หลังอาหารเย็น เจียงชั่นหั่นผลไม้แล้วนำมาวาง จากนั้นจึงนั่งลงข้างกู้หม่างชายคนนั้นถือโทรศัพท์แล้วมองอย่างจดจ่อ เจียงชั่นโน้มตัวเข้าไปดูอย่างอยากรู้อยากเห็น คิดว่าเขากำลังเล่นเกม แต่ไม่คาดคิดว่าเขากำลังดูเว็บไซต์ภาษาต่างประเทศ หน้าจอเป็นภาพผู้คนสวมชุดสูทและเนคไท คาดเดาว่าคงเป็นบรรดานักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเจียงชั่นสะดุ้ง จากนั้นกู้หม่างก็หันหน้ามาทันที เจียงชั่นอยู่ใกล้มากจนเธอไม่ทันระวัง จมูกแทบจะแตะปลายจมูกของเขา ทั้งสองมองหน้ากันอย่างว่างเปล่า ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา แม้กระทั่งหัวใจก็เต้นแรง“มีอะไร?” กู้หม่างกระซิบถาม“ปะ… เปล่าค่ะ” เจียงชั่นนั่งข้างเขาตามเดิมอย่างงุ่มง่าม มือเล็ก ๆ ทั้งสองประสานกันด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “คุณกำลังดูข่าวอยู่เหรอคะ?”“ใช่ ข่าวการเงิน”“คุณสนใจเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”กู้หม่างหันหน้ากลับมาอีกครั้ง ดวงตาเฉียบคมราวนกอินทรีคู่นั้นดูเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “แล้วคุณคิดว่าคนที่เคยมีประวัติทะเลาะวิวาทจนติดคุกควรสนใจหรือเปล่าล่ะ?”“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย!” ใบหน้าของเจียงชั่นเปลี่ยนเป็นสีแดง “ฉันแค่รู้สึกประหลาดใจ ไม่ค
เจียงชั่นอึ้งอยู่พักหนึ่งหยิ่นเฉิงซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของปลายสายดีใจมาก บอกว่าไม่ใช่แค่มีเงินจ่ายค่ารักษาเท่านั้น แต่ตระกูลเจียงยังจัดการเปลี่ยนวอร์ดให้ด้วย แม่ของเขาถูกย้ายเข้าไปอยู่ในวอร์ด VIP ได้รับการดูแลอย่างสุดกำลัง และรักษาโดยยานำเข้าที่ทันสมัยที่สุด“พี่สาว ไม่น่าเชื่อเลยว่าพ่อของพี่จะยังคิดถึงแม่อยู่” หยิ่นเฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ผมไม่คุยกับพี่แล้วนะ ได้เวลาที่ผมต้องไปเรียนคลาสเย็นแล้ว!”“จริงด้วย พี่สาว อย่าลืมค่าหนังสือเรียนของผมล่ะ ผมเป็นคนเดียวในชั้นเรียนที่ยังไม่ได้จ่าย!”“อืม...” เจียงชั่นพึมพำตอบรับ เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเลยจนกระทั่งหยิ่นเฉิงวางสายไปเจียงเหยากลายเป็นคนมีมโนธรรมตั้งแต่เมื่อไร?เจียงหมิงหย่วนคิดถึงแม่ของเธอจริงเหรอ?ความเป็นไปได้เหล่านี้มีน้อยมากเมื่อนึกถึงทัศนคติที่ตระกูลเจียงมีต่อเธอในวันที่เธอกลับบ้าน เธอแทบไม่มีความหวังสำหรับสินสอดหนึ่งล้านห้าแสนกว่าบาทอีกต่อไปไม่นึกเลยว่า...เจียงชั่นรีบซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน ใส่สร้อยข้อมือกลับเข้าไปในกล่องอย่างระมัดระวัง แล้วเก็บมันเข้าที่โชคดีที่ตัดสินใจไม่ขาย!เธอหัวเราะ ไล้นิ้วเรียวยาวแตะ
ไป๋จิ่งหยวนตบต้นขาตัวเองฉาดใหญ่ ตระหนักว่าเขาได้ก่อปัญหาใหญ่เข้าแล้ว“ละ… เหล่าเย่ นายต้องช่วยฉันนะ!” ไป๋จิ่งหยวนไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ฉันไม่เคยคิดจะแก่งแย่งผู้หญิงกับลูกพี่สามเลยจริง ๆ! อีกอย่าง ผู้หญิงตัวเล็กผอมบางดูอ่อนแออย่างเจียงชั่นไม่ใช่สเปคฉันเลย! ลูกพี่สามต่างหากไปถูกใจอะไรเธอไม่รู้ ... "เย่เชินจิบชาแล้วยิ้มอย่างมีความหมายใช่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าคุณชายคนที่สามของตระกูลฮั่ว ผู้ซึ่งโดดเดี่ยวและไร้ความปรานีมาโดยตลอด นอกจากจะยอมสวมรอยเป็นนักเลงอย่างกู้หม่างเพื่ออยู่ที่นี่แล้ว ยังสนใจเด็กสาวตัวเล็กอย่างเจียงชั่นอีกด้วย“ลูกพี่สามบอกว่าเขาไม่ได้สนใจการแต่งงานครั้งนี้เลย เขาแค่เห็นมันเป็นละครฉากหนึ่งเพื่อปิดบังตัวตน…”“นายเชื่อสิ่งที่เขาพูดไหมล่ะ?” เย่เฉินกลอกตา “เราจะคอยดูก็แล้วกัน ฉันคิดว่าเจียงชั่นคนนี้ไม่ธรรมดา หึ ๆ บางทีถึงตอนนั้นแล้วลูกพี่สามของเราอาจจะไม่อยากกลับหยางเฉิงแล้วก็ได้!”…หลังอาหารกลางวัน กู้หม่างกล่าวกำชับให้เจียงชั่นอยู่บ้าน แล้วออกไปข้างนอกหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก ก่อนจะแต่งงานกับเจียงชั่น เขามักจะเดินขึ้นภูเขาไปตามเส้นทางในหม
“สะใภ้ใหม่คนสวย ทำขนมเปี๊ยะน้ำตาลเป็นหรือเปล่าจ๊ะ?”ผู้ชายหลายคนมารวมตัวกันที่หน้าบ้านของกู้หม่าง ส่งยิ้มโลมเลียร้ายกาจไปทางเจียงชั่นที่จริงมีชาวบ้านคนอื่น ๆ เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว แต่เพราะพวกอันธพาลกลุ่มนี้มีชื่อเสียงฉาวกระฉ่อน ทำให้ไม่มีใครเต็มใจที่จะเดินลุยลงไปในโคลนตมเพื่อช่วยหญิงสาวพวกเขาได้แต่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ ด้วยสายตาแล้งน้ำใจสิ่งเดียวที่ควรตำหนิ คือเจียงชั่นสวยขนาดนี้ กู้หม่างกลับประมาททิ้งภรรยาสาวสวยไว้ที่บ้านเพียงลำพัง แล้วจะไม่ให้พวกคนเลวฉวยโอกาสได้อย่างไร?หัวใจของเจียงชั่นเต้นแรง ใบหน้าของเธอซีดเซียว แต่ก็ยังคงพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่“ได้ยินมาว่าเจ้าสาวคนใหม่เป็นคุณหนูจากตระกูลร่ำรวยไม่ใช่เหรอ?”“ไม่น่าแปลกใจเลย ลูกคุณหนูผู้ร่ำรวยไหนเลยจะเคยเข้าครัว เธอจะทำขนมเปี๊ยะน้ำตาลเป็นได้ยังไง?!”“เจ้าสาวคนใหม่ เธอคงไม่เข้าใจธรรมเนียมของหมู่บ้านเราสินะ?”ดวงตาของนักเลงคนหนึ่งจับจ้องไปที่เรือนร่างของเจียงชั่น“ผู้หญิงคนไหนก็ตามที่แต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ของหมู่บ้านเรา จะต้องเข้าครัวทำขนมเปี๊ยะน้ำตาลด้วยตัวเอง แล้วเอาออกไปแจกจ่ายให้ทุกครัวเรือน! เธอแต่งงานมาห
