Home / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 115 ฝ่าบาททรงให้นางเข้าสุสานหลวง

Share

บทที่ 115 ฝ่าบาททรงให้นางเข้าสุสานหลวง

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
สวีจือย่วนเปลี่ยนสีหน้าในทันที นางรีบจัดการหน้าตาให้เรียบร้อย พร้อมเดินนวยนาดมายังประตูทางเข้า

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท!”

เย่จิ่งอวี้พูดเสียงอ่อนโยน “ลุกขึ้นเถิด”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

สวีจือย่วนไปยืนอยู่อีกด้าน และเชิญเย่จิ่งอวี้เข้าด้านในหอสุ่ยอวิ้น

“หานปิง ไปเปลี่ยนชาเหยือกใหม่ให้ฝ่าบาท”

เย่จิ่งอวี้นั่งลงบนเก้าอี้

ยิ้มอ่อนๆ และพูดขึ้น “ไม่ต้องมากพิธีหรอก ข้านั่งครู่เดียวก็จะไปแล้ว”

สวีจือย่วนขานตอบ ถามขึ้นอย่างหวาดกลัว “ไม่ทราบว่าอีกสักครู่ฝ่าบาทจะไปที่ใดเพคะ”

เย่จิ่งอวี้เวยหน้าขึ้นมอง ดวงตาจ้องมองสวีจือย่วนอย่างลึกซึ้ง

“หรือว่าเจ้ามีที่ที่อยากไป”

สวีจือย่วนรีบก้มหน้าลง

“หม่อมฉันมีที่ที่อยากไป ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตหรือไม่”

เย่จิ่งอวี้ถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าอยากไปที่ใด”

สวีจือย่วนกัดริมฝีบางพูดว่า “หม่อมฉัน... หม่อมฉันอยากไปหอสวดมนต์เพคะ”

เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“หอสวดมนต์เป็นที่สวดมนต์ของราชวงศ์ เจ้าไปที่นั่นทำไมกัน”

สวีจือย่วนกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น ปลายจมูกมีเหงื่อผุดขึ้นมา และพูดอย่างหวาดกลัวว่า “หม่อมฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆ นี้เกิดภัยแล้
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 116 ไม่เล่นถึงตาย

    สวีจือย่วนสะดุ้งตกใจ และทันใดนั้นฝาในมือของนางก็ตกลงไปบนแท่นบูชา ทำให้เกิดเสียงเครื่องลายครามที่ปะทะกันดังก้องเสียงดังกร๊อบแกร๊บอยู่ด้านหลังของนาง ไทเฮาได้พาชุยไห่และยายเฒ่าหลิวเดินเข้ามาแล้วสวีจือย่วนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความลนลาน“หม่อมฉันสวีจือย่วน ถวายบังคมไทเฮา”ไทเฮาเหลือบมองโกศอัฐิ และเหลือบมองสวีจือย่วนความเย็นชาในแววตาหายวับไป นางยิ้มด้วยเมตตาและพูดว่า “ลุกขึ้นเถิด เจ้าคือหญิงงาม นายหญิงคนใหม่สินะ เหตุใดจึงคิดมาที่นี่ได้”สวีจือย่วนพูดอย่างนอบน้อม “หม่อมฉันอยากสวดมนต์ให้ประชาชนเพคะ จึงขอร้องฝ่าบาทให้พาหม่อมฉันมายังหอสวดมนต์ ขอไทเฮาโปรดประทานอภัยด้วย”ไทเฮายื่นมือจับสวีจือย่วนลุกขึ้น ยิ้มและพูดว่า “จิตใจเช่นเจ้าหาได้ยากยิ่ง จะมีโทษได้อย่างไร หากพระสนมในวังหลังล้วนเป็นเช่นเจ้า ไทเฮาคงเบาใจไม่น้อย”สวีจือย่วนพูดขึ้นเสียงเล็กเสียงน้อย “ไทเฮาทรงเยินยอเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่คิดเผื่อราษฎรใต้หล้าเท่านั้น”“การสวดขอพรเป็นเพียงการทำจิตใจให้สงบเท่านั้น หากมีประโยชน์จริง โลกนี้จะไม่มีผู้หิวโหยอีกต่อไป”ไทเฮายิ้มและตบมือของนางเบาๆ เมื่อเปลี่ยนบทสนทนาจึงถามขึ้นอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 117 กองทัพม้าจากแมนจูช่างน่าภูมิใจนัก

    “ข้าบอกสัดส่วนในการผสมกับพวกเจ้าแล้วมิใช่หรือ เหตุใดจึงมีปัญหาได้”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าลง สายตาแหลมคมดั่งมีดฉินไฮ่ฉิวก้มศีรษะลง “ทรงทำตามสัดส่วนแล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ แต่มันกลับไม่แข็งแรงเหมือนที่ขันทีน้อยว่าไว้ ตอนนี้มีการขุดแม่น้ำเป็นระยะทางหลายร้อยลี้ ต้องการประตูเพื่อควบคุมการไหลของน้ําอย่างเร่งด่วน จึงจะสามารถแยกคูน้ําออกจากแม่น้ําได้ ถ้าประตูไม่สามารถยืนหยัดในแม่น้ําได้ เมื่อเกิดภัยพิบัติน้ําท่วม เขื่อนจะแตกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขอฝ่าบาทโปรดอนุญาต ให้กระหม่อมได้พูดคุยกับขันทีน้อยสองสามคํา”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วแน่น ริ้วรอยใบหน้าก็ตึงขึ้นเล็กน้อยเขาเพิ่งปิดตายเสี่ยวเสวียนจื่ออยู่ในวังเย็น หากไม่ให้บทเรียนแก่เขา ก็จะเป็นเหมือนกับการเติมพลังความเย่อหยิ่งให้แก่เขาเพียงแค่ขันทีตัวน้อยๆ คิดอยากจะจัดการกับเขาก็ง่ายดายราวกับบี้มดให้ตาย แต่หากผู้ที่มีความสามารถระดับนี้ตายไป จะเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงต่อต้าโจวเมื่อนึกถึงใบหน้าที่เหมือนดั่งหญิงสาว เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะปวดศีรษะปล่อยไม่ได้ ฆ่าก็ไม่ได้!สรุปว่าควรจัดการอย่างไร?ครุ่นคิดอยู่นาน เย่จิ่งอวี้พูดขึ้นอย่างเย็

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 118 ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่น่ากลัว

    เย่จิ่งอวี้เดินไปยังพระตำหนักกลางคืนนี้เขาสวมเสื้อคลุมสีม่วงเข้ม มีเข็มขัดสีเดียวกันผูกรอบเอว บนศีรษะ มีหมวกสีม่วงทองรั้งไว้อยู่ มีเชือกสีม่วงสองเส้นห้อยลงมาจากหมวก ทำให้เขาดูหล่อเหลาและสง่างามอินชิงเสวียนสะดุ้งตกใจ รีบยัดมือถือสับปะรดไว้ใต้หมอนเสี่ยวหนานเฟิงกำลังดูเย่จิ่งอวี้ที่อยู่ในจอ รู้สึกว่าน่าสนุกเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนเอามือถือออกไปแล้ว จึงยื่นมือเล็กๆ ออกมาทันที เขาเอาแต่ชี้ไปที่หมอนและเริ่มพูดอื้อๆ อ้าๆ ขึ้นมา“หนานเฟิงเป็นเด็กดีนะ พวกเราไม่ดูแล้ว พ่อจะพาเจ้าออกไปชมพระจันทร์”อินชิงเสวียนจงใจพูดเสียงดัง เมื่อออกจากห้อง ก็มองเห็นเย่จิ่งอวี้ที่กำลังเข้ามาจากด้านนอกทั้งสองเดินมาเจอกันพอดีแสงเทียนอ่อนๆ สะท้อนบนใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ ทำให้ดูสว่างและมืดอย่างประหลาด“ไม่เจอกันสองวัน เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”เสียงทุ้มต่ำพ่นออกมาจากริมฝีปากบาง เมื่อมาพร้อมกับแสงสลัวๆ ก็มีความรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูกอินชิงเสวียนกระชับนิ้วของนาง พร้อมโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”“ลุกขึ้นเถิด”เย่จิ่งอวี้เดินเข้าไปในตำหนัก และนั่งลงบนเก้าอี้ที่ท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 119 คำสัญญาของสุภาพชน

    เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลง แสงสุกสว่างภายใน ล่องลอยไม่หยุดนิ่งราวกับกำลังคิดว่าจะจัดการกับเสี่ยวหนานเฟิงอย่างไรอินชิงเสวียนก็กลั้นหายใจ และบรรยากาศก็ซบเซาลงในพริบตาในช่วงเวลาที่ตึงเครียดอย่างยิ่งนี้ จู่ๆ เสี่ยวหนานเฟิงก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมาเขาปล่อยผมของเย่จิ่งอวี้ออก และไปลูบหน้าของเขาแทนปากเล็กพูดอื้อๆ อ้าๆ ไม่รู้ว่ากำลังพูดสิ่งใดบรรยากาศตึงเครียดก็มลายหายไปเย่จิ่งอวี้หลบหลีกหลีกมือของเด็กและเดินไปที่หน้าต่างเมื่อมองดูค่ำคืนอันมืดมิดนอกหน้าต่าง เขาพูดขึ้นว่า “หากเขาเป็นลูกของเจ้าจริงๆ ข้าจะขอแสดงน้ำใจและไว้ชีวิตเขา หากเกิดจากนางสนมคนคนในวัง จะเป็นพระคุณอย่างสูงที่เจ้าได้ช่วยเหลือไว้ และข้าจะทำให้ศีรษะของเขาร่วงลงพื้น”อินชิงเสวียนรีบพูดขึ้นว่า “หากฝ่าบาทไม่เชื่อ สามารถตรวจเลือดพิสูจน์ได้พ่ะย่ะค่ะ”แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นเรื่องไร้สาระอย่างแท้จริง เนื่องจากไม่สามารถทดสอบดีเอ็นเอในสมัยโบราณได้ ก็ลองถูๆ ไถๆ ดูเย่จิ่งอวี้ชำเลืองมอง “เจ้าไม่กลัวงั้นหรือ”อินชิงเสวียนพูดอย่างตรงไปตรงมา “ลูกของกระหม่อม เหตุใดกระหม่อมต้องกลัว”เมื่อมองดูดวงตาที่มุ่งมั่นของนาง เย่จิ่งอว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 120 จะต้องหาโอกาสในการทดลองเขา

    หลี่เต๋อฝูกำลังตามหาฝ่าบาททั่วทุกสารทิศเพียงเวลาแค่สิบห้านาที ฝ่าบาทจะหายไปได้อย่างไรถามผู้ใครก็ไม่มีใครเห็น หลี่เต๋อฝูเหงื่อไหลท่วมอย่างอดไม่ได้ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าที่ประตู เย่จิ่งอวี้ก็เดินเข้ามาจากด้านนอกพระราชวังภายใต้แสงจันทร์หลี่เต๋อฝูรีบคุกเข่าลงที่พื้น พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ฝ่าบาท ท่านไปไหนมา กระหม่อมตกใจมากพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้พูดเสียงเรียบ “ข้าเห็นว่าแสงจันทร์สวยดี จึงออกมาเดินเล่น”หลี่เต๋อฝูพูดในใจว่าดวงจันทร์ซ่อนอยู่ในเมฆหมดแล้ว จะมีแสงจันทร์มาจากที่ใด เมื่อเงยหน้าขึ้น จู่ๆ ก็พบกับอินชิงเสวียน จึงเข้าใจในทันทีฝ่าบาทปล่อยเขาไปไม่ได้จริงๆแต่ไม่รู้ว่าเขาคือขันทีน้อยจริงๆ หรือพระสนมอินแห่งวังเย็นจะต้องหาโอกาสในการทดสอบเขาเสียหน่อยแล้วหลี่เต๋อฝูเปลี่ยนความคิดและลุกขึ้นและพูดว่า “กระหม่อมได้เปลี่ยนชาใหม่แก่ฝ่าบาทแล้ว สาส์นกราบทูลที่ยังอ่านไม่จบก็ให้พวกเขายกเข้ามาที่ตำหนักเฉิงเทียนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้ก้าวเข้ามาในพระตำหนัก“ทำได้ดี คนอื่นออกไปเถอะ”คนอื่นที่ว่า แน่นอนว่าหมายถึงอินชิงเสวียนหลี่เต๋อฝูโบกไม้โบกมือให้เขา อินชิง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 121 เต็มไปด้วยความสงสัย

    ณ โรงเตี๊ยมมีสุขคุณชายน้อยที่สวมเสื้อคลุมยาวสีเขียว ถือสุราอู่เหลียงเย่หนึ่งขวดเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมคนผู้นี้ก็คืออินชิงเสวียนที่ตั้งใจไปร้านเสื้อผ้าเพื่อซื้อชุดในเมื่อจอมพลเฒ่าชอบร่ำสุรา เช่นนั้นก็ต้องสนองความต้องการเสียหน่อยเมื่อเห็นอินชิงเสวียนสวมชุดภูมิฐาน ลูกจ้างก็รีบมาต้อนรับ“คุณชายน้อย อยากสั่งอะไรขอรับ”“ข้าหาคนก่อน อีกสักครู่จะสั่ง”อินชิงเสวียนเดินมาถึงชั้นสอง และเห็นจอมพลเฒ่ากวนอยู่ตรงที่นั่งติดหน้าต่างขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี ในร้านจึงแน่นไปด้วยลูกค้าอินชิงเสวียนลังเลเล็กน้อย พร้อมเดินเข้าไปถาม “ผู้อาวุโส ข้าขอร่วมโต๊ะด้วยได้หรือไม่”แม้กวนฮั่นหลินจะเคยไปสนามฝึกอยู่บ้าง แต่ไม่ได้สังเกตอินชิงเสวียนอย่างละเอียดเขาในฐานะนักรบ มีความหยิ่งในศักดิ์ศรี ขันทีเหล่านี้แทบไม่อยู่ในสายตาของเขาเมื่อได้ยินว่าจะมีคนร่วมโต๊ะด้วย ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นอินชิงเสวียนพูดพลางยิ้มหวาน “ข้ามีสุราดี ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสอยากลองชิมหรือไม่”เมื่อเห็นอินชิงเสวียนอุ้มขวดกระเบื้องสีขาวในมือ กวนฮั่นหลินเลิกเปลือกตาเล็กน้อย“เจ้าอายุเพียงนี้ แต่รู้จักการชิมสุรา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 122 วางแผนแล้วค่อยลงมือ

    จอมพลเฒ่ากวนพยักหน้า“หลังจากที่พี่ชายของเจ้าหายตัวไป ข้าก็ได้เขียนจดหมายตัดสัมพันธ์กับภรรยา ถึงองค์ชายสิบสามซึ่งประจำการอยู่เมืองซุ่ยหาน แต่ข้าไม่เคยได้รับจดหมายตอบกลับ ข้าส่งคนไปที่นั่นด้วยตัวเอง แต่กลับไม่มีร่องรอยของเขาเลย”เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า “อีกไม่นานก็จะถึงวันครบรอบวันเกิดห้าสิบปีของไทเฮา องค์ชายสิบสามน่าจะกลับมาเมืองหลวงเพื่ออวยพระพรให้แก่ไทเฮา ถึงตอนนั้นข้าจะสอบถามเขาเอง”อินชิงเสวียนถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “องค์ชายสิบสามคือผู้ใด หรือว่าเป็นน้องชายแท้ๆ ของฝ่าบาท?”จอมพลเฒ่ากวนพูดว่า “ไม่เป็นเช่นนั้น องค์ชายสิบสามคือน้องชายแท้ๆ ของฮ่องเต้องค์ก่อน และเป็นเสด็จอาของฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน สกุลเย่ นามว่าจั้น”อินชิงเสวียนร้องเสียงอ๋อ และถามขึ้นอีกว่า “ในเมื่อเป็นเสด็จอาของฝ่าบาท เหตุใดจึงต้องประจำการในสถานที่ที่ห่างไกลเช่นนี้?”จอมพลเฒ่ากวนส่ายหัวไปมา“ได้ยินว่าพระองค์ทรงอยากไปเอง เรื่องในราชวงศ์ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้ชัดเจนนัก”จากนั้นก็กำชับอีกว่า “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เจ้าต้องรักษาชีวิตที่เหลืออยู่ อย่าทำเรื่องที่โง่เขลาเด็ดขาด ไม่แน่ว่าตระกูลอินอาจย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 123 พวกเราไปอาบน้ำกัน

    อินชิงเสวียนยิ้มอย่างเหยียดหยาม แต่ก็แค่เสียงเห่าที่ไร้ความสามารถในตอนที่ยังมีประโยชน์ต่อไทเฮาอยู่ ลู่จิ้งเสียนก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ รอวันที่นางหมดคุณค่าก็คงไม่อยู่ในพระราชวังแล้วเมื่อสัมผัสจี้หยกเลือดไก่ที่หน้าอก หัวใจของอินชิงเสวียนก็อบอุ่นขึ้นในทันทีในการเดินทางข้ามมิติของนางที่แสนยาวนาน จอมพลเฒ่ากวนเป็นคนเดียวที่คอยดูแลนางโดยไม่ขอสิ่งใดตอบแทนแน่นอนว่าอวิ๋นฉ่ายและยายหลี่ก็เป็นเช่นกันเมื่อถอนหายใจเบาๆ อินชิงเสวียนก็ยกชุดคลุมขึ้น และคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ“กระหม่อมเสี่ยวเสวียนจื่อ ขอถวายบังคมไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ”ไทเฮาเดินมายังหน้ประตู ใบหน้าแฝงไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม“ได้ข่าวว่าช่วงนี้เจ้าฝึกทหารอยู่นอกวัง ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”“กระหม่อมคลายกังวลให้ไทเฮาและฝ่าบาทได้ ถือเป็นสิ่งที่กระหม่อมพึงกระทำพ่ะย่ะค่ะ”การไปมาหาสู่กับคนในราชวงศ์ตลอดทั้งวัน อินชิงเสวียนพูดคำราชาศัพท์ได้คล่องแคล่วขึ้นมาก“เจ้าช่างมีน้ำใจเสียจริง ข้าอยากฟังเรื่องการฝึกทหาร เจ้าตามข้าเข้ามาสิ”“พ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนเดินตามไทเฮาเข้าไปในพระราชวัง ไทเฮาสั่งให้คนอื่นๆ ออกไปเมื่อ

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1456 ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้

    “ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1455 การทดสอบของพ่อหนุ่มน้อย

    เมื่อเห็นชายคนนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที อินชิงเสวียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“คุณบอกว่า...คุณชื่อเย่จิ่งหลานไม่ใช่เหรอ”ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ใช่น่ะสิ ผมชื่อเย่จิ่งหลานแล้วมันขัดแย้งอะไรกับเรื่องที่ผมเป็นหมอล่ะ”เสี่ยวหลานหลานที่อยู่ข้างๆ สั่นศีรษะ พูดอย่างน่ารัก “ก็ไม่ขัดแย้ง”เย่จิ่งหลานยักไหล่“งั้นก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผมอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณสาวสวยคนนี้ที่ช่วยเหลือ เพิ่มเพื่อนในไลน์ได้ไหม”เย่จิ่งหลานสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่มันก็ว่างเปล่าเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์หายไปไหน“แล้วคุณรู้ไหมว่าคุณมาจากโรงพยาบาลไหน”“รู้...”เย่จิ่งหลานพูดขึ้นมาคำหนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้งเขาจำได้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะไปคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อมาก็ฝันอะไรตั้งมากมาย ในฝันเหมือนเขาจะกลายเป็นอ๋อง แล้วต่อมาก็ได้เป็นจอมยุทธ์เมื่อมองดูเตียงในโรงพยาบาลตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงขึ้นมาทันทีเขายกนิ้วขึ้นแตะหัวเตียง ผิวสัมผัสเย็นๆ บอกเขาว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต

DMCA.com Protection Status