แชร์

บทที่ 110 ฮ่องเต้เสด็จ

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
เย่จิ่งอวี้ยื่นมือผลักซูฉ่ายเวยออก

ถามเสียงราบเรียบว่า “เจ้าเห็นขันทีที่อุ้มทารกวิ่งมาทางนี้หรือไม่”

ซูฉ่ายเวยนิ่งอึ้งจนปากน้อยอ้าค้าง ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “หม่อมฉันไม่เห็นขันทีไหนเลย อีกทั้งในวังนี้...จะมีทารกได้อย่างไรเพคะ”

พระสนมทั้งหลายยังไม่เคยได้รับรักจากฮ่องเต้ หากจู่ๆ มีเด็กทารกโผล่มา ไม่แปลกประหลาดไปหน่อยหรือ

ซูฉ่ายเวยเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นเย่จิ่งอวี้ก็เห็นลายดอกไม้บนหน้าผากนาง สองตาหรี่เล็กลง

“ชาดดอกไม้ของพระสนมช่างโดดเด่นนัก ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนวาดให้รึ”

พอซูฉ่ายเวยได้ยินคำชม ในใจนึกยินดี ยิ้มตอบว่า “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงเป็นผู้มอบให้หม่อมฉันเพคะ ของนี้มาจากแคว้นฮว๋าเซี่ยเช่นกัน หายากยิ่งเพคะ”

พอได้ยิน ‘เสี่ยวเสวียนจื่อ’ สามคำนี้ ริมฝีปากของเย่จิ่งอวี้ค่อยๆ ยกขึ้น

จึงถามขึ้นอย่างหยอกล้อว่า “ของสิ่งนี้คงราคาไม่ถูกสินะ”

ซูฉ่ายเวยรีบอธิบาย “หม่อมฉันไม่บังอาจทำการซื้อขายในวังหลวงเพคะ นี่เป็นของที่เสี่ยวกงกงมอบให้หม่อมฉันเองเพคะ”

“เช่นนั้นรึ”

เย่จิ่งอวี้ไม่รอคำตอบ เดินดุ่มเข้าไปในตำหนักของนาง

พอเห็นว่าฮ่องเต้เสด็จเข้าตำหนักเอง ซูฉ่ายเวยยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูแล้ว จึงรีบเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 111 เจ้าคิดจะออกจากวังอีกหรือ

    “กระหม่อมขอถวายบังคมฝ่าบาท”อินชิงเสวียนยกเสื้อคลุมยาวขึ้น พลางคุกเข่าลงเย่จิ่งอวี้เปล่งเสียงอืม และเดินเข้าไปในวังเย็นหลี่เต๋อฝูและคนอื่นๆ รีบรุดเดินขึ้นมา ถือตะเกียงส่องไฟแสงเทียนอ่อนๆ ส่องให้เห็นฉากที่ทรุดโทรม เย่จิ่งอวี้ย่นคิ้วโดยไม่รู้ตัวแม้เขาจะเกิดในตระกูลราชวงศ์ กลับไม่เคยย่างกรายเข้ามาที่นี่เลย ตอนเด็กๆ เคยมาเล่นสนุกที่นี่ด้วยความสงสัย เมื่อถูกเหล่าข้าหลวงหญิงเฒ่าจับได้ เขาก็จะถูกพาตัวออกไปในทันทีวังเย็นสองคำนี้ เป็นคำต้องห้ามในวังหลัง พูดถึงไม่ได้ และยิ่งไม่ควรถามถึงเย่จิ่งอวี้รู้สึกอยู่เสมอว่าวังเย็นเป็นเพียงแค่สถานที่ที่มีผู้คนเข้าออกน้อย เมื่อได้เห็นในวันนี้จึงได้รู้ว่ามีสถานที่ทรุดโทรมเช่นนี้ในพระราชวังไม่แปลกที่อินซื่อจะทนไม่ไหว!เมื่อสตรีคนนั้นที่ไม่รู้ว่าเป็นคนอย่างไร คิ้วของเย่จิ่งอวี้ก็ขมวดแน่นขึ้นอีกแต่เดิมการแต่งงานครั้งนี้เป็นผลจากการต่อสู้เพื่ออำนาจของฮ่องเต้ ทั้งสองฝ่ายต่างไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น ซึ่งบอกไม่ได้ว่าใครผิดใจต่อใครหากไม่ใช่เพราะการสมคบคิดระหว่างอินจ้งและเจียงวู เขาไม่มีทางผลักไสอินซื่อเข้าสู่วังเย็นแน่ ตอนนี้ทุกคนล้วนก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 112 ความโกรธของฮ่องเต้

    เสียงของเย่จิ่งอวี้เย็นเข้ากระดูก ปลายของดวงตาเลิกขึ้นเล็กน้อย เจตนาฆ่าแฝงอยู่ภายในอย่างแรงกล้าอินชิงเสวียนมองดูด้วยความหวาดกลัว พร้อมคุกเข่าลงกับพื้นและหมอบลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ฝ่าบาท กระหม่อมจำใจต้องพาลูกชายเข้าวังจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาทโปรดเมตตาไว้ชีวิตเด็กด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้หิ้วเด็กมาไว้ตรงหน้าทันใดนั้นไป๋เสวี่ยก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น สุนัขล้อมเจ้าหนูน้อยพร้อมทั้งดมกลิ่นและเลียเดิมทียังมีน้ำตาอยู่บนใบหน้าของเจ้าหนูน้อยยังมีน้ำตา เมื่อถูกขนของไป๋เสวี่ยถู ดวงตาก็โค้งขึ้นทันใดและหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมารอยยิ้มนี้ช่างละม้ายกับบ่าวตัวน้อยเหลือเกิน โดยเฉพาะดวงตาสีดำที่เปล่งประกายราวกับดวงดาวคู่นั้นเย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะยกมือซ้ายขึ้นมา และกอดเจ้าหนูน้อยไว้ในอ้อมอกเจ้าหนูน้อยจ้องมองด้วยดวงตากลมโตคู่หนึ่ง มองเย่จิ่งอวี้ด้วยความแปลกหน้า และส่งเสียงเล็กๆ ออกมาจากปากเย่จิ่งอวี้จับจ้องสายตา มองดูสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่มีกลิ่นน้ำนม ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความใกล้ชิดที่ไม่อาจอธิบายได้ในหัวใจของเขาความจริงที่น่าประหลาดใจก็คือ เจ้าหนูน้อยยกมือเล็กๆ ของเขาที่แดงบวมจากยุงก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 113 ฉันคือสับปะรดที่รักของคุณ

    “ท่านอาจารย์ เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่?”เสี่ยวอานจื่อสีหน้าเป็นกังวลหลี่เต๋อฝูถอนหายใจดังเฮ้อ “อย่าพูดเลย เสี่ยวเสวียนจื่อช่างบังอาจเสียจริง กล้าพาลูกเข้ามาในวัง...”หลี่เต๋อฝูพูดเพียงครึ่งเดียว จู่ๆ ก็ใจเต้นขึ้นมาวังเย็น ทารก เสี่ยวเสวียนจื่อ พระสนมอิน...หรือว่าเด็กคนนี้คือลูกของฝ่าบาท...ความคิดที่ถาโถมเข้ามากะทันหัน ทำให้หลี่เต๋อฝูตกใจกลัวก่อนหน้านี้เขายังสงสัยว่าเสี่ยวเสวียนจื่อก็คือพระสนมอิน แต่เมื่อเห็นเขาออกอุบายให้ฝ่าบาทอยู่หลายครั้ง ความคิดนี้ก็ถูกเก็บไว้ในใจไม่ว่าเขาเป็นใคร ขอเพียงทำประโยชน์ต่อต้าโจว และทำให้ฝ่าบาทมีความสุข เท่านี้ก็เพียงพอแล้วทว่าวันนี้มีเด็กคนหนึ่งโผล่ออกมา คือว่า... เรื่องนี้ต้องทูลฝ่าบาทหรือไม่?หลี่เต๋อฝูเดินวนไปมาในเรือนอยู่หลายรอบ พลางส่ายหัวไม่ได้ตระกูลอินเป็นคนทรยศ หากเสี่ยวเสวียนจื่อคือพระสนมท่านนั้นจริงๆ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยอีกทั้งพระสนมผู้นี้ได้ตายไปหลายวันก่อนหน้าแล้ว เหตุใดจึงสามารถฟื้นขึ้นมาตายอีกรอบได้หากไม่ปฏิบัติอย่างถูกต้อง เด็กก็จะเป็นอันตรายไปด้วยและสถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ชัดเจนนัก ทุกสิ่งยังเป็

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 114 ลูกรัก เรียกพ่อสิ

    คนคนนั้นสวมชุดสีดำ ศีรษะและใบหน้าถูกคลุมอยู่ใต้ผ้าสีดำ ยืนจ้องวังเย็นอยู่ที่มุมตะวันตกเฉียงเหนืออินชิงเสวียนตกใจในทันที นางไม่คิดว่าจะมีคนจริงๆ!คนผู้นี้จะมาฆ่านาง หรือว่ามาคอยสังเกตนางกันแน่?นางเดินเข้าไปในมิติทันที และหยิบกระบองไฟฟ้าออกมาความจริงด้านในมิติมีอาวุธที่ดียิ่งกว่า อย่างเช่นปืนกลเพียงของสิ่งนั้นแพงจนน่าตกใจ คะแนนหนึ่งหมื่นแลกปืนได้เพียงกระบอกเดียว ตอนนี้นางผ่านช่วงมือใหม่แล้ว วัฏจักรของการปลูกพืชใช้เวลาอย่างน้อยหกหรือเจ็ดวัน แม้ว่าหนึ่งเดือนนางจะได้สี่ร้อยคะแนน แต่ก็ต้องเก็บมากกว่าสองปี และยิ่งต้องใช้คะแนนเพื่อแลกเป็นเงินสด จึงต้องยุติความคิดที่อยากจะได้ของสิ่งนั้นไว้ก่อนระหว่างไตร่ตรองอยู่นั้น คนดังกล่าวก็ได้กระโดดขึ้นบนหลังคาบ้านแล้วอินชิงเสวียนไม่ได้ยินเสียงของกระเบื้องหลังคา อดไม่ได้ที่จะตกใจ นี่คือผู้มีฝีมือขั้นสูงนางรีบออกมาด้านนอกตำหนักในทันที และอุ้มเจ้าหมาน้อยออกมาด้วย“พระสนม…”อินชิงเสวียนจ้องขวับไปหานาง ยายหลี่รีบปิดปากทันที“หลายวันนี้รบกวนยายหลี่มาตลอด ในเมื่อข้าก็ถูกปิดตายอยู่ในวังเย็น ต่อไปข้าเลี้ยงลูกชายของข้าเองก็ได้”อินชิง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 115 ฝ่าบาททรงให้นางเข้าสุสานหลวง

    สวีจือย่วนเปลี่ยนสีหน้าในทันที นางรีบจัดการหน้าตาให้เรียบร้อย พร้อมเดินนวยนาดมายังประตูทางเข้า“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท!”เย่จิ่งอวี้พูดเสียงอ่อนโยน “ลุกขึ้นเถิด”“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”สวีจือย่วนไปยืนอยู่อีกด้าน และเชิญเย่จิ่งอวี้เข้าด้านในหอสุ่ยอวิ้น“หานปิง ไปเปลี่ยนชาเหยือกใหม่ให้ฝ่าบาท”เย่จิ่งอวี้นั่งลงบนเก้าอี้ยิ้มอ่อนๆ และพูดขึ้น “ไม่ต้องมากพิธีหรอก ข้านั่งครู่เดียวก็จะไปแล้ว”สวีจือย่วนขานตอบ ถามขึ้นอย่างหวาดกลัว “ไม่ทราบว่าอีกสักครู่ฝ่าบาทจะไปที่ใดเพคะ”เย่จิ่งอวี้เวยหน้าขึ้นมอง ดวงตาจ้องมองสวีจือย่วนอย่างลึกซึ้ง“หรือว่าเจ้ามีที่ที่อยากไป”สวีจือย่วนรีบก้มหน้าลง“หม่อมฉันมีที่ที่อยากไป ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตหรือไม่”เย่จิ่งอวี้ถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าอยากไปที่ใด”สวีจือย่วนกัดริมฝีบางพูดว่า “หม่อมฉัน... หม่อมฉันอยากไปหอสวดมนต์เพคะ”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย“หอสวดมนต์เป็นที่สวดมนต์ของราชวงศ์ เจ้าไปที่นั่นทำไมกัน”สวีจือย่วนกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น ปลายจมูกมีเหงื่อผุดขึ้นมา และพูดอย่างหวาดกลัวว่า “หม่อมฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆ นี้เกิดภัยแล้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 116 ไม่เล่นถึงตาย

    สวีจือย่วนสะดุ้งตกใจ และทันใดนั้นฝาในมือของนางก็ตกลงไปบนแท่นบูชา ทำให้เกิดเสียงเครื่องลายครามที่ปะทะกันดังก้องเสียงดังกร๊อบแกร๊บอยู่ด้านหลังของนาง ไทเฮาได้พาชุยไห่และยายเฒ่าหลิวเดินเข้ามาแล้วสวีจือย่วนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความลนลาน“หม่อมฉันสวีจือย่วน ถวายบังคมไทเฮา”ไทเฮาเหลือบมองโกศอัฐิ และเหลือบมองสวีจือย่วนความเย็นชาในแววตาหายวับไป นางยิ้มด้วยเมตตาและพูดว่า “ลุกขึ้นเถิด เจ้าคือหญิงงาม นายหญิงคนใหม่สินะ เหตุใดจึงคิดมาที่นี่ได้”สวีจือย่วนพูดอย่างนอบน้อม “หม่อมฉันอยากสวดมนต์ให้ประชาชนเพคะ จึงขอร้องฝ่าบาทให้พาหม่อมฉันมายังหอสวดมนต์ ขอไทเฮาโปรดประทานอภัยด้วย”ไทเฮายื่นมือจับสวีจือย่วนลุกขึ้น ยิ้มและพูดว่า “จิตใจเช่นเจ้าหาได้ยากยิ่ง จะมีโทษได้อย่างไร หากพระสนมในวังหลังล้วนเป็นเช่นเจ้า ไทเฮาคงเบาใจไม่น้อย”สวีจือย่วนพูดขึ้นเสียงเล็กเสียงน้อย “ไทเฮาทรงเยินยอเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่คิดเผื่อราษฎรใต้หล้าเท่านั้น”“การสวดขอพรเป็นเพียงการทำจิตใจให้สงบเท่านั้น หากมีประโยชน์จริง โลกนี้จะไม่มีผู้หิวโหยอีกต่อไป”ไทเฮายิ้มและตบมือของนางเบาๆ เมื่อเปลี่ยนบทสนทนาจึงถามขึ้นอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 117 กองทัพม้าจากแมนจูช่างน่าภูมิใจนัก

    “ข้าบอกสัดส่วนในการผสมกับพวกเจ้าแล้วมิใช่หรือ เหตุใดจึงมีปัญหาได้”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าลง สายตาแหลมคมดั่งมีดฉินไฮ่ฉิวก้มศีรษะลง “ทรงทำตามสัดส่วนแล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ แต่มันกลับไม่แข็งแรงเหมือนที่ขันทีน้อยว่าไว้ ตอนนี้มีการขุดแม่น้ำเป็นระยะทางหลายร้อยลี้ ต้องการประตูเพื่อควบคุมการไหลของน้ําอย่างเร่งด่วน จึงจะสามารถแยกคูน้ําออกจากแม่น้ําได้ ถ้าประตูไม่สามารถยืนหยัดในแม่น้ําได้ เมื่อเกิดภัยพิบัติน้ําท่วม เขื่อนจะแตกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขอฝ่าบาทโปรดอนุญาต ให้กระหม่อมได้พูดคุยกับขันทีน้อยสองสามคํา”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วแน่น ริ้วรอยใบหน้าก็ตึงขึ้นเล็กน้อยเขาเพิ่งปิดตายเสี่ยวเสวียนจื่ออยู่ในวังเย็น หากไม่ให้บทเรียนแก่เขา ก็จะเป็นเหมือนกับการเติมพลังความเย่อหยิ่งให้แก่เขาเพียงแค่ขันทีตัวน้อยๆ คิดอยากจะจัดการกับเขาก็ง่ายดายราวกับบี้มดให้ตาย แต่หากผู้ที่มีความสามารถระดับนี้ตายไป จะเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงต่อต้าโจวเมื่อนึกถึงใบหน้าที่เหมือนดั่งหญิงสาว เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะปวดศีรษะปล่อยไม่ได้ ฆ่าก็ไม่ได้!สรุปว่าควรจัดการอย่างไร?ครุ่นคิดอยู่นาน เย่จิ่งอวี้พูดขึ้นอย่างเย็

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 118 ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่น่ากลัว

    เย่จิ่งอวี้เดินไปยังพระตำหนักกลางคืนนี้เขาสวมเสื้อคลุมสีม่วงเข้ม มีเข็มขัดสีเดียวกันผูกรอบเอว บนศีรษะ มีหมวกสีม่วงทองรั้งไว้อยู่ มีเชือกสีม่วงสองเส้นห้อยลงมาจากหมวก ทำให้เขาดูหล่อเหลาและสง่างามอินชิงเสวียนสะดุ้งตกใจ รีบยัดมือถือสับปะรดไว้ใต้หมอนเสี่ยวหนานเฟิงกำลังดูเย่จิ่งอวี้ที่อยู่ในจอ รู้สึกว่าน่าสนุกเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนเอามือถือออกไปแล้ว จึงยื่นมือเล็กๆ ออกมาทันที เขาเอาแต่ชี้ไปที่หมอนและเริ่มพูดอื้อๆ อ้าๆ ขึ้นมา“หนานเฟิงเป็นเด็กดีนะ พวกเราไม่ดูแล้ว พ่อจะพาเจ้าออกไปชมพระจันทร์”อินชิงเสวียนจงใจพูดเสียงดัง เมื่อออกจากห้อง ก็มองเห็นเย่จิ่งอวี้ที่กำลังเข้ามาจากด้านนอกทั้งสองเดินมาเจอกันพอดีแสงเทียนอ่อนๆ สะท้อนบนใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ ทำให้ดูสว่างและมืดอย่างประหลาด“ไม่เจอกันสองวัน เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”เสียงทุ้มต่ำพ่นออกมาจากริมฝีปากบาง เมื่อมาพร้อมกับแสงสลัวๆ ก็มีความรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูกอินชิงเสวียนกระชับนิ้วของนาง พร้อมโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”“ลุกขึ้นเถิด”เย่จิ่งอวี้เดินเข้าไปในตำหนัก และนั่งลงบนเก้าอี้ที่ท

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status