หน้าหลัก / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 905 สงครามครั้งนี้ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่

แชร์

บทที่ 905 สงครามครั้งนี้ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อินชิงเสวียนรีบน้อมตัว

“คารวะท่านตา คารวะผู้อาวุโสสวี ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองต้องเป็นกังวลแล้ว”

เมื่อเห็นสาวน้อยมีชีวิตชีวาและมีพละกำลัง คิ้วที่ขมวดแน่นของเจ้าสำนักเซี่ยวของคลายออกในชั่วพริบตา

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นผลลัพธ์ของน้ำพุวิญญาณ เด็กสาวคนนี้มีคุณสมบัติล้ำค่า เกรงว่ายมบาลก็ไม่กล้านำตัวไป

ผู้อาวุโสสวีลูบเครา หัวเราะเหอะๆ แล้วพูดว่า “เจ้าเป็นถึงกำลังหลักในสงครามครั้งนี้ หากไร้ซึ่งการเข้าสกัดของพิณการเวก พวกเราคงไม่สามารถกวาดล้างชาวตงหลิวทั้งหมดเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ สงครามครั้งนี้ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ นับจากนี้ไปอีกหลายสิบปี คงไม่ต้องเป็นกังวลว่าพวกเขาจะมาก่อความวุ่นวายที่เป่ยไห่อีกแล้วล่ะ”

“ผู้อาวุโสสวีชมข้าเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก และยังบุกเข้าไปในค่ายกลโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง”

อินชิงเสวียนพูดจบก็ถามอีกว่า “ชาวตงหลิวเหล่านั้นตายหมดแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ?”

เจ้าสำนักเซี่ยวพูดด้วยจิตใจที่อิ่มเอิบว่า “ตอนนี้ไม่เหลือผู้รอดชีวิตเลย เพียงแค่ศพก็กองรวมกันเป็นภูเขาลูกเล็กแล้ว ครั้งนี้พวกเขาคงไม่มีเรี่ยวแรงจะโจมตีกลับแล้วล่ะ”

เย่จิ่งหล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 906 ความกังวลใจ

    ทุกคนต่างพากันออกจากห้อง เหลือเพียงเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนเมื่อมองลำคอของเขาที่ยังห้อยหยกเย็นพันปีชิ้นนั้นอยู่ อินชิงเสวียนก็รู้สึกพึงพอใจมาก“อาอวี้ก็ไม่เป็นอะไร ช่างดีจริงๆ เลยนะ”เย่จิ่งอวี้โอบกอดอินชิงเสวียนไว้ และซุกหน้าลงบนผมของนางที่ตกอยู่บนไหล่“เสวียนเอ๋อร์ก็เช่นกัน หากเจ้าเป็นอะไรไป ข้าไม่รู้จะอยู่ไปอย่างไรจริงๆ”อินชิงเสวียนหันหน้ามาพูดว่า “ชีวิตมนุษย์ทุกคนมีค่าและมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น อาอวี้พูดจาไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้ได้อย่างไร แม้ว่ามีวันหนึ่งที่ข้าไม่อยู่แล้วจริงๆ ข้าก็หวังให้อาอวี้สามารถที่จะ...”ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากที่เย็นเล็กน้อยสักพักหนึ่ง ริมฝีปากก็แยกออกจากกันเย่จิ่งอวี้เสยปอยผมที่อยู่ข้างแก้มของอินชิงเสวียน และพูดเสียงเบาว่า “อย่าพูดไร้สาระ ในเมื่อเจ้ามายังโลกใบนี้ เป็นภรรยาของข้า ดังนั้นไม่ควรไปจากข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต”เมื่อมองดวงตาคู่นั้นที่ลึกราวกับทะเล จู่ๆ ในใจของอินชิงเสวียนก็เต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้กลับจงใจพูดว่า “มนุษย์ย่อมมีการเกิดแก่เจ็บตาย หากข้ามีชีวิตอยู่ถึงพันหรือหมื่นปี ข้าคงเป็นปีศาจเฒ่าแล้วล่ะ?”

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 907 ละอายต่อเสด็จอา

    “คิดอะไรอยู่งั้นหรือ?” เมื่อเห็นอินชิงเสวียนขมวดคิ้ว เย่จิ่งอวี้ก็เลิกคิ้วถาม“เด็กคนนั้นผิดธรรมชาติอย่างมาก อีกครู่ข้าจะไปถามท่านตาว่าเห็นร่างของเขาหรือไม่ หากเขายังมีชีวิตอยู่ จะต้องเป็นหายนะที่ยิ่งใหญ่แน่นอน”อินชิงเสวียนชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดอีกว่า “อีกเรื่องหนึ่งก็คือท่านอาของข้าที่ยังสืบหาข่าวไม่ได้เลย ข้าไม่รู้ว่าควรตอบเสด็จอาอย่างไรดี”เย่จิ่งอวี้จับมือเล็กที่อ่อนนุ่มของนาง พูดปลอบด้วยความอ่อนโยนว่า “เสด็จอาตามหาหลายปียังไม่ได้ข่าว จะโทษเจ้าได้อย่างไร หากท่านอาของเจ้าไม่ได้ซ่อนอยู่ในที่ลับ ก็อาจจะประสบพบเจอเรื่องร้าย”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างคลุมเครือ อินชิงเสวียนเข้าใจความหมายของเขาดี ในทุกปีของยุคปัจจุบันมีคนสูญหายจำนวนไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ไม่มีวิชาการต่อสู้อย่างอินหลี อาจเป็นไปได้ว่าการหายตัวไปของนางไม่เกี่ยวข้องกับพิณการเวก เป็นเพียงการพบเจอเรื่องเลวร้ายทั่วไปเท่านั้นสำหรับเครือญาติที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน อินชิงเสวียนรู้สึกเสียใจมาก แต่กลับไร้ซึ่งหนทางแล้วจริงๆ สำนักต่างๆ ที่สนิทสนมกับหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ นางก็รบกวนให้เจ้าสำนักเซี่ยวไปไถ่ถามทั้งหมดแล้ว แต

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 908 ช่างเป็นโชคดีของท่านเสียจริง

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็ผ่านไปสองวันแล้วมีน้ำพุวิญญาณช่วยรักษา อินชิงเสวียนไม่ได้ต่างจากคนทั่วไปเลยเมื่อรู้ว่าร่างของชาวตงหลิวทั้งหมดกองถมกันอยู่ริมทะเล เตรียมทำการเผาในเวลาพระอาทิตย์ตก อินชิงเสวียนจึงอยากไปดูด้วยทุกคนมายังริมทะเล ปรากฏว่าเห็นกองศพสูงตระหง่านอยู่ไกลๆ โดยมีมากถึงพันกว่าคนแต่น่าเสียดายมากที่ท่ามกลางศพเหล่านี้ ไม่มีร่างของโมริตะคาวาสึบาเมะเมื่อนึกถึงดวงตาคู่นั้นที่สามารถทำให้คนเห็นภาพหลอนได้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกขนลุกอย่างอดไม่ได้ และยังมีค่ายกลที่เขาพูดถึงเป็นสิ่งสุดท้าย คล้ายว่าจะมีอำนาจอย่างมาก โชคดีที่ตัวเองหลบมาได้เพียงแต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นตัวเองหมดสติไป จึงจำชื่อได้ไม่ชัดเจนมากแล้วอินชิงเสวียนกลัวว่าไอ้เด็กเปรตคนนี้จะเหมือนกับอาซือหลาน ซ่อนตัวอยู่ในมุมของเงามืด และเตรียมหาโอกาสแก้แค้นเย่จิ่งอวี้เข้าใจความคิดของเด็กสาว จึงพูดปลอบใจอยู่ข้างๆ ว่า “อีกไม่นานพวกเราก็กลับเมืองหลวงแล้ว เรื่องในยุทธภพย่อมมีผู้คนยุทธภพมาจัดการด้วยตนเอง เสวียนเอ๋อร์อย่าได้คิดฟุ้งซ่านเลยนะ”อินชิงเสวียนคิดดูแล้วก็เห็นด้วย นางและเย่จิ่งอวี้มายังเป่ยไห่ เป็

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 909 วิสัยทัศน์ของเจ้าแคบเกินไปมาก

