จอมพลเฒ่ากวนพยักหน้า“หลังจากที่พี่ชายของเจ้าหายตัวไป ข้าก็ได้เขียนจดหมายตัดสัมพันธ์กับภรรยา ถึงองค์ชายสิบสามซึ่งประจำการอยู่เมืองซุ่ยหาน แต่ข้าไม่เคยได้รับจดหมายตอบกลับ ข้าส่งคนไปที่นั่นด้วยตัวเอง แต่กลับไม่มีร่องรอยของเขาเลย”เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า “อีกไม่นานก็จะถึงวันครบรอบวันเกิดห้าสิบปีของไทเฮา องค์ชายสิบสามน่าจะกลับมาเมืองหลวงเพื่ออวยพระพรให้แก่ไทเฮา ถึงตอนนั้นข้าจะสอบถามเขาเอง”อินชิงเสวียนถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “องค์ชายสิบสามคือผู้ใด หรือว่าเป็นน้องชายแท้ๆ ของฝ่าบาท?”จอมพลเฒ่ากวนพูดว่า “ไม่เป็นเช่นนั้น องค์ชายสิบสามคือน้องชายแท้ๆ ของฮ่องเต้องค์ก่อน และเป็นเสด็จอาของฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน สกุลเย่ นามว่าจั้น”อินชิงเสวียนร้องเสียงอ๋อ และถามขึ้นอีกว่า “ในเมื่อเป็นเสด็จอาของฝ่าบาท เหตุใดจึงต้องประจำการในสถานที่ที่ห่างไกลเช่นนี้?”จอมพลเฒ่ากวนส่ายหัวไปมา“ได้ยินว่าพระองค์ทรงอยากไปเอง เรื่องในราชวงศ์ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้ชัดเจนนัก”จากนั้นก็กำชับอีกว่า “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เจ้าต้องรักษาชีวิตที่เหลืออยู่ อย่าทำเรื่องที่โง่เขลาเด็ดขาด ไม่แน่ว่าตระกูลอินอาจย
อินชิงเสวียนยิ้มอย่างเหยียดหยาม แต่ก็แค่เสียงเห่าที่ไร้ความสามารถในตอนที่ยังมีประโยชน์ต่อไทเฮาอยู่ ลู่จิ้งเสียนก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ รอวันที่นางหมดคุณค่าก็คงไม่อยู่ในพระราชวังแล้วเมื่อสัมผัสจี้หยกเลือดไก่ที่หน้าอก หัวใจของอินชิงเสวียนก็อบอุ่นขึ้นในทันทีในการเดินทางข้ามมิติของนางที่แสนยาวนาน จอมพลเฒ่ากวนเป็นคนเดียวที่คอยดูแลนางโดยไม่ขอสิ่งใดตอบแทนแน่นอนว่าอวิ๋นฉ่ายและยายหลี่ก็เป็นเช่นกันเมื่อถอนหายใจเบาๆ อินชิงเสวียนก็ยกชุดคลุมขึ้น และคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ“กระหม่อมเสี่ยวเสวียนจื่อ ขอถวายบังคมไทเฮา”“ลุกขึ้นเถอะ”ไทเฮาเดินมายังหน้ประตู ใบหน้าแฝงไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม“ได้ข่าวว่าช่วงนี้เจ้าฝึกทหารอยู่นอกวัง ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”“กระหม่อมคลายกังวลให้ไทเฮาและฝ่าบาทได้ ถือเป็นสิ่งที่กระหม่อมพึงกระทำพ่ะย่ะค่ะ”การไปมาหาสู่กับคนในราชวงศ์ตลอดทั้งวัน อินชิงเสวียนพูดคำราชาศัพท์ได้คล่องแคล่วขึ้นมาก“เจ้าช่างมีน้ำใจเสียจริง ข้าอยากฟังเรื่องการฝึกทหาร เจ้าตามข้าเข้ามาสิ”“พ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนเดินตามไทเฮาเข้าไปในพระราชวัง ไทเฮาสั่งให้คนอื่นๆ ออกไปเมื่อ
จู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกถึงหนังโบราณที่ตัวเองเคยดู ซึ่งดูเหมือนจะมีคำพูดที่ว่าให้หยุดอาบน้ำสามวันทุกเดือนจึงพูดปฏิเสธทันที “ข้าเหนื่อยมาก พวกเจ้าไปอาบเถอะ”นางใช้น้ำพุวิญญาณอาบน้ำทุกวัน ร่างกายของนางสะอาดอย่างมากอีกอย่าง นางไม่สามารถอาบน้ำพร้อมขันทีเป็นโขยงได้ หากถูกคนอื่นพบว่านางเป็นผู้หญิง เดี๋ยวความจะแตกเอาได้“เพราะเหนื่อยถึงต้องไปอาบไงเล่า แช่ตัวในอ่างให้สบาย เป็นการกำจัดความเหนื่อยได้ดีที่สุดแล้ว”เสียงของหลี่เต๋อฝูดังมาจากด้านหลัง ดวงตาเล็กๆ คู่หนึ่งมองดูนางด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนรอยยิ้ม โดยมีเจตนาชั่วร้ายแฝงอยู่เล็กน้อยจู่ๆ อินชิงเสวียนก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ตาเฒ่านี่ต้องจงใจแน่นอนและเมื่อนึกได้ว่าหลี่เต๋อฝูรู้จักกับเจ้าของร่างเดิมก็ใจเต้นขึ้นมาเขาต้องสงสัยอย่างแน่นอน และแย่ไปกว่านั้นคือ ไม่แน่ว่าเขาอาจสังสัยเสี่ยวหนานเฟิงด้วยเช่นกันถ้ารู้ว่าชายชราคนนี้เจ้าเล่ห์มากเช่นนี้ ก็ควรให้ไทเฮานางแม่มดเฒ่าผู้ชั่วร้ายจัดการไปแล้วแต่ปากกลับยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณในความเป็นห่วงของหลี่กงกง ข้าไม่ต้องการจริงๆ และร่างกายของข้าก็ผิดแผก จึงไม่ใคร่อาบน้ำร่วมกับเพื่อนๆ”หลี
อินชิงเสวียนยืนอยู่หน้าประตู ฟังบทเพลงนี้ด้วยความตกตะลึงตามจังหวะการเคลื่อนไหวของตัวโน้ต ความคุ้นเคยในใจก็ทวีมากขึ้นเรื่อยๆทันใดนั้น เศษความทรงจำบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็แวบขึ้นมาในใจในศาลาหินอันสง่างาม สตรีนางหนึ่งสวมกระโปรงสีชมพูกำลังดีดพิณอยู่บนราวระเบียงด้านข้าง มีชายรูปงามสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินนั่งอยู่ข้างๆ มือข้างหนึ่งของบุรุษถือกาหยกขาว มืออีกข้างถือถ้วยเหล้ากระเบื้องชั้นดี และดื่มด่ำช้าๆ เคล้ากับเสียงพิณฟังไปครู่หนึ่ง เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย“ทำไมจึงบรรเลงเพลงเศร้าเช่นนี้ น้องสาวของข้าควรจะอารมณ์ดีมีรอยยิ้มอยู่เสมอ”หญิงสาวใช้มือกดสายพิณไว้ เลือกคิ้วหัวเราะเบาๆ“สิ่งที่น่าเศร้าโศกมักจดจำได้ยาวนาน สิ่งใดที่น่ารื่นเริงมากเกินไป มักจะจดจำได้ไม่ดีนัก”ชายคนนั้นหัวเราะและถามติดตลกว่า “คิดถึงอันผิงอ๋องอีกแล้วใช่หรือไม่”สตรีก้มศีรษะลงด้วยความไม่พอใจ “ไม่ใช่เจ้าค่ะ”ภาพความทรงจำนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกรอบรูป ในที่สุดอินชิงเสวียนก็เห็นหน้าสตรีคนนั้นอย่างชัดเจน และหน้าตาเหมือนกับตัวเองทุกกระเบียดนิ้วน่าตกใจเล็กน้อยสตรีคนนี้คือเจ้าของร่างเดิมอย่
“กระหม่อมรับทราบพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนพูดรับปาก แต่ในใจนางค่อนข้างพูดไม่ออกนานๆ จะได้วันหยุดสามวันในหนึ่งเดือน จะไม่ยอมให้ได้พักเลยหรือไรผู้ชายตัวโตที่มีมือมีเท้า แต่ต้องได้รับการปรนนิบัติช่วยถอดเสื้อผ้าแล้วพาเข้านอน เรียกได้ว่าไม่รู้จักดูแลชีวิตตัวเองเลยจริงๆตำหนิมาตลอดทาง สุดท้ายก็กลับมาถึงตำหนักเฉิงเทียนในตำหนักมีเพียงเสี่ยวฮว๋ายจื่อยืนอยู่ พร้อมกับขันทีน้อย คนอื่นๆ คงไปอาบน้ำกันหมดแล้วเสี่ยวฮว๋ายจื่อเหลือบมองอินชิงเสวียน และใช้หางตากวาดตามองเย่จิ่งอวี้ สายตาเอาแน่เอานอนไม่ได้อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงบางสิ่งในใจ เมื่อมองดูสายตาเช่นนี้ ดูคล้ายกับว่าไม่มีเจตนาที่ดีหากว่าเขามีเจตนาไม่ดี ตัวเองควรทำอย่างไร?ปล่อยให้เขาฆ่าเย่จิ่งอวี้ตาย หรือว่า...ไม่มีหรือว่าหากว่าเย่จิ่งเย่าขึ้นครองบัลลังก์ นางจะเป็นคนแรกที่ตายคนชั่วแบบนี้จะปล่อยนางไปได้อย่างไรระวังไว้คงดีที่สุดเมื่อคิดดูอีกครั้ง ฝ่าบาทน่าจะรู้ว่าเสี่ยวฮว๋ายจื่อไม่คู่ควร ในเมื่อเขาไม่พูด ก็หมายความว่าเขามีแผนในใจแล้วอย่างไรเสียก็อย่าเอาปัญหามาใส่ตัวจะดีกว่าระหว่างที่ครุ่นคิด เสี่ยว
เย่จิ่งอวี้ยื่นมือไปรับแก้วชา และบ้วนปากเสี่ยวฮว๋ายจื่อค้อมกาย ถวายอ่างน้ำด้วยความเคารพอินชิงเสวียนอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ และมองดูมือของพวกเขาอยู่ตลอดในโทรทัศน์มักมีการแสดงทำนองนี้ นักฆ่าถือของบางอย่าง และกริชในมือของเขาถูกวางไว้ใต้อ่าง และเขาก็สังหารอย่างไม่มีผู้ใดคาดได้โชคดีที่มือทั้งสองของพวกเขาแสดงให้เห็นชัดเจนและไม่ได้ถืออะไรเลยอินชิงเสวียนจึงวางใจไม่แน่ว่าเสี่ยวฮว๋ายจื่ออาจพูดเล่นเท่านั้น เขาคงไม่มีความกล้ามากขนาดนั้นเย่จิ่งอวี้ล้างมือเสร็จก็พูดขึ้นเสียงเรียบ “ออกไปเถอะ เหลือเพียงเสี่ยวเสวียนจื่อคนเดียวก็พอ”“พ่ะย่ะค่ะ”เสี่ยวฮว๋ายจื่อค่อยๆ ถอยหลังไปสองสามก้าว สายตาแปลกๆ ของเขาก็ปรากฏขึ้นอินชิงเสวียนใจเต้น และเห็นฝ่าเท้าของเย่จิ่งอวี้สั่นคลอนเล็กน้อย“ฝ่าบาท!” อินชิงเสวียนเข้าพยุงเย่จิ่งอวี้โดยไม่ทันตั้งตัว เสี่ยวฮว๋ายจื่อพลิกคว่ำอ่างน้ำอย่างรุนแรง พร้อมหยิบมีดสามง่ามออกมาจากกลางอกของเขา และแทงลงไปยังหน้าอกของเย่จิ่งอวี้แม้อินชิงเสวียนจะเฝ้าระวัง แต่นางก็ยังคงลังเลอย่างน้อย เย่จิ่งอวี้ก็ยังตายไม่ได้จนกว่ารากฐานของนางจะมั่นคงทันใดนั้นก็เหล
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”อินชิงเสวียนโค้งคำนับและหนีไปได้อีกครั้งขอเพียงไม่ต้องรับใช้เย่จิ่งอวี้ ได้รับบาดแผลเล็ดน้อยก็ถือว่าคุ้มค่าข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเย่จิ่งอวี้ไม่ได้ใจร้าย คิดจะให้ตำแหน่งขุนนางฝ่ายใน และยังตบรางวัลเป็นบ้านหลังใหญ่ให้ ขอเพียงนางพยายามต่อไป ไม่แน่ว่าจะพาเสี่ยวหนานเฟิงออกไปได้เมื่อกลับถึงที่พักของขันที เสี่ยวอานจื่อและคนอื่นๆ ยังไม่กลับมาเมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุด คืนนี้คงไปเล่นสนุกที่ไหนสักที่เหล่าขันทีไม่มีความบันเทิงใดๆ ในวังหลวง ความสุขเดียวที่มีก็คือการเดิมพันอินชิงเสวียนรู้ว่าเมื่อพวกเขาไม่มีอะไรทำก็จะมารวมกันเขย่าลูกเต๋า ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกตาอีกแล้วเมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก็รีบหยิบมือถือสับปะรดออกมาเมื่อเปิดหน้าจอมือถือก็เห็นภาพกล้องวงจรปิดห้าภาพทันที รวมถึงมุมทั้งสี่ของวังเย็นและห้องโถงใหญ่ที่ตัวเองอาศัยอยู่ด้วยเสี่ยวหนานเฟิงกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง โดยมีหมัดเล็กๆ สองหมัดยกขึ้นเหนือศีรษะราวกับกำลังยอมแพ้ น่องเล็กๆ งอเหมือนกบตัวน้อย โดยให้ฝ่าเท้าหันเข้ากันคิดว่าคงมีแต่เด็กเท่านั้นที่ทำท่ายากๆ ได้ อินชิงเสวียนยิ้มด้วยความเ
อินชิงเสวียนาถึงหอสุ่ยอวิ้นแล้วขันทีน้อยที่เฝ้าประตูรู้ดีว่าอินชิงเสวียนเป็นคนโปรดข้างกายฮ่องเต้ จึงรีบไปรายงานทันทีเพียงครู่เดียว หานปิงก็เดินออกมาจากด้านใน“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง นายหญิงข้าเชิญท่านเข้าไปด้านใน”อินชิงเสวียนตอบกลับอย่างเกรงใจว่า “ขอบคุณพี่สาวมาก”หานปิงอมยิ้ม วิ่งก้าวเล็กเหยาะๆ จากไปอินชิงเสวียนไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงยิ้ม ตะลึงงันไปชั่วครู่ แล้วตามหานปิงไปยังตำหนักใหญ่สวีจือย่วนสวมใส่ชุดกระโปรงสีจืดมาก นั่งยืดตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าเรียบสะอาดแสดงความนิ่งสงบ มีกลิ่นอายของคนตระกูลใหญ่“บ่าวคารวะนายหญิง” อินชิงเสวียนค้อมกายเล็กน้อยสวีจือย่วนพูดอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงเชิญตามสบาย ได้ยินว่าวันนี้เป็นวันหยุดอาบน้ำ[footnoteRef:1] เสี่ยวกงกไม่หยุดพักหรือ” [1: วันหยุดอาบน้ำ ในสมัยโบราณ เจ้าหน้าที่หรือขุนนางจะมีเวลาพักอาบน้ำ 5 วันหรือ 10 วันครั้ง ] อินชิงเสวียนยิ้มตอบว่า “บ่าวมีเรื่องอยากจะถามนายหญิงขอรับ ไม่ทราบว่านายหญิงจะสะดวกหรือไม่”สวีจือย่วนประหลาดใจเล็กน้อย“เสี่ยวกงกงอยากสอบถามข้าเรื่องใดหรือ”อินชิงเสวียนมองไปที่สาวใช้ข้างกายทั้งสองคน
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง
“แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ
“ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก
เมื่อเห็นชายคนนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที อินชิงเสวียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“คุณบอกว่า...คุณชื่อเย่จิ่งหลานไม่ใช่เหรอ”ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ใช่น่ะสิ ผมชื่อเย่จิ่งหลานแล้วมันขัดแย้งอะไรกับเรื่องที่ผมเป็นหมอล่ะ”เสี่ยวหลานหลานที่อยู่ข้างๆ สั่นศีรษะ พูดอย่างน่ารัก “ก็ไม่ขัดแย้ง”เย่จิ่งหลานยักไหล่“งั้นก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผมอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณสาวสวยคนนี้ที่ช่วยเหลือ เพิ่มเพื่อนในไลน์ได้ไหม”เย่จิ่งหลานสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่มันก็ว่างเปล่าเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์หายไปไหน“แล้วคุณรู้ไหมว่าคุณมาจากโรงพยาบาลไหน”“รู้...”เย่จิ่งหลานพูดขึ้นมาคำหนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้งเขาจำได้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะไปคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อมาก็ฝันอะไรตั้งมากมาย ในฝันเหมือนเขาจะกลายเป็นอ๋อง แล้วต่อมาก็ได้เป็นจอมยุทธ์เมื่อมองดูเตียงในโรงพยาบาลตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงขึ้นมาทันทีเขายกนิ้วขึ้นแตะหัวเตียง ผิวสัมผัสเย็นๆ บอกเขาว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต