ในขณะที่ทุกคนกำลังกินแตงโม อินชิงเสวียนก็มองไปที่ม้าข้างๆต้องบอกว่าเคล็ดลับการเลี้ยงม้าของต้าโจวนั้นค่อนข้างดีทีเดียว เมื่อเทียบกับทหารที่ผอมเป็นกุ้งแห้งเบื้องหน้าแล้วนั้น เจ้าม้าที่แข็งแรงสมบูรณ์กลับน่ามองกว่ามากหลังจากที่พวกเขากินเสร็จแล้ว อินชิงเสวียนถามอีกครั้ง “ในหมู่พวกเจ้ามีผู้ใดที่ทำอาหารได้หรือไม่”มีสองคนยืนขึ้นพูดว่า “พวกเราทำได้ขอรับ”“ข้าก็ทำได้เช่นกัน”“ข้าด้วย”“ดี อีกประเดี๋ยวพวกเจ้าไปได้เรียนการทำแป้งสาลีกับข้า และในช่วงสิบห้าวันจากนี้ พวกเจ้าสี่คนจะต้องรับผิดชอบอาหารของกองทัพ ข้าจะไม่อยุติธรรมต่อพวกเจ้า ผักและผลไม้ที่อยู่ในกองทัพ ให้พวกเจ้ากินได้หมดเลย”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็หยิบองุ่นจำนวนหนึ่งมา แล้วโยนให้กับคนทั้งสี่พวกเขาไม่เคยเห็นและไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร หลังจากกัดเข้าไป ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายวาววับเปรี้ยวๆ หวานๆ ช่างอร่อยจริงๆผู้อื่นต่างรู้สึกอิจฉาอย่างอดไม่ได้ ทุกคนมองดูองุ่นในมือของพวกเขาอินชิงเสวียนกล่าวว่า “ของพวกเจ้าก็มีเช่นกัน แต่เจ้าต้องฝึกฝนให้ดีก่อนจึงจะกินได้ หากผู้ใดคิดจะใช้กลยุทธ์กวนน้ำจับปลา ปลอมปนกับคนเก่ง ก็จะถูกต
กวนเซี่ยวพูดจาหว่านล้อมด้วยคำพูดดีๆ “ท่านปู่ ท่านลองดูก่อน ถ้าเกิดได้ผลล่ะ”นายท่านกวนแค่นเสียงขึ้นจมูก “ไม่ต้องพูดมากแล้ว ของจากขันที ข้าไม่เอา”ทันทีที่เขาพูดจบ ก็เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงอีกครั้ง ซึ่งความปวดนี้รุนแรงจนทำให้จอมพลเฒ่าร้องโอดครวญเขาบีบขมับพูดว่า “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”กวนเซี่ยวไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องถอยออกไปนอกประตู แต่ก็มีความกังวลอยู่ในใจหลังจากคิดดูแล้ว จู่ๆ ก็ผุดความคิดดีๆ ขึ้นมา เขาเรียกสาวใช้ให้ทำน้ำบ๊วยเปรี้ยวหนึ่งชาม ทุบยาแก้ปวดจนเป็นผง แล้วเติมลงในน้ำบ๊วยจากนั้นเขาก็หยิบชามเอามาให้จอมพลเฒ่ากวน“ท่านปู่ ดื่มน้ำดับกระหายก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะอากาศร้อน ถ้าคลายความร้อนได้ก็อาจจะรู้สึกดีขึ้น”จอมพลเฒ่ากวนรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก หยิบชามขึ้นมาดื่มหมดในอึกเดียว หลังจากนั้นก็ถามถึงค่ายทหาร แล้วเขาก็ค่อยๆ หายจากอาการปวดศีรษะเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย “หรือว่าข้าเป็นโรคลมแดดจริงๆ หลังจากดื่มเจ้านี่ไป ก็รู้สึกดีขึ้นมาก”เมื่อได้ยินเช่นนี้กวนเซี่ยวก็ดีใจมาก ไม่คิดว่ายาของขันทีน้อยจะใช้ได้ผลจริงๆขณะเดียวกันก็ไม่เข้าใจ ยาที่ซื้อในร้านขายยามีทั้งแบบนำมาต้
ในขณะที่อินชิงเสวียนตกตะลึง เย่จิ่งอวี้ก็อุ้มร่างของสวีจือย่วนออกไปแล้วเมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนเหมือนดาวที่รีบตก อินชิงเสวียนก็จิ๊ปากเบาๆหรือว่านี่เป็นรักแรกพบตามตำนานที่กล่าวไว้เพียงแต่นางไม่รู้ว่าสำนักหมอหลวงอยู่ที่ใดเย่จิ่วอวี้คนสารเลวคนนี้ คิดว่านางรู้ไปหมดทุกอย่างจริงๆ หรือ!อินชิงเสวียนเดินสุ่มไปเรื่อยๆ ก็ไม่เจอ แต่ไม่รู้ว่านางเดินอย่างไรถึงได้มาอยู่ที่ตำหนักชิงฮว๋าของเย่ไห่ถังเสียได้เย่ไห่ถังกำลังเล่นว่าวอยู่ข้างศาลาเล็กๆ นอกเรือน อวิ๋นเฟิงชี้ไปที่อินชิงเสวียน แล้วพูดว่า “องค์หญิง เสี่ยวเสวี่ยนจื่อกงกงเพคะ”เย่ไห่ถังยังคงคิดถึงขนมเปี๊ยะของอินชิงเสวียนอยู่ ดังนั้นนางจึงรีบส่งสายว่าวให้กับนางกำนัลน้อยที่อยู่ข้างๆ “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง!”อินชิงเสวียนจึงเห็นเย่ไห่ถัง จึงรีบวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว“ถวายพระพรองค์หญิง ขอองค์หญิงช่วยชี้ทางให้กระหม่อม กระหม่อมต้องรีบไปหาหมอหลวงที่สำนักหมอหลวง”เย่ไห่ถังถามด้วยความประหลาดใจ “เสด็จพี่ใหญเป็นอะไรงั้นหรือ”อินชิงเสวียนรีบพูด “องค์หญิงไม่ต้องกังวล เป็นนายหญิงที่ตกน้ำพ่ะย่ะค่ะ”เย่ไห่ถังถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดกับอวิ๋นเฟิงว่า
อินชิงเสวียนไม่เข้าใจนี่หมายความว่าอะไรอย่างนางจะลวนลามสวีจือย่วนได้งั้นหรือถุย นางไม่ได้นิสัยเสียถึงเพียงนั้นนะอินชิงเสวียนกลอกตา เดินเข้าไปในห้องโถงด้านในสวีจือย่วนลุกขึ้นนั่งแล้วเมื่อเห็นอินชิงเสวียน แววตาของอินชิงเสวียนก็สว่างวาบ“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง”ที่นี่นางรู้จักแค่อินชิงเสวียน เมื่อเห็นนาง ย่อมรู้สึกสบายใจขึ้นมากอินชิงเสวียนเดินเข้าไปถาม “นายหญิงสวี ต้องการอะไรหรือไม่”สวีจือย่วนสั่นศีษระ พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ไม่มี ขอบคุณกงกงน้อยมาก คงเป็นเจ้าที่ช่วยข้าไว้กระมัง”อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่ขอรับ เป็นไป๋เสวี่ยของฝ่าบาทที่ช่วยท่าน ไม่ทราบว่านายหญิงกระโดดลงไปในน้ำเพราะเหตุใด”สวีจือย่วนกัดริมฝีปากพูดว่า “เป็นข้าที่ไม่ระวังลิ่มล้ม พลัดตกลงไปในน้ำ”ดูเหมือนว่านางมีความนัยที่ไม่สามารถอธิบายได้ ในเมื่อนางไม่ต้องการพูด อินชิงเสวียนจึงไม่ถามให้มากความแล้วจึงปลอบนาง “ทุกคนมีเพียงชีวิตเดียว ท่านอย่าทำเรื่องโง่ๆ อีก แม้ว่าจะไม่คิดถึงตัวเอง แต่ท่านก็ต้องคิดถึงพ่อแม่บ้าง”สวีจือย่วนก้มศีรษะลง แล้วไม่เอ่ยคำใดอีกอินชิงเสวียนกล่าวเสริมว่า “ตอนนี้ฝ่าบาทพาท่านมาที
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท!”เมื่อเห็นอินชิงเสวียนซุกตัวอยู่หลังม้า ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ก็ไหวน้อยๆขันทีน้อยสารเลวคนนี้ไม่คิดว่าตัวเองเป็นบ่าวจริงๆ ถึงกลับออกจากวังเอาป่านนี้ เขาคงตามใจขันทีน้อยผู้นี้มากไปแล้วจริงๆแล้วก็ตระหนักได้อีกครั้ง ว่านี่เป็นคำอนุญาตจากตัวเอง จึงทำได้เพียงขบกรามกรอด แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นฮ่องเต้ไม่ตรัสคำใด ขันทีที่ยกเกี้ยวก็ไม่กล้าหยุด แล้วขบวนคนกลุ่มใหญ่ก็เดินผ่านทั้งสามคนอย่างเอิกเกริก และตรงไปที่ตำหนักเฉิงเทียนฉินเทียนคิดว่าจะถูกดุสักคำ แต่ฮ่องเต้ไม่ตรัสคำใด เขาคงชอบเสี่ยวเสวียนจื่อมากจริงๆ แล้วอดไม่ได้ที่จะมองสบตากับหลี่ฉีอินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเช่นกัน ไม่ว่าเย่จิ่งอวี้จะคิดอย่างไรก็ช่าง แค่เขาแสร้งทำเป็นว่ามองไม่เห็นนางก็พอแล้ว“ไปกันเถอะ”อินชิงเสวียนขึ้นหลังม้า แล้วพาฉินหบี่ทั้งสองไปที่สนามต่อสู้ในตอนนี้เอง เย่จิ่วอวี้ก็มาถึงตำหนักเฉิงเทียนแล้วเขาเดินช้าๆ เข้าไปในห้องโถงด้านข้าง สวมชุดมังกรสีเหลืองอร่าม ใบหน้าคมสันดุดันราวกับดาบแสดงให้เห็นถึงความน่าครั่นคร้ามของฮ่องเต้สวีจือย่วนกำลังเดินไปมาในห้อง นางต้องการทูลลากลับ แต่นางกลัวว่าฮ่องเต้จะตำห
ณ สนามฝึกทหารของซ่งเฉียวอันได้รับการฝึกฝนอย่างหนักท่ามกลางแสงแดดที่สดใส ส่วนอินชิงเสวียนได้ให้ทหารได้พักผ่อนแล้วอุณหภูมิตอนเที่ยงสูงถึงสามสิบเจ็บสามสิบแปดองศาเซลเซียส ถ้าไม่ระวังจะเป็นโรคลมแดดซึ่งได้ไม่คุ้มเสียจริงๆนางมีคนเพียงเท่านี้ จำเป็นต้องรับรองว่าทุกคนต้องได้ลงต่อสู้ในสนามทุกคนนั่งบนพื้น กินองุ่น เพลิดเพลินกับความเย็น และรู้สึกสบายอย่างสุดจะพรรณนาทหารของซ่งเฉียวอันยังคงตะโกนลั่น พวกเขาก็ฝึกซ้อมอย่างกระฉับกระเฉงทหารคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ติดตามเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงดีกว่าจริงๆ ไม่ต้องฝึกกลางแดด”อีกคนคร่ำครวญ “ใช่ วันใดที่ฝึกกลางแดดต้องมีทหารล้มไปหลายคนเลย”“อากาศร้อนเช่นนี้ ยังต้องออกแรงอย่างหัก ถ้าไม่เป็นลมก็แปลกแล้ว กงกงน้อยไม่เพียงแต่ไม่ให้พวกเราตากแดดเท่านั้น แต่ยังให้ผลไม้แสนอร่อยเหล่านี้แก่เราอีกด้วย คงจะดีมากถ้ามีเขาเป็นแม่ทัพของเรา”จังเถี่ยยืนขึ้นจากพื้นแล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนคิดว่าเจ้าเสี่ยวเสวียนจื่อดี เช่นนั้นก็จงทำกันให้เต็มที่ ถ้าพวกเราแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ แม้จะกลับคายแล้วพวกเราก็จะถูกพวกเขาหัวเราะเยาะ”สวีเหลียงพูดด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง
เหงื่อหยดหนึ่งไหลออกมาบนหน้าผากของอินชิงเสวียนสิ่งสิ่งใดก็ได้เจอสิ่งนั้นจริงๆตามเย่จิ่วอวี้ไปจนถึงห้องทรมาน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชาที่หนังศีรษะขณะมองดูเครื่องมือทรมานต่างๆ ที่แขวนอยู่บนผนังเย่จิ่วอวี้สะบัดชายเสื้อ แล้วเดินไปนั่งอยู่บนเก้าอี้เหล็กตรงกลางด้วยใบหน้าที่เย็นชาและน่ากลัว“เสี่ยวเสวียนจื่อ เราจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร”อินชิงเสวียนคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว“ฝ่าบาททีงดีต่อกระหม่อมร้อยเท่าพันทวี”“แล้วเจ้าปฏิบัติต่อเราอย่างไร”เย่จิ่วอวี้โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ดวงตาหงส์ไหวระริกดั่งเปลวไฟ เมื่อประกอบกับน้ำเสียงทุ้มต่ำที่เสียดแทงเข้ากระดูกดำ ช่างน่าพรั่นพรึงยิ่งนักอินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น พูดอย่างกล้าหาญ “กระหม่อมได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับฝ่าบาท ฟ้าเป็นพยานได้ กระหม่อมภักดีต่อฝ่าบาทมิมีเจตนาแอบแฝง”เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงเย็นชา เอื้อมมือไปบีบคางของอินชิงเสวียน“ เจ้ายังกล้าเถียงกับเราอีก สิ่งที่เจ้าบอกว่าหายาก หายากเช่นนี้หรือ”อินชิงเสวียนถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น เห็นได้ทันทีว่าสีของรูม่านตาของเย่จิ่งอวี้นั้นเข้มขึ้นเล็กน้อยซึ่งหมาย
น้ำเสียงของเย่จิ่วอวี้ราบเรียบและสงบ กระแสเสียงกลับก็ไม่เย็นชาแต่เสียงที่ราบเรียบราวกับน้ำนี้ เป็นเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่กระทบหัวใจของอินชิงเสวียน อย่างแรง ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่แม้ว่าชายตรงหน้าจะอายุยังน้อย แต่เขาก็คือฮ่องเต้ที่แท้จริงเขามีอำนาจกุมความเป็นความตายของทุกคน!ตัวเองแค่อาศัยสองกลยุทธ์เพื่อรับความโปรดปรานชั่วคราว หากวันหนึ่งพูดผิดและทำให้ฮ่องเต้โกรธจริงๆ บางทีอาจจะซวยจริงก็ได้ ต่อไปห้ามพูดจาเหลวไหลอีก ต้องระมัดระวังให้เต็มที่...เมื่อเย่จิ่วอวี้ก้มมองดู เขาก็บังเอิญเห็นลำคอสีขาวราวกับหยกของขันทีน้อยเขารีบเบือนหน้าหนี พูดเบาๆ “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวันนั้นจะไม่เกิดขึ้น”ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อและพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ไปเอาแตงโมลูกเขียวๆ ของเจ้ามาให้เราชิมหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนรู้สึกตัวทันที อุ้มแตงโมมาหั่นแบ่งหลายๆ ชิ้น แล้วส่งมอบอย่างระมัดระวังเย่จิ่วอวี้กัดเข้าไปแล้วก็รู้สึกถึงความหวานแผ่ซ่านเข้ามาในลำคอ ซึ่งทำให้อวัยวะภายในของเขาผ่อนคลาย“นี่คือสิ่งที่เจ้าปลูกในสวนอวิ๋นเซียงงั้นรึ”“พ่ะย่ะค่ะ” อินชิงเสวียนยืนเคียงข้างและพูดด้วยความเคารพ
“จิ่งหลาน!”เย่จิ่งอวี้คว้าคอเสื้อของเขารวดเร็ว หลบหลีกการโจมตีได้อย่างหวุดหวิดตูม!อสุนีบาตฟาดเปรี้ยง บนพื้นมีหลุมลึกเกิดขึ้น ทุกคนล้วนหวาดกลัวกับฟ้าที่ผ่าลงมา ต่างใช้วิชาตัวเบาหนีไปทุกทิศทางอินชิงเสวียนถามด้วยความตกใจ “นักพรตเทียนชิง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”นักพรตเทียนชิงขมวดคิ้วกล่าวว่า “ชิงฮุยมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ เย่จิ่งหลานฆ่าเขา ศิลาตอบสวรรค์อาจมองว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายมาก และออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง”เมื่อเห็นว่ายังมีฟ้าผ่าลงมา อินชิงเสวียนพูดอย่างกังวล “ศิลาตอบสวรรค์ไม่แยกแยะผิดถูกเช่นนี้ได้อย่างไร คนที่เย่จิ่งหลานฆ่านั้นคือคนชั่วร้ายจริงๆ ท่านนักพรตสามารถสื่อสารกับศิลาตอบสวรรค์ได้หรือไม่”นักพรตเทียนชิงส่ายศีรษะ“ไม่ได้ ศิลาตอบสวรรค์มีวิธีการตัดสินใจของตัวเอง”“แล้วต้องทำอย่างไรดี”อินชิงเสวียนเป็นกังวล และทันใดนั้นดวงตาก็พลันสว่างขึ้น“เย่จิ่งหลาน เจ้ารีบหลบเข้าไปในมิติเร็ว”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างวิตกกังวล “เสวียนเอ๋อร์พูดถูก จิ่งหลาน เจ้าเข้าไปหลบในมิติก่อน”เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองว่ามีฟ้าแลบฟ้าผ่าเปล่งแสงแปลบปลาบ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกชาดิกไปทั้งหนังศีรษะ หากถูกโ
นอกห้วงทะเลแห่งจิต อินชิงเสวียนมองไปยังลิ่นเซียวที่ประทับฝ่ามืออยู่บนหลังของเย่จิ่งหลานอย่างประหม่า“อาจารย์ ท่านสัมผัสถึงแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานได้แล้วหรือยัง ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง”“คงจะสำเร็จแล้ว”ลิ่นเซียวถอนมือออก และแน่นอนว่าเพียงครู่หนึ่ง เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ก็รู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกัน“ชิงเสวียน ผู้อาวุโสลิ่น นี่คือ...”“ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่”เฮ่ออวิ๋นทงก็ดูประหลาดใจเช่นกัน“ทำไมพวกเจ้าถึงมาที่นี่กันหมดล่ะ เกิดอะไรขึ้น”ทุกคนสูญเสียความทรงจำในช่วงเวลานั้นไป ต่างเพ่งมองไปยังอินชิงเสวียน“ผู้อาวุโสทุกท่านตกอยู่ภายใต้อาคมของชิงฮุย...”อินชิงเสวียนเล่าสั้นๆ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทุกคนตกใจเมื่อรู้ว่าชิงฮุยได้ช่วงงชิงร่างของลั่วสุ่ยชิงไปเมื่อได้ยินว่าเย่จิ่งหลานกลับมาที่เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงแล้ว และแก่นวิญญาณก็อยู่ในห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิง ทุกคนก็เป็นกังวลอีกครั้งทุกคนเบิกตากว้าง มองไปยังเย่จิ่งหลานและลั่วสุ่ยชิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดลั่วสุ่ยชิงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาหรี่ลง
เย่จิ่งหลานขบกรามแน่น“ข้าสามารถให้ร่างกายแก่เจ้าได้ แต่เจ้าต้องสาบานอย่างจริงจัง ว่าจะไม่ทำร้ายต้าโจว หากผิดคำสาบาน ลูกหลานชาวเฟยเหยาทั้งหมดรวมทั้งตัวเจ้าเอง จะถูกสวรรค์ลงโทษ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย!”ในชีวิตนี้ของเขา เขาได้เป็นหมอที่ตัวเองชอบ ได้ข้ามภพ แถมยังได้ข้ามภพมาเป็นท่านอ๋องที่มีสถานะสูง ได้เดินทางจากการต่อสู้แย่งชิงในวังสู่ยุทธภพ และจากการไร้ชื่อเสียงเรียงนาม มาเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งในยุทธจักร ยังได้สัมผัสประสบการณ์การปล่อยให้ความคิดไหลไปในทางที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอีกครั้งหนึ่ง พอใคร่ครวญดูแล้ว มันก็คุ้มค่าจริงๆหากเขาสามารถยุติสงครามนี้ด้วยชีวิตของตัวเองได้ เย่จิ่งหลานก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่รักตัวกลัวตาย แต่เมื่อเผชิญกับความชอบธรรม เขาก็มีความตระหนักรู้ ในฐานะคนสมัยใหม่ เขาจะต้องไม่แย่กว่าอินชิงเสวียนอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชาดแห่งบาปในร่างกายของเขาที่ยังไม่ถูกกำจัด หากชิงฮุยกล้าใช้ร่างกายของเขาเพื่อฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ มันจะดึงดูดฟ้าผ่า ผ่าเขาให้เป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอนหลังจากฟังคำพูดของเย่จิ่งหลานแล้ว ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสี
“ไม่นะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงเหยียดแขนทั้งสองข้างออก และมาขวางอยู่เบื้องหน้าของเย่จิ่งหลานอีกครั้งเสียงดังปัง ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกห่างออกไปหลายจั้ง และในไม่ช้าก็จมลงไปในหมอกสีดำหนาทึบ“ลั่วสุ่ยชิง ลั่วสุ่ยชิง!”เย่จิ่งหลานเหาะเข้าไปในหมอกสีดำอย่างกระวนกระวายใจ คลำหาลั่วสุ่ยชิง และช่วยพยุงนางลุกขึ้นชิงฮุยเคลื่อนฝีเท้า และมาปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองอีกครั้ง“ลั่วสุ่ยชิง นังสารเลว วันนี้ข้าขอถามเจ้า ต้องการพ่อ หรือผู้ชายคนนี้?”แก่นวิญญาณของลั่วสุ่ยชิงก็ยังสั่นเทา นางกำเสื้อคลุมไว้แน่น มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หลังมือนี่เป็นสิ่งที่เลือกยากมากจริงๆไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางตกหลุมรักเย่จิ่งหลานจริงๆไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน แต่มันค่อยๆ ฝังแน่นอยู่ในใจแล้วอาจเป็นเพราะการเข้าฝัน อาจเป็นเพราะตัวเองเคยเดินทางไปกับเขา หรืออาจเป็นเพราะความใกล้ชิดของแก่นวิญญาณของเขา ลั่วสุ่ยชิงไม่สามารถค้นหาติดตามได้อีกแล้วแม้ว่านางจะเป็นสตรีงดงามแห่งสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครที่เข้าตาของนาง แต่ดันเป็นเย่จิ่งหลานผู้ที่พูดเรื่องไร้สาระทั้งวัน ผู้ที่ไม่มีท่าทีจริงจัง กลับกลายเป็นคนที่อยู่ในใจนาง
ชิงฮุยได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีลั่วสุ่ยชิงที่กำลังต่อสู้กับแก่นวิญญาณของเขา จึงเคลื่อนไหวช้าลิ่นเซียวแทงกระบี่สวน โจมตีจุดถันจงที่อยู่กลางอกของนาง พลังของลั่วสุ่ยชิงถูกยับยั้ง ก้าวหยุดนิ่ง ในเวลาเดียวกัน แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานก็เข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิงในหมอกสีดำ ชายและหญิงกำลังต่อสู้กัน เย่จิ่งหลานหลบเข้าไปในวงการต่อสู้ และช่วยลั่วสุ่ยชิงต่อสู้กับชิงฮุย ชิงฮุยตกตะลึง“เป็นเจ้า!”“ใช่ ข้าเอง!”ขณะที่พูด เย่จิ่งหลานได้ซัดฝ่ามือใส่เขาหลายครั้งแล้วการเข้าร่วมวงการต่อสู้ของเขาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธตะโกนด้วยความเดือดดาล “ลั่วสุ่ยชิง เจ้าคิดจะช่วยคนนอกจัดการกับข้าจริงๆ อกตัญญู!”ลั่วสุ่ยชิงตกใจเล็กน้อย วิชาฝ่ามือช้าลงครู่หนึ่ง“เจ้าเป็นใครกันแน่”ชิงฮุยคำรามด้วยความโกรธ“เจ้ารู้คำตอบแล้ว ยังต้องการจะถามอีกรึ”ลั่วสุ่ยชิงตัวสั่นเล็กน้อย“จริงหรือ...เป็นท่าน?”เย่จิ่งหลานไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังเล่นปริศนาทายคำอะไรอยู่ แค่อยากจะจัดการกับปีศาจชั่วร้ายนี้โดยเร็ว เขาลงมือรวดเร็ว ล้วนหมายไปยังจุดตายของชิงฮุยชิงฮุยบังคับเย่จิ่งหลานใ
ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะลงมือ ดวงตาของลั่วสุ่ยชิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง“เขากำลังกลืนกินแก่นวิญญาณของข้า ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ข้าก็คงไม่รอดเช่นกัน อินชิงเสวียน เจ้าไม่อยากช่วยสามีและพ่อแม่ของเจ้าหรือ”เมื่อเห็นท่าทางอันเจ็บปวดของลั่วสุ่ยชิง อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ครู่หนึ่งลั่วสุ่ยชิงสามารถทำเพื่อราษฎร ละทิ้งความคิดที่นางยืนหยัดมานับพันปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางควรค่าแก่การเคารพเพียงใด แต่ถ้านางไม่ตาย จะไม่มีใครรอดชีวิตได้เมื่อกวาดสายตามองไปยังร่างของทุกคนที่เหมือนถูกจี้สกัดจุด อินชิงเสวียนก็กัดฟันกรอด และพิณการเวกก็อยู่ในมือของนางแล้ว“ลั่วสุ่ยชิง ข้าขอสาบานในนามของฮองเฮาต้าโจวว่า หลังจากที่เจ้าเสียชีวิต จะจัดพิธีศพให้เจ้าอย่างสมเกียรติระดับแคว้น”ร่างของเย่จิ่งหลานหายวับ และยืนขวางอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียน“ยัยบ้า ข้าไม่เคยขอร้องอะไรเจ้าเลย คราวนี้ข้าขอร้องล่ะ ช่วยไว้ชีวิตลั่วสุ่ยชิงด้วย!”“เย่จิ่งหลาน เจ้า...”อินชิงเสวียนใช้นิ้วกดสายพิณ แต่ในใจกลับไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆ เย่จิ่งหลานถึงมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อลั่วสุ่ยชิงขนาดนี้เสื้อยืดสีขาวของเย่จิ่งหลานเปื้อนเลือดแดงฉาน ดวง
“โอ๊ย พ่องเอ๊ย ตกลงมาเกือบตาย”ชายคนหนึ่งสวมกางเกงยีน เสื้อยืดสีขาว กำลังนวดหลังตัวเองอยู่ จากนั้นก็คลานลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด“เย่จิ่งหลาน...เจ้าจะกลับไปจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานปีนขึ้นมาจากหลุม ตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “อย่าเพิ่งฆ่าคน นางคือลั่วสุ่ยชิงจริงๆ”อินชิงเสวียนหยุดทันที นางไม่ไว้ใจคนอื่น แต่กลับไม่สงสัยในตัวเย่จิ่งหลานแม้แต่น้อย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”เย่จิ่งหลานก็เดินตามหลังลั่วสุ่ยชิง ช่วยนางรักษาอาการบาดเจ็บของนาง“เรื่องมันยาวนะ ยัยบ้า เจ้ายังมีน้ำอีกไหม รีบเอาน้ำมาให้จอมยุทธ์หญิงลั่วดื่มเร็ว”“อ้อ”อินชิงเสวียนหยิบขวดพุวิญญาณออกมาหนึ่งขวด เย่จิ่งหลานก็เอื้อมมือไปหยิบมัน และส่งให้ลั่วสุ่ยชิงดื่มลั่วสุ่ยชิงนั่งขัดสมาธิทันที ปรับลมปราณ หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของนางก็ดีขึ้นลิ่นเซียวกางนิ้ว กิ่งไม้ก็กลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง“แม่หนูน้อย ข้าให้เวลาเจ้าพักแล้ว มาสู้กันใหม่!”เมื่อเห็นกิ่งไม้หลอมรวมเป็นปราณกระบี่ในมือของเขา อินชิงเสวียนก็รีบคว้าเขาไว้“อาจารย์ นี่คือมิตร”ลิ่นเซียวส่ายผมสีขาว แล้วมองดูนาง “มิตร?”อินชิงเสวียนดึงเขาออกไป“ก็คือพวกเราเอง
ในช่วงที่เกิดวิกฤติในต้าโจว ฝ่ายของเย่จิ่งหลานก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกันหลังอาหารเย็น เขาได้พูดคุยกับชิงผิงชิงอาน แต่กลับไม่สามารถหาสาเหตุได้ จึงเข้าสู่สมาธิอีกครั้งเข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิต แต่ก็ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทั่วทั้งห้วงทะเลแห่งจิตเต็มไปด้วยหมอกสีดำ ลั่วสุ่ยชิงร่างเปลือยเปล่า นั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกล ขยับมืออยู่ตลอดเวลา ลมปราณแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าในทันที!“แม่นาง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”เย่จิ่งหลานถามอย่างครอบงำมากลั่วสุ่ยชิงยังคงหลับตาแน่น มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก“นี่ ลั่วสุ่ยชิง เจ้าไม่เป็นไรนะ?”เมื่อเห็นนางมีท่าทางแบบนี้ เย่จิ่งหลานก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยในเวลานี้ เสียงสะท้อนที่ชัดเจนฟังดูเหมือนน้ำใสในห้วงทะเลแห่งจิตก็ตอบกลับมา“เย่จิ่งหลาน มาช่วยข้าที ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในต้าโจว แต่รู้สึกได้ว่าร่างกายของชิงฮุยอ่อนแอ แก่นวิญญาณของข้าได้กลับมาควบคุมร่างกายบางส่วนแล้ว เสี้ยววิญญาณนี้คือกุญแจสำคัญ ว่าเจ้าและข้าจะสามารถกลับไปได้หรือไม่”เย่จิ่งหลานได้ยินเสียงของลั่วสุ่ยชิงเป็นครั้งแรก จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น“เจ้าพูดได้แล้ว?”ลั่
ลิ่นเซียวตะโกนเสียงดัง ปราณกระบี่บนท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ปราณกระบี่นับพันรวมตัวกันในที่จุดเดียวอีก และปราณกระบี่สีทองก็เปล่งประกายด้วยแสงสีทองพร่างพราว เทียบเคียงกับความรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปราณกระบี่อันทรงพลังสามารถสะเทือนขุนเขา สะท้านสวรรค์!ช่างเป็นกระบี่ที่น่าตกใจจริงๆ!ใบหน้าของชิงฮุยแสดงสีหน้าเคร่งขรึมเป็นครั้งแรกคนผู้นี้สมแล้วที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา!ปราณโคจรไปทั่วร่าง มีหมอกสีดำลอยขึ้นมาทั่วตัว ร่างนั้นปรากฏขึ้นในหมอกรางๆ ดวงตาทั้งคู่เกือบจะเสียตาขาวไปทั้งหมด ทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยชั้นสีดำ ซึ่งทั้งแปลกและน่าสะพรึงกลัว!เพียงชั่วพริบตา กระบี่ก็ร่วงหล่นและหมอกก็หายไปอากาศเงียบสงบอย่างน่าขนลุก ไม่มีเสียงใดๆ แม้แต่เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ที่โจมตีอินชิงเสวียนก็ยืนนิ่งในเหตุการณ์ ชิงฮุยค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากลิ่นเซียววางมือข้างหนึ่งไพล่หลัง ยืนตระหง่านต้านสายลมอินชิงเสวียนดีใจ สำเร็จแล้ว!นางรีบวิ่งไปหาลิ่นเซียว“อา...”“อาจารย์!”วินาทีต่อมา ความประหลาดใจของอินชิงเสวียนกลายเป็นความตกใจหน้าอกของลิ่นเซียวกลายเป็นสีแดงเลือด มีเล