เจียงชั่นมองผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัย แต่ก็ทำตามที่บอก เธอปิดประตูลงอย่างแน่นหนาหยิ่นเหวินซีนั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและเศร้าหมอง“แม่...” เจียงชั่นนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าของเธอ“ชั่นชั่น” เมื่อได้สติอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ค่อย ๆ มองไปที่กล่องเล็ก ๆ มุมห้อง “ไปเอานั่นมาสิจ๊ะ”เจียงชั่นตะลึง หัวใจเต้นรัวรู้สึกไม่สบายใจทว่าเธอก็ทำตามที่แม่บอก ร่างบางเดินไปหยิบกล่องไม้ขนาดกลาง ๆ ขึ้นมาด้วยมือเดียว พื้นผิวของกล่องถูกสลักไปด้วยลวดลายสีเข้มอันงดงามดูพิเศษมากเจียงชั่นเคยสงสัยเกี่ยวกับกล่องนี้มาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ทว่าหยิ่นเหวินซีไม่อนุญาตให้เคลื่อนย้ายมัน ดังนั้นจึงต้องเก็บซ่อนความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ใกล้ชิดกับกล่องใบนี้มีกุญแจสีแดงอยู่บนตัวกล่อง ในสมัยนี้แทบจะหาไม่ได้เลยกับความย้อนยุคแบบนี้“ชั่นชั่น” หยิ่นเหวินซีพูดเสียงเศร้า “แม่ไม่ใช่แม่ที่ดีนักแล้วก็ทำร้ายลูกมาตลอด แม้ว่าลูกจะแต่งงานแล้วแต่แม่ก็ยังไม่สามารถมาเห็นด้วยตาของตัวเองได้”“ลูกเอากล่องใบนี้กลับไปด้วย และดูแลมันให้เหมือนกับของขวัญที่แม่อยากจะให้ในวันแต่งงานนะ”
ดังนั้นภายในห้องก็น่าจะมีใครอีกคนอยู่ด้วยขาจึงเดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ แล้วเปิดประตูห้องนอนเบา ๆ เห็นหลินอวี่ฉิงและเจียงชั่นนอนอยู่บนเตียงด้วยกันฮั่วจือสิงจึงหัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะกลัวการอยู่คนเดียวจนต้องเรียกพี่สาวที่แสนดีมาอยู่ด้วยสินะ ส่วนลู่หลี่ซานก็ตามหลินอวี่ฉิงมาอย่างหน้าไม่อายฮั่วจือสิงจึงค่อย ๆ วางสัมภาระลงแล้วเดินไปหาเจียงชั่นอย่างระมัดระวังเตียงของพวกเขาใหญ่มาก ในขณะที่เจียงชั่นนอนหันหลังให้หลินอวี่ฉิงจึงมีช่องว่างมากพอที่จะวางหมอนที่ชายหนุ่มมักจะใช้ไว้ข้าง ๆ แล้วกอดมันไว้ในอ้อมแขนคิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา ในขณะที่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้เธออย่างอ่อนโยนในตอนนี้หลินอวี่ฉิงที่นอนอยู่ข้าง ๆ ได้หันกลับมาแล้วขยี้ตาด้วยความงัวเงีย แสงสว่างที่สลัวทำให้หญิงสาวพอจะเห็นว่ามีคนยืนอยู่ที่ข้างเตียงฝั่งที่เจียงชั่นนอน“กรี๊ดดด” หลินอวี่ฉิงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวทันทีเธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะปลุกเจียงชั่นให้ตื่น ก่อนจะรีบพุ่งตัวไปหาฮั่วจือสิง“โจร มีโจรเข้ามาขโมยของ!”“ลู่หลี่ซานเข้ามาเร็ว!”ก่อนที่ฮั่วจือสิงจะมีเวลาตอบสนอง หลินอวี่ฉิงก็รีบป
ใบหน้าเล็กๆ ของเจียงชั่นขาวซีด ก่อนจะรีบเปิดเสื้อยืดของเขาขึ้นเพื่อดูบาดแผล ช่วงด้านหลังเอวมีรอยอยู่อย่างชัดเจนจริง ๆ "แดงหมดแล้ว!" เธอลูบลงไปอย่างเจ็บปวด ก่อนจะหันไปมองยังหลินอวี่ฉิง "พี่อวี่ฉิง พี่ลองดู! ลู่หลี่ซานเตะจนเขากลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว!" ลู่หลี่ซานไม่คิดเลยว่าอวี่ฉิงที่รักที่เพิ่งจะแสดงความรักกับเขาเมื่อครู่นี้ เพียงแค่พริบตาเดียวก็จ้องมองเขาราวกับคนละคน "ทำไมนายถึงได้ไม่รู้จักหนักเบาแบบนี้!" "อวี่ฉิง" ลู่หลี่ซานตีหน้าใสซื่อ "เธอไม่เข้าข้างฉัน..." "เข้าข้างอะไรนาย?" หลินอวี่ฉิงโอบรอบไหล่ของเจียงชั่น "ชั่นชั่นของฉันไม่มีความสุขแล้ว! ไป นายไปซื้อยามาให้กู้หม่างเลย!" ลู่หลี่ซานเบิกตากว้าง ชั่นชั่นของฉัน? เมื่อครู่นี้ยังเป็นอาซานของฉันอยู่เลย? ! นี่มันหมายความว่า พี่สาวน้องสาวสำคัญเสียยิ่งกว่าชายหนุ่มเหรอ? ! เพราะฉะนั้นความรักมันหายไปแล้วเหรอ... ลู่หลี่ซานยืนอึ้งตะลึงอยู่กับที่ เงยหน้าขึ้นแล้วมองสบไปยังท่าทีได้ใจของฮั่วจือสิง "ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณลู่ ช่วยไปซื้อยาให้ผมด้วย" ... หกโมงเช้า ลู่หลี่ซานไม่เพียงแต่ซื้อยากลับมา ยังนำอาหารเช้ากลับมาให้ทุกค
เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริง ๆ เจียงหมิงหย่วนไม่ได้เซ็นชื่อลงไปในหนังสือรับหุ้นคืน แต่วางเอาไว้ด้านข้างแทน ตามมาด้วยการใช้ดวงตาที่ซับซ้อนเป็นพิเศษจ้องมองเธอ เจียงชั่นไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าก้าวต่อไปเขาจะพูดอะไรออกมา บรรยากาศเริ่มนิ่งเงียบจนน่าอึดอัด นานกว่าเจียงหมิงหย่วนจะเงยหน้าขึ้นมา แล้วถามเธอด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง "ต้องการที่จะขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนกับฉันทันทีเลยอย่างนั้นเหรอ?" เจียงชั่นเม้มริมฝีปาก ไม่ส่งเสียงใดออกมา "แม่ของเธอออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ?" สายตาของเจียงหมิงหย่วนดูเฉียบคม "เป็นหล่อนที่บอกพวกนี้กับเธอเหรอ?" "ไม่ใช่ค่ะ" เจียงชั่นพูดเสียงกระซิบ "ฉันไปรู้โดยบังเอิญเข้า ว่าพวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด" "เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันก็เลยมาเพื่อจะคืนสิ่งเหล่านี้ให้กับคุณ..." ฝ่ามือของเธอเหงื่อไหลซึมออกมา ค่อย ๆ จับจ้องไปยังท่าทีของเจียงหมิงหย่วน เจียงหมิงหย่วนนั่งตัวตรง แล้วถามออกมา "ทำไมต้องทำแบบนี้?" "เพราะว่าฉันไม่ได้มีนามสกุลเจียง" เธอตอบกลับมา "ของพวกนี้เดิมทีก็ไม่ใช่ของฉัน" "ชั่นชั่น หลายปีมานี้เธอเรียกฉันว่าพ่อ ฉันก็ถือว่าเธอเป็นลูกสาวของตัวเองมานานแล้ว
เสียงดังสั่นสะเทือนกระทบเข้าไปในใจของเจียงชั่น เธอเงยหน้าขึ้นทันที เหลือบมองไปยังดวงตาอันเย็นชาของเจียงหมิงหย่วนโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ยกรอยยิ้มราวกับไม่ยิ้มออกมาพอออกจากห้องทำงาน เจียงชั่นยังไม่ทันได้เดินออกจากอาคารใหญ่ไป ก็ถูกเจียงเหยาดึงเอาไว้จากด้านหลัง“หยุดนะ!”เจียงชั่นหันกลับไป เจียงเหยาก็ตบหน้าเธอทันที!อย่างไรก็ตามเจียงชั่นที่มีเตรียมการป้องกันเอาไว้แล้วก็หลบอย่างรวดเร็ว เจียงเหยาไม่รอให้เสียเวลา ขณะที่คิดจะตบเข้ามาเป็นครั้งที่สอง เจียงชั่นก็ใช้แรงบีบข้อมือของเธอ!สายตาของเจียงเหยาดูดุร้าย แต่เจียงชั่นไม่ยอมถอยให้เลยแม้แต่น้อย จับเธอเหวี่ยงออกไปทันทีเอกสารคืนหุ้นตกกระจัดกระจายลงบนพื้น พื้นที่ว่างที่เจียงหมิงหย่วนไม่ได้เซ็นชื่อลงไป ดูทิ่มแทงเป็นพิเศษเจียงเหยาร้องตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งชั่วขณะนั้นอารมณ์ของเจียงชั่นดูซับซ้อนเล็กน้อยหากว่าคิดอีกมุมหนึ่ง หากว่าเธอกับหยิ่นเฉิงมีพ่อคนเดียวกัน ตั้งแต่เล็กจนโตเธอก็มองหยิ่นเฉิงไม่เข้าตา คิดหาทุกวิธีการที่จะทำให้เขาเกิดความลำบาก ถึงสุดท้ายแล้วกลับมารู้ว่าหยิ่นเฉิงไม่ใช่น้องชายของเธอ อย่างไรก็ตามแม่ก็ยังจะนำของที่เป็นของเธอมอบใ
“เอาล่ะ เลิกเล่นได้แล้ว!” เจียงชั่นปฏิเสธออกมาเบา ๆ มือเล็ก ๆ จับเขาเอาไว้ ฮั่วจื่อสิงยิ้มออกมา แล้วจูบตรงลำคอของเธอ แล้วระงับไฟที่ปะทุขึ้นมาลงไปทันที เขารู้ว่าเธอเป็นหญิงสาวหัวเก่าอนุรักษ์นิยม ไม่คุ้นเคยกับสถานที่ด้านนอกห้องนอน ดูเหมือนว่าต่อไปคงจะต้องสั่งสอนเธอดี ๆ เสียแล้ว... "สามี คุณนิ่งอึ้งอะไรกัน?" ฮั่วจือสิงเก็บความคิดกลับมา เลียริมฝีปากที่แห้งผากแล้วยิ้มให้กับเธอ "ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม?" "อืม!" "ที่รัก" เขาพูดเสียงกระซิบ "ปัญหาเรื่องหุ้นนี้คุณคิดอย่างไร?" เธอกัดริมฝีปาก ไม่รู้ว่าจะพูดกับเขาอย่างไรดี "หุ้นเพียงแค่นี้ไม่ได้มีค่ามากสักเท่าไร" เขาลูบผมของเธอ "คุณอยากได้ก็เก็บมันไว้ ไม่ต้องการก็ไม่ต้องรับมัน ไม่ต้องไปเป็นกังวล" "หุ้นแค่นี้?" เจียงชั่นยิ้มออกมาทันที "พูดเหมือนกับว่าคุณมีเงินมากเสียอย่างนั้นล่ะ! แม้แต่ ‘หุ้นเพียงแค่นี้’ ก็ไม่เห็นมันอยู่ในสายตา!"ฮั่วจือสิงยิ้มออกมาโดยที่ไม่พูดอะไร เจียงชั่นโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา น้ำเสียงดูแผ่วเบา "อันที่จริงแล้วฉันไม่ได้ทำเพื่อหุ้น...แต่ใช้ข้อตกลงในการคืนหุ้นนี้มาเพื่อทดสอบเขา" "ทดสอบ?"
"บวกกับเงินฝากก่อนหน้านั้นและยังมีเงินปันผลจากกองทุนอีก..." ดวงตาและคิ้วของเธอเผยความตื่นเต้นออกมา "สามี คุณลองทายดูว่าพวกเราจะมีเงินเท่าไรกัน!" ฮั่วจือสิงหัวเราะเบา ๆ แล้วส่ายหัว เจียงชั่นกระซิบพูดตัวเลขออกมา แล้วก็ดูมีความสุขมากเสียจนหุบปากไม่ได้ "สามี ในที่สุดฉันก็สามารถซื้อรถให้คุณได้แล้ว!" "อะไรนะ?" ฮั่วจือสิงหยุดตะเกียบที่อยู่ในมือ แล้วมองเธออย่างประหลาดใจ "ซื้อรถนะสิ!" เจียงชั่นพูดซ้ำออกมา "ฉันไม่ใช่ว่าบอกกับคุณเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วเหรอจะซื้อรถให้คุณ! เพียงแต่ในตอนนั้นฉันมีเงินเก็บไม่พอ" หัวใจของฮั่วจือสิงเต็มไปด้วยความอบอุ่น เหมือนจะเป็นในตอนที่เธอยังอยู่ในบริษัทนั้น ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขาย แม้แต่เงินเดือนก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากนั้นเธอก็พูดว่า ต่อไปจะกู้เงินซื้อบ้านหลังใหญ่ แล้วยังจะซื้อรถให้เขาคันหนึ่ง เขาจะได้ขับออกไปอย่างสะดวก เธอใช้เงินกับเขา ดูเหมือนว่าจะไม่เคยรู้สึกแย่เลย... ฮั่วจือสิงกุมมือเล็กของเธอเบา ๆ แล้วหันไปมองเธอ "ไม่ต้องซื้อให้ผมหรอก เอาเก็บไว้ให้แม่กับเสี่ยวเฉิงใช้" "ค่าใช่จ่ายของพวกเขาสองคนฉันเก็บเอาไว้แล้ว!" เจียงชั่นย
นั่นเป็นรถคันเล็ก ๆ ธรรมดา มีขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน พื้นที่ว่างไม่ค่อยมาก ราคาไม่เกินหนึ่งแสนบาท แม้แต่คนรับใช้ในตระกูลฮั่วก็ยังไม่ขับรถประเภทนี้ แต่ฮั่วจือสิงชอบมาก เพราะว่าเจียงชั่นเพียงแค่มองดวงตาก็เป็นประกาย เขาชอบประกายแสงในดวงตาของเธอ “สามี คุณคิดว่ายังไง?” เจียงชั่นคล้องแขนเขาเอาไว้อย่างใกล้ชิด ฮั่วจือสิงยิ้มออกมา “คุณชอบก็พอแล้ว” “ฉันชอบมาก แต่ว่านี่จะซื้อให้คุณ แน่นอนว่าคุณจะต้องชอบด้วย!” เจียงชั่นรู้ ชายหนุ่มมักจะมีความรู้สึกผูกพันเป็นพิเศษกับรถ รถก็เป็นเหมือนกับภรรยาอีกคนของเขา ก็จะต้องเลือกที่เขาชอบ “ฉันกับพี่อวี่ฉิงดูมาเยอะแล้ว รู้ว่ารถคันนี้ดูจากทุก ๆ ด้านแล้วก็เหมาะสมเป็นอย่างมาก! สามี คุณจะลองขับสักหน่อยไหม?” “ไม่ต้องแล้ว” ฮั่วจือสิงมองไปที่ดวงตาของเธอ “คันนี้เถอะ ผมชอบมาก” เจียงชั่นยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน จากนั้นก็มาปรึกษากันถึงสีรถ ถึงแม้สีดำจะดูเท่ห์ แต่เธอก็ยังหวังว่าเขาจะเลือกสีขาว ปกติแล้วมักจะไม่ใช่คนที่ยิ้มแย้มอะไร หากว่าขับรถคันสีดำเข้าอีกก็คงจะดูน่าหวาดกลัว ขณะที่พูดเธอเองก็ยิ้มออกมา ฮั่วจือสิงจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ ตลอดเวลา เมื่อไ
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั