เสียงของเย่จิ่งอวี้เย็นเข้ากระดูก ปลายของดวงตาเลิกขึ้นเล็กน้อย เจตนาฆ่าแฝงอยู่ภายในอย่างแรงกล้าอินชิงเสวียนมองดูด้วยความหวาดกลัว พร้อมคุกเข่าลงกับพื้นและหมอบลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ฝ่าบาท กระหม่อมจำใจต้องพาลูกชายเข้าวังจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาทโปรดเมตตาไว้ชีวิตเด็กด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้หิ้วเด็กมาไว้ตรงหน้าทันใดนั้นไป๋เสวี่ยก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น สุนัขล้อมเจ้าหนูน้อยพร้อมทั้งดมกลิ่นและเลียเดิมทียังมีน้ำตาอยู่บนใบหน้าของเจ้าหนูน้อยยังมีน้ำตา เมื่อถูกขนของไป๋เสวี่ยถู ดวงตาก็โค้งขึ้นทันใดและหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมารอยยิ้มนี้ช่างละม้ายกับบ่าวตัวน้อยเหลือเกิน โดยเฉพาะดวงตาสีดำที่เปล่งประกายราวกับดวงดาวคู่นั้นเย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะยกมือซ้ายขึ้นมา และกอดเจ้าหนูน้อยไว้ในอ้อมอกเจ้าหนูน้อยจ้องมองด้วยดวงตากลมโตคู่หนึ่ง มองเย่จิ่งอวี้ด้วยความแปลกหน้า และส่งเสียงเล็กๆ ออกมาจากปากเย่จิ่งอวี้จับจ้องสายตา มองดูสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่มีกลิ่นน้ำนม ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความใกล้ชิดที่ไม่อาจอธิบายได้ในหัวใจของเขาความจริงที่น่าประหลาดใจก็คือ เจ้าหนูน้อยยกมือเล็กๆ ของเขาที่แดงบวมจากยุงก
“ท่านอาจารย์ เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่?”เสี่ยวอานจื่อสีหน้าเป็นกังวลหลี่เต๋อฝูถอนหายใจดังเฮ้อ “อย่าพูดเลย เสี่ยวเสวียนจื่อช่างบังอาจเสียจริง กล้าพาลูกเข้ามาในวัง...”หลี่เต๋อฝูพูดเพียงครึ่งเดียว จู่ๆ ก็ใจเต้นขึ้นมาวังเย็น ทารก เสี่ยวเสวียนจื่อ พระสนมอิน...หรือว่าเด็กคนนี้คือลูกของฝ่าบาท...ความคิดที่ถาโถมเข้ามากะทันหัน ทำให้หลี่เต๋อฝูตกใจกลัวก่อนหน้านี้เขายังสงสัยว่าเสี่ยวเสวียนจื่อก็คือพระสนมอิน แต่เมื่อเห็นเขาออกอุบายให้ฝ่าบาทอยู่หลายครั้ง ความคิดนี้ก็ถูกเก็บไว้ในใจไม่ว่าเขาเป็นใคร ขอเพียงทำประโยชน์ต่อต้าโจว และทำให้ฝ่าบาทมีความสุข เท่านี้ก็เพียงพอแล้วทว่าวันนี้มีเด็กคนหนึ่งโผล่ออกมา คือว่า... เรื่องนี้ต้องทูลฝ่าบาทหรือไม่?หลี่เต๋อฝูเดินวนไปมาในเรือนอยู่หลายรอบ พลางส่ายหัวไม่ได้ตระกูลอินเป็นคนทรยศ หากเสี่ยวเสวียนจื่อคือพระสนมท่านนั้นจริงๆ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยอีกทั้งพระสนมผู้นี้ได้ตายไปหลายวันก่อนหน้าแล้ว เหตุใดจึงสามารถฟื้นขึ้นมาตายอีกรอบได้หากไม่ปฏิบัติอย่างถูกต้อง เด็กก็จะเป็นอันตรายไปด้วยและสถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ชัดเจนนัก ทุกสิ่งยังเป็
คนคนนั้นสวมชุดสีดำ ศีรษะและใบหน้าถูกคลุมอยู่ใต้ผ้าสีดำ ยืนจ้องวังเย็นอยู่ที่มุมตะวันตกเฉียงเหนืออินชิงเสวียนตกใจในทันที นางไม่คิดว่าจะมีคนจริงๆ!คนผู้นี้จะมาฆ่านาง หรือว่ามาคอยสังเกตนางกันแน่?นางเดินเข้าไปในมิติทันที และหยิบกระบองไฟฟ้าออกมาความจริงด้านในมิติมีอาวุธที่ดียิ่งกว่า อย่างเช่นปืนกลเพียงของสิ่งนั้นแพงจนน่าตกใจ คะแนนหนึ่งหมื่นแลกปืนได้เพียงกระบอกเดียว ตอนนี้นางผ่านช่วงมือใหม่แล้ว วัฏจักรของการปลูกพืชใช้เวลาอย่างน้อยหกหรือเจ็ดวัน แม้ว่าหนึ่งเดือนนางจะได้สี่ร้อยคะแนน แต่ก็ต้องเก็บมากกว่าสองปี และยิ่งต้องใช้คะแนนเพื่อแลกเป็นเงินสด จึงต้องยุติความคิดที่อยากจะได้ของสิ่งนั้นไว้ก่อนระหว่างไตร่ตรองอยู่นั้น คนดังกล่าวก็ได้กระโดดขึ้นบนหลังคาบ้านแล้วอินชิงเสวียนไม่ได้ยินเสียงของกระเบื้องหลังคา อดไม่ได้ที่จะตกใจ นี่คือผู้มีฝีมือขั้นสูงนางรีบออกมาด้านนอกตำหนักในทันที และอุ้มเจ้าหมาน้อยออกมาด้วย“พระสนม…”อินชิงเสวียนจ้องขวับไปหานาง ยายหลี่รีบปิดปากทันที“หลายวันนี้รบกวนยายหลี่มาตลอด ในเมื่อข้าก็ถูกปิดตายอยู่ในวังเย็น ต่อไปข้าเลี้ยงลูกชายของข้าเองก็ได้”อินชิง
สวีจือย่วนเปลี่ยนสีหน้าในทันที นางรีบจัดการหน้าตาให้เรียบร้อย พร้อมเดินนวยนาดมายังประตูทางเข้า“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท!”เย่จิ่งอวี้พูดเสียงอ่อนโยน “ลุกขึ้นเถิด”“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”สวีจือย่วนไปยืนอยู่อีกด้าน และเชิญเย่จิ่งอวี้เข้าด้านในหอสุ่ยอวิ้น“หานปิง ไปเปลี่ยนชาเหยือกใหม่ให้ฝ่าบาท”เย่จิ่งอวี้นั่งลงบนเก้าอี้ยิ้มอ่อนๆ และพูดขึ้น “ไม่ต้องมากพิธีหรอก ข้านั่งครู่เดียวก็จะไปแล้ว”สวีจือย่วนขานตอบ ถามขึ้นอย่างหวาดกลัว “ไม่ทราบว่าอีกสักครู่ฝ่าบาทจะไปที่ใดเพคะ”เย่จิ่งอวี้เวยหน้าขึ้นมอง ดวงตาจ้องมองสวีจือย่วนอย่างลึกซึ้ง“หรือว่าเจ้ามีที่ที่อยากไป”สวีจือย่วนรีบก้มหน้าลง“หม่อมฉันมีที่ที่อยากไป ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตหรือไม่”เย่จิ่งอวี้ถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าอยากไปที่ใด”สวีจือย่วนกัดริมฝีบางพูดว่า “หม่อมฉัน... หม่อมฉันอยากไปหอสวดมนต์เพคะ”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย“หอสวดมนต์เป็นที่สวดมนต์ของราชวงศ์ เจ้าไปที่นั่นทำไมกัน”สวีจือย่วนกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น ปลายจมูกมีเหงื่อผุดขึ้นมา และพูดอย่างหวาดกลัวว่า “หม่อมฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆ นี้เกิดภัยแล้
สวีจือย่วนสะดุ้งตกใจ และทันใดนั้นฝาในมือของนางก็ตกลงไปบนแท่นบูชา ทำให้เกิดเสียงเครื่องลายครามที่ปะทะกันดังก้องเสียงดังกร๊อบแกร๊บอยู่ด้านหลังของนาง ไทเฮาได้พาชุยไห่และยายเฒ่าหลิวเดินเข้ามาแล้วสวีจือย่วนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความลนลาน“หม่อมฉันสวีจือย่วน ถวายบังคมไทเฮา”ไทเฮาเหลือบมองโกศอัฐิ และเหลือบมองสวีจือย่วนความเย็นชาในแววตาหายวับไป นางยิ้มด้วยเมตตาและพูดว่า “ลุกขึ้นเถิด เจ้าคือหญิงงาม นายหญิงคนใหม่สินะ เหตุใดจึงคิดมาที่นี่ได้”สวีจือย่วนพูดอย่างนอบน้อม “หม่อมฉันอยากสวดมนต์ให้ประชาชนเพคะ จึงขอร้องฝ่าบาทให้พาหม่อมฉันมายังหอสวดมนต์ ขอไทเฮาโปรดประทานอภัยด้วย”ไทเฮายื่นมือจับสวีจือย่วนลุกขึ้น ยิ้มและพูดว่า “จิตใจเช่นเจ้าหาได้ยากยิ่ง จะมีโทษได้อย่างไร หากพระสนมในวังหลังล้วนเป็นเช่นเจ้า ไทเฮาคงเบาใจไม่น้อย”สวีจือย่วนพูดขึ้นเสียงเล็กเสียงน้อย “ไทเฮาทรงเยินยอเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่คิดเผื่อราษฎรใต้หล้าเท่านั้น”“การสวดขอพรเป็นเพียงการทำจิตใจให้สงบเท่านั้น หากมีประโยชน์จริง โลกนี้จะไม่มีผู้หิวโหยอีกต่อไป”ไทเฮายิ้มและตบมือของนางเบาๆ เมื่อเปลี่ยนบทสนทนาจึงถามขึ้นอ
“ข้าบอกสัดส่วนในการผสมกับพวกเจ้าแล้วมิใช่หรือ เหตุใดจึงมีปัญหาได้”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าลง สายตาแหลมคมดั่งมีดฉินไฮ่ฉิวก้มศีรษะลง “ทรงทำตามสัดส่วนแล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ แต่มันกลับไม่แข็งแรงเหมือนที่ขันทีน้อยว่าไว้ ตอนนี้มีการขุดแม่น้ำเป็นระยะทางหลายร้อยลี้ ต้องการประตูเพื่อควบคุมการไหลของน้ําอย่างเร่งด่วน จึงจะสามารถแยกคูน้ําออกจากแม่น้ําได้ ถ้าประตูไม่สามารถยืนหยัดในแม่น้ําได้ เมื่อเกิดภัยพิบัติน้ําท่วม เขื่อนจะแตกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขอฝ่าบาทโปรดอนุญาต ให้กระหม่อมได้พูดคุยกับขันทีน้อยสองสามคํา”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วแน่น ริ้วรอยใบหน้าก็ตึงขึ้นเล็กน้อยเขาเพิ่งปิดตายเสี่ยวเสวียนจื่ออยู่ในวังเย็น หากไม่ให้บทเรียนแก่เขา ก็จะเป็นเหมือนกับการเติมพลังความเย่อหยิ่งให้แก่เขาเพียงแค่ขันทีตัวน้อยๆ คิดอยากจะจัดการกับเขาก็ง่ายดายราวกับบี้มดให้ตาย แต่หากผู้ที่มีความสามารถระดับนี้ตายไป จะเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงต่อต้าโจวเมื่อนึกถึงใบหน้าที่เหมือนดั่งหญิงสาว เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะปวดศีรษะปล่อยไม่ได้ ฆ่าก็ไม่ได้!สรุปว่าควรจัดการอย่างไร?ครุ่นคิดอยู่นาน เย่จิ่งอวี้พูดขึ้นอย่างเย็
เย่จิ่งอวี้เดินไปยังพระตำหนักกลางคืนนี้เขาสวมเสื้อคลุมสีม่วงเข้ม มีเข็มขัดสีเดียวกันผูกรอบเอว บนศีรษะ มีหมวกสีม่วงทองรั้งไว้อยู่ มีเชือกสีม่วงสองเส้นห้อยลงมาจากหมวก ทำให้เขาดูหล่อเหลาและสง่างามอินชิงเสวียนสะดุ้งตกใจ รีบยัดมือถือสับปะรดไว้ใต้หมอนเสี่ยวหนานเฟิงกำลังดูเย่จิ่งอวี้ที่อยู่ในจอ รู้สึกว่าน่าสนุกเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนเอามือถือออกไปแล้ว จึงยื่นมือเล็กๆ ออกมาทันที เขาเอาแต่ชี้ไปที่หมอนและเริ่มพูดอื้อๆ อ้าๆ ขึ้นมา“หนานเฟิงเป็นเด็กดีนะ พวกเราไม่ดูแล้ว พ่อจะพาเจ้าออกไปชมพระจันทร์”อินชิงเสวียนจงใจพูดเสียงดัง เมื่อออกจากห้อง ก็มองเห็นเย่จิ่งอวี้ที่กำลังเข้ามาจากด้านนอกทั้งสองเดินมาเจอกันพอดีแสงเทียนอ่อนๆ สะท้อนบนใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ ทำให้ดูสว่างและมืดอย่างประหลาด“ไม่เจอกันสองวัน เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”เสียงทุ้มต่ำพ่นออกมาจากริมฝีปากบาง เมื่อมาพร้อมกับแสงสลัวๆ ก็มีความรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูกอินชิงเสวียนกระชับนิ้วของนาง พร้อมโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”“ลุกขึ้นเถิด”เย่จิ่งอวี้เดินเข้าไปในตำหนัก และนั่งลงบนเก้าอี้ที่ท
เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลง แสงสุกสว่างภายใน ล่องลอยไม่หยุดนิ่งราวกับกำลังคิดว่าจะจัดการกับเสี่ยวหนานเฟิงอย่างไรอินชิงเสวียนก็กลั้นหายใจ และบรรยากาศก็ซบเซาลงในพริบตาในช่วงเวลาที่ตึงเครียดอย่างยิ่งนี้ จู่ๆ เสี่ยวหนานเฟิงก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมาเขาปล่อยผมของเย่จิ่งอวี้ออก และไปลูบหน้าของเขาแทนปากเล็กพูดอื้อๆ อ้าๆ ไม่รู้ว่ากำลังพูดสิ่งใดบรรยากาศตึงเครียดก็มลายหายไปเย่จิ่งอวี้หลบหลีกหลีกมือของเด็กและเดินไปที่หน้าต่างเมื่อมองดูค่ำคืนอันมืดมิดนอกหน้าต่าง เขาพูดขึ้นว่า “หากเขาเป็นลูกของเจ้าจริงๆ ข้าจะขอแสดงน้ำใจและไว้ชีวิตเขา หากเกิดจากนางสนมคนคนในวัง จะเป็นพระคุณอย่างสูงที่เจ้าได้ช่วยเหลือไว้ และข้าจะทำให้ศีรษะของเขาร่วงลงพื้น”อินชิงเสวียนรีบพูดขึ้นว่า “หากฝ่าบาทไม่เชื่อ สามารถตรวจเลือดพิสูจน์ได้พ่ะย่ะค่ะ”แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นเรื่องไร้สาระอย่างแท้จริง เนื่องจากไม่สามารถทดสอบดีเอ็นเอในสมัยโบราณได้ ก็ลองถูๆ ไถๆ ดูเย่จิ่งอวี้ชำเลืองมอง “เจ้าไม่กลัวงั้นหรือ”อินชิงเสวียนพูดอย่างตรงไปตรงมา “ลูกของกระหม่อม เหตุใดกระหม่อมต้องกลัว”เมื่อมองดูดวงตาที่มุ่งมั่นของนาง เย่จิ่งอว
“จิ่งหลาน!”เย่จิ่งอวี้คว้าคอเสื้อของเขารวดเร็ว หลบหลีกการโจมตีได้อย่างหวุดหวิดตูม!อสุนีบาตฟาดเปรี้ยง บนพื้นมีหลุมลึกเกิดขึ้น ทุกคนล้วนหวาดกลัวกับฟ้าที่ผ่าลงมา ต่างใช้วิชาตัวเบาหนีไปทุกทิศทางอินชิงเสวียนถามด้วยความตกใจ “นักพรตเทียนชิง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”นักพรตเทียนชิงขมวดคิ้วกล่าวว่า “ชิงฮุยมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ เย่จิ่งหลานฆ่าเขา ศิลาตอบสวรรค์อาจมองว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายมาก และออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง”เมื่อเห็นว่ายังมีฟ้าผ่าลงมา อินชิงเสวียนพูดอย่างกังวล “ศิลาตอบสวรรค์ไม่แยกแยะผิดถูกเช่นนี้ได้อย่างไร คนที่เย่จิ่งหลานฆ่านั้นคือคนชั่วร้ายจริงๆ ท่านนักพรตสามารถสื่อสารกับศิลาตอบสวรรค์ได้หรือไม่”นักพรตเทียนชิงส่ายศีรษะ“ไม่ได้ ศิลาตอบสวรรค์มีวิธีการตัดสินใจของตัวเอง”“แล้วต้องทำอย่างไรดี”อินชิงเสวียนเป็นกังวล และทันใดนั้นดวงตาก็พลันสว่างขึ้น“เย่จิ่งหลาน เจ้ารีบหลบเข้าไปในมิติเร็ว”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างวิตกกังวล “เสวียนเอ๋อร์พูดถูก จิ่งหลาน เจ้าเข้าไปหลบในมิติก่อน”เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองว่ามีฟ้าแลบฟ้าผ่าเปล่งแสงแปลบปลาบ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกชาดิกไปทั้งหนังศีรษะ หากถูกโ
นอกห้วงทะเลแห่งจิต อินชิงเสวียนมองไปยังลิ่นเซียวที่ประทับฝ่ามืออยู่บนหลังของเย่จิ่งหลานอย่างประหม่า“อาจารย์ ท่านสัมผัสถึงแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานได้แล้วหรือยัง ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง”“คงจะสำเร็จแล้ว”ลิ่นเซียวถอนมือออก และแน่นอนว่าเพียงครู่หนึ่ง เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ก็รู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกัน“ชิงเสวียน ผู้อาวุโสลิ่น นี่คือ...”“ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่”เฮ่ออวิ๋นทงก็ดูประหลาดใจเช่นกัน“ทำไมพวกเจ้าถึงมาที่นี่กันหมดล่ะ เกิดอะไรขึ้น”ทุกคนสูญเสียความทรงจำในช่วงเวลานั้นไป ต่างเพ่งมองไปยังอินชิงเสวียน“ผู้อาวุโสทุกท่านตกอยู่ภายใต้อาคมของชิงฮุย...”อินชิงเสวียนเล่าสั้นๆ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทุกคนตกใจเมื่อรู้ว่าชิงฮุยได้ช่วงงชิงร่างของลั่วสุ่ยชิงไปเมื่อได้ยินว่าเย่จิ่งหลานกลับมาที่เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงแล้ว และแก่นวิญญาณก็อยู่ในห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิง ทุกคนก็เป็นกังวลอีกครั้งทุกคนเบิกตากว้าง มองไปยังเย่จิ่งหลานและลั่วสุ่ยชิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดลั่วสุ่ยชิงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาหรี่ลง
เย่จิ่งหลานขบกรามแน่น“ข้าสามารถให้ร่างกายแก่เจ้าได้ แต่เจ้าต้องสาบานอย่างจริงจัง ว่าจะไม่ทำร้ายต้าโจว หากผิดคำสาบาน ลูกหลานชาวเฟยเหยาทั้งหมดรวมทั้งตัวเจ้าเอง จะถูกสวรรค์ลงโทษ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย!”ในชีวิตนี้ของเขา เขาได้เป็นหมอที่ตัวเองชอบ ได้ข้ามภพ แถมยังได้ข้ามภพมาเป็นท่านอ๋องที่มีสถานะสูง ได้เดินทางจากการต่อสู้แย่งชิงในวังสู่ยุทธภพ และจากการไร้ชื่อเสียงเรียงนาม มาเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งในยุทธจักร ยังได้สัมผัสประสบการณ์การปล่อยให้ความคิดไหลไปในทางที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอีกครั้งหนึ่ง พอใคร่ครวญดูแล้ว มันก็คุ้มค่าจริงๆหากเขาสามารถยุติสงครามนี้ด้วยชีวิตของตัวเองได้ เย่จิ่งหลานก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่รักตัวกลัวตาย แต่เมื่อเผชิญกับความชอบธรรม เขาก็มีความตระหนักรู้ ในฐานะคนสมัยใหม่ เขาจะต้องไม่แย่กว่าอินชิงเสวียนอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชาดแห่งบาปในร่างกายของเขาที่ยังไม่ถูกกำจัด หากชิงฮุยกล้าใช้ร่างกายของเขาเพื่อฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ มันจะดึงดูดฟ้าผ่า ผ่าเขาให้เป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอนหลังจากฟังคำพูดของเย่จิ่งหลานแล้ว ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสี
“ไม่นะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงเหยียดแขนทั้งสองข้างออก และมาขวางอยู่เบื้องหน้าของเย่จิ่งหลานอีกครั้งเสียงดังปัง ลั่วสุ่ยชิงถูกกระแทกห่างออกไปหลายจั้ง และในไม่ช้าก็จมลงไปในหมอกสีดำหนาทึบ“ลั่วสุ่ยชิง ลั่วสุ่ยชิง!”เย่จิ่งหลานเหาะเข้าไปในหมอกสีดำอย่างกระวนกระวายใจ คลำหาลั่วสุ่ยชิง และช่วยพยุงนางลุกขึ้นชิงฮุยเคลื่อนฝีเท้า และมาปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองอีกครั้ง“ลั่วสุ่ยชิง นังสารเลว วันนี้ข้าขอถามเจ้า ต้องการพ่อ หรือผู้ชายคนนี้?”แก่นวิญญาณของลั่วสุ่ยชิงก็ยังสั่นเทา นางกำเสื้อคลุมไว้แน่น มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หลังมือนี่เป็นสิ่งที่เลือกยากมากจริงๆไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางตกหลุมรักเย่จิ่งหลานจริงๆไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน แต่มันค่อยๆ ฝังแน่นอยู่ในใจแล้วอาจเป็นเพราะการเข้าฝัน อาจเป็นเพราะตัวเองเคยเดินทางไปกับเขา หรืออาจเป็นเพราะความใกล้ชิดของแก่นวิญญาณของเขา ลั่วสุ่ยชิงไม่สามารถค้นหาติดตามได้อีกแล้วแม้ว่านางจะเป็นสตรีงดงามแห่งสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครที่เข้าตาของนาง แต่ดันเป็นเย่จิ่งหลานผู้ที่พูดเรื่องไร้สาระทั้งวัน ผู้ที่ไม่มีท่าทีจริงจัง กลับกลายเป็นคนที่อยู่ในใจนาง
ชิงฮุยได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีลั่วสุ่ยชิงที่กำลังต่อสู้กับแก่นวิญญาณของเขา จึงเคลื่อนไหวช้าลิ่นเซียวแทงกระบี่สวน โจมตีจุดถันจงที่อยู่กลางอกของนาง พลังของลั่วสุ่ยชิงถูกยับยั้ง ก้าวหยุดนิ่ง ในเวลาเดียวกัน แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานก็เข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิงในหมอกสีดำ ชายและหญิงกำลังต่อสู้กัน เย่จิ่งหลานหลบเข้าไปในวงการต่อสู้ และช่วยลั่วสุ่ยชิงต่อสู้กับชิงฮุย ชิงฮุยตกตะลึง“เป็นเจ้า!”“ใช่ ข้าเอง!”ขณะที่พูด เย่จิ่งหลานได้ซัดฝ่ามือใส่เขาหลายครั้งแล้วการเข้าร่วมวงการต่อสู้ของเขาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธตะโกนด้วยความเดือดดาล “ลั่วสุ่ยชิง เจ้าคิดจะช่วยคนนอกจัดการกับข้าจริงๆ อกตัญญู!”ลั่วสุ่ยชิงตกใจเล็กน้อย วิชาฝ่ามือช้าลงครู่หนึ่ง“เจ้าเป็นใครกันแน่”ชิงฮุยคำรามด้วยความโกรธ“เจ้ารู้คำตอบแล้ว ยังต้องการจะถามอีกรึ”ลั่วสุ่ยชิงตัวสั่นเล็กน้อย“จริงหรือ...เป็นท่าน?”เย่จิ่งหลานไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังเล่นปริศนาทายคำอะไรอยู่ แค่อยากจะจัดการกับปีศาจชั่วร้ายนี้โดยเร็ว เขาลงมือรวดเร็ว ล้วนหมายไปยังจุดตายของชิงฮุยชิงฮุยบังคับเย่จิ่งหลานใ
ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะลงมือ ดวงตาของลั่วสุ่ยชิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง“เขากำลังกลืนกินแก่นวิญญาณของข้า ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ข้าก็คงไม่รอดเช่นกัน อินชิงเสวียน เจ้าไม่อยากช่วยสามีและพ่อแม่ของเจ้าหรือ”เมื่อเห็นท่าทางอันเจ็บปวดของลั่วสุ่ยชิง อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ครู่หนึ่งลั่วสุ่ยชิงสามารถทำเพื่อราษฎร ละทิ้งความคิดที่นางยืนหยัดมานับพันปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางควรค่าแก่การเคารพเพียงใด แต่ถ้านางไม่ตาย จะไม่มีใครรอดชีวิตได้เมื่อกวาดสายตามองไปยังร่างของทุกคนที่เหมือนถูกจี้สกัดจุด อินชิงเสวียนก็กัดฟันกรอด และพิณการเวกก็อยู่ในมือของนางแล้ว“ลั่วสุ่ยชิง ข้าขอสาบานในนามของฮองเฮาต้าโจวว่า หลังจากที่เจ้าเสียชีวิต จะจัดพิธีศพให้เจ้าอย่างสมเกียรติระดับแคว้น”ร่างของเย่จิ่งหลานหายวับ และยืนขวางอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียน“ยัยบ้า ข้าไม่เคยขอร้องอะไรเจ้าเลย คราวนี้ข้าขอร้องล่ะ ช่วยไว้ชีวิตลั่วสุ่ยชิงด้วย!”“เย่จิ่งหลาน เจ้า...”อินชิงเสวียนใช้นิ้วกดสายพิณ แต่ในใจกลับไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ๆ เย่จิ่งหลานถึงมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อลั่วสุ่ยชิงขนาดนี้เสื้อยืดสีขาวของเย่จิ่งหลานเปื้อนเลือดแดงฉาน ดวง
“โอ๊ย พ่องเอ๊ย ตกลงมาเกือบตาย”ชายคนหนึ่งสวมกางเกงยีน เสื้อยืดสีขาว กำลังนวดหลังตัวเองอยู่ จากนั้นก็คลานลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด“เย่จิ่งหลาน...เจ้าจะกลับไปจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานปีนขึ้นมาจากหลุม ตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “อย่าเพิ่งฆ่าคน นางคือลั่วสุ่ยชิงจริงๆ”อินชิงเสวียนหยุดทันที นางไม่ไว้ใจคนอื่น แต่กลับไม่สงสัยในตัวเย่จิ่งหลานแม้แต่น้อย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”เย่จิ่งหลานก็เดินตามหลังลั่วสุ่ยชิง ช่วยนางรักษาอาการบาดเจ็บของนาง“เรื่องมันยาวนะ ยัยบ้า เจ้ายังมีน้ำอีกไหม รีบเอาน้ำมาให้จอมยุทธ์หญิงลั่วดื่มเร็ว”“อ้อ”อินชิงเสวียนหยิบขวดพุวิญญาณออกมาหนึ่งขวด เย่จิ่งหลานก็เอื้อมมือไปหยิบมัน และส่งให้ลั่วสุ่ยชิงดื่มลั่วสุ่ยชิงนั่งขัดสมาธิทันที ปรับลมปราณ หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของนางก็ดีขึ้นลิ่นเซียวกางนิ้ว กิ่งไม้ก็กลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง“แม่หนูน้อย ข้าให้เวลาเจ้าพักแล้ว มาสู้กันใหม่!”เมื่อเห็นกิ่งไม้หลอมรวมเป็นปราณกระบี่ในมือของเขา อินชิงเสวียนก็รีบคว้าเขาไว้“อาจารย์ นี่คือมิตร”ลิ่นเซียวส่ายผมสีขาว แล้วมองดูนาง “มิตร?”อินชิงเสวียนดึงเขาออกไป“ก็คือพวกเราเอง
ในช่วงที่เกิดวิกฤติในต้าโจว ฝ่ายของเย่จิ่งหลานก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกันหลังอาหารเย็น เขาได้พูดคุยกับชิงผิงชิงอาน แต่กลับไม่สามารถหาสาเหตุได้ จึงเข้าสู่สมาธิอีกครั้งเข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิต แต่ก็ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทั่วทั้งห้วงทะเลแห่งจิตเต็มไปด้วยหมอกสีดำ ลั่วสุ่ยชิงร่างเปลือยเปล่า นั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกล ขยับมืออยู่ตลอดเวลา ลมปราณแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าในทันที!“แม่นาง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”เย่จิ่งหลานถามอย่างครอบงำมากลั่วสุ่ยชิงยังคงหลับตาแน่น มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก“นี่ ลั่วสุ่ยชิง เจ้าไม่เป็นไรนะ?”เมื่อเห็นนางมีท่าทางแบบนี้ เย่จิ่งหลานก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยในเวลานี้ เสียงสะท้อนที่ชัดเจนฟังดูเหมือนน้ำใสในห้วงทะเลแห่งจิตก็ตอบกลับมา“เย่จิ่งหลาน มาช่วยข้าที ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในต้าโจว แต่รู้สึกได้ว่าร่างกายของชิงฮุยอ่อนแอ แก่นวิญญาณของข้าได้กลับมาควบคุมร่างกายบางส่วนแล้ว เสี้ยววิญญาณนี้คือกุญแจสำคัญ ว่าเจ้าและข้าจะสามารถกลับไปได้หรือไม่”เย่จิ่งหลานได้ยินเสียงของลั่วสุ่ยชิงเป็นครั้งแรก จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น“เจ้าพูดได้แล้ว?”ลั่
ลิ่นเซียวตะโกนเสียงดัง ปราณกระบี่บนท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ปราณกระบี่นับพันรวมตัวกันในที่จุดเดียวอีก และปราณกระบี่สีทองก็เปล่งประกายด้วยแสงสีทองพร่างพราว เทียบเคียงกับความรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปราณกระบี่อันทรงพลังสามารถสะเทือนขุนเขา สะท้านสวรรค์!ช่างเป็นกระบี่ที่น่าตกใจจริงๆ!ใบหน้าของชิงฮุยแสดงสีหน้าเคร่งขรึมเป็นครั้งแรกคนผู้นี้สมแล้วที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา!ปราณโคจรไปทั่วร่าง มีหมอกสีดำลอยขึ้นมาทั่วตัว ร่างนั้นปรากฏขึ้นในหมอกรางๆ ดวงตาทั้งคู่เกือบจะเสียตาขาวไปทั้งหมด ทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยชั้นสีดำ ซึ่งทั้งแปลกและน่าสะพรึงกลัว!เพียงชั่วพริบตา กระบี่ก็ร่วงหล่นและหมอกก็หายไปอากาศเงียบสงบอย่างน่าขนลุก ไม่มีเสียงใดๆ แม้แต่เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ที่โจมตีอินชิงเสวียนก็ยืนนิ่งในเหตุการณ์ ชิงฮุยค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากลิ่นเซียววางมือข้างหนึ่งไพล่หลัง ยืนตระหง่านต้านสายลมอินชิงเสวียนดีใจ สำเร็จแล้ว!นางรีบวิ่งไปหาลิ่นเซียว“อา...”“อาจารย์!”วินาทีต่อมา ความประหลาดใจของอินชิงเสวียนกลายเป็นความตกใจหน้าอกของลิ่นเซียวกลายเป็นสีแดงเลือด มีเล