    เก่อหงยวนพูดอย่างไม่แยแสว่า “เพียงแค่กลิ่นขนหมูไหม้เท่านั้น ไม่มีอะไรสักหน่อย”ผู้อาวุโสสวีส่ายหน้าด้วยความจนใจ“เด็กน้อยอย่างเจ้านี่นะ มีเรื่องอะไรก็คิดจะมาป่วนอยู่เรื่อยเลย”ระหว่างที่พูด ได้มีลูกศิษย์สาดน้ำมันไปยังซากศพและโยนคบเพลิงเข้าไป ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังกระหึ่มทันทีกลิ่นฉุนพวยพุ่งออกมาจากกองศพ ตามมาด้วยควันดำหนา ซึ่งทำให้คนสำลักกันอย่างรุนแรงอินชิงเสวียนอุดจมูกและไอออกมาสองครั้งคิ้วของเย่จิ่งอวี้ขมวดขึ้นเล็กน้อย“ที่นี่ไม่มีอะไรน่าดูหรอก เสวียนเอ๋อร์ พวกเรากลับกันเถอะนะ!”อินชิงเสวียนพยักหน้าแต่โดยดีเวลากินเนื้อย่างตามปกติก็จะมีกลิ่นควันติดตัวมากมาย ไม่ต้องพูดถึงการเผาคนจำนวนมากขนาดนี้เลย“น้องหงยวน พวกเรากลับก่อนนะ”เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนทนกับกลิ่นไม่ได้ สายตาของเก่อหงยวนมีความภูมิใจมากยิ่งขึ้น ย่อมมีสักเรื่องที่อินชิงเสวียนเทียบนางไม่ได้จึงโบกมือด้วยรอยยิ้มในทันที“ได้สิ พรุ่งนี้ข้าจะไปเล่นกับท่านใหม่นะ”“ได้เลย”อินชิงเสวียนไม่อยากอยู่ต่อจริงๆ จึงหันหน้าเดินจากไปหลังจากเดินไปประมาณร้อยเมตร ก็เห็นนายบ่าวคู่หนึ่งเดินเข้ามา เมื่อเห็นพ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 910 การเป็นคนต้องถ่อมตน

    หยวนเป่าหดลำคอถามอีกว่า “คุณชาย พวกเราไม่ต้องตามหาเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วหรือขอรับ?” เฮ่อฉางเฟิงทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วพูดว่า “หากข้าคาดเดาไม่ผิด เขาคงถูกฮั่วเทียนเฉิงนำตัวกลับไปที่ตำหนักเทพหอทองคำแล้ว นี่ก็คือเหตุผลที่ข้าต้องรีบกลับไป เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ข้าเป็นผู้ตัดสินใจแล้วล่ะ”เสี่ยวหยวนเป่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย“คำพูดของคุณชายมีเหตุผลมากทีเดียว”จากนั้นก็ถามด้วยความสงสัยว่า “สองวันนี้ทุกคนต่างกำลังตามหาชายชุดดำผู้นั้นที่ช่วยทำลายค่ายกล คุณชายจะเป็นวีรบุรุษไร้นามจริงหรือขอรับ?” “การปิดทองหลังพระไม่ดีตรงไหนกัน การเป็นคนต้องถ่อมตน”เฮ่อฉางเฟิงหัวเราะร่า พร้อมเดินไปที่ริมทะเลด้วยความสบายใจจากนั้นครู่หนึ่งก็สำลักจนน้ำตาไหล จึงใช้แขนเสื้อเช็ดจมูกทันที และพาเสี่ยวหยวนเป่าวิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลยไม่เพียงแค่เฮ่อฉางเฟิงเท่านั้น คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้เลย การเผาร่างของชาวตงหลิว นับว่าเป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ซึ่งผู้คนเห็นด้วยในยุทธภพ หลังเสร็จสิ้นสงครามทุกครั้ง จะนำร่างของชาวตงหลิวเผาเป็นเถ้าถ่านการเผาร่างคนในต้าโจวเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง นี่นับว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 911 เลี้ยงส่ง

    เย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ “ยังไม่สาย พวกเราก็เพิ่งมาถึง”เฮ่อฉางเฟิงยกเสื้อคลุมแล้วนั่งลงตรงข้ามกับทั้งสองคน พูดด้วยสีหน้าละอายใจ “เด็กรับใช้ยืนกรานจะนำไข่มุกจากเป่ยไห่กลับไป จึงต้องตามเขาไปเดินตลาด ทำให้พลาดเวลาโดยไม่ได้ตั้งใจ อาหารมื้อนี้ข้าน้อยจะเลี้ยงเอง เพื่อเป็นการไถ่โทษ”“คุณชายเฮ่อเกรงใจเกินไปแล้ว วันนี้เป็นเราสองสามีภรรยาที่ต้องเลี้ยงอำลาคุณชายต่างหาก คุณชายอย่าได้แย้งเลย”อินชิงเสวียนยืนขึ้น ส่งน้ำชาให้กับเฮ่อฉางเฟิงด้วยตัวเอง“ขอบคุณแม่นางอิน”เฮ่อฉางเฟิงรับถ้วยด้วยมือทั้งสองข้าง กิริยามารยาทไม่ขาดตกบกพร่องทั้งหมดคุยกันสักพัก จากนั้นอาหารและเครื่องดื่มก็ถูกยกออกมาจนครบกลิ่นไหม้ข้างนอกทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกคลื่นไส้ นางกินไม่กี่คำแค่พอเป็นพิธี ซึ่งเย่จิ่งอวี้และเฮ่อฉางเฟิงก็เช่นเดียวกัน“ไม่ทราบว่าบ้านของพี่เฮ่ออยู่ที่ไหน มีหลักประกันความปลอดภัยการเดินทางหรือไม่ หากต้องการ ข้าสามารถขอยืมศิษย์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จากเจ้าสำนัก เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของพี่เฮ่อได้”เย่จิ่งอวี้นิยมชมชอบผู้มีความรู้ความสามารถมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่มีทางอดทนกับเสี่ยวเสวียนจื่อผู

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 912 ที่นั่นไม่ใช่ที่ของแม่

    ทั้งสองผลัดถ้วยแลกจอกร่ำสุรากัน จากนั้นไม่นาน สุราไหนั้นก็หมดถึงก้นไหแม้ว่าสุราในสมัยโบราณจะมีดีกรีไม่สูงมาก แต่ทุกคนต่างยังเมามายอยู่บ้างหยวนเป่าอดไม่ได้ที่จะเตือนด้วยเสียงแผ่วต่ำ “คุณชาย ท่านดื่มน้อยๆ เถอะขอรับ!”ดวงตาของเฮ่อฉางเฟิงหรี่ลง“ยุ่งน่า”แววตาในตอนนี้ ทำให้อินชิงเสวียนอึ้งไปเล็กน้อยพลังอันเฉียบคมนิ่งขึงขนาดนี้ ไม่เหมือนแววตาที่คนเรียนหนังสือพึงมีหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฮ่อฉางเฟิงก็กลับมามีใบหน้ายิ้มแย้มอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแก้มของเขาเริ่มแดงแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้ากับข้าก็ดื่มกันไปไม่น้อยแล้ว วันนี้พอเท่านี้เถอะ ใต้หล้าไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ถ้ามีชะตาต้องกัน สักวันคงได้พบกันอย่างแน่นอน”เฮ่อฉางเฟิงยังอารมณ์ค้างอยู่ แต่ก็ยังพยักหน้า“เอาเถิด ถึงเราจะนั่งดื่มที่นี่ทั้งคืน อย่างไรก็ต้องแยกจากกันอยู่วันยังค่ำ มิสู้ทิ้งไว้ให้หลงเหลือความคิดถึง เฝ้ารอวันที่จะได้พบกันใหม่”ทันใดนั้นความโศกเศร้าพลันท่วมท้นหัวใจการกลับเพียวเมี่ยวอิ๋นเฉิง ก็เหมือนกับการเข้าคุก เขากับพวกเขา...เกรงว่าจะไม่มีวันได้พบกันอีก...พวกเขาทั้งสามแยกกันที่หน้าประตูเหลาสุรา เมื่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 913 เจ้าจะคิดถึงข้าหรือไม่

    เมื่อเห็นทั้งสองไม่อาจพรากจากกันได้ อินชิงเสวียนก็ค่อนข้างรู้สึกเสียใจเย่จิ่งอวี้เล่าเรื่องในเด็กของเขาให้นางฟังน้อยมาก แต่อินชิงเสวียนยังพอสืบความได้อยู่บ้างแต่ไหนแต่ไรมาองค์ชายในวังมักจะได้ดีเพราะมารดา หากตระกูลมารดามีความสามารถน้อย องค์ชายก็จะเป็นที่โปรดปรานได้ยากแม้ว่าหวนไท่เฟยจะเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธภพ แต่ไม่มีรากเหง้าในวัง ต่อมาก็แกล้งตายจากไป ทิ้งเย่จิ่งอวี้ไว้เพียงลำพัง ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าชีวิตนั้นคงยากลำบากอย่างไรอินชิงเสวียนถึงขั้นสามารถจินตนาการว่าเขาถูกองค์ชายคนอื่นเยาะเย้ยอย่างไร ไม่ได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ผู้ล่วงลับไปแล้วอย่างไรในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่าโชคดีมาก ที่เย่จิ่งอวี้ไม่ยอมแพ้ต่อตัวเอง หากแต่พึ่งพาความสามารถของเขาเองในการครองบัลลังก์ไม่ว่าจะก่อกบฏก็ดี หรือวางแผนแย่งชิงบัลลังก์ก็ช่าง อินชิงเสวียนไม่คิดว่ามีเย่จิ่งอวี้จะผิดอะไร ยิ่งไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์เขาด้วยมุมมองของเทพสตรีถ้าตัวเองเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น คงจะใช้ทุกวิถีทางที่จำเป็นเพื่อเหยียบย่ำคนที่รังแกนางและทำให้นางอับอายแน่นอนยิ่งไม่ต้องพูดถึง เย่จิ่งอวี้ที่มีความคิดก

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status