“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท!”เมื่อเห็นอินชิงเสวียนซุกตัวอยู่หลังม้า ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ก็ไหวน้อยๆขันทีน้อยสารเลวคนนี้ไม่คิดว่าตัวเองเป็นบ่าวจริงๆ ถึงกลับออกจากวังเอาป่านนี้ เขาคงตามใจขันทีน้อยผู้นี้มากไปแล้วจริงๆแล้วก็ตระหนักได้อีกครั้ง ว่านี่เป็นคำอนุญาตจากตัวเอง จึงทำได้เพียงขบกรามกรอด แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นฮ่องเต้ไม่ตรัสคำใด ขันทีที่ยกเกี้ยวก็ไม่กล้าหยุด แล้วขบวนคนกลุ่มใหญ่ก็เดินผ่านทั้งสามคนอย่างเอิกเกริก และตรงไปที่ตำหนักเฉิงเทียนฉินเทียนคิดว่าจะถูกดุสักคำ แต่ฮ่องเต้ไม่ตรัสคำใด เขาคงชอบเสี่ยวเสวียนจื่อมากจริงๆ แล้วอดไม่ได้ที่จะมองสบตากับหลี่ฉีอินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเช่นกัน ไม่ว่าเย่จิ่งอวี้จะคิดอย่างไรก็ช่าง แค่เขาแสร้งทำเป็นว่ามองไม่เห็นนางก็พอแล้ว“ไปกันเถอะ”อินชิงเสวียนขึ้นหลังม้า แล้วพาฉินหบี่ทั้งสองไปที่สนามต่อสู้ในตอนนี้เอง เย่จิ่วอวี้ก็มาถึงตำหนักเฉิงเทียนแล้วเขาเดินช้าๆ เข้าไปในห้องโถงด้านข้าง สวมชุดมังกรสีเหลืองอร่าม ใบหน้าคมสันดุดันราวกับดาบแสดงให้เห็นถึงความน่าครั่นคร้ามของฮ่องเต้สวีจือย่วนกำลังเดินไปมาในห้อง นางต้องการทูลลากลับ แต่นางกลัวว่าฮ่องเต้จะตำห
ณ สนามฝึกทหารของซ่งเฉียวอันได้รับการฝึกฝนอย่างหนักท่ามกลางแสงแดดที่สดใส ส่วนอินชิงเสวียนได้ให้ทหารได้พักผ่อนแล้วอุณหภูมิตอนเที่ยงสูงถึงสามสิบเจ็บสามสิบแปดองศาเซลเซียส ถ้าไม่ระวังจะเป็นโรคลมแดดซึ่งได้ไม่คุ้มเสียจริงๆนางมีคนเพียงเท่านี้ จำเป็นต้องรับรองว่าทุกคนต้องได้ลงต่อสู้ในสนามทุกคนนั่งบนพื้น กินองุ่น เพลิดเพลินกับความเย็น และรู้สึกสบายอย่างสุดจะพรรณนาทหารของซ่งเฉียวอันยังคงตะโกนลั่น พวกเขาก็ฝึกซ้อมอย่างกระฉับกระเฉงทหารคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ติดตามเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงดีกว่าจริงๆ ไม่ต้องฝึกกลางแดด”อีกคนคร่ำครวญ “ใช่ วันใดที่ฝึกกลางแดดต้องมีทหารล้มไปหลายคนเลย”“อากาศร้อนเช่นนี้ ยังต้องออกแรงอย่างหัก ถ้าไม่เป็นลมก็แปลกแล้ว กงกงน้อยไม่เพียงแต่ไม่ให้พวกเราตากแดดเท่านั้น แต่ยังให้ผลไม้แสนอร่อยเหล่านี้แก่เราอีกด้วย คงจะดีมากถ้ามีเขาเป็นแม่ทัพของเรา”จังเถี่ยยืนขึ้นจากพื้นแล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนคิดว่าเจ้าเสี่ยวเสวียนจื่อดี เช่นนั้นก็จงทำกันให้เต็มที่ ถ้าพวกเราแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ แม้จะกลับคายแล้วพวกเราก็จะถูกพวกเขาหัวเราะเยาะ”สวีเหลียงพูดด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง
เหงื่อหยดหนึ่งไหลออกมาบนหน้าผากของอินชิงเสวียนสิ่งสิ่งใดก็ได้เจอสิ่งนั้นจริงๆตามเย่จิ่วอวี้ไปจนถึงห้องทรมาน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชาที่หนังศีรษะขณะมองดูเครื่องมือทรมานต่างๆ ที่แขวนอยู่บนผนังเย่จิ่วอวี้สะบัดชายเสื้อ แล้วเดินไปนั่งอยู่บนเก้าอี้เหล็กตรงกลางด้วยใบหน้าที่เย็นชาและน่ากลัว“เสี่ยวเสวียนจื่อ เราจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร”อินชิงเสวียนคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว“ฝ่าบาททีงดีต่อกระหม่อมร้อยเท่าพันทวี”“แล้วเจ้าปฏิบัติต่อเราอย่างไร”เย่จิ่วอวี้โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ดวงตาหงส์ไหวระริกดั่งเปลวไฟ เมื่อประกอบกับน้ำเสียงทุ้มต่ำที่เสียดแทงเข้ากระดูกดำ ช่างน่าพรั่นพรึงยิ่งนักอินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น พูดอย่างกล้าหาญ “กระหม่อมได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับฝ่าบาท ฟ้าเป็นพยานได้ กระหม่อมภักดีต่อฝ่าบาทมิมีเจตนาแอบแฝง”เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงเย็นชา เอื้อมมือไปบีบคางของอินชิงเสวียน“ เจ้ายังกล้าเถียงกับเราอีก สิ่งที่เจ้าบอกว่าหายาก หายากเช่นนี้หรือ”อินชิงเสวียนถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น เห็นได้ทันทีว่าสีของรูม่านตาของเย่จิ่งอวี้นั้นเข้มขึ้นเล็กน้อยซึ่งหมาย
น้ำเสียงของเย่จิ่วอวี้ราบเรียบและสงบ กระแสเสียงกลับก็ไม่เย็นชาแต่เสียงที่ราบเรียบราวกับน้ำนี้ เป็นเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่กระทบหัวใจของอินชิงเสวียน อย่างแรง ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่แม้ว่าชายตรงหน้าจะอายุยังน้อย แต่เขาก็คือฮ่องเต้ที่แท้จริงเขามีอำนาจกุมความเป็นความตายของทุกคน!ตัวเองแค่อาศัยสองกลยุทธ์เพื่อรับความโปรดปรานชั่วคราว หากวันหนึ่งพูดผิดและทำให้ฮ่องเต้โกรธจริงๆ บางทีอาจจะซวยจริงก็ได้ ต่อไปห้ามพูดจาเหลวไหลอีก ต้องระมัดระวังให้เต็มที่...เมื่อเย่จิ่วอวี้ก้มมองดู เขาก็บังเอิญเห็นลำคอสีขาวราวกับหยกของขันทีน้อยเขารีบเบือนหน้าหนี พูดเบาๆ “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวันนั้นจะไม่เกิดขึ้น”ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อและพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ไปเอาแตงโมลูกเขียวๆ ของเจ้ามาให้เราชิมหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนรู้สึกตัวทันที อุ้มแตงโมมาหั่นแบ่งหลายๆ ชิ้น แล้วส่งมอบอย่างระมัดระวังเย่จิ่วอวี้กัดเข้าไปแล้วก็รู้สึกถึงความหวานแผ่ซ่านเข้ามาในลำคอ ซึ่งทำให้อวัยวะภายในของเขาผ่อนคลาย“นี่คือสิ่งที่เจ้าปลูกในสวนอวิ๋นเซียงงั้นรึ”“พ่ะย่ะค่ะ” อินชิงเสวียนยืนเคียงข้างและพูดด้วยความเคารพ
อินชิงเสวียนยืนอยู่บนแท่นสูง และเฝ้าดูทุกคนแสดงฝีมือการต่อสู้ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่นางจะได้พบจอมพลเฒ่า กวนฮั่นหลิน ตาเฒ่าผู้นี้แค่มองก็รู้ว่าเขาดื้อรั้นมา แต่กวนเซี่ยวก็เป็นคนซื่อสัตย์เช่นกัน หากเขาบอกความจริง เขาจะต้องเดือดร้อนแน่นอนปล่อยให้เขาโกหกปู่ของเขาไปก่อนดีกว่า แล้วค่อยพูดถึงเรื่องหลังจากนี้อินชิงเสวียนถอนหายใจ รู้สึกหงุดหงิดขณะที่กำลังคิดอยู่ก็ได้ยินคนพูดว่า “ท่านอ๋องมาตรวจกองทัพ เปิดประตูเดี๋ยวนี้”ทันใดนั้นความคิดของอินชิงเสวียนก็หยุดลง พอนางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเย่จิ่งเย่าที่มีคิ้วสีดำหนาสองข้างเหมือนชินจังอินชิงเสวียนไม่สามารถกลั้นไว้ได้ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมานางกระแอมในลำคอแล้วเดินช้าๆ ไปที่ประตูเหล็กกลั้นยิ้มในลำคอแล้วถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ท่านอ๋องรักษาตัวอยู่ในตำหนักมิใช่หรือ ไม่ทราบว่าท่านอ๋องมาทที่นี่ด้วยเรื่องใด”ซ่งเฉียวอันที่ติดตามเย่จิ่งเย่าตะโกนทันที “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาพูดกับท่านอ๋องเช่นนี้ เหตุใดไม่รีบเปิดประตู”เมื่อเห็นซ่งเฉียวอันเชิดหน้าชูคอ อินชิงเสวียนก็ยิ้มอย่างเหยียดหยาม“ข้าทำงานรับใช้ฮ่องเต้ เหตุใดข้าต้องฟังท่านอ๋
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมาก่อนไก่ขัน”อินชิงเสวียนไม่เพียงแต่คิดถึงเจ้าหมาน้อยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกิจการการขายสินค้าของนางด้วยด้วยเฝ้านายหญิงที่ร่ำรวยเหล่านี้แล้วไม่หาเงินเข้ากระเป๋า ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเลย และสิ่งที่นางขายล้วนเป็นสิ่งที่พวกนางจำเป็นต้องใช้ตอนนี้สวีจือย่วนกลายเป็นคนโปรดของฮ่องเต้แล้ว หลายคนอาจอิจฉา แปดเซียนข้ามสมุทร สอนมนุษย์คนละวิธี เมื่อนึกได้ดังนี้ ริมฝีปากของอินชิงเสวียนก็โค้งขึ้นเล็กน้อย แล้วนางก็มาที่หอฉงฮวาเมื่อได้ยินว่าเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงกำลังมา ซูฉ่ายเวยก็มารับด้วยตัวเอง“ได้ยินมาว่ากงกงไปฝึกทหารที่นอกวัง กำลังคิดถึงอยู่เลยเชียว ไม่คิดว่ากงกงจะมาถึงนี่”อินชิงเสวียนโค้งคำนับและพูดว่า “น้อมคำนับหลิงผิน ขอพระสนมจงมีแต่ความสุข”“พวกเราต่างก็เป็นคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ ตามข้าเข้าไปคุยในห้อง”ทันทีที่นางเข้าไปในห้อง ซูฉ่ายเวยก็ไล่ทุกคนออก ถามอย่างอดรนมนไม่ไหว “ได้ยินมาว่า สวีจือย่วนที่หอสุ่ยอวิ้นถูกพาตัวไปพำนักในตำหนักเฉิงเทียน เป็นเรื่องจริงหรือไม่”อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “นั่นเป็นความจริง ข่าวของพระสนมเป็นข้อมูลที่ดีจริงๆ”“อยู่ในวังหลั
เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ทำทุกคนนิ่งอึ้งใครจะรู้ว่าจู่ๆ ไป๋เสวี่ยจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วคาบเอาเด็กวิ่งหนีไป“พระสนม นี่ นี่จะทำเช่นไรดี!”ยายหลี่คุกเข่าลงกับพื้นทันที อ่อนยวบไปทั้งตัว สีหน้าขาวโพลน แม้กระทั่งพูดจายังติดขัดอินชิงเสวียนก็ตกใจจนเหงื่อท่วมกาย“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าไปตามเอง”นางผลักอวิ๋นฉ่ายที่ยืนอยู่ตรงปากประตู ส่วนตัวนางพุ่งออกไปราวกับธนูที่พุ่งออกจากคันศร“ไป๋เสวี่ย ไป๋เสวี่ย!”เจ้าหมาตัวนี้ราวกับรู้ใจมนุษย์ ไม่แน่ว่ามันได้กลิ่นว่าเจ้าหมาน้อยเป็นลูกชายของชายสารเลวเย่จิ่งอวี้นั่น ก็เลยจะคาบไปให้เย่จิ่งอวี้ดูเสียหน่อยเมื่อนึกถึงว่าเย่จิ่งอวี้จะรู้ตัวตนที่แท้จริงของตนและการมีอยู่ของเจ้าหมาน้อยแล้ว อินชิงเสวียนด้านชาไปทั้งศีรษะ ทั้งกายอาบด้วยเหงื่อเย็นเย่จิ่งอวี้เคยพูดไว้ว่า หากนางกล้าหักหลังเขา เขาจะฆ่านางแน่นอน!แล้วนี่นับว่าเป็นการหักหลังแบบหนึ่งหรือไม่“ไป๋เสวี่ย เจ้าหมาสมควรตาย หยุดเดี๋ยวนี้นะ”อาจเป็นเพราะอินชิงเสวียนดื่มน้ำจากน้ำพุวิญญาณ นางวิ่งได้อย่างรวดเร็ว เพียงหักมุมตรงตอก ก็เห็นเงาสีขาวท่ามกลางความมืดได้ ในใจโกรธกริ้ว ร้องตะโกนดังล
เย่จิ่งอวี้ยื่นมือผลักซูฉ่ายเวยออกถามเสียงราบเรียบว่า “เจ้าเห็นขันทีที่อุ้มทารกวิ่งมาทางนี้หรือไม่”ซูฉ่ายเวยนิ่งอึ้งจนปากน้อยอ้าค้าง ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “หม่อมฉันไม่เห็นขันทีไหนเลย อีกทั้งในวังนี้...จะมีทารกได้อย่างไรเพคะ” พระสนมทั้งหลายยังไม่เคยได้รับรักจากฮ่องเต้ หากจู่ๆ มีเด็กทารกโผล่มา ไม่แปลกประหลาดไปหน่อยหรือซูฉ่ายเวยเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นเย่จิ่งอวี้ก็เห็นลายดอกไม้บนหน้าผากนาง สองตาหรี่เล็กลง“ชาดดอกไม้ของพระสนมช่างโดดเด่นนัก ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนวาดให้รึ”พอซูฉ่ายเวยได้ยินคำชม ในใจนึกยินดี ยิ้มตอบว่า “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงเป็นผู้มอบให้หม่อมฉันเพคะ ของนี้มาจากแคว้นฮว๋าเซี่ยเช่นกัน หายากยิ่งเพคะ” พอได้ยิน ‘เสี่ยวเสวียนจื่อ’ สามคำนี้ ริมฝีปากของเย่จิ่งอวี้ค่อยๆ ยกขึ้นจึงถามขึ้นอย่างหยอกล้อว่า “ของสิ่งนี้คงราคาไม่ถูกสินะ”ซูฉ่ายเวยรีบอธิบาย “หม่อมฉันไม่บังอาจทำการซื้อขายในวังหลวงเพคะ นี่เป็นของที่เสี่ยวกงกงมอบให้หม่อมฉันเองเพคะ” “เช่นนั้นรึ”เย่จิ่งอวี้ไม่รอคำตอบ เดินดุ่มเข้าไปในตำหนักของนางพอเห็นว่าฮ่องเต้เสด็จเข้าตำหนักเอง ซูฉ่ายเวยยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูแล้ว จึงรีบเ
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง
“แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ
“ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก
เมื่อเห็นชายคนนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที อินชิงเสวียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“คุณบอกว่า...คุณชื่อเย่จิ่งหลานไม่ใช่เหรอ”ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ใช่น่ะสิ ผมชื่อเย่จิ่งหลานแล้วมันขัดแย้งอะไรกับเรื่องที่ผมเป็นหมอล่ะ”เสี่ยวหลานหลานที่อยู่ข้างๆ สั่นศีรษะ พูดอย่างน่ารัก “ก็ไม่ขัดแย้ง”เย่จิ่งหลานยักไหล่“งั้นก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผมอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณสาวสวยคนนี้ที่ช่วยเหลือ เพิ่มเพื่อนในไลน์ได้ไหม”เย่จิ่งหลานสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่มันก็ว่างเปล่าเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์หายไปไหน“แล้วคุณรู้ไหมว่าคุณมาจากโรงพยาบาลไหน”“รู้...”เย่จิ่งหลานพูดขึ้นมาคำหนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้งเขาจำได้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะไปคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อมาก็ฝันอะไรตั้งมากมาย ในฝันเหมือนเขาจะกลายเป็นอ๋อง แล้วต่อมาก็ได้เป็นจอมยุทธ์เมื่อมองดูเตียงในโรงพยาบาลตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงขึ้นมาทันทีเขายกนิ้วขึ้นแตะหัวเตียง ผิวสัมผัสเย็นๆ บอกเขาว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต