แชร์

บทที่ 915 ใกล้ถึงคราวอำลา

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อินชิงเสวียนแสดงสีหน้ายินดีทันที

“ขอบคุณท่านตา!”

เย่จิ่งอวี้ก็ประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าชายชราจะส่งศิษย์สำนักออกมาด้วย

หากมีคนจากสำนักอื่นติดตามมาด้วย ต้องเป็นเพราะได้รับการชักชวนจากชายชราแน่

จึงพูดอย่างจริงใจ “ท่านตาคิดรอบคอบเสมอ”

“ชาวเป่ยไห่ต้องทนทุกข์ทรมานจากตงหลิวมานาน ทุกครั้งมีแต่รักษาปลายเหตุแต่ไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ มีเพียงกำจัดพวกเขาถึงต้นตอเท่านั้น จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง เรื่องนี้เจ้าสำนักหลายสำนักก็เห็นด้วยเช่นกัน”

เจ้าสำนักเซี่ยวหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เพียงแต่จิ่งหลานยังเด็ก อาจไม่สามารถโน้มน้าวใจสาธารณชนได้ ฉะนั้นคราวนี้ ข้าจะให้ฮวาเชียนติดตามไปด้วย ในบรรดาศิษย์รุ่นเดียวกัน ฮวาเชียนพอมีบารมีอยู่บ้าง”

สำหรับการจัดแจงของชายชรา สองสามีภรรยาย่อมพอใจมากอู่แล้ว อินชิงเสวียนจึงปล่อยวางความกังวลใจได้ในที่สุด

“เช่นนี้แล้ว การเดินทางคราวนี้จะประสบความสำเร็จในเร็ววัน!”

เจ้าสำนักเซี่ยวกล่าวว่า “ข้าก็หวังเช่นนั้น เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ที่เสียชีวิตในตงหลิว คนที่ยังมีชีวิตอยู่น่าจะยังเหลือไม่มาก คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ ก็เหลือเพียงจักรพรรดิและทหารองครักษ์จำนวนเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 916 เขาสูงทางไกลโปรดถนอมตัวด้วย

    “ถูกต้อง พวกเจ้าไปทำงานกันเถอะ แม่ต้องกลับก่อนแล้ว”เซี่ยวอิ๋นหวนไม่กล้าอยู่ต่อ เพราะกลัวว่าตัวเองจะทนไม่ได้ มีความคิดถึงอาลัยอาวรณ์แห่งมนุษย์เจ้าสำนักเซี่ยวพูดพร้อมกับเอามือไพล่หลัง “การพรากจากกันชั่วคราว ก็เพื่อได้พบกันอีกครา ไม่จำเป็นต้องเศร้าเสียใจ นี่นับว่าเป็นประสบการณ์ในชีวิต ต้องมีประสบการณ์ขมขื่นเผ็ดหวาน ถึงจะนับว่าเป็นชีวิตที่ความสมบูรณ์อย่างแท้จริง”เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนโค้งคำนับพร้อมกัน“ผู้เยาว์ได้รับคำสั่งสอนแล้ว”เจ้าสำนักเซี่ยวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“ไปทำธุระของพวกเจ้าเถอะ ข้าก็ไม่รบกวนแล้ว”ทั้งสองส่งเจ้าสำนักเซี่ยวออกไปนอกประตู ส่วนอินชิงเสวียนมองไปที่เย่จิ่งอวี้ด้วยความเป็นห่วง“อาอวี้อยากไปอยู่กับท่านแม่หรือไม่”“ไม่จำเป็น บางทีการดำรงอยู่ของข้า อาจเป็นภาระของท่านแม่ด้วย ทุกครั้งที่นางเห็นข้า นางจะคิดถึงฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ บางทีการจากลาอาจเป็นเรื่องดี เมื่อปมหัวใจของนางคลี่คลายอย่างสมบูรณ์แล้ว ค่อยพบกันอีกครั้งก็ไม่สาย”เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่นางพบกับเสี่ยวหนานเฟิง วันๆ เอาแต่พูดถึงความเลวร้ายของฮ่องเต้โฉด อินชิงเสวียนก็พอจะเข้าใจความคิดของเซี่ยวอิ๋นหว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 917 ข้าจะเป็นราชายึดครองเกาะ

    เมื่อเห็นหลานชายเซี่ยวอิ๋นหวนยิ่งทุกข์ใจเหมือนโดนมีดกรีด ไม่กล้าหยุดเดินเลยเสี่ยวหนานเฟิงไม่เข้าใจความหมายของการจากลา ดวงตาคู่โตกะพริบน้ำตาคลอ มองดูเหล่าศิษย์อย่างสงสัย ตะโกนเสียงไร้เดียงสา “ท่านตา ท่านย่า!”อินชิงเสวียนรีบปิดปากลูก แล้วกระซิบ “อย่าตะโกน ประเดี๋ยวท่านตากับท่านย่าได้ยินจะเสียใจ”เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่คล้ายไม่เข้าใจ ชี้มือเล็กๆ ไปข้างหน้า เลียนแบบท่าทางของอินชิงเสวียน และพูดด้วยเสียงเด็กๆ “ท่านตา ท่านย่า ออกไปเที่ยว”อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปรับลูก ถอนหายใจแล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่ไปเที่ยว ท่านตากับท่านยายกลับบ้านแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงมองไปที่เรือนด้านหลัง แล้วพูดว่า “บ้านๆ อยู่นั่นไง”อินชิงเสวียนอธิบายอย่างอดทน “ที่นั่นไม่ใช่ บ้านของท่านตากับท่านย่าอยู่ไกล เมื่อเจ้าโตขึ้นอีกหน่อย แม่กับพ่อจะพาเจ้าไปเที่ยวที่บ้านท่านย่าท่านตา”เมื่อได้ยินคำว่า “เที่ยว” เสี่ยวหนานเฟิงก็ปรบมือเล็กๆ อย่างมีความสุขทันที“ลูกอยากไป”อินชิงเสวียนหอมแก้มลูกชาย แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ตราบใดที่ลูกเป็นเด็กดี จะพาเจ้าไปที่นั่นแน่นอน”เย่จิ่งหลานมองเข้าไปในลานบ้าน“เจ้า...จะไม่เข

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 918 การตักเตือนจากเจ้าสำนักเซี่ยว

    แก้มของอินสิงอวิ๋นเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย แล้วหันกลับไปกระแอมเบาๆ เพื่อบรรเทาความขวยเขิน“สองวันนี้ยังต้องเตรียมอะไรอีกหรือไม่”อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ประเดี๋ยวข้าจะไปดูที่ชายทะเลหน่อย แล้วจะไปเยี่ยมเก่อหงยวนกับต่งจื่ออวี๋ เท่านี้แหละ”อินสิงอวิ๋นพยักหน้าพูดว่า “ได้ ออกจากบ้านมาระยะหนึ่งแล้ว ท่านพ่อกับแม่รองต้องเป็นห่วงมากแน่ๆ”“เพียงแต่...การตายของจูอวี้เหยียน จะบอกท่านพ่อดีหรือไม่”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมองอินสิงอวิ๋นอินสิงอวิ๋นพูดอย่างใจเย็น “ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ข้าจะพูดเรื่องนี้เอง บางทีท่านพ่ออาจไม่เศร้าเสียใจอย่างที่คิด เขากับจูอวี้เหยียนไม่มีความรักความใกล้ชิดมากนักตั้งแต่แรก มีแค่หน้าที่รับผิดชอบเท่านั้น”“พี่ใหญ่พูดถูก ถึงอย่างไรจูอวี้เหยียนก็ไม่เคยเห็นเราเป็นครอบครัวเดียวกัน นางเสียชีวิตในต่างถิ่นก็เป็นเพราะนางหาเรื่องใส่ตัวเอง คิดจะร่วมมือกับอาซือหลานน่ะหรือ นางประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว”เมื่อพูดถึงอาซือหลาน อินชิงเสวียนก็มองไปที่เป่าเล่อเอ่อร์อีก เพราะนั่นคือพี่ชายของนางเป่าเล่อเอ่อร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กุ้ยเฟยอย่ากังวลมากนัก แม้ว่าเขาจะเป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 919 การจากลาครานี้ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อใด

    หลังจากออกจากมิติแล้ว เย่จิ่งหลานและหวังซุ่นก็ออกมาเช่นกัน ขนย้ายของทุกอย่างที่จำเป็นไปที่รถม้า และมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งอินชิงเสวียนนั่งบนรถม้า เมื่อมาถึงก็พบว่ามีศิษย์จำนวนมากมารวมตัวกันชายฝั่งแล้วคนเหล่านี้มาด้วยความสมัครใจทั้งหมด แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่มีจุดประสงค์ในการทำลายล้างตงหลิว ตัวอย่างเช่นเก่อหงยวน ที่มาเพราะรู้สึกว่าในสำนักน่าเบื่อเกินไป การได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดส่วนต่งจื่ออวี๋เป็นศิษย์คนสนิทของเฮ่ออวิ๋นทง เขามีนิสัยซื่อบื้อและซื่อสัตย์ อาจารย์บอกให้ไปไหนเขาก็ไปที่นั่น ไม่เคยปฏิเสธเลยนอกจากนี้ยังมีบางคนที่ทนความยากลำบากบนภูเขาไม่ได้ การที่ได้มีกินมีใช้อย่างงสบายกับเย่จิ่งหลาน ไม่มีอะไรต้องกังวล ย่อมดีกว่าการฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนักทุกวันอยู่แล้วแน่นอนว่ายังมีคนจำนวนหนึ่งที่ต้องการทำลายล้างตงหลิวจริงๆ สรุปก็คือ ไม่ว่าความคิดจะเป็นอย่างไร แต่การที่พวกเขาสามารถอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเย่จิ่งหลานได้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกขอบคุณมากแล้วในขณะที่เตรียมส่วนอะไหล่ อินชิงเสวียนก็เตรียมอาหารให้กับทุกคนด้วย แม้ว่าจะเป็นอาหารจานด่วนจากมิติทั้งหมด แต่ศิษย์เหล่านี้ไ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 920 กล้าแข่งขันกับบุรุษหรือไม่

    เก่อหงยวนกัดข้าวโพด แล้วพูดขณะที่เคี้ยวอาหาร “ดีจัง สามารถทำธุรกิจเองได้ เจ้าก็เก่งกาจไม่เบาเลย”“ที่ไหนกัน เจ้าต่างหากเป็นจอมยุทธ์หญิงเหาะเหินเดินอากาศได้ ถึงเรียกว่าเก่งกาจจริงๆ”อินชิงเสวียนรู้ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่มีเจตนาชั่วร้าย แค่มีนิสัยแข็งกร้าวไปหน่อยเท่านั้นหลังจากได้ยินคำพูดของอินชิงเสวียน เก่อหงยวนก็เชิดหน้าชูคออย่างภาคภูมิใจทันที เอามือไพล่หลัง เงยหน้ามองท้องฟ้าในมุม 45 องศา แสดงท่าทางประหนึ่งยอดฝีมือ“อะแฮ่ม เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องลงโทษผู้ขืนใจและกำจัดความชั่วร้าย ข้าจะตวัดกระบี่ในมือนี้ เพื่อชำระสะสางความสกปรกให้กับโลกนี้อย่างแน่นอน”“สมแล้วที่เป็นจอมยุทธ์หญิง ดูการสำนึกรู้ของนางสิ สูงส่งเทียมเมฆาจริงๆ”เย่จิ่งหลานถือปูเดินเข้ามา พออ้าปากพูดก็อวยไม่หยุดมุมปากของเก่อหงยวนแทบจะกระดกขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว“ไม่ต้องห่วง ข้าจะรับรองความปลอดภัยของเจ้าเอง”เย่จิ่งหลานโค้งคำนับด้วยท่าทางเรียบร้อยทันที“เช่นนั้นต้องรบกวนแล้ว”เมื่อมีเขามาเข้าร่วมวงสนทนา บรรยากาศก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใดทั้งหมดคุยกันสักพัก ท้องฟ้าก็มืดแล้วอินชิงเสวียนลุกขึ้นยืน ถึงเวลาต้องกลับไปอยู่กับลู

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 921 ความเศร้าที่พรากจากเป็นเฉกเช่นวัชพืชยามวสันต์ ยิ่งไปไกลยิ่งงอกงาม

    สามวันต่อมา อินชิงเสวียนก็ออกเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงสำหรับค่าอาหาร เครื่องดื่ม และชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ ล้วนทิ้งไว้เหลือเฟือ จนตอนนี้อินชิงเสวียนกลายเป็นคนจนแล้ว อาหารส่วนใหญ่ในมิติก็นำออกมามากกว่าครึ่ง และยังมีคะแนนเหลือเพียงไม่กี่พันเท่านั้น เพื่อสนับสนุนความฝันของเย่จิ่งหลาน คราวนี้นางใช้ทรัพย์สินของครอบครัวไปแทบหมดจริงๆ ช่วงนี้ไม่มีเหตุบังเอิญอะไร คะแนนสะสมในมิติได้รับมาจากการปลูกพืชเท่านั้น เป็นเรื่องยากมากที่จะหาเงินเลี้ยงชีพได้ ถ้าขืนอยู่ต่ออีกสองสามวัน คงถูกเย่จิ่งหลานปล้นจนไม่เหลืออะไรแน่แม้ว่าเมล็ดพันธุ์ในมิติจะเติบโตได้ภายในไม่กี่วัน แต่เปลี่ยนจากความหรูหราไปสู่ความประหยัดเป็นเรื่องยาก เคยชินกับการเห็นคะแนนนับหมื่น แต่พอมองดูคะแนนไม่กี่ร้อยในตอนนี้ ก็ยากจะทนดูได้จริงๆเสียดายก็แต่ว่าในมิติไม่มีเสียงเตือนใดๆ จากระบบเลย แม้ว่าอินชิงเสวียนอยากจะลองดู แต่ก็ไม่รู้ทิศทาง จึงต้องหลบหนีในเวลากลางคืนบนภูเขาสูง เย่จิ่งหลานคาบบุหรี่ไว้ในปาก มองดูรถม้าที่มองเห็นได้เลือนลางในตอนกลางคืน แล้วถอนหายใจเบาๆ “ความเศร้าที่พรากจากเป็นเฉกเช่นวัชพืชยามวสันต์ ยิ่งไปไกลยิ่งงอกงาม!”หวังซ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 922 หนังสือสวรรค์ไร้อักษร

    ไม่กี่วันต่อมา แต่ละสำนักได้รับจดหมายลับที่ไม่ได้ลงนามในนั้นมีเพียงไม่กี่คำเท่านั้นสมบัติล้ำค่าแห่งยุทธภพ “หนังสือสวรรค์ไร้อักษร” จะถือกำเนิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้มีคุณธรรมจะได้ถือครองด้านล่างมีแผนที่ด้วย และตำแหน่งที่ชี้ตรงกลางคือยอดเขาบรรจบสวรรค์ในเทือกเขาเชื่อมเมฆาทุกคนต่างรู้เรื่องเทือกเขาเชื่อมเมฆาเป็นอย่างดี แต่ไม่เคยได้ยินชื่อยอดเขาบรรจบสวรรค์มาก่อน และไม่รู้ว่าหนังสือสวรรค์ไร้อักษรคืออะไร เพียงครู่เดียวเองนี้ก็แพร่ขยายเป็นวงกว้างในไม่ช้าก็มีเรื่องราวนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นในหมู่ชาวบ้าน บ้างก็ว่าหนังสือสวรรค์ไร้อักษรเป็นวรยุทธ์ขั้นสุดยอด บ้างก็ว่าเป็นแผนที่ที่บันทึกสมบัติล้ำค่า บ้างก็ว่าเป็นวิธีการบำเพ็ญตน ที่สามารถเป็นเซียนได้ภายในหนึ่งวันเพียงครู่เดียวก็พูดกันเซ็งเซ่เกรียวกราว กระพือให้เกิดการล่าสมบัติกันอย่างบ้าคลั่ง และคนจำนวนมากก็เดินทางตามแผนที่ไปยังเทือกเขาเชื่อมเมฆาอินชิงเสวียนและคณะเดินทางก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน“หนังสือสวรรค์ไร้อักษรคืออะไรกันแน่”เมื่อเห็นสีหน้าสนใจใคร่รู้บนใบหน้าของหญิงสาว เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “สิ่งเห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 923 เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง

    หยวนเป่าคิดในใจ คนที่ไม่ใช่ตัวเองเสียหน่อย แต่เป็นคุณชายเองชัดๆ ที่ไม่อยากเข้าประตูในขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เฮ่อฉางเฟิงได้เข้าไปในป่าหมอกพิษขาวแล้วสองนายบ่าวเดินอย่างเร่งรีบ ไม่กล้าล่าช้า หลังจากผ่านไปสามสิบนาที ในที่สุดพวกเขาก็เดินออกจากป่าม่านพลังที่ซ่อนห้าธาตุแปดทิศอยู่ข้างในหากก้าวผิดพลาดเพียงครั้งเดียว กลไกนับไม่ถ้วนจะถูกกระตุ้นให้ทำงาน ไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีค่ายกลเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แม้แต่ยอดฝีมืออย่างเฮ่อฉางเฟิงก็ไม่กล้าประมาทหลังจากออกจากป่าทึบ อาคารที่มีคานไม้แกะสลักอันวิจิตรงดงามตาก็ดึงดูดสายตาของทั้งคู่ ประหนึ่งเป็นแคว้นเล็กๆ เพียวเมี่ยวอิ๋นเฉิงค่อนข้างแตกต่างจากสำนักวรยุทธ์ทั่วไป ไม่เหมือนสำนักอื่นๆ ที่ทุกวันต้องบำเพ็ญเพียรอย่างยากลำบาก ในทางกลับกัน ในขณะที่ผู้คนฝึกฝนวรยุทธ์ พวกเขาก็ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไปในเมืองมีตลาด มีพื้นที่เพาะปลูก ผู้คนอยู่ดีมีสุข ราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์เฮ่อฉางเฟิงเดินกลับไปที่จวนเจ้าเมืองพร้อมกับหยวนเป่า ทันทีที่เข้าไปในเรือน ก็ได้ยินเสียงทุ้มลึกพูดว่า “ไปไหนกันมา”สีหน้าท่าทางของเฮ่อฉางเฟิงเปลี่ยนไปทันที ท่านพ่อออกจากการบำเพ็

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status