นั่นเป็นรถคันเล็ก ๆ ธรรมดา มีขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน พื้นที่ว่างไม่ค่อยมาก ราคาไม่เกินหนึ่งแสนบาท แม้แต่คนรับใช้ในตระกูลฮั่วก็ยังไม่ขับรถประเภทนี้ แต่ฮั่วจือสิงชอบมาก เพราะว่าเจียงชั่นเพียงแค่มองดวงตาก็เป็นประกาย เขาชอบประกายแสงในดวงตาของเธอ “สามี คุณคิดว่ายังไง?” เจียงชั่นคล้องแขนเขาเอาไว้อย่างใกล้ชิด ฮั่วจือสิงยิ้มออกมา “คุณชอบก็พอแล้ว” “ฉันชอบมาก แต่ว่านี่จะซื้อให้คุณ แน่นอนว่าคุณจะต้องชอบด้วย!” เจียงชั่นรู้ ชายหนุ่มมักจะมีความรู้สึกผูกพันเป็นพิเศษกับรถ รถก็เป็นเหมือนกับภรรยาอีกคนของเขา ก็จะต้องเลือกที่เขาชอบ “ฉันกับพี่อวี่ฉิงดูมาเยอะแล้ว รู้ว่ารถคันนี้ดูจากทุก ๆ ด้านแล้วก็เหมาะสมเป็นอย่างมาก! สามี คุณจะลองขับสักหน่อยไหม?” “ไม่ต้องแล้ว” ฮั่วจือสิงมองไปที่ดวงตาของเธอ “คันนี้เถอะ ผมชอบมาก” เจียงชั่นยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน จากนั้นก็มาปรึกษากันถึงสีรถ ถึงแม้สีดำจะดูเท่ห์ แต่เธอก็ยังหวังว่าเขาจะเลือกสีขาว ปกติแล้วมักจะไม่ใช่คนที่ยิ้มแย้มอะไร หากว่าขับรถคันสีดำเข้าอีกก็คงจะดูน่าหวาดกลัว ขณะที่พูดเธอเองก็ยิ้มออกมา ฮั่วจือสิงจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ ตลอดเวลา เมื่อไ
“เอ่อ ผมไม่ได้อยากมา เป็นเหล่าไป๋ที่ต้องการจะมา!” เย่เชินรีบกันตัวเองออก ฮั่วจือสิงเหลือบมองไป๋จิ่งหยวนอย่างมืดมน “ไม่ใช่นะลูกพี่สาม ผม…” “นายไม่เพียงแต่ต้องการจะมา ยังบอกว่าอยากนั่งรถคันใหม่ของลูกพี่สาม!” “เหล่าเย่!” ไป๋จิ่งหยวนเต็มไปคำพูดที่ไม่อาจพูดกับเขาได้ ฮั่วจือสิงพูดออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ใช่บอกกับนายว่าหากไม่มีเรื่องอะไรก็อย่ามาเที่ยวเดินเล่นรอบ ๆ นี้? ถ้าชั่นชั่นเห็นแล้วจะทำยังไง!” “ผม…” ไป๋จิ่งหยวนอยากจะร้องไห้ออกมาโดยที่ไม่มีน้ำตา เย่เชินกดมุมปากลอบยิ้มออกมา “ช่างเถอะนายท่านสาม ตั้งแต่เล็กแล้วเขาก็ไม่ฉลาดมากนัก อย่ามาคิดแค้นกับเขาเลย!” ไป๋จิ่งหยวน “...” “ใช่แล้ว รถใหม่ของคุณนี่สวยมากจริง ๆ!” เย่เชินยิ้มออกมาเหมือนสุนัขจิ้งจอกเฒ่า “เป็นสายตาของเจียงชั่นสินะ?” มาตอนนี้ใบหน้าของฮั่วจือสิงถึงมีรอยยิ้มขึ้นมา เย่เชินพูดออกมา “สายตาของเจียงชั่นดีมากจริง ๆ นายท่านสาม รถที่คุณมีก่อนหน้านั้นมันดูจะใช้ประโยชน์ไม่ได้ สมรรถภาพของรถคันนี้ โดยเฉพาะสีเหมาะสมกับพี่มาก!” ใบหน้าของไป๋จิ่งหยวนเผยความดูถูกออกมาทันที ทว่าฮั่วจือสิงอารมณ์ดูไม่เลวเลย กระทั่งยังพูดออกมาว
“แต่ว่า…” ประโยคนั้นกำลังจะหลุดออกมา แต่ฮั่วจือซินกลับพูดไม่ออก ทำได้เพียงแค่กลืนน้ำลายอย่างแรง เรื่องแบบนี้นอกจากจะให้พี่ชายอธิบายกับเธอด้วยตัวเองแล้ว คนอื่นจะเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยไม่ได้ “เอาล่ะ” เจียงชั่นยิ้มออกมา แล้วบีบจมูกเธอเบา ๆ "ทำไมวันนี้เธอถึงได้ดูแปลก ๆ ไป? หรือเป็นเพราะว่ายังไม่ได้กินคุกกี้?" ฮั่วจือซินพยายามฝืนดึงมุมปากเอาไว้ แล้วเอาคุกกี้ออกมา กระดิ่งลมตรงประตูดังขึ้น ลูกค้าเข้ามาทีละคน เจียงชั่นก็เริ่มวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง วันนี้ก็เหมือนกับวันธรรมดาทั่ว ๆ ไป แสงอาทิตย์สาดส่องทั่วสนาม ภายในร้านเต็มไปกลิ่นหอมของกาแฟลอยอวลอยู่ ลูกค้าพากันพูดคุยถ่ายรูปที่นี่ไป ก่อนจะจากไปล้วนแต่ไม่ลืมที่จะให้คะแนนรีวิวดี ๆ ถึงแม้ว่าจะใกล้กับต้นฤดูใบไม้ร่วง แต่ดอกไอริสก็ยังคงบานสะพรั่ง หัวใจของเจียงชั่นเต็มไปด้วยความสุข ส่วนฮั่วจือซินนั้นมองเธอด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ และหวังว่าเธอจะสามารถมีความสุขแบบนี้ได้ตลอดไป ... ฮั่วจือสิงขับตรงไปตามแม่น้ำ ขับช้ามากและระมัดระวัง แม้แต่การกระแทกก็มีน้อยมาก ตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับของเจียงชั่น เขาไม่อนุญาตให้ใครนั่ง เพราะเหตุนี้ทั้งสองคนที่นั
ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วออกมา ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ฮั่วจือซินไม่คุ้นเคยกับโลกภายนอก ตั้งแต่เล็กจนโตก็เป็นเด็กดีมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามยิ่งเป็นเด็กสาวเช่นนี้ ก็ยิ่งพบเจอคนใจร้าย เขาสูดลมหายใจลึก ค่อนข้างจะปวดหัว นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งถึงได้ขับรถออกไป … ด้านนอกสมาคมส่วนตัวเมืองหยางเฉิง ซูเฉินก็รอติดต่อกันมาถึงเจ็ดวันแล้ว เขามาทุกวัน เพื่อขอพบฮั่วจ่านเฮ่อ ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ายืนไปจนถึงช่วงค่ำแปดนาฬิกา และถึงแม้ให้จะพูดเก่งอย่างไรแต่บอดี้การ์ดด้านนอกก็ยังคงมีใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ ฮั่วจ่านเฮ่อได้ยินชื่อของเขาก็หงุดหงิดขึ้นมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องพบเขาเลย และก็เป็นในตอนที่ซูเฉินใกล้จะสิ้นหวังแล้วนั้น พ่อบ้านก็เดินออกมารายงาน “ประธานซู คุณชายใหญ่มาเชิญคุณเข้าไป” ดวงตาของซูเฉินเป็นประกาย แล้วรีบวิ่งเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว พื้นที่ว่างในสวนด้านหลังสมาคมมีกรงเหล็ก ซูเฉินยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็รู้สึกได้ว่ามีกลิ่นเหม็นเน่าลอยมากลางอากาศ เขาตกใจเล็กน้อย ก่อนจะแข็งใจเดินต่อไป ทันใดนั้นก็พบว่ากรงเหล็กนั้นเลี้ยงนกอีแร้งเอาไว้สองตัว! ฮั่วจือเหยียนเล่นกับกำไลข้อมือ ในต
ฮั่วจือเหยียนตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบถ้วยชาบนโต๊ะแล้วทุบจนแตกละเอียด! “คุณ…คุณชายใหญ่อย่าเพิ่งโมโหไป!” ซูเฉินสูดลมหายใจเข้า แล้วมองสีหน้าเขาอย่างระมัดระวัง “คุณชายใหญ่หากว่าเชื่อผม ก็ให้เวลาผมสักไม่กี่วัน ผมจะไปตรวจสอบทุกอย่าง!” ดวงตาของฮั่วจือเหยียนเป็นประกายน่ากลัวและดุร้าย ก่อนจะยิ้มให้เขาจาง ๆ “พูดอย่างนี้ก็หมายความว่านายยินยอมเข้ามาพึ่งพาพวกเราแล้ว?” “เดิมทีผมก็ได้รับความช่วยเหลือจากนายท่านฮั่ว ก็ควรตอบแทน!” “นายหยุดพูดจาเสียไพเราะ!” ฮั่วจือเหยียนเป็นคนที่น่ารังเกียจ แน่นอนว่าคนที่น่ารังเกียจในใจต่างคิดอะไรกันอยู่ “เป็นเพราะว่าไป๋จิ่งหยวนไม่น่าเชื่อถือ นายต้องการเงิน ก็เลยขายข้อมูลนี้มาให้ฉัน!” “หากว่าไป๋จิ่งหยวนสามารถเติมเต็มให้นาย 300 ล้านได้ นายก็คงจะกลืนเรื่องเหล่านี้ลงท้องไปแล้วสินะ?” เหงื่อเย็นบนหัวไป๋จิ่งหยวนไหลซึมออกมามาก “แต่ว่านี่ก็ถือว่าเป็นข่าวดี…อย่างน้อยไอ้ฮั่วจือสิงเจ้าหมอนั่นก็ถืงเป็นจุดด่างพร้อยต่อหน้าฉัน” “ใช่ ใช่!” ซูเฉินยิ้มออกมา “เขาตัดสินใจแต่งงานเองโดยไม่ได้รับอนุญาต เดิมก็ถือเป็นกฏข้อห้ามใหญ่ของตระกูลฮั่ว!” “หญิงสาวคนนั้นหน้าตาเป็น
เจียงชั่นตะลึงไปชายหนุ่มคนนี้ช่วงนี้คงจะมีอารมณ์เปี่ยมล้นมากเป็นพิเศษ แล้วยังรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากเจียงชั่นยิ้มออกมา มือเล็กปิดปากเขาเอาไว้เบา ๆ“เรื่องมีความสุขแบบนี้ตัวเองรู้ก็พอแล้ว” เธอพูด “ไม่ต้องพูดออกมา พูดออกมาแล้วจะไม่ได้ผล!”“ที่รัก รอผมกลับมาครั้งนี้ ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณนิดหน่อย”เจียงชั่นมองท่าทีเคร่งขรึมของเขา ก็อดที่จะถามเขาไม่ได้ “เรื่องอะไร?”“อืม…พูดไปแล้วเรื่องมันยาว” เขาพูดเสียงขรึม “แต่งงานมาหนึ่งปีนี้ คุณยังไม่รู้เรื่องของที่บ้านผม อันที่จริงแล้วครอบครัวผมยังมีคนอื่นอยู่ เพียงแต่ว่าติดต่อกันน้อยมาก”เจียงชั่นรู้สึกสับสน ในตอนที่เธอแต่งงานสถานการณ์ที่เธอรู้ก็คือ ตระกูลกู้ตกต่ำ พ่อแม่ของกู้หม่างเสียชีวิตไปทั้งคู่ เขาเป็นอันธพาลที่ชอบสร้างปัญหาแต่ไม่คิดเลยว่าตระกูลกู้ยังมีคนอื่นอยู่ทว่าเมื่อคิด ๆ ไปก็ถูก ในตระกูลหากว่ามีญาติที่เคยติดคุกมาก่อน คนปกติแล้วเกรงว่าคงจะหลีกหนีให้ยิ่งห่างไปได้เท่าไรก็ยิ่งดีเจียงชั่นยิ้มออกมาจาง ๆ แล้วถามเธอเสียงอ่อนโยน “แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้มาพูดกับฉัน? คุณควรจะบอกฉันตั้งแต่เนิ่น ๆ ฉันสามารถไปเยี่ยมคนในครอบครัวกับคุณ!”
เจียงชั่นตะลึงไป เธอไม่ได้รู้จักคนจากหยางเฉิงเลย แล้วจดหมายเชิญนี่มันอะไรกัน? "คุณหนูรอง?" ป้าโจวทางปลายสายเร่งเธออีกครั้ง "ตกลงแล้วเมื่อไหร่คุณจะมารับมันไปคะ?" "อ๋อ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็แล้วกัน..." เจียงชั่นยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ได้ยินเสียงตอบอย่างเร่งรีบของป้าโจวออกมา ตามมาด้วยเสียงบ้าอำนาจของเจียงเหยา "ฉันเรียกเธอตั้งกี่รอบ หูหนวกไปแล้วหรือว่ายังไง! หากว่าทำงานที่นี้ต่อไม่ได้แล้ว ก็รีบกลับบ้านเก่าเธอไปซะ!" ป้าโจวรีบวางสายอย่างตื่นตระหนก เจียงชั่นได้ยินเสียงเร่งรีบเหล่านั้น ก็ส่ายหัวออกมาอย่างทำอะไรไม่ได้ "เมื่อกี้นี้เธอพูดสายกับใครอยู่?" สองมือของเจียงเหยากอดอยู่ตรงหน้าอก จ้องมองไปยังป้าโจวอย่างพินิจพิเคราะห์ ปกติป้าโจวก็หวาดกลัวเธออยู่แล้ว เมื่อถูกเธอถามเช่นนี้ ก็ยิ่งชะงักพูดไม่ออก สายตาของเจียงเหยามองต่อไป เห็นจดหมายในมือเธอเข้า "นั่นอะไร?" ใบหน้าป้าโจวแข็งค้าง คิดที่จะเอาไปหลบด้านหลังแต่ก็หลบไม่พ้น "เอาออกมา!" "คุณหนูใหญ่ นี่..." เมื่อดูท่าทีอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของป้าโจวแล้ว ในใจของเจียงเหยาก็ยิ่งรู้สึกรำคาญ ตรงเข้าไปข้างหน้าแล้วแย่งมาอย่างแรง! ป้าโจวทนไม่ได
เฮอะ คนที่โทรศัพท์เข้ามาเรียก "คุณเจียง" ทุกคำ แต่ว่าคุณเจียงของตระกูลนี้มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นก็คือเธอเจียงเหยา! ยังไงซะก็เป็นถึงคุณชายของตระกูลฮั่ว ไม่ว่าจะเป็นคุณชายใหญ่หรือว่าท่านสามฮั่ว หากว่าสามารถแต่งเข้าตระกูลฮั่วได้ ก็สามารถเป็นที่เชิดหน้าชูตาไปทั่วทั้งเจียงโจวกระทั่งไปจนถึงหยางเฉิง! เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้ ใบหน้าของเธอก็เผยท่าทีที่ดูดุร้ายแต่ได้ใจออกมา "ป้าโจว!" "คุณหนูใหญ่..." ป้าโจวรีบวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก ในตอนแรกหัวใจเธอก็เต้นแรง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเจียงเหยางดูเหมือนจะอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย "คุณหนูใหญ่มีอะไรจะสั่งเหรอค่ะ?" "โทรศัพท์กลับไป" เจียงเหยาเชิ่ดคางขึ้น "บอกคนทางด้านนั้นว่า ฉันสามารถให้ดีไซน์เนอร์เข้ามาวัดตัวฉันได้ตลอดเวลา!" "ยังมี โทรศัพท์ไปหาเจียงชั่น!" เธอเย้ยหยันออกมา "รอจนเมื่อดีไซน์เนอร์ทำชุดวันนั้นให้กับฉัน ฉันจะให้คนชั้นต่ำนั่นได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าฉันถูกคนตระกูลฮั่วรับตัวไป!" ... เจียงชั่นมาถึงประตูคฤหาสน์ตระกูลเจียงตามที่นัดเอาไว้ เธอยืนอยู่ตรงนั้นนาน ไม่อยากกดกริ่งประตู เพราะไม่ต้องการจะเดินเข้าไปในบ้านที่แต่เดิมก็ไม่ใช่ขอ
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั