปด้านขวาของนาง สายตามองไปยังสัตว์เลี้ยง 12 ตัวที่ยังรอดชีวิตอยู่“สัตว์ปราณทั้ง 12 ตัว ได้รับผลท้อไปแล้ว 5 ตัว ข้าจะไม่ลังเลเลยที่จะมอบผลท้อสวรรค์อีก 7 ผลให้กับพวกมันอย่างยุติธรรม วันใดที่มนุษย์ไม่อาจไว้วางใจกันเอง พวกท่านโปรดจำเอาไว้ว่าสัตว์ทั้ง 12 จะเป็นผู้ที่ปกป้องท่านจากภยันตรายทั้งปวง”สิ้นคำกล่าวของหญิงสาว ผีเสื้อเกล็ดแก้ว 7 ตัวก็โบยบินออกไปส่งมอบผลท้อสวรรค์ให้วานรสองตัว สุนัขจิ้งจอกสองตัว หวางผาง เต่าและปลาหมึก“ท้อสวรรค์ 7 ผลที่เหลือข้าจะให้ผีเสื้อเกล็ดแก้วเป็นผู้คัดเลือกผู้โชคดีขึ้นมาตามแบบอย่างที่เคยทำในแดนสวรรค์ และจากนี้ไปผลท้อที่สุกออกมาทั้งหมดก็จะใช้วิธีเดียวกันนี้เช่นกัน”มู่เหยาจีวาดเรียวแขนงามออกมาโบกสะบัดชายแขนเสื้อยาวกรุยกรายสยายออกเป็นวงกว้างในอากาศพร้อมกับมีร่างของผีเสื้อเกล็ดแก้วลำตัวใสกระจ่างระยิบระยับเจ็ดตัวโบยบินไปวนเวียนอยู่เหนือศีรษะกลุ่มผู้ฝึกตนที่รวมกลุ่มกันอยู่ผู้โชคดีทั้งเจ็ดคนมีทั้งอดีตเซียนที่ลงมาจากแดนสวรรค์และผู้ฝึกต
“ยามนี้บนเกาะลอยที่เหลือเพียงครึ่งไม่มีผลท้อธรรมดาที่สามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บเลยสักผล ทำอย่างไรดีพี่สี่เสิน หวางเซี่ยเจ้าต้องหยุดพักรักษาตัวก่อน เราจะหาทางกลับไปเอาผลท้อมาช่วยเจ้ากันเอง!!” หญิงสาวละล่ำละลัก หันพูดทางนั้นทีทางนี้ทีตัดสินใจทำสิ่งใดไม่ถูก“น้องสาว ผลท้อธรรมดาไม่อาจรักษาอาการบาดเจ็บของหวางเซี่ยได้หรอก ต่อให้เจ้าฝืนเด็ดผลท้อสวรรค์ที่ยังไม่สุกหยิบยื่นให้เขาก็ยังไม่อาจรักษาบาดแผลที่สาหัสนั้นได้ ปล่อยให้เขาทำสิ่งที่เขาต้องการต่อไปเถิด”“ผลท้อช่วยไม่ได้ เช่นนั้นลูกแก้วมังกรของพี่หลวนหลงก็ต้องช่วยได้สิเจ้าคะ ท่านลองส่งสารบอกผีเสื้อเกล็ดแก้วดู ให้พวกเขาพาคุณชายสี่กลับมาที่นี่ก่อน” น้ำตาสองสายไหลออกมาเต็มใบหน้างาม อ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนา“เจ้าตั้งสติให้ดีๆ อวัยวะภายในของหวางเซี่ยเสียหายรุนแรงเกินไป หาใช่ขาดแล้วเชื่อมต่อใหม่ได้เหมือนอย่างเส้นเอ็นของหลวนหลง เจ้าดูดวงตาของฝูซีสิ สิ่งที่ขาดหายไปแล้วน้ำลายมังกรไม่อาจสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้”ไม่ต้องอธิบายมากไปกว่านี้มู่เหยาจีก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงอันหนักหน่วงบนร่างกายสหายรักใต้น้ำสองพี่น้องเดินลงไปที่ชายหาดจุดเดิมที
การเคลื่อนไหวอันทรงพลังของนกอินทรียักษ์รวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาด เพียงไม่นานมันก็พาอ๋าวหลวนหลงมาพบกับกลุ่มผีเสื้อเกล็ดแก้วที่กำลังรุมล้อมรอบเกาะลอยพุ่งโจมตีไส้เดือนปีศาจยี่สิบตัวกันไม่ยั้งมือ“นั่นมัน!!” ดวงตาคมกริบของอ๋าวหลวนหลงเบิกค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ คำพูดที่กำลังจะเอ่ยออกมาก็พลันถูกกลืนลงคอไปด้วยความตื่นตะลึงชายหนุ่มขยี้ตาซ้ำๆ อีกหลายครั้งและสุดท้ายก็ต้องเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาตาไม่ฝาด ยามนี้บนต้นท้อสวรรค์มีผลท้อสีเขียวอมชมพูส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลล่องลอยไปทั่วบริเวณ“เป็นไปได้อย่างไรกัน! ท้อสวรรค์ออกผลอีกแล้ว! ฮ่าๆๆๆ ผลงานของเหยาจีนี่ดูท่าจะลูกดกดีแท้!!” กล่าวจบชายหนุ่มก็ต้องรีบจับขนหลังคอนกอินทรีตัวเขื่องเอาไว้แน่น เจ้านกยักษ์แกล้งบินลงต่ำกะทันหันด้วยความหมั่นไส้กับคำพูดที่กำกวมของมนุษย์ไร้ขนที่ขี่หลังมันอยู่“ข้าหมายถึงผลท้อ เจ้าจะขัดเคืองอันใดนักหนา!!” อ๋าวหลวนหลงเอื้อมมือไปตบหัวนกอินทรีทีหนึ่งอย่างอดไม่ได้ แต่ใบหน้าคมกลับแดงก่ำที่ถูกจับได้ว่าแอบคิดนอกลู่นอกทางในยามคับขัน“พวกเขาจัดการเจ้าหนอนเหล่านี้ได้แน่นอน เราต้องไปช่วยทางนั้น” อ๋าวหลวนหลงชี้มือไปยังบริเวณชายหาดเพิกเฉยกับการต
“ข้ายังมีพลังอ่อนด้อยเกินไป ไม่สามารถติดต่อกับผีเสื้อเกล็ดแก้วที่อยู่ทางใต้ไม่ได้ แต่การที่หวางเซี่ยและคู่ของมันลุกขึ้นมาสู้สุดใจเช่นนี้อาจเกิดเรื่องกับทางหลวนหลง” ฝูซีเอ่ยปากอย่างร้อนรน“คุณชายสี่อยู่ทางนั้นเพียงลำพังหรือเจ้าคะ” มู่เหยาจีก็เพิ่งรู้ว่าอ๋าวหลวนหลงไม่ได้อยู่ร่วมการต่อสู้ทางชายหาดบริเวณนี้“ใช่ เขาต้องรีบผนึกรอยแยกใต้ทะเล ทางนี้พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะปล่อยให้พวกมันขึ้นมาบริเวณน้ำตื้นเพื่อจัดการมันได้ง่ายหน่อย แต่จะไม่ยอมปล่อยให้มันขึ้นฝั่ง การที่หวางเซี่ยพาเกาะลอยกลับลงทะเลลึกอยู่นอกเหนือจากที่เราตกลงกันไว้”“เช่นนั้นข้าจะส่งนกอินทรีออกไปสืบข่าว” ต้าโหวจื้อกระโดดลงจากหลังนกอินทรี แล้วปล่อยให้นกยักษ์บินกลับไปเพียงลำพังเพราะตัวเขายังมีประโยชน์ในการสู้รบกับกลุ่มปีศาจมากมายที่มารวมตัวกันบริเวณนี้ไม่มีเวลาให้ทุกคนได้ไตร่ตรองสิ่งใดต่อไป สัตว์ปีศาจที่เล็ดลอดออกจากรอยแยกใต้ทะเลรวมกับกลุ่มที่หลอกล่อให้มนุษย์หลงไปผิดทางก็มีไม่น้อย พวกเขายังไม่สามารถจัดการมันได้ทั้งหมดหากปราศจากความช่วยเหลือจากผีเสื้อเกล็ดแก้วที่แข็งแกร่งทั้งหกพันตัวอินทรียักษ์บินเลยผ่านหวางเซี่ยที่เคลื่อนตัวไปได้
เมื่อเห็นหวางเซี่ยพยายามชิงพื้นที่การควบคุมเกาะลอยใต้น้ำไว้อย่างยากลำบาก ผู้ฝึกตนระดับสูงทั้งหกคนก็มุ่งเข้ามาช่วยเหลือปูยักษ์สองสามีภรรยาโดยพร้อมเพรียงกัน“เหยาจี!! เป็นอย่างไรบ้าง” มู่สี่เสินทะยานขึ้นไปบนเกาะไปหาน้องสาวเป็นคนแรก“พี่สี่เสินข้าปลอดภัย พวกมันกำลังพยายามจะขึ้นไปบนฝั่งเจ้าค่ะ”“ฝูซีก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้วเช่นกัน เราจะไม่ยอมให้พวกมันเอาต้นท้อสวรรค์กลับลงไปยังแดนปีศาจได้สำเร็จแน่นอน”“พวกเราต้องช่วยหวางเซี่ย ไส้เดือนปีศาจเหล่านั้นแข็งแกร่งมากอีกไม่นานหวางเซี่ยอาจจะทนต่อไปไม่ไหวเจ้าค่ะ”หญิงสาวสงสารและเป็นห่วงปูยักษ์จับใจ ขาทั้งแปดของหวางเซี่ยขยับเขยื้อนได้เพียงเล็กน้อย ความสามารถในการป้องกันตัวแทบจะเป็นศูนย์ แต่โชคดีที่มันมีร่างกายใหญ่โตกว่าไส้เดือนตาบอดเหล่านั้นจึงยังใช้กระดองดันไส้เดือนปีศาจให้อยู่รอบนอกโดยมันควบคุมพื้นที่ใต้เกาะลอยส่วนใหญ่เอาไว้ได้พอดิบพอดีมู่สี่เสินคว้ามือของน้องสาวย่อตัวลงเล็กน้อยและออกแรงกระโดดขึ้นไปอยู่บนร่างของวานรทั้งสองตัวเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้กับปีศาจไส้เดือนที่กำลังพยายามยึดเอาเกาะลอยกลับคืนมาจากหวางเซี่ย……….รอยแยกใต้ทะเลลึกผีเสื้อเกล็ดแก้
ทางด้านบนนกอินทรีสองตัวก็ได้ยินคำสั่งของมู่สี่เสินแล้วเช่นกัน พวกมันส่งเสียงร้องเรียกสมาชิกสัตว์ปีกในบริเวณใกล้เคียงออกมาทั้งหมดฝูงนกจำนวนมหาศาลไม่ว่าเล็กหรือใหญ่คาบก้อนหินไว้ในปากแล้วทิ้งลงไปในน้ำเป็นการเปิดฉากการต่อสู้และสกัดกั้นให้ปีศาจเคลื่อนตัวได้ช้าลง หวางเซี่ยและคู่พามนุษย์เต็มแผ่นหลังแหวกว่ายขึ้นสู่ชายฝั่งทางทิศตะวันออกได้ก่อนที่ศัตรูจะฝ่าฝนหินขึ้นสู่ชายหาดได้ทันเวลา มันสองสามีภรรยาหันหลังให้กับท้องทะเลใช้กระดองอันใหญ่โตปกป้องผู้ฝึกตนให้รอดพ้นจากหนามแหลมคมที่สลัดออกมาจากสัตว์ปีศาจคล้ายเม่น“สร้างแนวป้องกันไว้อย่าให้พวกมันขึ้นมาได้!!""โจมตี!!”“โจมตี!!”"กี้ดดดด!!!เสียงกรีดร้องจากสัตว์ปีศาจดังระงมขึ้นมาในชั่วพริบตา พวกมันเป็นเป้าหมายที่ถูกโจมตีทั้งในน้ำบนบกและทางอากาศพร้อมกันในขณะที่ยังตั้งตัวไม่ทัน“กี้ดๆๆๆๆๆ!!!”“พวกมันกำลังส่งสัญญาณถึงกัน อีกไม่นานพวกมันจะมุ่งหน้ามาทางนี้เพิ่มขึ้น จัดการพวกที่อยู่ตรงนี้ให้เร็วที่สุด!!”แม้อ๋าวหลวนหลงจะสั่งเอาไว้ว่าให้พวกเขารอจนกว่าเขาและผีเสื้อเกล็ดแก้วจะมาถึง แต่สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทำให้ฝูซีจำต้องขัดคำสั่ง เขาจะปล่อยให้ปีศาจเหล่านี้ขึ้
ต้าโหวจื้อขึ้นขี่หลังนกอินทรีและออกไปสำรวจเส้นทางเบื้องหน้า ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามนกอินทรีก็บินโฉบมาที่เรือของฝูซีเพื่อรายงานข่าว“พวกมันไม่ได้มุ่งหน้าไปกลางมหาสมุทร แต่กำลังอ้อมไปขึ้นฝั่งอีกด้านหนึ่งทางตะวันออก” “มันกำลังล่อเราให้มุ่งหน้าไปผิดทาง!!” เวยวั่งซูเข้าใจได้ในทันที กลุ่มสัตว์ปีศาจที่ออกจากรอยแยกก้นทะเลทำทีว่าพวกมันต้องการติดตามต้นท้อสวรรค์ไปจนแทบจะไม่สนใจเข้าร่วมการต่อสู้กับกลุ่มมนุษย์ ที่แท้สัตว์ปีศาจไส้เดือนมีเกล็ดกลับแยกออกไปอีกทางหนึ่งเพื่อหาทางนำต้นท้อสวรรค์ขึ้นบก“พวกมันดึงต้นท้อผ่านรอยแยกใต้ทะเลไปแดนปีศาจไม่ได้จึงต้องหาทางกลับเข้าฝั่ง” ฝูซีประเมินความคิดของศัตรูได้อย่างแม่นยำ“ต้าโหวจื้อ! เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าไม่มีรอยแยกบนแผ่นดินเพิ่มขึ้นมาอีก”“วางใจได้ข้าสำรวจอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว ที่พวกมันไม่ส่งสัตว์ปีศาจออกมาจากรอยแยกบนแผ่นดินเพิ่มก็เพื่อลวงเราให้คลายการป้องกันเป็นแน่”“เราจะทิ้งกำลังคนส่วนหนึ่งแสร้งลอยเรือไล่ตามพวกมันไปดังเดิม ส่วนสัตว์ทุกตัวก็ให้ซ่อนกำลังคนส่วนใหญ่กลับเข้าฝั่ง” ฝูซีออกคำสั่ง“พวกเราจะกลับไปป้องกันรอยแยกทั้งสองแห่งเอาไว้ใช่หรือไม่ฝูซี” ซินหรูอี้กั
อ๋าวหลวนหลงเดินตามฝูซีและกลุ่มพี่น้องเข้ามาในเรือนด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำไม่เป็นส่ำ เมื่อเข้ามาด้านในก็พบร่างของมู่สี่เสินกำลังก้มหน้านิ่งสีหน้าเคร่งเครียด เวยวั่งซูและซินหรูอี้ประกบอยู่ข้างกายเขาและกำลังพูดคุยกันเสียงเบาคล้ายกำลังปลอบประโลมอีกฝ่ายอยู่ก้อนโทสะและความหวาดกลัวอันแน่นไปทั่วร่างของชายหนุ่ม คาดเดาการหายไปของเกาะลอยบางส่วนได้อย่างรวดเร็ว“คนที่ได้กินผลท้อสวรรค์ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่ยกเว้นมู่เหยาจี!!” อ๋าวหลวนหลงกัดกรามเอาไว้แน่น จ้องมองไปที่ดวงตาของมู่สี่เสินไม่กะพริบ หากมู่สี่เสินมีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว เขาก็พร้อมจะระเบิดอารมณ์ออกมาไม่ยั้งเช่นกัน!!ลมหายใจของอ๋าวหลวนหลงขาดห้วงไปนานหลายอึดใจ และในที่สุดมู่สี่เสินก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาดีเหลือเกิน!! แววตาของมู่สี่เสินมีเพียงความโกรธแค้นและทุกข์ใจหาได้มีน้ำตาไหลออกมาเฉกเช่นคนที่สูญเสีย!!อ๋าวหลวนหลงถึงกับพรั่งพรูลมหายใจออกมายาวเหยียด หัวใจที่แขวนเอาไว้สูงเมื่อครู่ค่อยๆ ลดลงมาถึงระดับปกติ แต่สีหน้ายังคงมีความกังวลใจอยู่ไม่น้อย“ข้าพร้อมแล้วฝูซี เล่ามา!!”ฝูซีเล่าเหตุการณ์ในช่วงสี่วันที่อ๋าวหลวนหลงหลับไม่ได้สติออกมาช้าๆ