เสียงดังสั่นสะเทือนกระทบเข้าไปในใจของเจียงชั่น เธอเงยหน้าขึ้นทันที เหลือบมองไปยังดวงตาอันเย็นชาของเจียงหมิงหย่วนโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ยกรอยยิ้มราวกับไม่ยิ้มออกมาพอออกจากห้องทำงาน เจียงชั่นยังไม่ทันได้เดินออกจากอาคารใหญ่ไป ก็ถูกเจียงเหยาดึงเอาไว้จากด้านหลัง“หยุดนะ!”เจียงชั่นหันกลับไป เจียงเหยาก็ตบหน้าเธอทันที!อย่างไรก็ตามเจียงชั่นที่มีเตรียมการป้องกันเอาไว้แล้วก็หลบอย่างรวดเร็ว เจียงเหยาไม่รอให้เสียเวลา ขณะที่คิดจะตบเข้ามาเป็นครั้งที่สอง เจียงชั่นก็ใช้แรงบีบข้อมือของเธอ!สายตาของเจียงเหยาดูดุร้าย แต่เจียงชั่นไม่ยอมถอยให้เลยแม้แต่น้อย จับเธอเหวี่ยงออกไปทันทีเอกสารคืนหุ้นตกกระจัดกระจายลงบนพื้น พื้นที่ว่างที่เจียงหมิงหย่วนไม่ได้เซ็นชื่อลงไป ดูทิ่มแทงเป็นพิเศษเจียงเหยาร้องตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งชั่วขณะนั้นอารมณ์ของเจียงชั่นดูซับซ้อนเล็กน้อยหากว่าคิดอีกมุมหนึ่ง หากว่าเธอกับหยิ่นเฉิงมีพ่อคนเดียวกัน ตั้งแต่เล็กจนโตเธอก็มองหยิ่นเฉิงไม่เข้าตา คิดหาทุกวิธีการที่จะทำให้เขาเกิดความลำบาก ถึงสุดท้ายแล้วกลับมารู้ว่าหยิ่นเฉิงไม่ใช่น้องชายของเธอ อย่างไรก็ตามแม่ก็ยังจะนำของที่เป็นของเธอมอบใ
“เอาล่ะ เลิกเล่นได้แล้ว!” เจียงชั่นปฏิเสธออกมาเบา ๆ มือเล็ก ๆ จับเขาเอาไว้ ฮั่วจื่อสิงยิ้มออกมา แล้วจูบตรงลำคอของเธอ แล้วระงับไฟที่ปะทุขึ้นมาลงไปทันที เขารู้ว่าเธอเป็นหญิงสาวหัวเก่าอนุรักษ์นิยม ไม่คุ้นเคยกับสถานที่ด้านนอกห้องนอน ดูเหมือนว่าต่อไปคงจะต้องสั่งสอนเธอดี ๆ เสียแล้ว... "สามี คุณนิ่งอึ้งอะไรกัน?" ฮั่วจือสิงเก็บความคิดกลับมา เลียริมฝีปากที่แห้งผากแล้วยิ้มให้กับเธอ "ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม?" "อืม!" "ที่รัก" เขาพูดเสียงกระซิบ "ปัญหาเรื่องหุ้นนี้คุณคิดอย่างไร?" เธอกัดริมฝีปาก ไม่รู้ว่าจะพูดกับเขาอย่างไรดี "หุ้นเพียงแค่นี้ไม่ได้มีค่ามากสักเท่าไร" เขาลูบผมของเธอ "คุณอยากได้ก็เก็บมันไว้ ไม่ต้องการก็ไม่ต้องรับมัน ไม่ต้องไปเป็นกังวล" "หุ้นแค่นี้?" เจียงชั่นยิ้มออกมาทันที "พูดเหมือนกับว่าคุณมีเงินมากเสียอย่างนั้นล่ะ! แม้แต่ ‘หุ้นเพียงแค่นี้’ ก็ไม่เห็นมันอยู่ในสายตา!"ฮั่วจือสิงยิ้มออกมาโดยที่ไม่พูดอะไร เจียงชั่นโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา น้ำเสียงดูแผ่วเบา "อันที่จริงแล้วฉันไม่ได้ทำเพื่อหุ้น...แต่ใช้ข้อตกลงในการคืนหุ้นนี้มาเพื่อทดสอบเขา" "ทดสอบ?"
"บวกกับเงินฝากก่อนหน้านั้นและยังมีเงินปันผลจากกองทุนอีก..." ดวงตาและคิ้วของเธอเผยความตื่นเต้นออกมา "สามี คุณลองทายดูว่าพวกเราจะมีเงินเท่าไรกัน!" ฮั่วจือสิงหัวเราะเบา ๆ แล้วส่ายหัว เจียงชั่นกระซิบพูดตัวเลขออกมา แล้วก็ดูมีความสุขมากเสียจนหุบปากไม่ได้ "สามี ในที่สุดฉันก็สามารถซื้อรถให้คุณได้แล้ว!" "อะไรนะ?" ฮั่วจือสิงหยุดตะเกียบที่อยู่ในมือ แล้วมองเธออย่างประหลาดใจ "ซื้อรถนะสิ!" เจียงชั่นพูดซ้ำออกมา "ฉันไม่ใช่ว่าบอกกับคุณเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วเหรอจะซื้อรถให้คุณ! เพียงแต่ในตอนนั้นฉันมีเงินเก็บไม่พอ" หัวใจของฮั่วจือสิงเต็มไปด้วยความอบอุ่น เหมือนจะเป็นในตอนที่เธอยังอยู่ในบริษัทนั้น ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขาย แม้แต่เงินเดือนก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากนั้นเธอก็พูดว่า ต่อไปจะกู้เงินซื้อบ้านหลังใหญ่ แล้วยังจะซื้อรถให้เขาคันหนึ่ง เขาจะได้ขับออกไปอย่างสะดวก เธอใช้เงินกับเขา ดูเหมือนว่าจะไม่เคยรู้สึกแย่เลย... ฮั่วจือสิงกุมมือเล็กของเธอเบา ๆ แล้วหันไปมองเธอ "ไม่ต้องซื้อให้ผมหรอก เอาเก็บไว้ให้แม่กับเสี่ยวเฉิงใช้" "ค่าใช่จ่ายของพวกเขาสองคนฉันเก็บเอาไว้แล้ว!" เจียงชั่นย
นั่นเป็นรถคันเล็ก ๆ ธรรมดา มีขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน พื้นที่ว่างไม่ค่อยมาก ราคาไม่เกินหนึ่งแสนบาท แม้แต่คนรับใช้ในตระกูลฮั่วก็ยังไม่ขับรถประเภทนี้ แต่ฮั่วจือสิงชอบมาก เพราะว่าเจียงชั่นเพียงแค่มองดวงตาก็เป็นประกาย เขาชอบประกายแสงในดวงตาของเธอ “สามี คุณคิดว่ายังไง?” เจียงชั่นคล้องแขนเขาเอาไว้อย่างใกล้ชิด ฮั่วจือสิงยิ้มออกมา “คุณชอบก็พอแล้ว” “ฉันชอบมาก แต่ว่านี่จะซื้อให้คุณ แน่นอนว่าคุณจะต้องชอบด้วย!” เจียงชั่นรู้ ชายหนุ่มมักจะมีความรู้สึกผูกพันเป็นพิเศษกับรถ รถก็เป็นเหมือนกับภรรยาอีกคนของเขา ก็จะต้องเลือกที่เขาชอบ “ฉันกับพี่อวี่ฉิงดูมาเยอะแล้ว รู้ว่ารถคันนี้ดูจากทุก ๆ ด้านแล้วก็เหมาะสมเป็นอย่างมาก! สามี คุณจะลองขับสักหน่อยไหม?” “ไม่ต้องแล้ว” ฮั่วจือสิงมองไปที่ดวงตาของเธอ “คันนี้เถอะ ผมชอบมาก” เจียงชั่นยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน จากนั้นก็มาปรึกษากันถึงสีรถ ถึงแม้สีดำจะดูเท่ห์ แต่เธอก็ยังหวังว่าเขาจะเลือกสีขาว ปกติแล้วมักจะไม่ใช่คนที่ยิ้มแย้มอะไร หากว่าขับรถคันสีดำเข้าอีกก็คงจะดูน่าหวาดกลัว ขณะที่พูดเธอเองก็ยิ้มออกมา ฮั่วจือสิงจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ ตลอดเวลา เมื่อไ
“เอ่อ ผมไม่ได้อยากมา เป็นเหล่าไป๋ที่ต้องการจะมา!” เย่เชินรีบกันตัวเองออก ฮั่วจือสิงเหลือบมองไป๋จิ่งหยวนอย่างมืดมน “ไม่ใช่นะลูกพี่สาม ผม…” “นายไม่เพียงแต่ต้องการจะมา ยังบอกว่าอยากนั่งรถคันใหม่ของลูกพี่สาม!” “เหล่าเย่!” ไป๋จิ่งหยวนเต็มไปคำพูดที่ไม่อาจพูดกับเขาได้ ฮั่วจือสิงพูดออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ใช่บอกกับนายว่าหากไม่มีเรื่องอะไรก็อย่ามาเที่ยวเดินเล่นรอบ ๆ นี้? ถ้าชั่นชั่นเห็นแล้วจะทำยังไง!” “ผม…” ไป๋จิ่งหยวนอยากจะร้องไห้ออกมาโดยที่ไม่มีน้ำตา เย่เชินกดมุมปากลอบยิ้มออกมา “ช่างเถอะนายท่านสาม ตั้งแต่เล็กแล้วเขาก็ไม่ฉลาดมากนัก อย่ามาคิดแค้นกับเขาเลย!” ไป๋จิ่งหยวน “...” “ใช่แล้ว รถใหม่ของคุณนี่สวยมากจริง ๆ!” เย่เชินยิ้มออกมาเหมือนสุนัขจิ้งจอกเฒ่า “เป็นสายตาของเจียงชั่นสินะ?” มาตอนนี้ใบหน้าของฮั่วจือสิงถึงมีรอยยิ้มขึ้นมา เย่เชินพูดออกมา “สายตาของเจียงชั่นดีมากจริง ๆ นายท่านสาม รถที่คุณมีก่อนหน้านั้นมันดูจะใช้ประโยชน์ไม่ได้ สมรรถภาพของรถคันนี้ โดยเฉพาะสีเหมาะสมกับพี่มาก!” ใบหน้าของไป๋จิ่งหยวนเผยความดูถูกออกมาทันที ทว่าฮั่วจือสิงอารมณ์ดูไม่เลวเลย กระทั่งยังพูดออกมาว
“แต่ว่า…” ประโยคนั้นกำลังจะหลุดออกมา แต่ฮั่วจือซินกลับพูดไม่ออก ทำได้เพียงแค่กลืนน้ำลายอย่างแรง เรื่องแบบนี้นอกจากจะให้พี่ชายอธิบายกับเธอด้วยตัวเองแล้ว คนอื่นจะเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยไม่ได้ “เอาล่ะ” เจียงชั่นยิ้มออกมา แล้วบีบจมูกเธอเบา ๆ "ทำไมวันนี้เธอถึงได้ดูแปลก ๆ ไป? หรือเป็นเพราะว่ายังไม่ได้กินคุกกี้?" ฮั่วจือซินพยายามฝืนดึงมุมปากเอาไว้ แล้วเอาคุกกี้ออกมา กระดิ่งลมตรงประตูดังขึ้น ลูกค้าเข้ามาทีละคน เจียงชั่นก็เริ่มวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง วันนี้ก็เหมือนกับวันธรรมดาทั่ว ๆ ไป แสงอาทิตย์สาดส่องทั่วสนาม ภายในร้านเต็มไปกลิ่นหอมของกาแฟลอยอวลอยู่ ลูกค้าพากันพูดคุยถ่ายรูปที่นี่ไป ก่อนจะจากไปล้วนแต่ไม่ลืมที่จะให้คะแนนรีวิวดี ๆ ถึงแม้ว่าจะใกล้กับต้นฤดูใบไม้ร่วง แต่ดอกไอริสก็ยังคงบานสะพรั่ง หัวใจของเจียงชั่นเต็มไปด้วยความสุข ส่วนฮั่วจือซินนั้นมองเธอด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ และหวังว่าเธอจะสามารถมีความสุขแบบนี้ได้ตลอดไป ... ฮั่วจือสิงขับตรงไปตามแม่น้ำ ขับช้ามากและระมัดระวัง แม้แต่การกระแทกก็มีน้อยมาก ตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับของเจียงชั่น เขาไม่อนุญาตให้ใครนั่ง เพราะเหตุนี้ทั้งสองคนที่นั
ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วออกมา ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ฮั่วจือซินไม่คุ้นเคยกับโลกภายนอก ตั้งแต่เล็กจนโตก็เป็นเด็กดีมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามยิ่งเป็นเด็กสาวเช่นนี้ ก็ยิ่งพบเจอคนใจร้าย เขาสูดลมหายใจลึก ค่อนข้างจะปวดหัว นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งถึงได้ขับรถออกไป … ด้านนอกสมาคมส่วนตัวเมืองหยางเฉิง ซูเฉินก็รอติดต่อกันมาถึงเจ็ดวันแล้ว เขามาทุกวัน เพื่อขอพบฮั่วจ่านเฮ่อ ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ายืนไปจนถึงช่วงค่ำแปดนาฬิกา และถึงแม้ให้จะพูดเก่งอย่างไรแต่บอดี้การ์ดด้านนอกก็ยังคงมีใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ ฮั่วจ่านเฮ่อได้ยินชื่อของเขาก็หงุดหงิดขึ้นมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องพบเขาเลย และก็เป็นในตอนที่ซูเฉินใกล้จะสิ้นหวังแล้วนั้น พ่อบ้านก็เดินออกมารายงาน “ประธานซู คุณชายใหญ่มาเชิญคุณเข้าไป” ดวงตาของซูเฉินเป็นประกาย แล้วรีบวิ่งเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว พื้นที่ว่างในสวนด้านหลังสมาคมมีกรงเหล็ก ซูเฉินยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็รู้สึกได้ว่ามีกลิ่นเหม็นเน่าลอยมากลางอากาศ เขาตกใจเล็กน้อย ก่อนจะแข็งใจเดินต่อไป ทันใดนั้นก็พบว่ากรงเหล็กนั้นเลี้ยงนกอีแร้งเอาไว้สองตัว! ฮั่วจือเหยียนเล่นกับกำไลข้อมือ ในต
ฮั่วจือเหยียนตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบถ้วยชาบนโต๊ะแล้วทุบจนแตกละเอียด! “คุณ…คุณชายใหญ่อย่าเพิ่งโมโหไป!” ซูเฉินสูดลมหายใจเข้า แล้วมองสีหน้าเขาอย่างระมัดระวัง “คุณชายใหญ่หากว่าเชื่อผม ก็ให้เวลาผมสักไม่กี่วัน ผมจะไปตรวจสอบทุกอย่าง!” ดวงตาของฮั่วจือเหยียนเป็นประกายน่ากลัวและดุร้าย ก่อนจะยิ้มให้เขาจาง ๆ “พูดอย่างนี้ก็หมายความว่านายยินยอมเข้ามาพึ่งพาพวกเราแล้ว?” “เดิมทีผมก็ได้รับความช่วยเหลือจากนายท่านฮั่ว ก็ควรตอบแทน!” “นายหยุดพูดจาเสียไพเราะ!” ฮั่วจือเหยียนเป็นคนที่น่ารังเกียจ แน่นอนว่าคนที่น่ารังเกียจในใจต่างคิดอะไรกันอยู่ “เป็นเพราะว่าไป๋จิ่งหยวนไม่น่าเชื่อถือ นายต้องการเงิน ก็เลยขายข้อมูลนี้มาให้ฉัน!” “หากว่าไป๋จิ่งหยวนสามารถเติมเต็มให้นาย 300 ล้านได้ นายก็คงจะกลืนเรื่องเหล่านี้ลงท้องไปแล้วสินะ?” เหงื่อเย็นบนหัวไป๋จิ่งหยวนไหลซึมออกมามาก “แต่ว่านี่ก็ถือว่าเป็นข่าวดี…อย่างน้อยไอ้ฮั่วจือสิงเจ้าหมอนั่นก็ถืงเป็นจุดด่างพร้อยต่อหน้าฉัน” “ใช่ ใช่!” ซูเฉินยิ้มออกมา “เขาตัดสินใจแต่งงานเองโดยไม่ได้รับอนุญาต เดิมก็ถือเป็นกฏข้อห้ามใหญ่ของตระกูลฮั่ว!” “หญิงสาวคนนั้นหน้าตาเป็น
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั