แชร์

บทที่ 125 ความจริง

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อินชิงเสวียนยืนอยู่หน้าประตู ฟังบทเพลงนี้ด้วยความตกตะลึง

ตามจังหวะการเคลื่อนไหวของตัวโน้ต ความคุ้นเคยในใจก็ทวีมากขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้น เศษความทรงจำบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็แวบขึ้นมาในใจ

ในศาลาหินอันสง่างาม สตรีนางหนึ่งสวมกระโปรงสีชมพูกำลังดีดพิณอยู่

บนราวระเบียงด้านข้าง มีชายรูปงามสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินนั่งอยู่ข้างๆ มือข้างหนึ่งของบุรุษถือกาหยกขาว มืออีกข้างถือถ้วยเหล้ากระเบื้องชั้นดี และดื่มด่ำช้าๆ เคล้ากับเสียงพิณ

ฟังไปครู่หนึ่ง เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ทำไมจึงบรรเลงเพลงเศร้าเช่นนี้ น้องสาวของข้าควรจะอารมณ์ดีมีรอยยิ้มอยู่เสมอ”

หญิงสาวใช้มือกดสายพิณไว้ เลือกคิ้วหัวเราะเบาๆ

“สิ่งที่น่าเศร้าโศกมักจดจำได้ยาวนาน สิ่งใดที่น่ารื่นเริงมากเกินไป มักจะจดจำได้ไม่ดีนัก”

ชายคนนั้นหัวเราะและถามติดตลกว่า “คิดถึงอันผิงอ๋องอีกแล้วใช่หรือไม่”

สตรีก้มศีรษะลงด้วยความไม่พอใจ “ไม่ใช่เจ้าค่ะ”

ภาพความทรงจำนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกรอบรูป ในที่สุดอินชิงเสวียนก็เห็นหน้าสตรีคนนั้นอย่างชัดเจน และหน้าตาเหมือนกับตัวเองทุกกระเบียดนิ้ว

น่าตกใจเล็กน้อย

สตรีคนนี้คือเจ้าของร่างเดิมอย่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 126 อยากตายก็อย่าดึงข้าไปเกี่ยว

    “กระหม่อมรับทราบพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนพูดรับปาก แต่ในใจนางค่อนข้างพูดไม่ออกนานๆ จะได้วันหยุดสามวันในหนึ่งเดือน จะไม่ยอมให้ได้พักเลยหรือไรผู้ชายตัวโตที่มีมือมีเท้า แต่ต้องได้รับการปรนนิบัติช่วยถอดเสื้อผ้าแล้วพาเข้านอน เรียกได้ว่าไม่รู้จักดูแลชีวิตตัวเองเลยจริงๆตำหนิมาตลอดทาง สุดท้ายก็กลับมาถึงตำหนักเฉิงเทียนในตำหนักมีเพียงเสี่ยวฮว๋ายจื่อยืนอยู่ พร้อมกับขันทีน้อย คนอื่นๆ คงไปอาบน้ำกันหมดแล้วเสี่ยวฮว๋ายจื่อเหลือบมองอินชิงเสวียน และใช้หางตากวาดตามองเย่จิ่งอวี้ สายตาเอาแน่เอานอนไม่ได้อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงบางสิ่งในใจ เมื่อมองดูสายตาเช่นนี้ ดูคล้ายกับว่าไม่มีเจตนาที่ดีหากว่าเขามีเจตนาไม่ดี ตัวเองควรทำอย่างไร?ปล่อยให้เขาฆ่าเย่จิ่งอวี้ตาย หรือว่า...ไม่มีหรือว่าหากว่าเย่จิ่งเย่าขึ้นครองบัลลังก์ นางจะเป็นคนแรกที่ตายคนชั่วแบบนี้จะปล่อยนางไปได้อย่างไรระวังไว้คงดีที่สุดเมื่อคิดดูอีกครั้ง ฝ่าบาทน่าจะรู้ว่าเสี่ยวฮว๋ายจื่อไม่คู่ควร ในเมื่อเขาไม่พูด ก็หมายความว่าเขามีแผนในใจแล้วอย่างไรเสียก็อย่าเอาปัญหามาใส่ตัวจะดีกว่าระหว่างที่ครุ่นคิด เสี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 127 ทุ่มสุดตัว

