“อาอวี้คิดสิ่งใดงั้นหรือ?”หน้าประตูตำหนักจินหวู อินชิงเสวียนหยุดฝีเท้าลง มองไปที่เย่จิ่งอวี้ด้วยยิ้มแสนหวานเย่จิ่งอวี้ยิ้มอย่างงดงาม“ไม่มีอะไร”“เด็จพ่อ~”เสียงนุ่มนิ่มของเสี่ยวหนานเฟิงดังขึ้นมาจากด้านหน้า อินชิงเสวียนหันหน้ามาก็เห็นร่างเล็กที่ผุดผ่องในทันทีเย่จิ่งอวี้รีบเดินอยู่หลายก้าว และอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นมา“คิดถึงเสด็จพ่อแล้วใช่ไหม?”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กออกมา ออกแรงกอดคอของเย่จิ่งอวี้ ใบหน้าเล็กที่เรียบเนียนถูกับแก้มของเขา พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่มว่า “คิดคิด~”เย่จิ่งอวี้หอมใบหน้าที่นุ่มนวลเหมือนราวกับผ้าแพร“เสด็จพ่อก็คิดถึงจ้าวเอ๋อร์แล้ว สองวันนี้จ้าวเอ๋อร์เป็นเด็กดีหรือไม่?”เสี่ยวหนานเฟิงยืดหน้าอกเล็กๆ ของเขาขึ้นในทันทีและพยักหน้าเล็กๆ ราวกับไก่จิกข้าวสาร“จ้าวเอ๋อร์เด็กดี!”“ลูกรัก”เย่จิ่งอวี้อุ้มลูกชายเข้ามาในตำหนัก ทันใดนั้นก็พบว่าบนเบาะนุ่มมีการ์ดใบเล็กๆ วางไว้มากมาย ด้านบนเขียนบทกวีรื่นหู เข้าใจง่าย และยังมีภาพประกอบที่เกี่ยวข้องกันด้วย เหมาะสำหรับจุดประกายสติปัญญาการ์ดใบเล็กที่สวยงามเช่นนี้ ต้องเป็นอินชิงเสวียนที่เอามาจากในมิติ
“เหนียงเหนียง เป็นอะไรเพคะ? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่เพคะ?”ยายหลี่วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ“ไม่เป็นไร คงเพราะเมื่อวานตากลมเย็นน่ะ”อินชิงเสวียนพูดออกไปจังอวี้จิ่นเหลือบมองอินชิงเสวียน ลังเลครู่หนึ่งและพูดเสียงเบาว่า “เหนียงเหนียง พระองค์... พระองค์คงไม่ได้... มีพระครรภ์ใช่ไหมเพคะ?”อวิ๋นฉ่ายเบิกดวงตาสองข้างในทันที และหันหน้าไปมองอินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “พระสนม หรือว่าพวกเราจะมีงานมงคลถึงสองเรื่องเลยเพคะ?”เสี่ยวอานจื่อรีบพูดว่า “กระหม่อมจะไปตามหมอหลวงเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”“อย่าเพิ่งไป”อินชิงเสวียนรีบห้ามเขาไว้“อย่าพูดมั่วไป ข้ารู้ร่างกายของตัวเองดี ก็แค่ท้องไส้แปรปรวนธรรมดา อย่าพูดเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทได้ยินล่ะ”แม้อินชิงเสวียนจะปฏิเสธ แต่ก็มีความชั่งใจอยู่บ้างดูเหมือนว่าเดือนนี้นางยังไม่มีระดู หรือว่า... นางตั้งครรภ์ลูกของเย่จิ่งอวี้แล้วจริงๆ? การได้รู้เรื่องนี้ทำให้อินชิงเสวียนมีความสุขอยู่บ้าง แต่ไม่อยากหาหมอหลวงในตอนนี้ เพราะถ้าหากไม่มีจริงๆ จะไม่ใช่การดีใจเก้องั้นหรือ? ค่อยหาโอกาสไปตรวจกับหมอพื้นบ้านนอกวังดีกว่า หากเป็นจริง ค่อยกลับมาบอกเย
“เสวียนเอ๋อร์ในวันนี้ ช่างงดงามจริงๆ!”เย่จิ่งอวี้จับมือเล็กที่นุ่มนวลและอ่อนโยนของอินชิงเสวียน พร้อมกล่าวชื่นชมอย่างจริงใจอินชิงเสวียนชายตาที่สดใสมองด้วยความซุกซน“ฝ่าบาทก็เช่นกันนะเพคะ!”เมื่อมองใบหน้าหล่อเหลาที่ครึ่งหนึ่งถูกซ่อนไว้ใต้ลูกปัดโมรา อินชิงเสวียนก็ยิ้มหวานออกมา“นี่ถือว่ากำลังชมข้าหรือไม่?”เย่จิ่งอวี้ก้มหน้าถาม สายตาก็กวาดตามองไปทั่วใบหน้าเล็กที่งดงามอย่างอดไม่ได้อินชิงเสวียนในวันนี้ราวกับพระจันทร์อันสุกสว่างที่แขวนอยู่บนสุดของท้องฟ้า สุกใสเป็นประกาย มีกิริยาท่าทางที่เรียบร้อย งดงามจนผู้คนไม่อาจละสายตาได้อินชิงเสวียนเม้มปากยิ้ม“แน่นอนเพคะ”“เช่นนั้นก็ขอบใจมาก”เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือมาอุ้มอินชิงเสวียน และก้าวเท้ายาวเดินออกไปนอกวังอินชิงเสวียนร้องด้วยความตกใจ จึงคว้าคอเสื้อของเขาโดยไม่รู้ตัว“ระยะทางแค่นี้ หม่อมฉันเดินเองได้เพคะ”“ชุดพวกนี้หนักเกินไป ข้าทำใจไม่ได้หรอก”เย่จิ่งอวี้เดินตัวเบาราวกับสายลม และขึ้นไปบนพระที่นั่งจักรพรรดิอินชิงเสวียนนั่งพิงบนเบาะนุ่มด้วยใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย นิ้วของนางพันกันโดยไม่รู้ตัว นางมีความกังวลเล็กน้อ
ฉางเฮิ่นเทียนก้มศีษะลง และพูดด้วยใบหน้าที่นอบน้อม “แม้เอาความกล้าทั้งสิบชาติของผู้เยาว์มารวมกัน ผู้เยาว์ก็ไม่อาจปิดบังผู้อาวุโสได้ขอรับ”ผู้อาวุโสหันทำเสียงฮึดฮัดแล้วพูดว่า “ฮั่วเทียนเฉิงไปยังเป่ยไห่และหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้ข้าจึงต้องมาเชิญอินชิงเสวียนด้วยตัวเอง”ฉางเฮิ่นเทียนถามลองเชิงว่า “ผู้อาวุโสไม่คิดจะพาเย่จิ่งอวี้ไปด้วยหรือขอรับ? ผู้อาวุโสของอิ๋นเฉิงเคยพูดว่า บางทีชายสกุลเย่อาจเป็นคนสำคัญในการเปิดวิถีแห่งสวรรค์”ผู้อาวุโสหันเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา“หากเจ้าและเขามีความแค้นต่อกัน เจ้าก็ไปจัดการด้วยตัวเอง หากมีคนในอิ๋นเฉิงรู้เรื่องนี้จริง ทำไมพวกเขาไม่ไปตามหาด้วยตัวเองเล่า ต่อไปอย่าได้พูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้อีก”ฉางเฮิ่นเทียนสั่นไปทั้งตัว“ผู้อาวุโส... ของพวกเราพูดเช่นนี้จริงๆ ขอรับ ส่วนเรื่องอื่นๆ... ผู้เยาว์ก็ไม่อาจทราบได้”เมื่อผู้อาวุโสหันจ้องหน้า ฉางเฮิ่นเทียนก็หุบปากในทันทีขณะเดียวกันนั้น ร่างที่สวมชุดสีดำกฌเดินขึ้นไปบนชั้นสองพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “พนักงาน ข้าขอสั่งสุราหนึ่งไห”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย ผู้อาวุโสหันก็หันหน้ามาทันที ทัน
เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นต่างก็มองออกไปนอกตำหนักโหราจารย์ใบหน้ายิ้มแย้ม มีรอยยิ้มที่มุมปากเมื่อแต่งตั้งฮองเฮาแห่งต้าโจวแล้ว จึงจะเกิดความสมดุลปรองดองของยินหยางที่แท้จริง ส่วนเรื่องการโยกย้ายวังหลัง แม้ฝ่าบาทไม่มีพระราชโองการเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ทุกคนก็รู้แก่ใจดีแต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังคิดเพ้อฝันอยู่ ในเมื่อฝ่าบาทไม่ได้ประกาศต่อประชาชนใต้หล้า ก็เท่ากับว่ายังไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้สิ้นซาก ไม่แน่ว่าเป็นการตัดสินใจเพียงชั่ววูบ ขอเพียงลูกสาวของตัวเองยังอยู่ที่นี่ ก็นับว่ายังมีโอกาสฉินไห่ฉิวและหานสือมองหน้ากันและพยักหน้าต้าโจวมีฮองเฮาที่ดีเช่นนี้ ฝ่าบาทจะต้องทุ่มกำลังสร้างสรรค์ประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง ปกครองประเทศชาติเป็นอย่างดี ราวกับว่าทั้งสองคนเห็นว่าในอนาคตไม่ไกลนี้ ต้าโจวมีเกิดความเจริญรุ่งเรืองทุกคนต่างคิดเรื่องของตัวเอง อินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้ก็เดินเข้าไปในตำหนักพวกเขาทั้งสองเดินไปจนถึงแท่นมังกรที่ฝังไว้ด้วยลูกปัดโค้งมังกรเก้าเม็ด จากนั้นก็ค่อยๆ หันกลับมาแล้วมองไปที่เหล่าขุนนางหลี่เต๋อฝูหยิบพระราชโองการมาทันที และคุกเข่าอ่านเสียงดัง“ฝ่าบาทมีวีถีธรรมสูง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่จิ่งอวี้ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกยาวเขาเข้าใจความรู้สึกของเย่จั้นเป็นอย่างดี หากตัวเองสูญเสียรักแท้ไป คงต้องออกไปตามหาโดยไม่สนใจอะไรเลยเหมือนอย่างเขา เสด็จอาอดกลั้นเพื่อต้าโจวมานานหลายปี ถึงเวลาที่เขาจะไปทำตามหัวใจตัวเองแล้วเขาโน้มเอวลงพยุงเย่จั้นลุกขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเช่นกัน“ในเมื่อเสด็จอาดื้อรั้นที่จะไป หากข้ารั้งเอาไว้ก็ดูเป็นคนไร้เหตุผล หวังเพียงให้เสด็จอาเดินทางราบรื่น สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา หากมีเวลาว่างก็หวังว่าเสด็จอาจะกลับมาที่เมืองหลวง ไม่ว่าเกียรติยศจะสูงส่งแค่ไหน กาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปเท่าใด ความรักระหว่างของเราสองอาหลานของฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”เย่จั้นเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เด็ดเดี่ยวหนักแน่นก็แดงขึ้นเล็กน้อยเขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น“หม่อมฉันจะจดจำคำพูดนี้ของฝ่าบาทเอาไว้ แม้อยู่ห่างไกลกันเพียงใด ต้องกลับมาพบกันสักวัน!”เมื่อมองใบหน้าที่ใจดีที่สุดในความทรงจำ เย่จิ่งอวี้ก็มีเสียงสะอื้นเล็กน้อย“ได้สิ ข้าจะรอวันที่เสด็จอากลับมา!”เย่จั้นใช้แรงกุมมือของเขาไว้“อาอวี้ ดูแลตัวเองให้ดี!”พูดจบก็หันหลังเดินออกจากตำหนักเฉิงเ
“หา!”อินชิงเสวียนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ“ทำไม... ทำไมถึงไปไวขนาดนี้?”นางคิดว่าตอนที่ไปส่งเย่จั้น จะมอบน้ำพุวิญญาณให้เขา เพื่อใช้ในเวลาที่ต้องการวันที่ตัวเองและเย่จิ่งอวี้ไม่ได้อยู่ในวัง เย่จั้นก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจไม่น้อย เมื่อได้ยินข่าวว่าเขาไปจากเมืองหลวงกะทันหันเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกหว้าเหว่ในหัวใจเย่จิ่งอวี้ถอนหายใจเบาๆ และพูดว่า “เสด็จอาคิดจะไปตามหาอินหลี เรงว่าคิดเอาไว้นานแล้ว แต่เพราะต้องแบกรับภาระหนักในราชวงศ์ ตอนนี้เจียงวูพ่ายแพ้ ภัยแล้งถูกแก้ไข เจ้าและข้ามีการพํฒนาอย่างมากก็เพราะน้ำพุวิญญาณ นี่คงเป็นเหตุผลที่เสด็จอาจากไปอย่างไว้วางใจแล้ว”เมื่อดมเส้นผมที่มีกลิ่นหอมของนาง อารมณ์ที่วุ่นวายของเย่จิ่งอวี้ก็สงบลงอินชิงเสวียนตบเบาๆ ที่นิ้วอันเรียวยาวของเขา“ในเมื่อเสด็จอาตัดสินใจแล้ว อาอวี้ก็อย่าคิดมากเลย หวังว่าเสด็จอาจะสมความปรารถนา ตามหาอินหลีได้โดยเร็ว”“เสวียนเอ๋อร์พูดถูกต้อง เมื่อมีความเชื่อมั่นก็ต้องได้รับผลตามมา ข้าก็เชื่อว่าเสด็จอาจะต้องสมหวังดังใจปรารถนา”เย่จิ่งอวี้สะบัดชุดคลุมและลุกขึ้นยืน“ข้าล่าช้ามาครู่หนึ่งแล้ว ควรไปพบเหล่าขุนนางแล้วล
อินชิงเสวียนสงบลงอย่างรวดเร็ว การที่อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือในทันที หมายความว่าทุกอย่างยังมีความเป็นไปได้ที่จะประนีประนอมกัน นางต้องพาลูกชายกลับมาก่อนตั้งแต่เมื่อครู่ นางได้ใช้ทักษะช่วงชิงโชคลาภกับผู้อาวุโสหันแล้ว คนผู้นี้ลงมือกับเด็กตั้งแต่แรก ต้องไม่ใช่คนดีแน่นอน!วิทยายุทธ์ที่ไม่รู้จักหลายอย่างได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของนาง แต่นางไม่กล้าลงมืออย่างผลีผลาม เพราะลูกยังอยู่ในมือของชายชราผู้นี้อยู่“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสท่านนี้มาหาผู้เยาว์ด้วยเรื่องอันใด โปรดมอบจ้าวเอ๋อร์ให้ข้าด้วย หากผู้อาวุโสต้องการอะไร ผู้เยาว์จะพยายามอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่”สำหรับคนทั่วไป วังหลวงได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวดกวดขัน แข็งแกร่งดั่งหินผา แต่สำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญฌานตบะเหล่านี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์อารักขาก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยอินชิงเสวียนรู้เหตุผลข้อนี้ดี พยายามทำตัวสุภาพให้มากที่สุดแต่ไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นเทพเซียนมาจากแห่งใด ในระหว่างการสู้รบในเป่ยไห่ สำนักในจงหยวนที่อินชิงเสวียนรู้จักเกือบทั้งหมดนั้น กลับไม่เคยเห็นชายชราตรงหน้าเลยผู้อาวุโสหันพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่ข้ามาหาเจ้าเพราะมีธุระบางอย่างจริงๆ ในเมื