Home / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 909 วิสัยทัศน์ของเจ้าแคบเกินไปมาก

Share

บทที่ 909 วิสัยทัศน์ของเจ้าแคบเกินไปมาก

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
เก่อหงยวนพูดอย่างไม่แยแสว่า “เพียงแค่กลิ่นขนหมูไหม้เท่านั้น ไม่มีอะไรสักหน่อย”

ผู้อาวุโสสวีส่ายหน้าด้วยความจนใจ

“เด็กน้อยอย่างเจ้านี่นะ มีเรื่องอะไรก็คิดจะมาป่วนอยู่เรื่อยเลย”

ระหว่างที่พูด ได้มีลูกศิษย์สาดน้ำมันไปยังซากศพและโยนคบเพลิงเข้าไป ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังกระหึ่มทันที

กลิ่นฉุนพวยพุ่งออกมาจากกองศพ ตามมาด้วยควันดำหนา ซึ่งทำให้คนสำลักกันอย่างรุนแรง

อินชิงเสวียนอุดจมูกและไอออกมาสองครั้ง

คิ้วของเย่จิ่งอวี้ขมวดขึ้นเล็กน้อย

“ที่นี่ไม่มีอะไรน่าดูหรอก เสวียนเอ๋อร์ พวกเรากลับกันเถอะนะ!”

อินชิงเสวียนพยักหน้าแต่โดยดี

เวลากินเนื้อย่างตามปกติก็จะมีกลิ่นควันติดตัวมากมาย ไม่ต้องพูดถึงการเผาคนจำนวนมากขนาดนี้เลย

“น้องหงยวน พวกเรากลับก่อนนะ”

เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนทนกับกลิ่นไม่ได้ สายตาของเก่อหงยวนมีความภูมิใจมากยิ่งขึ้น ย่อมมีสักเรื่องที่อินชิงเสวียนเทียบนางไม่ได้

จึงโบกมือด้วยรอยยิ้มในทันที

“ได้สิ พรุ่งนี้ข้าจะไปเล่นกับท่านใหม่นะ”

“ได้เลย”

อินชิงเสวียนไม่อยากอยู่ต่อจริงๆ จึงหันหน้าเดินจากไป

หลังจากเดินไปประมาณร้อยเมตร ก็เห็นนายบ่าวคู่หนึ่งเดินเข้ามา เมื่อเห็นพ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 910 การเป็นคนต้องถ่อมตน

    หยวนเป่าหดลำคอถามอีกว่า “คุณชาย พวกเราไม่ต้องตามหาเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วหรือขอรับ?” เฮ่อฉางเฟิงทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วพูดว่า “หากข้าคาดเดาไม่ผิด เขาคงถูกฮั่วเทียนเฉิงนำตัวกลับไปที่ตำหนักเทพหอทองคำแล้ว นี่ก็คือเหตุผลที่ข้าต้องรีบกลับไป เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ข้าเป็นผู้ตัดสินใจแล้วล่ะ”เสี่ยวหยวนเป่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย“คำพูดของคุณชายมีเหตุผลมากทีเดียว”จากนั้นก็ถามด้วยความสงสัยว่า “สองวันนี้ทุกคนต่างกำลังตามหาชายชุดดำผู้นั้นที่ช่วยทำลายค่ายกล คุณชายจะเป็นวีรบุรุษไร้นามจริงหรือขอรับ?” “การปิดทองหลังพระไม่ดีตรงไหนกัน การเป็นคนต้องถ่อมตน”เฮ่อฉางเฟิงหัวเราะร่า พร้อมเดินไปที่ริมทะเลด้วยความสบายใจจากนั้นครู่หนึ่งก็สำลักจนน้ำตาไหล จึงใช้แขนเสื้อเช็ดจมูกทันที และพาเสี่ยวหยวนเป่าวิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลยไม่เพียงแค่เฮ่อฉางเฟิงเท่านั้น คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้เลย การเผาร่างของชาวตงหลิว นับว่าเป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ซึ่งผู้คนเห็นด้วยในยุทธภพ หลังเสร็จสิ้นสงครามทุกครั้ง จะนำร่างของชาวตงหลิวเผาเป็นเถ้าถ่านการเผาร่างคนในต้าโจวเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง นี่นับว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 911 เลี้ยงส่ง

    เย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ “ยังไม่สาย พวกเราก็เพิ่งมาถึง”เฮ่อฉางเฟิงยกเสื้อคลุมแล้วนั่งลงตรงข้ามกับทั้งสองคน พูดด้วยสีหน้าละอายใจ “เด็กรับใช้ยืนกรานจะนำไข่มุกจากเป่ยไห่กลับไป จึงต้องตามเขาไปเดินตลาด ทำให้พลาดเวลาโดยไม่ได้ตั้งใจ อาหารมื้อนี้ข้าน้อยจะเลี้ยงเอง เพื่อเป็นการไถ่โทษ”“คุณชายเฮ่อเกรงใจเกินไปแล้ว วันนี้เป็นเราสองสามีภรรยาที่ต้องเลี้ยงอำลาคุณชายต่างหาก คุณชายอย่าได้แย้งเลย”อินชิงเสวียนยืนขึ้น ส่งน้ำชาให้กับเฮ่อฉางเฟิงด้วยตัวเอง“ขอบคุณแม่นางอิน”เฮ่อฉางเฟิงรับถ้วยด้วยมือทั้งสองข้าง กิริยามารยาทไม่ขาดตกบกพร่องทั้งหมดคุยกันสักพัก จากนั้นอาหารและเครื่องดื่มก็ถูกยกออกมาจนครบกลิ่นไหม้ข้างนอกทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกคลื่นไส้ นางกินไม่กี่คำแค่พอเป็นพิธี ซึ่งเย่จิ่งอวี้และเฮ่อฉางเฟิงก็เช่นเดียวกัน“ไม่ทราบว่าบ้านของพี่เฮ่ออยู่ที่ไหน มีหลักประกันความปลอดภัยการเดินทางหรือไม่ หากต้องการ ข้าสามารถขอยืมศิษย์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จากเจ้าสำนัก เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของพี่เฮ่อได้”เย่จิ่งอวี้นิยมชมชอบผู้มีความรู้ความสามารถมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่มีทางอดทนกับเสี่ยวเสวียนจื่อผู

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 912 ที่นั่นไม่ใช่ที่ของแม่

    ทั้งสองผลัดถ้วยแลกจอกร่ำสุรากัน จากนั้นไม่นาน สุราไหนั้นก็หมดถึงก้นไหแม้ว่าสุราในสมัยโบราณจะมีดีกรีไม่สูงมาก แต่ทุกคนต่างยังเมามายอยู่บ้างหยวนเป่าอดไม่ได้ที่จะเตือนด้วยเสียงแผ่วต่ำ “คุณชาย ท่านดื่มน้อยๆ เถอะขอรับ!”ดวงตาของเฮ่อฉางเฟิงหรี่ลง“ยุ่งน่า”แววตาในตอนนี้ ทำให้อินชิงเสวียนอึ้งไปเล็กน้อยพลังอันเฉียบคมนิ่งขึงขนาดนี้ ไม่เหมือนแววตาที่คนเรียนหนังสือพึงมีหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฮ่อฉางเฟิงก็กลับมามีใบหน้ายิ้มแย้มอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแก้มของเขาเริ่มแดงแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้ากับข้าก็ดื่มกันไปไม่น้อยแล้ว วันนี้พอเท่านี้เถอะ ใต้หล้าไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ถ้ามีชะตาต้องกัน สักวันคงได้พบกันอย่างแน่นอน”เฮ่อฉางเฟิงยังอารมณ์ค้างอยู่ แต่ก็ยังพยักหน้า“เอาเถิด ถึงเราจะนั่งดื่มที่นี่ทั้งคืน อย่างไรก็ต้องแยกจากกันอยู่วันยังค่ำ มิสู้ทิ้งไว้ให้หลงเหลือความคิดถึง เฝ้ารอวันที่จะได้พบกันใหม่”ทันใดนั้นความโศกเศร้าพลันท่วมท้นหัวใจการกลับเพียวเมี่ยวอิ๋นเฉิง ก็เหมือนกับการเข้าคุก เขากับพวกเขา...เกรงว่าจะไม่มีวันได้พบกันอีก...พวกเขาทั้งสามแยกกันที่หน้าประตูเหลาสุรา เมื่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 913 เจ้าจะคิดถึงข้าหรือไม่

    เมื่อเห็นทั้งสองไม่อาจพรากจากกันได้ อินชิงเสวียนก็ค่อนข้างรู้สึกเสียใจเย่จิ่งอวี้เล่าเรื่องในเด็กของเขาให้นางฟังน้อยมาก แต่อินชิงเสวียนยังพอสืบความได้อยู่บ้างแต่ไหนแต่ไรมาองค์ชายในวังมักจะได้ดีเพราะมารดา หากตระกูลมารดามีความสามารถน้อย องค์ชายก็จะเป็นที่โปรดปรานได้ยากแม้ว่าหวนไท่เฟยจะเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธภพ แต่ไม่มีรากเหง้าในวัง ต่อมาก็แกล้งตายจากไป ทิ้งเย่จิ่งอวี้ไว้เพียงลำพัง ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าชีวิตนั้นคงยากลำบากอย่างไรอินชิงเสวียนถึงขั้นสามารถจินตนาการว่าเขาถูกองค์ชายคนอื่นเยาะเย้ยอย่างไร ไม่ได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ผู้ล่วงลับไปแล้วอย่างไรในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่าโชคดีมาก ที่เย่จิ่งอวี้ไม่ยอมแพ้ต่อตัวเอง หากแต่พึ่งพาความสามารถของเขาเองในการครองบัลลังก์ไม่ว่าจะก่อกบฏก็ดี หรือวางแผนแย่งชิงบัลลังก์ก็ช่าง อินชิงเสวียนไม่คิดว่ามีเย่จิ่งอวี้จะผิดอะไร ยิ่งไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์เขาด้วยมุมมองของเทพสตรีถ้าตัวเองเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น คงจะใช้ทุกวิถีทางที่จำเป็นเพื่อเหยียบย่ำคนที่รังแกนางและทำให้นางอับอายแน่นอนยิ่งไม่ต้องพูดถึง เย่จิ่งอวี้ที่มีความคิดก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 914 คำไหนคำนั้น

    “สำนักทั้งหมดจะไปจากเป่ยไห่ อาศัยแค่เจ้ากับหวังซุ่น จะทำลายตงหลิวได้อย่างไร”อินชิงเสวียนถามพลางขมวดคิ้วนางสามารถเข้าใจความรู้สึกของเย่จิ่งหลานได้ นางเองก็เป็นเยาวชนผู้เคียดแค้นเช่นกัน เพียงแต่มีบุคลากรไม่เพียงพอ แล้วนางจะวางใจได้อย่างไรเย่จิ่งหลานพูดช้าๆ “ด้วยค่าตอบแทนสูงๆ ต้องมีผู้กล้าหาญแน่นอน จอมยุทธ์ในเป่ยไห่ทุกคนใช่ว่าจะเป็นยอดฝีมือในสำนักต่างๆ เสียหมด ยังมีจอมยุทธ์พเนจรอีก คนเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่ข้าจะรับสมัคร”“เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ”อินชิงเสวียนถามอีกครั้งเย่จิ่งหลานพยักหน้าอย่างมั่นคง“แน่นอน ข้าสาบานกับตัวเองแล้ว หากทำลายตงหลิวไม่ได้ จะไม่กลับเมืองหลวงอีก!”เมื่อเห็นความดื้อรั้นในดวงตาของเขา อินชิงเสวียนก็รู้ว่านางไม่สามารถโน้มน้าวใจเขาได้“ถ้าเจ้าตัดสินใจจริงๆ ข้าจะให้ความช่วยเหลือกับเจ้าอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่จำเป็นสำหรับการต่อเรือ อาหารที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไกล หรืออาวุธเหล็ก ข้าก็สามารถให้เจ้าได้ แต่ว่า เจ้าต้องสัญญากับข้าเรื่องหนึ่ง”เย่จิ่งหลานมองไปด้านข้างแล้วถามว่า “เรื่องใด”อินชิงเสวียนเอื้อมมือออกมา แล้วกดไหล่ของเขาอย่างแรงพูดเน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 915 ใกล้ถึงคราวอำลา

    อินชิงเสวียนแสดงสีหน้ายินดีทันที“ขอบคุณท่านตา!”เย่จิ่งอวี้ก็ประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าชายชราจะส่งศิษย์สำนักออกมาด้วยหากมีคนจากสำนักอื่นติดตามมาด้วย ต้องเป็นเพราะได้รับการชักชวนจากชายชราแน่จึงพูดอย่างจริงใจ “ท่านตาคิดรอบคอบเสมอ”“ชาวเป่ยไห่ต้องทนทุกข์ทรมานจากตงหลิวมานาน ทุกครั้งมีแต่รักษาปลายเหตุแต่ไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ มีเพียงกำจัดพวกเขาถึงต้นตอเท่านั้น จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง เรื่องนี้เจ้าสำนักหลายสำนักก็เห็นด้วยเช่นกัน”เจ้าสำนักเซี่ยวหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เพียงแต่จิ่งหลานยังเด็ก อาจไม่สามารถโน้มน้าวใจสาธารณชนได้ ฉะนั้นคราวนี้ ข้าจะให้ฮวาเชียนติดตามไปด้วย ในบรรดาศิษย์รุ่นเดียวกัน ฮวาเชียนพอมีบารมีอยู่บ้าง” สำหรับการจัดแจงของชายชรา สองสามีภรรยาย่อมพอใจมากอู่แล้ว อินชิงเสวียนจึงปล่อยวางความกังวลใจได้ในที่สุด“เช่นนี้แล้ว การเดินทางคราวนี้จะประสบความสำเร็จในเร็ววัน!”เจ้าสำนักเซี่ยวกล่าวว่า “ข้าก็หวังเช่นนั้น เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ที่เสียชีวิตในตงหลิว คนที่ยังมีชีวิตอยู่น่าจะยังเหลือไม่มาก คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ ก็เหลือเพียงจักรพรรดิและทหารองครักษ์จำนวนเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 916 เขาสูงทางไกลโปรดถนอมตัวด้วย

    “ถูกต้อง พวกเจ้าไปทำงานกันเถอะ แม่ต้องกลับก่อนแล้ว”เซี่ยวอิ๋นหวนไม่กล้าอยู่ต่อ เพราะกลัวว่าตัวเองจะทนไม่ได้ มีความคิดถึงอาลัยอาวรณ์แห่งมนุษย์เจ้าสำนักเซี่ยวพูดพร้อมกับเอามือไพล่หลัง “การพรากจากกันชั่วคราว ก็เพื่อได้พบกันอีกครา ไม่จำเป็นต้องเศร้าเสียใจ นี่นับว่าเป็นประสบการณ์ในชีวิต ต้องมีประสบการณ์ขมขื่นเผ็ดหวาน ถึงจะนับว่าเป็นชีวิตที่ความสมบูรณ์อย่างแท้จริง”เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนโค้งคำนับพร้อมกัน“ผู้เยาว์ได้รับคำสั่งสอนแล้ว”เจ้าสำนักเซี่ยวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“ไปทำธุระของพวกเจ้าเถอะ ข้าก็ไม่รบกวนแล้ว”ทั้งสองส่งเจ้าสำนักเซี่ยวออกไปนอกประตู ส่วนอินชิงเสวียนมองไปที่เย่จิ่งอวี้ด้วยความเป็นห่วง“อาอวี้อยากไปอยู่กับท่านแม่หรือไม่”“ไม่จำเป็น บางทีการดำรงอยู่ของข้า อาจเป็นภาระของท่านแม่ด้วย ทุกครั้งที่นางเห็นข้า นางจะคิดถึงฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ บางทีการจากลาอาจเป็นเรื่องดี เมื่อปมหัวใจของนางคลี่คลายอย่างสมบูรณ์แล้ว ค่อยพบกันอีกครั้งก็ไม่สาย”เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่นางพบกับเสี่ยวหนานเฟิง วันๆ เอาแต่พูดถึงความเลวร้ายของฮ่องเต้โฉด อินชิงเสวียนก็พอจะเข้าใจความคิดของเซี่ยวอิ๋นหว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 917 ข้าจะเป็นราชายึดครองเกาะ

    เมื่อเห็นหลานชายเซี่ยวอิ๋นหวนยิ่งทุกข์ใจเหมือนโดนมีดกรีด ไม่กล้าหยุดเดินเลยเสี่ยวหนานเฟิงไม่เข้าใจความหมายของการจากลา ดวงตาคู่โตกะพริบน้ำตาคลอ มองดูเหล่าศิษย์อย่างสงสัย ตะโกนเสียงไร้เดียงสา “ท่านตา ท่านย่า!”อินชิงเสวียนรีบปิดปากลูก แล้วกระซิบ “อย่าตะโกน ประเดี๋ยวท่านตากับท่านย่าได้ยินจะเสียใจ”เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่คล้ายไม่เข้าใจ ชี้มือเล็กๆ ไปข้างหน้า เลียนแบบท่าทางของอินชิงเสวียน และพูดด้วยเสียงเด็กๆ “ท่านตา ท่านย่า ออกไปเที่ยว”อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปรับลูก ถอนหายใจแล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่ไปเที่ยว ท่านตากับท่านยายกลับบ้านแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงมองไปที่เรือนด้านหลัง แล้วพูดว่า “บ้านๆ อยู่นั่นไง”อินชิงเสวียนอธิบายอย่างอดทน “ที่นั่นไม่ใช่ บ้านของท่านตากับท่านย่าอยู่ไกล เมื่อเจ้าโตขึ้นอีกหน่อย แม่กับพ่อจะพาเจ้าไปเที่ยวที่บ้านท่านย่าท่านตา”เมื่อได้ยินคำว่า “เที่ยว” เสี่ยวหนานเฟิงก็ปรบมือเล็กๆ อย่างมีความสุขทันที“ลูกอยากไป”อินชิงเสวียนหอมแก้มลูกชาย แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ตราบใดที่ลูกเป็นเด็กดี จะพาเจ้าไปที่นั่นแน่นอน”เย่จิ่งหลานมองเข้าไปในลานบ้าน“เจ้า...จะไม่เข

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status