”ไม่เป็นไร ผมอยู่นี่แล้ว”กู้หม่างขอให้เธอเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตูเจียงชั่นทำตามอย่างเชื่อฟัง แต่กู้หม่างไม่ได้ตามเข้าไปในบ้าน เธอได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมอยู่ข้างนอก ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้ชายที่ส่งเสียงโหยหวนอยู่นานเธอมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าพวกอันธพาลต่างเดินโซเซ หลังจากถูกกู้หม่างทุบตีสั่งสอน จมูกของพวกเขาฟกช้ำ ใบหน้าบวม บางคนคุกเข่าลงกับพื้นและขอความเมตตาผืนหญ้าในสวนเต็มไปด้วยคราบเลือดดูเหมือนกู้หม่างจะยังไม่พอใจ เขาหยิบไม้หน้าสามที่เธอเพิ่งใช้ฟาดชายคนหนึ่งขึ้นมาฟาดขาอันธพาลตรงหน้า…“ถ้ากล้ามาก่อกวนภรรยาฉันอีก คราวหน้าไม่ใช่แค่ขาแน่ที่หัก!” เสียงของกู้หม่างเย็นชามาก ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยความโหดร้ายพวกอันธพาลสองสามคนรีบวิ่งหนีไปพร้อมกับฉี่รดกางเกงเจียงชั่นซ่อนตัวอยู่หลังประตู พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสงบหัวใจที่เต้นรัว แม้แต่การหายใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นไม่ผ่อนลงเลยเวลานี้กู้หม่างเดินกลับเข้ามา เธอเห็นคราบเลือดแห้งบนเสื้อเขา เธอเม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอะไรสักคำ“เมื่อกี้ผมทำให้คุณกลัวหรือเปล่า?” กู้หม่างก้าวไปข้างหน้าและลูบไหล่เธอเบา ๆ ด้วยฝ่ามือใหญ่ของตัวเองเจ
ทั้งสองตกตะลึงครู่หนึ่งพร้อมกันกู้หม่างขยิบตาให้เจียงชั่น บอกให้เธอกลับไปในห้องแล้วเขาไปเปิดประตูด้วยตัวเองที่ยืนอยู่ข้างนอกคือเสิ่นเซียว ที่มีสีหน้ากังวล“กู้หม่าง ฉันได้ยินมาว่านายมีเรื่องกับพวกอันธพาล...” ก่อนเขาจะพูดจบ ก็เหลือบไปเห็นคราบเลือดบนตัวกู้หม่าง อดไม่ได้ที่จะกลั้นอาการหายใจไม่ออก “โอพระเจ้า มันเป็นเรื่องจริง!”“ก็แค่พวกอันธพาลพวกเดียว” กู้หม่างพูดอย่างสงบเยือกเย็น “แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรง พวกนั้นไม่ตายหรอก”“ไม่ร้ายแรงเหรอ?” เสิ่นเซียวดึงคอเสื้อเขาแล้วโน้มตัวเข้ามาพูดเสียงดัง “เขาถูกตีจนอวัยวะภายในแตก! ตอนนี้เขาต้องถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลในเมืองเจียงโจว!”กู้หม่างขมวดคิ้ว แต่สีหน้ายังคงไม่แสดงออกถ้าถามกลับว่าใครให้พวกเขากล้ามาลวนลามเจียงชั่นก่อนล่ะ? แค่ตีจนเกือบตายก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงหรือใหญ่อะไรเลย“ยังไม่พอ มีอีกคนที่นายหักขาเขาด้วย?” เสิ่นเซียวพูดด้วยความวิตกกังวล “นายรู้ไหมว่าพ่อเจ้าพวกนั้นคือใคร…”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันที่ไม่ใช่พ่อพวกมันล่ะ”“โธ่ เพื่อน พวกนั้นก็จะมาแก้แค้นนายน่ะสิ!”กู้หม่างถอดเสื้อออก โยนเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือดลงด้านข้าง ก่อนหยิบ
การประชุมเช้าวันนี้อึดอัดมากเจียงชั่นรู้สึกถึงการจ้องมองอย่างคลุมเครือจากฟางจินหยางที่จ้องเธออยู่ รู้สึกว่าดวงตาไม่เป็นมิตรของเฉิงเซียวเซียวก็เฉียบคมราวกับใบมีดด้วยเช่นกันหลังการประชุม ก่อนฟางจินหยางจะเข้ามาคุยกับเธอ เธอยิ้มอย่างสุภาพ และรีบหาข้ออ้างเพื่อออกจากห้องประชุมไปก่อนก่อนเดินออกจากห้อง เธอได้ยินเสียงโกรธของเฉิงเซียวเซียวดังมาจากข้างใน “คุณเป็นอะไรไป? คุณไม่อาจละสายตาไปจากนังขี้เหร่นั่นได้เลยใช่ไหม! คงจริงสินะที่หมาเปลี่ยนสันดานชอบกินขี้หมาตัวอื่นไม่ได้!”หัวใจของเจียงชั่นเต้นรัวเมื่อได้ยินเมื่อเล่าเรื่องนี้ให้หลินอวี่ฉิงฟังตอนพักเที่ยง เธอรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้เกิดขึ้น บริษัทขนาดใหญ่ที่เพิ่งเปิดตัว กลับมีศัตรูของเจียงชั่นถึงสองคน“ตอนนี้เราเห็นหน้ากันหมดแล้ว ก็มีแต่ควรระวังตัวและรับมือสถานการณ์ข้างหน้าให้ดี” หลินอวี่ฉิงกระซิบ “ชั่นชั่น ฉันอยู่ฝ่ายขายและไม่ได้มีอำนาจอะไร ซึ่งฉันจะออกรับหน้าแทนเธอไม่ได้ทุกครั้งไป และเฉิงเซียวเซียว ลุงของเธอเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โดยปกติแล้วเธอมักฝักใฝ่ในอำนาจ… การจะรับมือเธอไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ฝ่ายขายเป็นหนึ่งในแผนกที่สำคัญที่สุดของบริษัท” เฉิงเซียวเซียวจงใจเยาะเย้ยในระหว่างการประชุมวาระปกติของบริษัท “ถ้าบางคนไม่มีความสามารถในการขายจริง ๆ คงดีมาก ถ้าไม่ยึดเกาะตำแหน่งนี้ไว้แล้วลาออกไปซะ จะได้เปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถจริง ๆ เข้ามาทำงานแทน!”"บริษัทของเราไม่ใช่สถานที่สำหรับอยู่ไปวัน ๆ รอเกษียณ ทุกคนควรตระหนักเรื่องนี้ไว้ให้ดี คนที่ได้รับคำสั่งแต่ทำตามไม่ได้ ไม่ควรได้รับแม้กระทั่งเงินเดือนพื้นฐานด้วยซ้ำ กรุณาคิดให้รอบคอบเกี่ยวกับทางเลือกในอนาคตด้วยนะคะ!"เจียงชั่นก้มหน้าลง ปมระหว่างคิ้วไม่คลายออกจากกันตลอดทั้งช่วงบ่ายยังไม่พอ เมื่อเธอกลับถึงบ้านหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน เธอเห็นกู้หม่างนั่งอยู่บนโซฟา ดูโทรศัพท์มือถือไม่ละสายตา ทำตัวเหมือนลุงขี้เกียจ ห้องครัวว่างเปล่า เขาไม่มีแม้แต่น้ำร้อนด้วยซ้ำเห็นแบบนั้นแล้ว เจียงชั่นไม่สามารถอดทนเก็บซ่อนความคับข้องใจที่เก็บเอาไว้มาเป็นเวลานานได้จริง ๆ“คุณ… คุณไม่ได้ทำกับข้าวหรอกเหรอ?”กู้หม่างตกใจละสายตาจากโทรศัพท์ผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าแก้มแดงเรื่อ หายใจหอบถี่ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจ ดวงตากลมโ
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั