ฉางเฮิ่นเทียนก้มศีษะลง และพูดด้วยใบหน้าที่นอบน้อม “แม้เอาความกล้าทั้งสิบชาติของผู้เยาว์มารวมกัน ผู้เยาว์ก็ไม่อาจปิดบังผู้อาวุโสได้ขอรับ”ผู้อาวุโสหันทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดว่า “ฮั่วเทียนเฉิงไปยังเป่ยไห่และหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้ข้าจึงต้องมาเชิญอินชิงเสวียนด้วยตัวเอง”ฉางเฮิ่นเทียนถามลองเชิงว่า “ผู้อาวุโสไม่คิดจะพาเย่จิ่งอวี้ไปด้วยหรือขอรับ? ผู้อาวุโสของอิ๋นเฉิงเคยพูดว่า บางทีชายสกุลเย่อาจเป็นคนสำคัญในการเปิดวิถีแห่งสวรรค์”ผู้อาวุโสหันเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา“หากเจ้าและเขามีความแค้นต่อกัน เจ้าก็ไปจัดการด้วยตัวเอง หากมีคนในอิ๋นเฉิงรู้เรื่องนี้จริง ทำไมพวกเขาไม่ไปตามหาด้วยตัวเองเล่า ต่อไปอย่าได้พูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้อีก”ฉางเฮิ่นเทียนสั่นไปทั้งตัว“ผู้อาวุโส... ของพวกเราพูดเช่นนี้จริงๆ ขอรับ ส่วนเรื่องอื่นๆ... ผู้เยาว์ก็ไม่อาจทราบได้”เมื่อผู้อาวุโสหันจ้องหน้า ฉางเฮิ่นเทียนก็หุบปากในทันทีขณะเดียวกันนั้น ร่างที่สวมชุดสีดำกฌเดินขึ้นไปบนชั้นสองพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “พนักงาน ข้าขอสั่งสุราหนึ่งไห”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย ผู้อาวุโสหันก็หันหน้ามาทันที ทัน
เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นต่างก็มองออกไปนอกตำหนักโหราจารย์ใบหน้ายิ้มแย้ม มีรอยยิ้มที่มุมปากเมื่อแต่งตั้งฮองเฮาแห่งต้าโจวแล้ว จึงจะเกิดความสมดุลปรองดองของยินหยางที่แท้จริง ส่วนเรื่องการโยกย้ายวังหลัง แม้ฝ่าบาทไม่มีพระราชโองการเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ทุกคนก็รู้แก่ใจดีแต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังคิดเพ้อฝันอยู่ ในเมื่อฝ่าบาทไม่ได้ประกาศต่อประชาชนใต้หล้า ก็เท่ากับว่ายังไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้สิ้นซาก ไม่แน่ว่าเป็นการตัดสินใจเพียงชั่ววูบ ขอเพียงลูกสาวของตัวเองยังอยู่ที่นี่ ก็นับว่ายังมีโอกาสฉินไห่ฉิวและหานสือมองหน้ากันและพยักหน้าต้าโจวมีฮองเฮาที่ดีเช่นนี้ ฝ่าบาทจะต้องทุ่มกำลังสร้างสรรค์ประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง ปกครองประเทศชาติเป็นอย่างดี ราวกับว่าทั้งสองคนเห็นว่าในอนาคตไม่ไกลนี้ ต้าโจวมีเกิดความเจริญรุ่งเรืองทุกคนต่างคิดเรื่องของตัวเอง อินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้ก็เดินเข้าไปในตำหนักพวกเขาทั้งสองเดินไปจนถึงแท่นมังกรที่ฝังไว้ด้วยลูกปัดโค้งมังกรเก้าเม็ด จากนั้นก็ค่อยๆ หันกลับมาแล้วมองไปที่เหล่าขุนนางหลี่เต๋อฝูหยิบพระราชโองการมาทันที และคุกเข่าอ่านเสียงดัง“ฝ่าบาทมีวีถีธรรมสูง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่จิ่งอวี้ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกยาวเขาเข้าใจความรู้สึกของเย่จั้นเป็นอย่างดี หากตัวเองสูญเสียรักแท้ไป คงต้องออกไปตามหาโดยไม่สนใจอะไรเลยเหมือนอย่างเขา เสด็จอาอดกลั้นเพื่อต้าโจวมานานหลายปี ถึงเวลาที่เขาจะไปทำตามหัวใจตัวเองแล้วเขาโน้มเอวลงพยุงเย่จั้นลุกขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเช่นกัน“ในเมื่อเสด็จอาดื้อรั้นที่จะไป หากข้ารั้งเอาไว้ก็ดูเป็นคนไร้เหตุผล หวังเพียงให้เสด็จอาเดินทางราบรื่น สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา หากมีเวลาว่างก็หวังว่าเสด็จอาจะกลับมาที่เมืองหลวง ไม่ว่าเกียรติยศจะสูงส่งแค่ไหน กาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปเท่าใด ความรักระหว่างของเราสองอาหลานของฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”เย่จั้นเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เด็ดเดี่ยวหนักแน่นก็แดงขึ้นเล็กน้อยเขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น“หม่อมฉันจะจดจำคำพูดนี้ของฝ่าบาทเอาไว้ แม้อยู่ห่างไกลกันเพียงใด ต้องกลับมาพบกันสักวัน!”เมื่อมองใบหน้าที่ใจดีที่สุดในความทรงจำ เย่จิ่งอวี้ก็มีเสียงสะอื้นเล็กน้อย“ได้สิ ข้าจะรอวันที่เสด็จอากลับมา!”เย่จั้นใช้แรงกุมมือของเขาไว้“อาอวี้ ดูแลตัวเองให้ดี!”พูดจบก็หันหลังเดินออกจากตำหนักเฉิงเ
“หา!”อินชิงเสวียนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ“ทำไม... ทำไมถึงไปไวขนาดนี้?”นางคิดว่าตอนที่ไปส่งเย่จั้น จะมอบน้ำพุวิญญาณให้เขา เพื่อใช้ในเวลาที่ต้องการวันที่ตัวเองและเย่จิ่งอวี้ไม่ได้อยู่ในวัง เย่จั้นก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจไม่น้อย เมื่อได้ยินข่าวว่าเขาไปจากเมืองหลวงกะทันหันเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกหว้าเหว่ในหัวใจเย่จิ่งอวี้ถอนหายใจเบาๆ และพูดว่า “เสด็จอาคิดจะไปตามหาอินหลี เรงว่าคิดเอาไว้นานแล้ว แต่เพราะต้องแบกรับภาระหนักในราชวงศ์ ตอนนี้เจียงวูพ่ายแพ้ ภัยแล้งถูกแก้ไข เจ้าและข้ามีการพํฒนาอย่างมากก็เพราะน้ำพุวิญญาณ นี่คงเป็นเหตุผลที่เสด็จอาจากไปอย่างไว้วางใจแล้ว”เมื่อดมเส้นผมที่มีกลิ่นหอมของนาง อารมณ์ที่วุ่นวายของเย่จิ่งอวี้ก็สงบลงอินชิงเสวียนตบเบาๆ ที่นิ้วอันเรียวยาวของเขา“ในเมื่อเสด็จอาตัดสินใจแล้ว อาอวี้ก็อย่าคิดมากเลย หวังว่าเสด็จอาจะสมความปรารถนา ตามหาอินหลีได้โดยเร็ว”“เสวียนเอ๋อร์พูดถูกต้อง เมื่อมีความเชื่อมั่นก็ต้องได้รับผลตามมา ข้าก็เชื่อว่าเสด็จอาจะต้องสมหวังดังใจปรารถนา”เย่จิ่งอวี้สะบัดชุดคลุมและลุกขึ้นยืน“ข้าล่าช้ามาครู่หนึ่งแล้ว ควรไปพบเหล่าขุนนางแล้วล
อินชิงเสวียนสงบลงอย่างรวดเร็ว การที่อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือในทันที หมายความว่าทุกอย่างยังมีความเป็นไปได้ที่จะประนีประนอมกัน นางต้องพาลูกชายกลับมาก่อนตั้งแต่เมื่อครู่ นางได้ใช้ทักษะช่วงชิงโชคลาภกับผู้อาวุโสหันแล้ว คนผู้นี้ลงมือกับเด็กตั้งแต่แรก ต้องไม่ใช่คนดีแน่นอน!วิทยายุทธ์ที่ไม่รู้จักหลายอย่างได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของนาง แต่นางไม่กล้าลงมืออย่างผลีผลาม เพราะลูกยังอยู่ในมือของชายชราผู้นี้อยู่“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสท่านนี้มาหาผู้เยาว์ด้วยเรื่องอันใด โปรดมอบจ้าวเอ๋อร์ให้ข้าด้วย หากผู้อาวุโสต้องการอะไร ผู้เยาว์จะพยายามอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่”สำหรับคนทั่วไป วังหลวงได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวดกวดขัน แข็งแกร่งดั่งหินผา แต่สำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญฌานตบะเหล่านี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์อารักขาก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยอินชิงเสวียนรู้เหตุผลข้อนี้ดี พยายามทำตัวสุภาพให้มากที่สุดแต่ไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นเทพเซียนมาจากแห่งใด ในระหว่างการสู้รบในเป่ยไห่ สำนักในจงหยวนที่อินชิงเสวียนรู้จักเกือบทั้งหมดนั้น กลับไม่เคยเห็นชายชราตรงหน้าเลยผู้อาวุโสหันพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่ข้ามาหาเจ้าเพราะมีธุระบางอย่างจริงๆ ในเมื
อินชิงเสวียนไม่เชื่อคำโกหกของเขาเลย คิดแค่จะชิงตัวเสี่ยวหนานเฟิงกลับคืนมาเมื่อครู่นางพยายามเอาตัวเสี่ยวหนานเฟิงเข้าไปในมิติ แต่ระบบยังคงแจ้งเตือนว่า ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปก่อนที่ผู้อาวุโสหันจะบีบบังคับด้วยกำลัง นางต้องหลอกเอาตัวเสี่ยวหนานเฟิงออกมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นมิติจะสามารถเปิดได้หรือไม่นั้น ยังเป็นปัญหาอยู่ นางมองไปที่เสี่ยวหนานเฟิง เห็นว่าชายชราจับเขาไว้ด้วยท่าทางสบาย จากนั้นจึงขยิบตากับลูก บอกเสี่ยวหนานเฟิงว่าไม่ต้องกลัว มีแม่อยู่เสี่ยวหนานเฟิงก็รู้ความยิ่งนัก ด้วยมือเล็กป้อมคู่นั้นจับเสื้อของผู้อาวุโสหันไว้แน่น รอให้เสด็จแม่มาช่วยตัวเองอินชิงเสวียนละสายตาจากลูกชาย ถามอย่างแสร้งทำเป็นประหลาดใจว่า “ผู้อาวุโสท่านพูดจริงหรือนี่? ถ้าท่านแม่ของข้ามาจากตำหนักเทพจริง แล้วตำหนักเทพเป็นสถานที่เช่นไรหรือเจ้าคะ”“ข้าก็อายุปูนนี้แล้ว จะหลอกเด็กอย่างเจ้าได้อย่างไร ตำหนักเทพหอทองคำเป็นสำนักสันโดษที่แท้จริง ยังดำรงอยู่ในระดับสุดยอดที่สุดในยุทธจักร”ผู้อาวุโสหันพูดประโยคนี้อย่างค่อนข้างภาคภูมิใจ แล้วพูดอย่างใจดี “เด็กน้อย กลับไปกับข้าเถิด ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเจ้าคือหวังให
“ท่านผู้อาวุโสเจ้าคะ เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ โปรดวางจ้าวเอ๋อร์ลงด้วย หากเสียงร้องของเด็กดึงดูดเหล่าทหารองครักษ์ วันนี้คงไม่จบลงด้วยดีอย่างแน่นอน ในเมื่อผู้อาวุโสมาจากสำนักสันโดษ คิดว่าประจักษ์แจ้งในวิถีทางแห่งสวรรค์แล้ว คงรู้ว่าการเข่นฆ่าจี้ปล้นเป็นภัยต่อการบำเพ็ญตน คิดว่าผู้อาวุโสคงไม่ต้องการให้กลายเป็นเช่นนั้น ตราบใดที่ท่านเต็มใจมอบจ้าวเอ๋อร์คืนให้ผู้เยาว์ ผู้เยาว์จะให้คำตอบแก่โดยเร็วที่สุดแน่นอน”ร่างของอินชิงเสวียนหายวับ แล้วมาปรากฏอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสหันชายชราเจอตำหนักจินหวูได้อย่างไรนั้น อินชิงเสวียนไม่อยากถามให้มากความอีกแล้ว ในเมื่อเขามีวรยุทธ์ยอดเยี่ยมเช่นนี้ การจะถามตำแหน่งที่อยู่ของตัวเองจากขันทีหรือนางกำนัลนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องยากเลยแต่ว่า เหตุใดเขาถึงรู้เรื่องพวกนี้อินชิงเสวียนนึกสงสัยอยู่ครามครัน สีหน้าของผู้อาวุโสหันอ่อนลงชั่วขณะ รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากอีกครั้ง“เจ้าพูดถูก ข้าไม่สังหารโดยไม่เลือกหน้าอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขความมีเหตุมีผลของเจ้า ผลลัพธ์จะดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าเลือกอย่างไร”อินชิงเสวียนสะกดอารมณ์ความโกรธแล้วถามว่า “ในเมื่
อินชิงเสวียนรู้สึกว่าบริเวณอกถูกดันอย่างแรง รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งทรวงอก หายใจลำบากเหงื่อกาฬหยดจากหัวลงมา นางเป็นเหมือนปลาใกล้ตาย หายใจเฮือกๆ อย่างเหนื่อยหอบ“ว่าอย่างไร เจ้าคิดได้แล้วหรือไม่”ผู้อาวุโสหันถามอย่างเนิบช้า อินชิงเสวียนกำนิ้วอย่างอดไม่ได้ นางควรทำอย่างไรดีนะหรือจะตามตาเฒ่าท่าทางแปลกๆ คนนี้ไปจริงๆ?เขาดูไม่ใช่คนดีชัดๆวรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ต่อให้เย่จิ่งอวี้จะมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะเพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตเท่านั้นในใจยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้น ถ้ารู้แต่แรก ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่นำน้ำพุวิญญาณออกมานางมองคนในโลกนี้เรียบง่ายเกินไป คิดเสมอว่าพวกเขาคงไม่เชื่อเรื่องลึกลับพิสดารเช่นนี้ แต่ยังมีคนที่รู้จักอยู่ด้วยความสิ้นหวังพลันปะทุขึ้นในใจของนาง จู่ๆ อินชิงเสวียนรู้สึกท้อแท้ทันทีดูเหมือนว่านางถูกกำหนดให้ไร้วาสนากับต้าโจว!ในเวลานี้ เสียงนุ่มนิ่มแบบเด็กๆ ของเสี่ยวหนานเฟิงดังมาจากด้านบน“เสด็จแม่ๆ ลูกอยากไปหาเสด็จแม่”หลังจากรอมาตั้งนาน เสด็จแม่ก็ไม่มาอุ้มตัวเองเสียที เสี่ยวหนานเฟิงก็เริ่มร้อนใจ เตะเท้าเล็กๆ อย่างกระสับกระส่ายเสียงของลูกชาย ทำให้อินช
อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก
ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