“แน่อยู่แล้วขอรับ ขอบคุณหลี่กงกง เช่นนั้นข้าขอตัวไปนอนแล้ว”อินชิงเสวียนอารมณ์ดีมากวันนี้ไม่เพียงแต่ได้สั่งสอนเย่จิ่งเย่า แต่ยังขายของได้ถึง 5,000 ตำลึง สิ่งที่น่าพึงพอใจที่สุดคือ ได้รับอีก 100 คะแนนในมิติ และเก็บเกี่ยวธัญพืชได้อีกชุดหนึ่งหลี่เต๋อฝูโบกมือ“กลับไปเถอะ”อินชิงเสวียนสามารถแข่งขันกับซ่งเฉียวอันได้ในครั้งนี้ ก็ทำให้หลี่เต๋อฝูได้หน้าได้ตามากอย่าเห็นว่าต่อหน้าเขาขุนนางเหล่านั้นดูสุภาพ แต่ลับหลังกลับเรียกว่า ขันทีพิการ ขันทีบ้าเจี๋ยนสั้น ขันทีบ้าเจี๊ยนยาว ทุกครั้งที่หลี่เต๋อฝูได้ยินก็อยากจะด่าพ่อล่อแม่พวกนั้นให้เข็ด หากไม่ถูกบีบให้อับจนหนทาง ผู้ใดจะยอมเป็นคนประเภทไม่หญิงไม่ชายเมื่อได้ยินฮ๋องเต้พูดถึงเรื่องนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น หากเสี่ยวเสวียนจื่อสามารถเอาชนะได้ ขันทีเช่นพวกเขาก็จะเกิดความภาคภูมิใจไปด้วยในตำหนักเย่จิ่วอวี้ไม่รู้สึกง่วงนอนเลยเขาสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวเหมือนหิมะ ยืนอยู่หน้าหน้าต่างดวงตาหงส์แลมองแสงจันทร์เหนือเศียร ขนงย่นเล็กน้อย ราวกับเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มที่อธิบายไม่ได้ในใจถึงกับรู้สึกเสียใจภายหลังไม่ควรตกลงทำตามคำขอของซ่งเฉียวอ
อินชิงเสวียนทั้งสามสามคนมาถึงบริเวณสนามฝึกแล้วซ่งเฉียวอันและแม่ทัพผู้อื่นก็มาถึงนานแล้ว เพื่ออยากมาดูให้เห็นว่าว่าขันทีบ้าผู้นี้จะสามารถทำอะไรได้บ้างแม้ว่าเขาจะเป็นแม่ทัพของต้าโจว แต่หัวใจของเขากลับลำเอียงเข้าข้างเย่จิ่งเย่าที่เป็นอันผิงอ๋องซ่งเฉียวอันมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เรื่องลูกสายตรงลูกอนุนั้นฝังแน่นลึกในจิตใจ แม้ว่าเย่จิ่งอวี้ได้รับการสถาปนาเป็นองค์รัชทายาทก่อนแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นองค์ชายที่เกิดจากสนม ไม่สมควรที่จะสืบทอดบัลลังก์ นอกจากนี้ในราชสำนักยังมีขุนนางอีกมากมายที่คิดเช่นเดียวกับเขาที่กล่าวเช่นนั้นไปเมื่อวาน ก็เพราะอยากให้ฮ่องเต้เสียหน้า ไม่คิดว่าฮ่องเต้จะเห็นด้วยจริงๆ เช้าวันนี้ ทุกคนมาที่นี่ตั้งแต่เช้าก็เพื่อมารอดูเรื่องตลกเมื่อเห็นอินชิงเสวียนทั้งสามคนมาถึงแล้ว ซ่งเฉียวอันก็ยืนเอามือไพล่หลัง เชิดหน้าชูคอพูดกับอินชิงเสวียนว่า “ทัพหน้ามีทหารทั้งหมดแปดพันนาย ตามความเห็นของข้า ไม่จำเป็นต้องทรมานพวกเขาทั้งหมด ให้เจ้ากับข้าคัดเลือกทหารคนละหนึ่งร้อยนายมาทำการฝึกซ้อม หลังจากนั้นอีกสิบห้าวันค่อยมาตัดสินว่าผู้ใดเหนือกว่ากัน ว่าอย่างไร”อินชิงเสวียนรู้สึกไม่ด
เหตุคำพูดถึงได้ดูพิกลเช่นนี้ราวกับว่านางกำลังจะไปตายอย่างนั้นแหละ จู่ๆ ก็พูดไม่ออกนางเหลือบมองที่จังเถี่ยแล้วพูดว่า “ขุนพลจัง เจ้าจะต้องรับผิดชอบในการวิ่งรอบสนาม ถือโอกาออกกำลังกายในขณะที่อากาศยังเย็นอยู่ แล้วจึงฝึกทักษะการขี่ม้า”จังเถี่ยผู้เป็นเหมือนลาที่คล้อยตามยามถูกลูบขน เมื่อได้ยินอินชิงเสวียนเรียกเขาว่าขุนพลจัง ในใจก็รู้สึกยินดีขึ้นทันที“กงกงน้อยไม่ต้องห่วง ข้าจะพาพวกเขาออกไปวิ่งเดี๋ยวนี้”อินชิงเสวียนพยักหน้า พาฉินเทียนออกจากบริเวณสนาม แล้วบังเอิญได้พบกับกวนเซี่ยวพอดีเมื่อวานนี้อินชิงเสวียนถามฉินเทียนแล้ว และได้ทราบว่าเขาเป็นหลานชายของจอมพลเฒ่ากวน จึงรีบเดินไปกล่าวทักทายทันทีและพูดว่า “ยินดีที่ได้พบคุณชายกวน”“กงกงน้อย”เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนมีใบหน้างดงาม ทั้งยังมีมารยาทที่ดี กวนเซี่ยวจึงรู้สึกประทับใจขึ้นหลายส่วนอินชิงเสวียนถามอีกครั้ง “จอมพลเฒ่าไม่มาหรือขอรับ”จุดประสงค์หลักที่นางมาฝึกทหารก็เพื่อพบกับกวนฮั่นหลินกวนเซี่ยวกล่าวว่า “เมื่อวานท่านปู่มีอาการปวดศีรษะมาก ตอนนี้จึงพักผ่อนที่บ้าน”“อ้อ ได้ไปหาหมอหรือยัง”จอมพลเฒ่ากวนเป็นคนตรงไปตรงมา อินชิงเสวียนรู้
ในขณะที่ทุกคนกำลังกินแตงโม อินชิงเสวียนก็มองไปที่ม้าข้างๆต้องบอกว่าเคล็ดลับการเลี้ยงม้าของต้าโจวนั้นค่อนข้างดีทีเดียว เมื่อเทียบกับทหารที่ผอมเป็นกุ้งแห้งเบื้องหน้าแล้วนั้น เจ้าม้าที่แข็งแรงสมบูรณ์กลับน่ามองกว่ามากหลังจากที่พวกเขากินเสร็จแล้ว อินชิงเสวียนถามอีกครั้ง “ในหมู่พวกเจ้ามีผู้ใดที่ทำอาหารได้หรือไม่”มีสองคนยืนขึ้นพูดว่า “พวกเราทำได้ขอรับ”“ข้าก็ทำได้เช่นกัน”“ข้าด้วย”“ดี อีกประเดี๋ยวพวกเจ้าไปได้เรียนการทำแป้งสาลีกับข้า และในช่วงสิบห้าวันจากนี้ พวกเจ้าสี่คนจะต้องรับผิดชอบอาหารของกองทัพ ข้าจะไม่อยุติธรรมต่อพวกเจ้า ผักและผลไม้ที่อยู่ในกองทัพ ให้พวกเจ้ากินได้หมดเลย”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็หยิบองุ่นจำนวนหนึ่งมา แล้วโยนให้กับคนทั้งสี่พวกเขาไม่เคยเห็นและไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร หลังจากกัดเข้าไป ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายวาววับเปรี้ยวๆ หวานๆ ช่างอร่อยจริงๆผู้อื่นต่างรู้สึกอิจฉาอย่างอดไม่ได้ ทุกคนมองดูองุ่นในมือของพวกเขาอินชิงเสวียนกล่าวว่า “ของพวกเจ้าก็มีเช่นกัน แต่เจ้าต้องฝึกฝนให้ดีก่อนจึงจะกินได้ หากผู้ใดคิดจะใช้กลยุทธ์กวนน้ำจับปลา ปลอมปนกับคนเก่ง ก็จะถูกต
กวนเซี่ยวพูดจาหว่านล้อมด้วยคำพูดดีๆ “ท่านปู่ ท่านลองดูก่อน ถ้าเกิดได้ผลล่ะ”นายท่านกวนแค่นเสียงขึ้นจมูก “ไม่ต้องพูดมากแล้ว ของจากขันที ข้าไม่เอา”ทันทีที่เขาพูดจบ ก็เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงอีกครั้ง ซึ่งความปวดนี้รุนแรงจนทำให้จอมพลเฒ่าร้องโอดครวญเขาบีบขมับพูดว่า “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”กวนเซี่ยวไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องถอยออกไปนอกประตู แต่ก็มีความกังวลอยู่ในใจหลังจากคิดดูแล้ว จู่ๆ ก็ผุดความคิดดีๆ ขึ้นมา เขาเรียกสาวใช้ให้ทำน้ำบ๊วยเปรี้ยวหนึ่งชาม ทุบยาแก้ปวดจนเป็นผง แล้วเติมลงในน้ำบ๊วยจากนั้นเขาก็หยิบชามเอามาให้จอมพลเฒ่ากวน“ท่านปู่ ดื่มน้ำดับกระหายก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะอากาศร้อน ถ้าคลายความร้อนได้ก็อาจจะรู้สึกดีขึ้น”จอมพลเฒ่ากวนรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก หยิบชามขึ้นมาดื่มหมดในอึกเดียว หลังจากนั้นก็ถามถึงค่ายทหาร แล้วเขาก็ค่อยๆ หายจากอาการปวดศีรษะเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย “หรือว่าข้าเป็นโรคลมแดดจริงๆ หลังจากดื่มเจ้านี่ไป ก็รู้สึกดีขึ้นมาก”เมื่อได้ยินเช่นนี้กวนเซี่ยวก็ดีใจมาก ไม่คิดว่ายาของขันทีน้อยจะใช้ได้ผลจริงๆขณะเดียวกันก็ไม่เข้าใจ ยาที่ซื้อในร้านขายยามีทั้งแบบนำมาต้
ในขณะที่อินชิงเสวียนตกตะลึง เย่จิ่งอวี้ก็อุ้มร่างของสวีจือย่วนออกไปแล้วเมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนเหมือนดาวที่รีบตก อินชิงเสวียนก็จิ๊ปากเบาๆหรือว่านี่เป็นรักแรกพบตามตำนานที่กล่าวไว้เพียงแต่นางไม่รู้ว่าสำนักหมอหลวงอยู่ที่ใดเย่จิ่วอวี้คนสารเลวคนนี้ คิดว่านางรู้ไปหมดทุกอย่างจริงๆ หรือ!อินชิงเสวียนเดินสุ่มไปเรื่อยๆ ก็ไม่เจอ แต่ไม่รู้ว่านางเดินอย่างไรถึงได้มาอยู่ที่ตำหนักชิงฮว๋าของเย่ไห่ถังเสียได้เย่ไห่ถังกำลังเล่นว่าวอยู่ข้างศาลาเล็กๆ นอกเรือน อวิ๋นเฟิงชี้ไปที่อินชิงเสวียน แล้วพูดว่า “องค์หญิง เสี่ยวเสวี่ยนจื่อกงกงเพคะ”เย่ไห่ถังยังคงคิดถึงขนมเปี๊ยะของอินชิงเสวียนอยู่ ดังนั้นนางจึงรีบส่งสายว่าวให้กับนางกำนัลน้อยที่อยู่ข้างๆ “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง!”อินชิงเสวียนจึงเห็นเย่ไห่ถัง จึงรีบวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว“ถวายพระพรองค์หญิง ขอองค์หญิงช่วยชี้ทางให้กระหม่อม กระหม่อมต้องรีบไปหาหมอหลวงที่สำนักหมอหลวง”เย่ไห่ถังถามด้วยความประหลาดใจ “เสด็จพี่ใหญเป็นอะไรงั้นหรือ”อินชิงเสวียนรีบพูด “องค์หญิงไม่ต้องกังวล เป็นนายหญิงที่ตกน้ำพ่ะย่ะค่ะ”เย่ไห่ถังถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดกับอวิ๋นเฟิงว่า
อินชิงเสวียนไม่เข้าใจนี่หมายความว่าอะไรอย่างนางจะลวนลามสวีจือย่วนได้งั้นหรือถุย นางไม่ได้นิสัยเสียถึงเพียงนั้นนะอินชิงเสวียนกลอกตา เดินเข้าไปในห้องโถงด้านในสวีจือย่วนลุกขึ้นนั่งแล้วเมื่อเห็นอินชิงเสวียน แววตาของอินชิงเสวียนก็สว่างวาบ“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง”ที่นี่นางรู้จักแค่อินชิงเสวียน เมื่อเห็นนาง ย่อมรู้สึกสบายใจขึ้นมากอินชิงเสวียนเดินเข้าไปถาม “นายหญิงสวี ต้องการอะไรหรือไม่”สวีจือย่วนสั่นศีษระ พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ไม่มี ขอบคุณกงกงน้อยมาก คงเป็นเจ้าที่ช่วยข้าไว้กระมัง”อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่ขอรับ เป็นไป๋เสวี่ยของฝ่าบาทที่ช่วยท่าน ไม่ทราบว่านายหญิงกระโดดลงไปในน้ำเพราะเหตุใด”สวีจือย่วนกัดริมฝีปากพูดว่า “เป็นข้าที่ไม่ระวังลิ่มล้ม พลัดตกลงไปในน้ำ”ดูเหมือนว่านางมีความนัยที่ไม่สามารถอธิบายได้ ในเมื่อนางไม่ต้องการพูด อินชิงเสวียนจึงไม่ถามให้มากความแล้วจึงปลอบนาง “ทุกคนมีเพียงชีวิตเดียว ท่านอย่าทำเรื่องโง่ๆ อีก แม้ว่าจะไม่คิดถึงตัวเอง แต่ท่านก็ต้องคิดถึงพ่อแม่บ้าง”สวีจือย่วนก้มศีรษะลง แล้วไม่เอ่ยคำใดอีกอินชิงเสวียนกล่าวเสริมว่า “ตอนนี้ฝ่าบาทพาท่านมาที
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท!”เมื่อเห็นอินชิงเสวียนซุกตัวอยู่หลังม้า ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ก็ไหวน้อยๆขันทีน้อยสารเลวคนนี้ไม่คิดว่าตัวเองเป็นบ่าวจริงๆ ถึงกลับออกจากวังเอาป่านนี้ เขาคงตามใจขันทีน้อยผู้นี้มากไปแล้วจริงๆแล้วก็ตระหนักได้อีกครั้ง ว่านี่เป็นคำอนุญาตจากตัวเอง จึงทำได้เพียงขบกรามกรอด แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นฮ่องเต้ไม่ตรัสคำใด ขันทีที่ยกเกี้ยวก็ไม่กล้าหยุด แล้วขบวนคนกลุ่มใหญ่ก็เดินผ่านทั้งสามคนอย่างเอิกเกริก และตรงไปที่ตำหนักเฉิงเทียนฉินเทียนคิดว่าจะถูกดุสักคำ แต่ฮ่องเต้ไม่ตรัสคำใด เขาคงชอบเสี่ยวเสวียนจื่อมากจริงๆ แล้วอดไม่ได้ที่จะมองสบตากับหลี่ฉีอินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเช่นกัน ไม่ว่าเย่จิ่งอวี้จะคิดอย่างไรก็ช่าง แค่เขาแสร้งทำเป็นว่ามองไม่เห็นนางก็พอแล้ว“ไปกันเถอะ”อินชิงเสวียนขึ้นหลังม้า แล้วพาฉินหบี่ทั้งสองไปที่สนามต่อสู้ในตอนนี้เอง เย่จิ่วอวี้ก็มาถึงตำหนักเฉิงเทียนแล้วเขาเดินช้าๆ เข้าไปในห้องโถงด้านข้าง สวมชุดมังกรสีเหลืองอร่าม ใบหน้าคมสันดุดันราวกับดาบแสดงให้เห็นถึงความน่าครั่นคร้ามของฮ่องเต้สวีจือย่วนกำลังเดินไปมาในห้อง นางต้องการทูลลากลับ แต่นางกลัวว่าฮ่องเต้จะตำห
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง
“แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ
“ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก
เมื่อเห็นชายคนนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที อินชิงเสวียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“คุณบอกว่า...คุณชื่อเย่จิ่งหลานไม่ใช่เหรอ”ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ใช่น่ะสิ ผมชื่อเย่จิ่งหลานแล้วมันขัดแย้งอะไรกับเรื่องที่ผมเป็นหมอล่ะ”เสี่ยวหลานหลานที่อยู่ข้างๆ สั่นศีรษะ พูดอย่างน่ารัก “ก็ไม่ขัดแย้ง”เย่จิ่งหลานยักไหล่“งั้นก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผมอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณสาวสวยคนนี้ที่ช่วยเหลือ เพิ่มเพื่อนในไลน์ได้ไหม”เย่จิ่งหลานสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่มันก็ว่างเปล่าเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์หายไปไหน“แล้วคุณรู้ไหมว่าคุณมาจากโรงพยาบาลไหน”“รู้...”เย่จิ่งหลานพูดขึ้นมาคำหนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้งเขาจำได้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะไปคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อมาก็ฝันอะไรตั้งมากมาย ในฝันเหมือนเขาจะกลายเป็นอ๋อง แล้วต่อมาก็ได้เป็นจอมยุทธ์เมื่อมองดูเตียงในโรงพยาบาลตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงขึ้นมาทันทีเขายกนิ้วขึ้นแตะหัวเตียง ผิวสัมผัสเย็นๆ บอกเขาว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต