Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 132 หลานชายของเสนากวน

Share

บทที่ 132 หลานชายของเสนากวน

Author: ม่อเยี่ยน
“เจียงตงหลิวถวายพระพรท่านอ๋อง!”

เจียงตงหลิวหอบพุงใหญ่ๆ เตรียมที่จะคุกเข่าลง

“ท่านโหวโปรดลุกขึ้นเถิด”

เย่จิ่งเย่าก้าวฉับๆ ช่วยพยุงเขาลุกขึ้น

“ท่านโหวไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวังแล้วรึ”

เจียงตงหลิวขมวดคิ้วพูดว่า “เข้าวังแล้ว แต่ได้รับข่าวมาไม่รู้ว่าจะเป็นข่าวดีรึข่าวร้าย”

เจียงตงหลิวเงยหน้าขึ้น สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นเส้นสีดำที่หางตาของเย่จิ่งอวี้

เจียงซิ่วหนิงก็เห็นเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “เชิญท่านพ่อกับท่านอ๋องคุยกันเถอะ ลูกขอตัวก่อน”

เย่จิ่งเย่าไม่สังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเขา จึงถามทันที “ข่าวอะไรรึ”

เจียงตงหลิวไอแห้งๆ และพูดซ้ำคำพูดของเย่จิ่งอวี้

หลังจากได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเย่จิ่งเย่าก็หม่นแสงลง พูดอย่างเคียดแค้น “เย่จิ่งอวี้เจ้าชาติสุนัข เห็นชัดว่าต้องการส่งพวกเราไปตายที่เจียงวู”

เจียงตงหลิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คงไม่เป็นเช่นนั้นเสียทีเดียว หากสามารถทำให้เจียงวูสงบลงได้จริง ไม่เพียงแต่ท่านอ๋องจะสามารถกลับคืนสู่ราชสำนัก แต่กระหม่อมยังสามารถกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับซิ่วหนิงที่เมืองหลวงได้”

เย่จิ่งเย่าคำราม “ข้าได้ยินมาว่าเจ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 133 เช่นนั้นก็ไม่เกรงใจแล้ว

    สีหน้าของอินชิงเสวียนเย็นลง“เจ้าอย่าทำเกินไปนัก!”คุณชายน้อยกวนพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ข้าจะทำเกินไป เจ้าจะทำไม”สีหน้าของฉินเทียนก็หม่นแสงลงเช่นกัน“ถ้าคุณชายน้อยยืนกรานที่จะไม่ยอมแพ้ เช่นนั้นพวกเราก็จะได้เห็นดีกัน”คุณชายน้อยกวนถ่มน้ำลายและพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึ อาโฉ่ว สั่งสอนเจ้าพวกขันทีเวรนี่หน่อยซิ”ชายน่าเกลียดที่มีนามว่าอาโฉ่วเดินออกมาจากด้านข้างของคุณชายน้อยกวน เงื้อมือขึ้นต่อยฉินเทียนทันทีวรยุทธ์ของฉินเทียนก็ไม่ได้ด้อยเลย เขาหลบหมัดของอาโฉ่ว แล้วต่อยสวนออกไปอาโฉ่วถูกฉินเทียนต่อยล้มลงไปกองกับพื้นคุณชายน้อยกวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งปกติอาโฉ่วจะมีฝีมือร้ายกาจ สู้กับคนอื่นแบบหนึ่งต่อสี่หรือห้าก็ไม่ใช่ปัญหา วันนี้กลับล้มลงด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวเขาก้าวไปเตะอาโฉ่วอย่างอดไม่ได้ พลางด่าทอด้วยความโกรธ “เศษสวะ เลี้ยงเปลืองข้าวสุกของตระกูลเปล่าๆ”อาโฉ่วกระตุก กอดไหล่ตัวเองแล้วพูดว่า “คุณชายน้อยกวนโปรดอภัยด้วย เป็นบ่าวที่ด้อยฝีมือ เต็มใจถูกลงโทษ”เมื่อเห็นผู้ติดตามที่น่าเกลียดของเขาล้มลงในทันที อินชิงเสวียนแค่นเสียงด้วยความดูถูก“คนของเจ้ายอมแพ้แล้ว ยังไม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 134 ข้าจะดูลูกเจ้าเอง

    อินชิงเสวียนถูกอวิ๋นฉ่ายปลุกให้ตื่น“พี่ใหญ่ ถึงเวลากินข้าวแล้ว”อินชิงเสวียนยังคงงุนงงเล็กน้อย หลังจากมองท้องฟ้าครู่หนึ่ง จึงจำได้ว่าตัวเองกลับมาที่วังเย็นแล้ว“เสี่ยวหนานเฟิงอยู่ที่ไหน”“อยู่นี่!”ยายหลี่รีบอุ้มเด็กขึ้นมาเสี่ยวหนานเฟิงชี้นิ้วเล็กจ้อยไปที่อินชิงเสวียน แล้วก็พูดอ้อแอ้ไม่หยุดอินชิงเสวียนเอื้อมมือออกไปรับเด็ก แล้วพูดด้วยท่าทางขอโทษ “ขอโทษจริงๆ พ่อเผลอหลับไป”“เฮ้อ”เสี่ยวหนานเฟิงดูเหมือนจะเข้าใจ เขายื่นมือเล็กๆ ออกไปสัมผัสใบหน้าของอินชิงเสวียน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สอดสองนิ้วเข้าไปในจมูกของอินชิงเสวียนอินชิงเสวียนคันจมูก ก็อดไม่ได้ที่จะจาม แล้วเจ้าหมาน้อยก็เริ่มหัวเราะยายหลี่วางถาดเกี๊ยวลง เมื่อเห็นเกี๊ยวร้อยๆ ที่มีควันฉุย อินชิงเสวียนรู้สึกเหมือนกำลังฉลองตรุษจีนแปลกๆนางเป็นคนจีนทางเหนือ ตรุษจีนทุกปีจะต้องกินเกี๊ยว เมื่อนึกถึงการนับถอยหลังข้ามปีกับย่า ดูรายการข้ามปี อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอวิ๋นฉ่ายเตรียมถ้วยออกมาใส่ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูดำทั้งหมดแล้วจากนั้นทั้งสามคนก็นั่งล้อมวง และในขณะที่กำลังจะกินข้าว ไป๋เสวี่ยก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอก นั่งบ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 135 นั่นต่างหากพ่อของเจ้า

    “เหตุใดฮ่องเต้จึงไปที่วังเย็น”ไทเฮาจับคางอย่างครุ่นคิด หรี่ตาเพลิดเพลินกับการบีบนวดขาของนางกำนัลชุยไห่กล่าวว่า “ขันทีน้อยบอกว่าฮ่องเต้เสด็จออกไปเดินเล่นกับสุนัข จึงได้แวะที่วังเย็น”ไทเฮาเลิกคิ้ว พูดอย่างสบายอารมณ์ “มีอะไรให้รายงานรึ สุนัขแสนโปรดของฮ่องเต้ตัวนั้นผู้ใดจะไม่รู้”ชุยไห่ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่ามีเสียงหัวเราะของเด็กดังมาจากข้างใน”“โอ้? คงไม่ได้ฟังผิดหรอกกระมัง ในวังเย็นมีเด็กมาจากไหน”แล้วไทเฮาก็หลับตาลงอีกครั้งชุยไห่กล่าวว่า “กระหม่อมก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่เสี่ยวเสวียนจื่อก็กลับไปที่วังเย็นเช่นกัน กระหม่อมยังได้ยินมาว่า นานมานี้ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ปิดตายวังเย็น แต่ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ได้มีรับสั่งให้เปิดวังเย็น ทั้งยังประทานของรางวัลไม่น้อย”ไทเฮาตัวตรงทันที“เปิดประตูวังเย็นรึ แถมยังประทานของรางวัล ประทานอะไรบ้าง”ชุยไห่คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ไก่ เป็ด ปลา เนื้อ และแพะตัวเมียพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของไทเฮาเปลี่ยนไปเล็กน้อยแพะตัวเมีย?มีเด็กอยู่ในวังเย็นจริงหรือมิฉะนั้นเหตุใดต้องประทานแพะตัวเมียล่ะ“ไปถามสืบดูว่าใครอยู่ในวังเย็น แล้วเหตุใดฝ่าบาทจึ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 136 ไทเฮาเสด็จ

    เจ้าหมาน้อยร้องไห้เสียงดัง อินชิงเสวียนกลัวว่าจะก่อให้เกิดปัญหา จึงรีบเรียกให้ยายหลี่มาอุ้ม ส่วนตัวเองรีบเข้าไปในมิติ แลกอุลตร้าแมนที่เปล่งแสงได้ทันทีที่อุลตร้าแมนออกมาก็ทั้งกระโดดและเปล่งแสง ถูกดึงดูดจากสายตาของเสี่ยวหนานเฟิงอย่างรวดเร็ว และในที่สุดเขาก็หยุดร้องไห้ยายหลี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกนี้ แม้จะตัดกระดูกแต่เส้นเอ็นยังเชื่อมต่อกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดนั้นมหัศจรรย์จริงๆ เสี่ยวหนานเฟิงจะต้องเป็น...”อินชิงเสวียนกลัวว่าองครักษ์เงาจะได้ยิน ดังนั้นนางจึงรีบขยิบตาให้ยายหลี่ ยายหลี่จึงรีบปิดปากทันทีหลังจากพูดคุยกันสักพัก อินชิงเสวียนก็พาเสี่ยวหนานเฟิงเข้านอนหลังจากเปิดสับปะรดดูหน้าดูหลังแล้ว จึงพบว่าองครักษ์เงาที่เฝ้าอยู่ตามยอดไม้ทั้งหลายได้หายไปแล้วฝ่าบาทเชื่อนางอีกแล้วรึจิตใจของบุรุษล้ำลึกยากหยั่งถึง!แต่พอคิดถึงเรื่องที่เขาจะให้เสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในวัง นางก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้งในเวลานี้ นางไม่แน่ใจว่าเย่จิ่งอวี้ชอบเสี่ยวหนานเฟิงจริงๆ หรือว่าเขาต้องการใช้เด็กคนนี้ควบคุมตัวเองกันแน่ทุกคนรู้ดีว่าเย่จิ่งอวี้เป็นคนที่น่ากลัวมาก ความคิดของ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 137 ไทเฮาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเด็ก

    สีหน้าท่าทางของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไปทันทีเหตุใดไทเฮาถึงมาที่นี่ได้เนื่องจากชุยไห่บอกว่ามีเสียงเด็กร้องไห้ เขาคงได้สืบพบเบาะแสอะไรบางอย่างตัวเองช่างประมาทเกินไปจริงๆในสถานที่ใหญ่โตเช่นนี้ ไม่มีทางที่เสี่ยวหนานเฟิงจะซ่อนตัวได้เลยและไทเฮาก็รู้ว่านางเป็นใคร ดังนั้นนางจะต้องสงสัยในตัวเด็กอย่างแน่นอนควรทำอย่างไรดีอินชิงเสวียนเหงื่อผุดเต็มหน้าผากอย่างอดไม่ได้ถ้ารู้แต่แรกคงขอให้เย่จิ่งอวี้มากินข้าวในตอนเช้าด้วย เมื่อมีเขาอยู่ที่นี่ ยังพอหาข้อแก้ตัวได้อวิ๋นฉ่ายตื่นตระหนกโดยสิ้นเชิง“พี่ใหญ่ ควรทำอย่างไรดี”อินชิงเสวียนกลั้นหายใจ กระซิบ “ไม่ต้องสนใจพวกเขา เรากลับไปที่ห้องโถงด้านในกันเถอะ”ทั้งสองกลับไปที่ห้องโถงด้านในอย่างรวดเร็ว ก็เจอกับยายหลี่ก็วิ่งออกจากห้องมา“ใครรึ”อินชิงเสวียนกระซิบ “เป็นไทเฮา เข้าไปก่อน อย่าเพิ่งพูดอะไร”ทั้งหมดรีบปิดประตู แต่ยังคงได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอก ซึ่งเสียงเคาะประตูดังกระชั้นขึ้นเรื่อยๆยายหลี่อดไม่ได้ที่จะเหงื่อออก“นี่...ถ้าพวกเขาเข้ามาล่ะ...”อินชิงเสวียนพูดอย่างรู้สึกผิด “อาจจะไม่ นี่คือวังเย็นเลยนะ”ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงอู

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 138 นางดูคล้ายผู้ใดในวัง

    จู่ๆ อินชิงเสวียนก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีและก็เป็นไปตามคาด ไทเฮาหัวเราะกล่าวว่า “เสียนเฟยเป็นคนแรกที่เข้าวัง ตอนนี้นางไร้ทายาท ทำไมไม่ส่งเด็กไปที่วังจิ้งอาน ให้นางรับเลี้ยง ให้ถือว่าเป็นบุตรบุณธรรม เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลหรอกรึ”ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะพูด ก็ได้ยินเย่จิ่งอวี้พูดเสียงเรียบ “ไม่ได้ วันๆ เสียนผินเอาแต่ก่อปัญหา จะสั่งสอนเด็กให้ดีได้อย่างไร ข้าจะหาที่อื่นให้เด็กเอง ไทเฮาไม่ต้องกังวล”ทันใดนั้นสีหน้าของไทเฮาก็ดูบิดเบี้ยว แต่นางก็ยังคงยิ้มออกมา “ไม่ทราบว่าฮ่องเต้ต้องการส่งเขาไปที่ใด”อินชิงเสวียนคุกเข่าลงทันที แล้วพูดด้วยความเคารพนบนอบ “เด็กคนนี้เข้าวังมาก็มีแต่กระหม่อมที่คอยดูแล หวังว่าฝ่าบาทและไทเฮาจะกรุณา มอบเสี่ยวหนานเฟิงให้กระหม่อมดูแล เขาคุ้นเคยกับกระหม่อมดี หากอยู่ๆ ถูกส่งไปอยู่ที่อื่น เด็กจะต้องป่วยไข้อย่างแน่นอน จึงควรอยู่กับกระหม่อมจะดีกว่า”เย่จิ่งอวี้ส่งเสียงอืมเบาๆ และพูดอย่างสงบ “ไว้ค่อยหารือเรื่องนี้ในภายหลัง หากไม่มีสิ่งใดแล้ว เชิญไทเฮาเสด็จกลับเถิด”ไทเฮากำมือแน่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทันใดนั้น ดวงตาก็ฉายแววยินดีในความทุกข์ของผู้อื่นนางก้าวไปข้างหน้าสองก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 139 ว้าวุ่นใจ

    เย่จิ่งอวี้จ้องมองหลี่เต๋อฝูอย่างเย็นชาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะลั่นทันที“ดี ช่างดีจริงๆ!”หลี่เต๋อฝูขนลุกเพราะเสียงหัวเราะนั้น“ฝ่าบาท...”“ออกไป!”“พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เต๋อฝูออกมาจากห้องโถงด้านในด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเย่จิ่งอวี้ยืนอยู่ในห้องโถง นิ้วเรียวของเขากำหมัดแน่นเสียงหักข้อต่อดังกรอบชั่วครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็เป็นเสียงกระแทกโต๊ะอย่างแรงอินชิงเสวียนตัวดี กล้าวางอุบายจักจั่นลอกคราบกับเขาเสียได้เสียแรงที่เขาไว้วางใจนางมาโดยตลอด นางขั้นกล้าล้อเล่นกับเขาถึงเพียงนี้!ยิ่งเย่จิ่งอวี้คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น ฝ่ามือกวาดชุดน้ำชาบนโต๊ะตกพื้นกาน้ำกระเบื้องเคลือบชั้นดีร่วงลงสู่พื้น เศษที่กระเด็นก็เฉือนเข้ามือ เลือดไหลออกมาจากหลังมือ ไหลลงมาและหยดลงบนพื้นหลี่เต๋อฝูได้ยินเสียงดัง จึงรีบเข้าไปทันที และได้บังเอิญเห็นเหตุการณ์นี้จึงหน้าซีดด้วยความตกใจ“ฝ่าบาท กระหม่อมจะไปตามหมอหลวงเดี๋ยวนี้”เย่จิ่งอวี้หันขวับทันที ดวงตาของเขาเย็นชาราวกับคมมีด“ไปซะ!”หลี่เต๋อฝูตกใจมากจนต้องถอยกลับไปแต่ในใจรู้สึกหนักอึ้งราวกับแบกถังน้ำอยู่หลายถังเมื่อฝ่าบา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 140 ให้เจ้ามาแทนนาง

    บัดซบ!ถ้านางกล้าพาลูกชายของเขาออกจากวัง เขาจะไล่ตามนางจนสุดหล้าฟ้าเขียว!และเด็กก็ไม่สามารถอยู่ในวังเย็นได้อีกต่อไปเย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ให้พวกเขาซ่อมแซมตำหนักจินหวู่ ข้าจะให้เสี่ยวหนานเฟิงอาศัยอยู่ที่นี่”เมื่อได้ยินดังนี้ หลี่เต๋อฝูก็รู้สึกยินดี รีบคุกเข่าลงแล้วพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปแจ้งคนงานในวังเดี๋ยวนี้”เย่จิ่งอวี้พูดอีกครั้ง “ให้นางำนัลสองคนจากวังเย็นเข้ามาอยู่ด้วย”“ส่วนเสี่ยวเสวียนจื่อ...”เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงขึ้นจมูก พูดว่า “ข่าวการเสียชีวิตของสนมในวังเย็นได้ถูกประกาศให้รับรู้กันทั่วแผ่นดินแล้ว จะให้ข้าดึงตัวนางออกมาประกาศว่ายังไม่ตายอีกงั้นรึ เจ้าคนบัดซบนี่ เสียแรงที่ข้าเก็บรักษากระดูกเอาไว้ เพื่อไว้ฝังในสุสานหลวง” หลี่เต๋อฝูพูดอย่างกล้าหาญ “เด็กมักต้องการมารดาผู้ให้กำเนิดอยู่เคียงข้าง...”เย่จิ่งอวี้หยิบชาขึ้นมาจิบแล้วพูดช้าๆ “ข้าจะให้เสี่ยวเสวียนจื่อมารับใช้ที่ตำหนักจินหวู่ เช่นนี้แล้วพวกนางสองแม่ลูกจะได้ไม่ต้องแยกจากกัน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ค่อยให้นางเปลี่ยนชื่อแซ่ และกลับเข้ามาในวังอีกครั้ง”หลี่เต๋อฝูหัวเราะแหะๆ แล้วพูดว่า “ฝ

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status