    เย่จิ่งอวี้ยื่นมือไปรับแก้วชา และบ้วนปากเสี่ยวฮว๋ายจื่อค้อมกาย ถวายอ่างน้ำด้วยความเคารพอินชิงเสวียนอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ และมองดูมือของพวกเขาอยู่ตลอดในโทรทัศน์มักมีการแสดงทำนองนี้ นักฆ่าถือของบางอย่าง และกริชในมือของเขาถูกวางไว้ใต้อ่าง และเขาก็สังหารอย่างไม่มีผู้ใดคาดได้โชคดีที่มือทั้งสองของพวกเขาแสดงให้เห็นชัดเจนและไม่ได้ถืออะไรเลยอินชิงเสวียนจึงวางใจไม่แน่ว่าเสี่ยวฮว๋ายจื่ออาจพูดเล่นเท่านั้น เขาคงไม่มีความกล้ามากขนาดนั้นเย่จิ่งอวี้ล้างมือเสร็จก็พูดขึ้นเสียงเรียบ “ออกไปเถอะ เหลือเพียงเสี่ยวเสวียนจื่อคนเดียวก็พอ”“พ่ะย่ะค่ะ”เสี่ยวฮว๋ายจื่อค่อยๆ ถอยหลังไปสองสามก้าว สายตาแปลกๆ ของเขาก็ปรากฏขึ้นอินชิงเสวียนใจเต้น และเห็นฝ่าเท้าของเย่จิ่งอวี้สั่นคลอนเล็กน้อย“ฝ่าบาท!” อินชิงเสวียนเข้าพยุงเย่จิ่งอวี้โดยไม่ทันตั้งตัว เสี่ยวฮว๋ายจื่อพลิกคว่ำอ่างน้ำอย่างรุนแรง พร้อมหยิบมีดสามง่ามออกมาจากกลางอกของเขา และแทงลงไปยังหน้าอกของเย่จิ่งอวี้แม้อินชิงเสวียนจะเฝ้าระวัง แต่นางก็ยังคงลังเลอย่างน้อย เย่จิ่งอวี้ก็ยังตายไม่ได้จนกว่ารากฐานของนางจะมั่นคงทันใดนั้นก็เหล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 128 เสด็จพี่รีบไปตามหาเขาสิ

    “ขอบพระทัยฝ่าบาท”อินชิงเสวียนโค้งคำนับและหนีไปได้อีกครั้งขอเพียงไม่ต้องรับใช้เย่จิ่งอวี้ ได้รับบาดแผลเล็ดน้อยก็ถือว่าคุ้มค่าข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเย่จิ่งอวี้ไม่ได้ใจร้าย คิดจะให้ตำแหน่งขุนนางฝ่ายใน และยังตบรางวัลเป็นบ้านหลังใหญ่ให้ ขอเพียงนางพยายามต่อไป ไม่แน่ว่าจะพาเสี่ยวหนานเฟิงออกไปได้เมื่อกลับถึงที่พักของขันที เสี่ยวอานจื่อและคนอื่นๆ ยังไม่กลับมาเมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุด คืนนี้คงไปเล่นสนุกที่ไหนสักที่เหล่าขันทีไม่มีความบันเทิงใดๆ ในวังหลวง ความสุขเดียวที่มีก็คือการเดิมพันอินชิงเสวียนรู้ว่าเมื่อพวกเขาไม่มีอะไรทำก็จะมารวมกันเขย่าลูกเต๋า ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกตาอีกแล้วเมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก็รีบหยิบมือถือสับปะรดออกมาเมื่อเปิดหน้าจอมือถือก็เห็นภาพกล้องวงจรปิดห้าภาพทันที รวมถึงมุมทั้งสี่ของวังเย็นและห้องโถงใหญ่ที่ตัวเองอาศัยอยู่ด้วยเสี่ยวหนานเฟิงกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง โดยมีหมัดเล็กๆ สองหมัดยกขึ้นเหนือศีรษะราวกับกำลังยอมแพ้ น่องเล็กๆ งอเหมือนกบตัวน้อย โดยให้ฝ่าเท้าหันเข้ากันคิดว่าคงมีแต่เด็กเท่านั้นที่ทำท่ายากๆ ได้ อินชิงเสวียนยิ้มด้วยความเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 129 อินสิงอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่

    อินชิงเสวียนาถึงหอสุ่ยอวิ้นแล้วขันทีน้อยที่เฝ้าประตูรู้ดีว่าอินชิงเสวียนเป็นคนโปรดข้างกายฮ่องเต้ จึงรีบไปรายงานทันทีเพียงครู่เดียว หานปิงก็เดินออกมาจากด้านใน“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง นายหญิงข้าเชิญท่านเข้าไปด้านใน”อินชิงเสวียนตอบกลับอย่างเกรงใจว่า “ขอบคุณพี่สาวมาก”หานปิงอมยิ้ม วิ่งก้าวเล็กเหยาะๆ จากไปอินชิงเสวียนไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงยิ้ม ตะลึงงันไปชั่วครู่ แล้วตามหานปิงไปยังตำหนักใหญ่สวีจือย่วนสวมใส่ชุดกระโปรงสีจืดมาก นั่งยืดตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าเรียบสะอาดแสดงความนิ่งสงบ มีกลิ่นอายของคนตระกูลใหญ่“บ่าวคารวะนายหญิง” อินชิงเสวียนค้อมกายเล็กน้อยสวีจือย่วนพูดอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงเชิญตามสบาย ได้ยินว่าวันนี้เป็นวันหยุดอาบน้ำ[footnoteRef:1] เสี่ยวกงกไม่หยุดพักหรือ” [1: วันหยุดอาบน้ำ ในสมัยโบราณ เจ้าหน้าที่หรือขุนนางจะมีเวลาพักอาบน้ำ 5 วันหรือ 10 วันครั้ง ] อินชิงเสวียนยิ้มตอบว่า “บ่าวมีเรื่องอยากจะถามนายหญิงขอรับ ไม่ทราบว่านายหญิงจะสะดวกหรือไม่”สวีจือย่วนประหลาดใจเล็กน้อย“เสี่ยวกงกงอยากสอบถามข้าเรื่องใดหรือ”อินชิงเสวียนมองไปที่สาวใช้ข้างกายทั้งสองคน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 130 เจ้าหนูน้ำเต้าทั้งเจ็ด

    อินชิงเสวียนหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าไม่พอใจแล้วนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่จำเป็นต้องพูดก็พูดไปหมดแล้ว อยู่ต่อไปก็เปล่าประโยชน์ จึงพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ถ้ามีผู้ใดมาถาม ก็บอกว่าข้ามาขอทำนองเพลง”สวีจือย่วนกัดริมฝีปาก“ข้ารู้แล้ว เช่นนั้น...พวกเราไว้ค่อยต่อกันใหม่วันหลัง เจ้าวางใจ เรื่องนั้นถึงตายข้าก็ไม่พูด”“ขอบใจเจ้ามาก”อินชิงเสวียนประกบมือคำนับ แล้วเดินออกจากหอสุ่ยอวิ้นอย่างรวดเร็วนางเชื่อว่าสวีจือย่วนจะไม่พูดออกไป ถึงอย่างไรการให้ที่พักพิงแก่กบฏก็มีโทษมหันต์ นอกจากนี้ หากสวีจือย่วนไม่แสดงออกว่าสนใจตระกูลอินหลายต่อหลายครั้ง อินชิงเสวียนคงไม่กล้าผลีผลามมาเช่นนี้นี่นับว่าเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ถ้าชนะ นางก็จะได้ข่าว ถ้าแพ้ ศีรษะของนางก็จะหลุดร่วงสู่พื้น...เมื่อมาถึงหน้าประตูหอสุ่ยอวิ้น ก็เห็นกงกงน้อยที่หน้าตาดูไม่คุ้นเขาพูดอย่างสุภาพ “เจ้าคือเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงใช่หรือไม่ ฝ่าบาทให้ข้ามาเชิญเจ้าไปที่ตำหนักชิงฮว๋า”อินชิงเสวียนถามด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “เกิดอะไรขึ้น”ขันทีน้อยตอบตามตรง “องค์หญิงอยากได้ว่าว บอกว่าเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงมีว่าวขอรับ”เมื่อนั้นอินชิงเสว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 131 เกมระหว่างฮ่องเต้และขุนนาง

    “เสี่ยวเสวียนจื่อ ตามข้าไปห้องหนังสือ”เย่จิ่งอวี้กล่าวเรียบๆ จากนั้นก็ออกจากตำหนักชิงฮว๋าไปตอนนี้เย่ไห่ถังกำลังเล่นอย่างสนุกสนาน จึงไม่สนใจเสด็จพี่ใหญ่ของนางอินชิงเสวียนจึงเดินตามหลังเขา แล้วก็แอบชูนิ้วกลางเงียบๆ เซ็งชะมัดประมาณสิบห้านาทีต่อมา ห้องหนังสือก็อยู่เบื้องหน้าแล้ว“ให้ท่านโหวเหนือเข้าวัง”เย่จิ่งอวี้กางเสื้อคลุมออกแล้วนั่งบนเก้าอี้มังกร ขันทีน้อยที่ทำงานรับใช้ก็กระวีกระวาดยกน้ำชาเข้ามาอินชิงเสวียนไม่มีอะไรทำ จึงยืนนิ่งอยู่ข้างหลังของเย่จิ่งอวี้หลังจากนั้นไม่นานก็แว่วเสียงฝีเท้าสม่ำเสมอดังเข้ามา แล้วชายผู้หนึ่งก็เดินหน้าเชิดเข้ามาอินชิงเสวียนเกือบจะส่งเสียงหัวเราะออกมา เมื่อก่อนคิดมาโดยตลอดว่าคนโบราณมีผมดกหนา แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ปรากฏทางโทรทัศน์ไม่เป็นความจริงซึ่งบุคคลที่อยู่เบื้องหน้านี้มีผมเพียงครึ่งศีรษะ เส้นผมบนบริเวณกลางศีรษะเบาบาง เผยให้เห็นหนังศีรษะ แต่ก็เพราะมีผมน้อยเกินไป ปิ่นกลัดมวยผมสีทองจึงถูกกลัดแบบเอียงๆ บนศีรษะของเขา ทำให้ดูน่าขันมากภายใต้เส้นผมประปรายก็คือใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม ไหล่กว้าง พุงกลม ยามที่ก้าวเท้าเดินก็มีเสียงฮืด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 132 หลานชายของเสนากวน

    “เจียงตงหลิวถวายพระพรท่านอ๋อง!”เจียงตงหลิวหอบพุงใหญ่ๆ เตรียมที่จะคุกเข่าลง“ท่านโหวโปรดลุกขึ้นเถิด”เย่จิ่งเย่าก้าวฉับๆ ช่วยพยุงเขาลุกขึ้น“ท่านโหวไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวังแล้วรึ”เจียงตงหลิวขมวดคิ้วพูดว่า “เข้าวังแล้ว แต่ได้รับข่าวมาไม่รู้ว่าจะเป็นข่าวดีรึข่าวร้าย”เจียงตงหลิวเงยหน้าขึ้น สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นเส้นสีดำที่หางตาของเย่จิ่งอวี้เจียงซิ่วหนิงก็เห็นเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “เชิญท่านพ่อกับท่านอ๋องคุยกันเถอะ ลูกขอตัวก่อน”เย่จิ่งเย่าไม่สังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเขา จึงถามทันที “ข่าวอะไรรึ”เจียงตงหลิวไอแห้งๆ และพูดซ้ำคำพูดของเย่จิ่งอวี้หลังจากได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเย่จิ่งเย่าก็หม่นแสงลง พูดอย่างเคียดแค้น “เย่จิ่งอวี้เจ้าชาติสุนัข เห็นชัดว่าต้องการส่งพวกเราไปตายที่เจียงวู”เจียงตงหลิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คงไม่เป็นเช่นนั้นเสียทีเดียว หากสามารถทำให้เจียงวูสงบลงได้จริง ไม่เพียงแต่ท่านอ๋องจะสามารถกลับคืนสู่ราชสำนัก แต่กระหม่อมยังสามารถกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับซิ่วหนิงที่เมืองหลวงได้”เย่จิ่งเย่าคำราม “ข้าได้ยินมาว่าเจ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 133 เช่นนั้นก็ไม่เกรงใจแล้ว

    สีหน้าของอินชิงเสวียนเย็นลง“เจ้าอย่าทำเกินไปนัก!”คุณชายน้อยกวนพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ข้าจะทำเกินไป เจ้าจะทำไม”สีหน้าของฉินเทียนก็หม่นแสงลงเช่นกัน“ถ้าคุณชายน้อยยืนกรานที่จะไม่ยอมแพ้ เช่นนั้นพวกเราก็จะได้เห็นดีกัน”คุณชายน้อยกวนถ่มน้ำลายและพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึ อาโฉ่ว สั่งสอนเจ้าพวกขันทีเวรนี่หน่อยซิ”ชายน่าเกลียดที่มีนามว่าอาโฉ่วเดินออกมาจากด้านข้างของคุณชายน้อยกวน เงื้อมือขึ้นต่อยฉินเทียนทันทีวรยุทธ์ของฉินเทียนก็ไม่ได้ด้อยเลย เขาหลบหมัดของอาโฉ่ว แล้วต่อยสวนออกไปอาโฉ่วถูกฉินเทียนต่อยล้มลงไปกองกับพื้นคุณชายน้อยกวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งปกติอาโฉ่วจะมีฝีมือร้ายกาจ สู้กับคนอื่นแบบหนึ่งต่อสี่หรือห้าก็ไม่ใช่ปัญหา วันนี้กลับล้มลงด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวเขาก้าวไปเตะอาโฉ่วอย่างอดไม่ได้ พลางด่าทอด้วยความโกรธ “เศษสวะ เลี้ยงเปลืองข้าวสุกของตระกูลเปล่าๆ”อาโฉ่วกระตุก กอดไหล่ตัวเองแล้วพูดว่า “คุณชายน้อยกวนโปรดอภัยด้วย เป็นบ่าวที่ด้อยฝีมือ เต็มใจถูกลงโทษ”เมื่อเห็นผู้ติดตามที่น่าเกลียดของเขาล้มลงในทันที อินชิงเสวียนแค่นเสียงด้วยความดูถูก“คนของเจ้ายอมแพ้แล้ว ยังไม

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1456 ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้

    “ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1455 การทดสอบของพ่อหนุ่มน้อย

    เมื่อเห็นชายคนนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที อินชิงเสวียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“คุณบอกว่า...คุณชื่อเย่จิ่งหลานไม่ใช่เหรอ”ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ใช่น่ะสิ ผมชื่อเย่จิ่งหลานแล้วมันขัดแย้งอะไรกับเรื่องที่ผมเป็นหมอล่ะ”เสี่ยวหลานหลานที่อยู่ข้างๆ สั่นศีรษะ พูดอย่างน่ารัก “ก็ไม่ขัดแย้ง”เย่จิ่งหลานยักไหล่“งั้นก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผมอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณสาวสวยคนนี้ที่ช่วยเหลือ เพิ่มเพื่อนในไลน์ได้ไหม”เย่จิ่งหลานสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่มันก็ว่างเปล่าเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์หายไปไหน“แล้วคุณรู้ไหมว่าคุณมาจากโรงพยาบาลไหน”“รู้...”เย่จิ่งหลานพูดขึ้นมาคำหนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้งเขาจำได้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะไปคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อมาก็ฝันอะไรตั้งมากมาย ในฝันเหมือนเขาจะกลายเป็นอ๋อง แล้วต่อมาก็ได้เป็นจอมยุทธ์เมื่อมองดูเตียงในโรงพยาบาลตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงขึ้นมาทันทีเขายกนิ้วขึ้นแตะหัวเตียง ผิวสัมผัสเย็นๆ บอกเขาว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต

DMCA.com Protection Status