“หา!”อินชิงเสวียนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ“ทำไม... ทำไมถึงไปไวขนาดนี้?”นางคิดว่าตอนที่ไปส่งเย่จั้น จะมอบน้ำพุวิญญาณให้เขา เพื่อใช้ในเวลาที่ต้องการวันที่ตัวเองและเย่จิ่งอวี้ไม่ได้อยู่ในวัง เย่จั้นก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจไม่น้อย เมื่อได้ยินข่าวว่าเขาไปจากเมืองหลวงกะทันหันเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกหว้าเหว่ในหัวใจเย่จิ่งอวี้ถอนหายใจเบาๆ และพูดว่า “เสด็จอาคิดจะไปตามหาอินหลี เรงว่าคิดเอาไว้นานแล้ว แต่เพราะต้องแบกรับภาระหนักในราชวงศ์ ตอนนี้เจียงวูพ่ายแพ้ ภัยแล้งถูกแก้ไข เจ้าและข้ามีการพํฒนาอย่างมากก็เพราะน้ำพุวิญญาณ นี่คงเป็นเหตุผลที่เสด็จอาจากไปอย่างไว้วางใจแล้ว”เมื่อดมเส้นผมที่มีกลิ่นหอมของนาง อารมณ์ที่วุ่นวายของเย่จิ่งอวี้ก็สงบลงอินชิงเสวียนตบเบาๆ ที่นิ้วอันเรียวยาวของเขา“ในเมื่อเสด็จอาตัดสินใจแล้ว อาอวี้ก็อย่าคิดมากเลย หวังว่าเสด็จอาจะสมความปรารถนา ตามหาอินหลีได้โดยเร็ว”“เสวียนเอ๋อร์พูดถูกต้อง เมื่อมีความเชื่อมั่นก็ต้องได้รับผลตามมา ข้าก็เชื่อว่าเสด็จอาจะต้องสมหวังดังใจปรารถนา”เย่จิ่งอวี้สะบัดชุดคลุมและลุกขึ้นยืน“ข้าล่าช้ามาครู่หนึ่งแล้ว ควรไปพบเหล่าขุนนางแล้วล
อินชิงเสวียนสงบลงอย่างรวดเร็ว การที่อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือในทันที หมายความว่าทุกอย่างยังมีความเป็นไปได้ที่จะประนีประนอมกัน นางต้องพาลูกชายกลับมาก่อนตั้งแต่เมื่อครู่ นางได้ใช้ทักษะช่วงชิงโชคลาภกับผู้อาวุโสหันแล้ว คนผู้นี้ลงมือกับเด็กตั้งแต่แรก ต้องไม่ใช่คนดีแน่นอน!วิทยายุทธ์ที่ไม่รู้จักหลายอย่างได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของนาง แต่นางไม่กล้าลงมืออย่างผลีผลาม เพราะลูกยังอยู่ในมือของชายชราผู้นี้อยู่“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสท่านนี้มาหาผู้เยาว์ด้วยเรื่องอันใด โปรดมอบจ้าวเอ๋อร์ให้ข้าด้วย หากผู้อาวุโสต้องการอะไร ผู้เยาว์จะพยายามอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่”สำหรับคนทั่วไป วังหลวงได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวดกวดขัน แข็งแกร่งดั่งหินผา แต่สำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญฌานตบะเหล่านี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์อารักขาก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยอินชิงเสวียนรู้เหตุผลข้อนี้ดี พยายามทำตัวสุภาพให้มากที่สุดแต่ไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นเทพเซียนมาจากแห่งใด ในระหว่างการสู้รบในเป่ยไห่ สำนักในจงหยวนที่อินชิงเสวียนรู้จักเกือบทั้งหมดนั้น กลับไม่เคยเห็นชายชราตรงหน้าเลยผู้อาวุโสหันพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่ข้ามาหาเจ้าเพราะมีธุระบางอย่างจริงๆ ในเมื
อินชิงเสวียนไม่เชื่อคำโกหกของเขาเลย คิดแค่จะชิงตัวเสี่ยวหนานเฟิงกลับคืนมาเมื่อครู่นางพยายามเอาตัวเสี่ยวหนานเฟิงเข้าไปในมิติ แต่ระบบยังคงแจ้งเตือนว่า ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปก่อนที่ผู้อาวุโสหันจะบีบบังคับด้วยกำลัง นางต้องหลอกเอาตัวเสี่ยวหนานเฟิงออกมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นมิติจะสามารถเปิดได้หรือไม่นั้น ยังเป็นปัญหาอยู่ นางมองไปที่เสี่ยวหนานเฟิง เห็นว่าชายชราจับเขาไว้ด้วยท่าทางสบาย จากนั้นจึงขยิบตากับลูก บอกเสี่ยวหนานเฟิงว่าไม่ต้องกลัว มีแม่อยู่เสี่ยวหนานเฟิงก็รู้ความยิ่งนัก ด้วยมือเล็กป้อมคู่นั้นจับเสื้อของผู้อาวุโสหันไว้แน่น รอให้เสด็จแม่มาช่วยตัวเองอินชิงเสวียนละสายตาจากลูกชาย ถามอย่างแสร้งทำเป็นประหลาดใจว่า “ผู้อาวุโสท่านพูดจริงหรือนี่? ถ้าท่านแม่ของข้ามาจากตำหนักเทพจริง แล้วตำหนักเทพเป็นสถานที่เช่นไรหรือเจ้าคะ”“ข้าก็อายุปูนนี้แล้ว จะหลอกเด็กอย่างเจ้าได้อย่างไร ตำหนักเทพหอทองคำเป็นสำนักสันโดษที่แท้จริง ยังดำรงอยู่ในระดับสุดยอดที่สุดในยุทธจักร”ผู้อาวุโสหันพูดประโยคนี้อย่างค่อนข้างภาคภูมิใจ แล้วพูดอย่างใจดี “เด็กน้อย กลับไปกับข้าเถิด ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเจ้าคือหวังให
“ท่านผู้อาวุโสเจ้าคะ เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ โปรดวางจ้าวเอ๋อร์ลงด้วย หากเสียงร้องของเด็กดึงดูดเหล่าทหารองครักษ์ วันนี้คงไม่จบลงด้วยดีอย่างแน่นอน ในเมื่อผู้อาวุโสมาจากสำนักสันโดษ คิดว่าประจักษ์แจ้งในวิถีทางแห่งสวรรค์แล้ว คงรู้ว่าการเข่นฆ่าจี้ปล้นเป็นภัยต่อการบำเพ็ญตน คิดว่าผู้อาวุโสคงไม่ต้องการให้กลายเป็นเช่นนั้น ตราบใดที่ท่านเต็มใจมอบจ้าวเอ๋อร์คืนให้ผู้เยาว์ ผู้เยาว์จะให้คำตอบแก่โดยเร็วที่สุดแน่นอน”ร่างของอินชิงเสวียนหายวับ แล้วมาปรากฏอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสหันชายชราเจอตำหนักจินหวูได้อย่างไรนั้น อินชิงเสวียนไม่อยากถามให้มากความอีกแล้ว ในเมื่อเขามีวรยุทธ์ยอดเยี่ยมเช่นนี้ การจะถามตำแหน่งที่อยู่ของตัวเองจากขันทีหรือนางกำนัลนั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องยากเลยแต่ว่า เหตุใดเขาถึงรู้เรื่องพวกนี้อินชิงเสวียนนึกสงสัยอยู่ครามครัน สีหน้าของผู้อาวุโสหันอ่อนลงชั่วขณะ รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากอีกครั้ง“เจ้าพูดถูก ข้าไม่สังหารโดยไม่เลือกหน้าอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขความมีเหตุมีผลของเจ้า ผลลัพธ์จะดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าเลือกอย่างไร”อินชิงเสวียนสะกดอารมณ์ความโกรธแล้วถามว่า “ในเมื่
อินชิงเสวียนรู้สึกว่าบริเวณอกถูกดันอย่างแรง รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งทรวงอก หายใจลำบากเหงื่อกาฬหยดจากหัวลงมา นางเป็นเหมือนปลาใกล้ตาย หายใจเฮือกๆ อย่างเหนื่อยหอบ“ว่าอย่างไร เจ้าคิดได้แล้วหรือไม่”ผู้อาวุโสหันถามอย่างเนิบช้า อินชิงเสวียนกำนิ้วอย่างอดไม่ได้ นางควรทำอย่างไรดีนะหรือจะตามตาเฒ่าท่าทางแปลกๆ คนนี้ไปจริงๆ?เขาดูไม่ใช่คนดีชัดๆวรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ต่อให้เย่จิ่งอวี้จะมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะเพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตเท่านั้นในใจยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้น ถ้ารู้แต่แรก ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่นำน้ำพุวิญญาณออกมานางมองคนในโลกนี้เรียบง่ายเกินไป คิดเสมอว่าพวกเขาคงไม่เชื่อเรื่องลึกลับพิสดารเช่นนี้ แต่ยังมีคนที่รู้จักอยู่ด้วยความสิ้นหวังพลันปะทุขึ้นในใจของนาง จู่ๆ อินชิงเสวียนรู้สึกท้อแท้ทันทีดูเหมือนว่านางถูกกำหนดให้ไร้วาสนากับต้าโจว!ในเวลานี้ เสียงนุ่มนิ่มแบบเด็กๆ ของเสี่ยวหนานเฟิงดังมาจากด้านบน“เสด็จแม่ๆ ลูกอยากไปหาเสด็จแม่”หลังจากรอมาตั้งนาน เสด็จแม่ก็ไม่มาอุ้มตัวเองเสียที เสี่ยวหนานเฟิงก็เริ่มร้อนใจ เตะเท้าเล็กๆ อย่างกระสับกระส่ายเสียงของลูกชาย ทำให้อินช
“คิดจริงๆ หรือว่า อย่างเจ้าน่ะจะชิงตัวเด็กไปจากข้าได้?”ผู้อาวุโสหันค่อยๆ เงื้อฝ่ามือขวาที่ว่างขึ้นอย่างช้าๆ แสงสีม่วงเข้มก็เปล่งแสงออกมาจากนิ้วทั้งห้า“วันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็น ว่าอะไรคือวิทยายุทธ์ที่แท้จริงของตำหนักเทพ”อินชิงเสวียนเคยเห็นแสงสีม่วงแบบนี้จากมือของฮั่วเทียนเฉิงมาก่อนแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เข้มข้นเท่ากับชายชราที่อยู่ตรงหน้า และแสงสีม่วงที่นางเชี่ยวชาญนั้น ยังห่างชั้นกับทั้งสองคนมากนับตั้งแต่กลับมาที่เมืองหลวงก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับสำนักศึกษาหลวงและโรงเรียนสอนการต่อสู้ อินชิงเสวียนยังไม่มีเวลาตั้งใจศึกษาวิทยายุทธ์ที่ตัวเองช่วงชิงมาได้เลยนางคิดเสมอมาว่าตัวเองออกจากยุทธภพแล้ว ก็จะอยู่ห่างจากข้อพิพาททุกประเภทในยุทธภพ ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไม เหล่าจอมยุทธ์ในสมัยโบราณถึงพูดว่าเมื่อเข้าวงการยุทธภพแล้วออกยาก จากนี้ไปความสงบสุขกลายเป็นอื่นนางไม่ต้องการก้าวเข้าสู่ยุทธภพ แต่ยุทธภพอาจไม่ปล่อยนางไป!ความรู้สึกหายใจไม่ออกในตอนนั้นกลับมาอีกครั้ง อินชิงเสวียนต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ นางกัดฟันพูดว่า “ดี เช่นนั้นผู้เยาว์ต้องขอคำชี้แนะแล้ว!”นางเรียกมิตินั้น ต้องการนำพิณการเวกที่เจ้าสำน
ตำหนักจินหวูอินชิงเสวียนนั่งอยู่บนพื้นอย่างซึมเซา ดวงตาทั้งคู่มองจับไปยังตั่งผ้าที่วางอยู่บนพื้น จิตใจว่างเปล่านางไม่เข้าใจว่าทำไมสวรรค์ถึงทำเช่นนี้กับนาง ในวันที่นางได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นฮองเฮา ลูกชายของนางกลับถูกคนพรากไป!นางจะอธิบายกับเจ้าของร่างเดิมว่าอย่างไร แล้วจะอธิบายกับจิ่งอวี้อย่างไรนางอยากจะร้องไห้ แต่สติสัมปชัญญะบอกนางว่า อย่าร้องไห้ เพราะการร้องไห้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะเอาเสี่ยวหนานเฟิงกลับคืนมาให้ได้“เฮ้ย ทำไมข้าถึงเผลอหลับไปได้ เกี้ยวพระที่นั่งมาถึงแล้ว ข้าต้องรีบไปตามเจ้านายก่อน”เสียงของอวิ๋นฉ่ายดังมาจากด้านนอก ดูเหมือนว่าจะถูกตาเฒ่าประหลาดนั่นจี้สกัดจุดอินชิงเสวียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็รู้สึกตัวในทันที รีบยกเก้าอี้ขึ้น เช็ดเลือดออกจากมุมปากอย่างรวดเร็วนางทนต่อความเจ็บปวดสาหัสที่หน้าอก นั่งลงบนเก้าอี้นวมยาวด้านข้างอวิ๋นฉ่ายวิ่งเข้ามาจากข้างนอก นางเต็มไปด้วยความสุขความยินดี มองไม่เห็นความผิดปกติของอินชิงเสวียน ขมวดคิ้วและพูดว่า “นายหญิง เกี้ยวพระที่นั่งมาแล้ว งานเลี้ยงในวังน่าจะพร้อมแล้ว หม่อมฉันจะช่วยนายหญิงผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เ
อวิ๋นฉ่ายร้องไห้ออกมาแล้ว นางเข้าจวนมาตั้งแต่อายุหกขวบ ไม่เคยทิ้งเจ้านายไปไหนเลย ยามนี้ จู่ๆ เจ้านายก็จะไล่นางออกไป แล้วจะให้นางไปอยู่ที่ไหนนางสั่นศีรษะแรงๆ“หม่อมฉันไม่ไป ไม่ว่านายหญิงจะไปไหน หม่อมฉันก็จะไปกับท่าน”เสี่ยวอานจื่อโขกศีรษะซ้ำๆ“พระนางก็ทราบมานานแล้วว่ากระหม่อมไร้ญาติขาดมิตร ออกจากวังก็ไม่มีที่พึ่ง คราวนี้ ไม่ว่าอย่างไรกระหม่อมก็จะติดตามพระนางไปให้ได้”จังอวี้จิ่นไม่ได้พูดอะไร แต่คุกเข่าร้องไห้อย่างเงียบๆ เมื่อมองดูหยาดน้ำตาเม็ดโตเท่าเม็ดถั่วเขียวเหล่านั้น อินชิงเสวียนย่อมรู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้วแต่ว่า ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมนางไม่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเย่จิ่งอวี้ได้อีกต่อไปเย่จั้นออกจากเมืองหลวงแล้ว ไม่มีใครสามารถดำรงตำแหน่งฮ่องเต้แทนเย่จิ่งอวี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือชะตากรรมของเย่จิ่งอวี้หากเขาไม่ใช่เพราะตัวเองมาที่รัชสมัยนี้ จับพลัดจับผลูทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น คงไม่ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับเป่ยไห่เพราะพิณการเวกอย่างแน่นอนบัดนี้ เขาควรกลับคืนสู่วิถีชีวิตของตัวเองทุกอย่างเกิดขึ้นก็เพราะน้ำพุวิญญาณ คราวนี้ นางจะแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยกำลังความสา