แชร์

บทที่ 915 ใกล้ถึงคราวอำลา

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-29 16:00:01
อินชิงเสวียนแสดงสีหน้ายินดีทันที

“ขอบคุณท่านตา!”

เย่จิ่งอวี้ก็ประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าชายชราจะส่งศิษย์สำนักออกมาด้วย

หากมีคนจากสำนักอื่นติดตามมาด้วย ต้องเป็นเพราะได้รับการชักชวนจากชายชราแน่

จึงพูดอย่างจริงใจ “ท่านตาคิดรอบคอบเสมอ”

“ชาวเป่ยไห่ต้องทนทุกข์ทรมานจากตงหลิวมานาน ทุกครั้งมีแต่รักษาปลายเหตุแต่ไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ มีเพียงกำจัดพวกเขาถึงต้นตอเท่านั้น จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง เรื่องนี้เจ้าสำนักหลายสำนักก็เห็นด้วยเช่นกัน”

เจ้าสำนักเซี่ยวหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เพียงแต่จิ่งหลานยังเด็ก อาจไม่สามารถโน้มน้าวใจสาธารณชนได้ ฉะนั้นคราวนี้ ข้าจะให้ฮวาเชียนติดตามไปด้วย ในบรรดาศิษย์รุ่นเดียวกัน ฮวาเชียนพอมีบารมีอยู่บ้าง”

สำหรับการจัดแจงของชายชรา สองสามีภรรยาย่อมพอใจมากอู่แล้ว อินชิงเสวียนจึงปล่อยวางความกังวลใจได้ในที่สุด

“เช่นนี้แล้ว การเดินทางคราวนี้จะประสบความสำเร็จในเร็ววัน!”

เจ้าสำนักเซี่ยวกล่าวว่า “ข้าก็หวังเช่นนั้น เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ที่เสียชีวิตในตงหลิว คนที่ยังมีชีวิตอยู่น่าจะยังเหลือไม่มาก คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ ก็เหลือเพียงจักรพรรดิและทหารองครักษ์จำนวนเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 916 เขาสูงทางไกลโปรดถนอมตัวด้วย

    “ถูกต้อง พวกเจ้าไปทำงานกันเถอะ แม่ต้องกลับก่อนแล้ว”เซี่ยวอิ๋นหวนไม่กล้าอยู่ต่อ เพราะกลัวว่าตัวเองจะทนไม่ได้ มีความคิดถึงอาลัยอาวรณ์แห่งมนุษย์เจ้าสำนักเซี่ยวพูดพร้อมกับเอามือไพล่หลัง “การพรากจากกันชั่วคราว ก็เพื่อได้พบกันอีกครา ไม่จำเป็นต้องเศร้าเสียใจ นี่นับว่าเป็นประสบการณ์ในชีวิต ต้องมีประสบการณ์ขมขื่นเผ็ดหวาน ถึงจะนับว่าเป็นชีวิตที่ความสมบูรณ์อย่างแท้จริง”เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนโค้งคำนับพร้อมกัน“ผู้เยาว์ได้รับคำสั่งสอนแล้ว”เจ้าสำนักเซี่ยวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“ไปทำธุระของพวกเจ้าเถอะ ข้าก็ไม่รบกวนแล้ว”ทั้งสองส่งเจ้าสำนักเซี่ยวออกไปนอกประตู ส่วนอินชิงเสวียนมองไปที่เย่จิ่งอวี้ด้วยความเป็นห่วง“อาอวี้อยากไปอยู่กับท่านแม่หรือไม่”“ไม่จำเป็น บางทีการดำรงอยู่ของข้า อาจเป็นภาระของท่านแม่ด้วย ทุกครั้งที่นางเห็นข้า นางจะคิดถึงฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ บางทีการจากลาอาจเป็นเรื่องดี เมื่อปมหัวใจของนางคลี่คลายอย่างสมบูรณ์แล้ว ค่อยพบกันอีกครั้งก็ไม่สาย”เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่นางพบกับเสี่ยวหนานเฟิง วันๆ เอาแต่พูดถึงความเลวร้ายของฮ่องเต้โฉด อินชิงเสวียนก็พอจะเข้าใจความคิดของเซี่ยวอิ๋นหว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 917 ข้าจะเป็นราชายึดครองเกาะ

    เมื่อเห็นหลานชายเซี่ยวอิ๋นหวนยิ่งทุกข์ใจเหมือนโดนมีดกรีด ไม่กล้าหยุดเดินเลยเสี่ยวหนานเฟิงไม่เข้าใจความหมายของการจากลา ดวงตาคู่โตกะพริบน้ำตาคลอ มองดูเหล่าศิษย์อย่างสงสัย ตะโกนเสียงไร้เดียงสา “ท่านตา ท่านย่า!”อินชิงเสวียนรีบปิดปากลูก แล้วกระซิบ “อย่าตะโกน ประเดี๋ยวท่านตากับท่านย่าได้ยินจะเสียใจ”เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่คล้ายไม่เข้าใจ ชี้มือเล็กๆ ไปข้างหน้า เลียนแบบท่าทางของอินชิงเสวียน และพูดด้วยเสียงเด็กๆ “ท่านตา ท่านย่า ออกไปเที่ยว”อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปรับลูก ถอนหายใจแล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่ไปเที่ยว ท่านตากับท่านยายกลับบ้านแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงมองไปที่เรือนด้านหลัง แล้วพูดว่า “บ้านๆ อยู่นั่นไง”อินชิงเสวียนอธิบายอย่างอดทน “ที่นั่นไม่ใช่ บ้านของท่านตากับท่านย่าอยู่ไกล เมื่อเจ้าโตขึ้นอีกหน่อย แม่กับพ่อจะพาเจ้าไปเที่ยวที่บ้านท่านย่าท่านตา”เมื่อได้ยินคำว่า “เที่ยว” เสี่ยวหนานเฟิงก็ปรบมือเล็กๆ อย่างมีความสุขทันที“ลูกอยากไป”อินชิงเสวียนหอมแก้มลูกชาย แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ตราบใดที่ลูกเป็นเด็กดี จะพาเจ้าไปที่นั่นแน่นอน”เย่จิ่งหลานมองเข้าไปในลานบ้าน“เจ้า...จะไม่เข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 918 การตักเตือนจากเจ้าสำนักเซี่ยว

    แก้มของอินสิงอวิ๋นเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย แล้วหันกลับไปกระแอมเบาๆ เพื่อบรรเทาความขวยเขิน“สองวันนี้ยังต้องเตรียมอะไรอีกหรือไม่”อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ประเดี๋ยวข้าจะไปดูที่ชายทะเลหน่อย แล้วจะไปเยี่ยมเก่อหงยวนกับต่งจื่ออวี๋ เท่านี้แหละ”อินสิงอวิ๋นพยักหน้าพูดว่า “ได้ ออกจากบ้านมาระยะหนึ่งแล้ว ท่านพ่อกับแม่รองต้องเป็นห่วงมากแน่ๆ”“เพียงแต่...การตายของจูอวี้เหยียน จะบอกท่านพ่อดีหรือไม่”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมองอินสิงอวิ๋นอินสิงอวิ๋นพูดอย่างใจเย็น “ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ข้าจะพูดเรื่องนี้เอง บางทีท่านพ่ออาจไม่เศร้าเสียใจอย่างที่คิด เขากับจูอวี้เหยียนไม่มีความรักความใกล้ชิดมากนักตั้งแต่แรก มีแค่หน้าที่รับผิดชอบเท่านั้น”“พี่ใหญ่พูดถูก ถึงอย่างไรจูอวี้เหยียนก็ไม่เคยเห็นเราเป็นครอบครัวเดียวกัน นางเสียชีวิตในต่างถิ่นก็เป็นเพราะนางหาเรื่องใส่ตัวเอง คิดจะร่วมมือกับอาซือหลานน่ะหรือ นางประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว”เมื่อพูดถึงอาซือหลาน อินชิงเสวียนก็มองไปที่เป่าเล่อเอ่อร์อีก เพราะนั่นคือพี่ชายของนางเป่าเล่อเอ่อร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กุ้ยเฟยอย่ากังวลมากนัก แม้ว่าเขาจะเป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 919 การจากลาครานี้ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อใด

    หลังจากออกจากมิติแล้ว เย่จิ่งหลานและหวังซุ่นก็ออกมาเช่นกัน ขนย้ายของทุกอย่างที่จำเป็นไปที่รถม้า และมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งอินชิงเสวียนนั่งบนรถม้า เมื่อมาถึงก็พบว่ามีศิษย์จำนวนมากมารวมตัวกันชายฝั่งแล้วคนเหล่านี้มาด้วยความสมัครใจทั้งหมด แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่มีจุดประสงค์ในการทำลายล้างตงหลิว ตัวอย่างเช่นเก่อหงยวน ที่มาเพราะรู้สึกว่าในสำนักน่าเบื่อเกินไป การได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดส่วนต่งจื่ออวี๋เป็นศิษย์คนสนิทของเฮ่ออวิ๋นทง เขามีนิสัยซื่อบื้อและซื่อสัตย์ อาจารย์บอกให้ไปไหนเขาก็ไปที่นั่น ไม่เคยปฏิเสธเลยนอกจากนี้ยังมีบางคนที่ทนความยากลำบากบนภูเขาไม่ได้ การที่ได้มีกินมีใช้อย่างงสบายกับเย่จิ่งหลาน ไม่มีอะไรต้องกังวล ย่อมดีกว่าการฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนักทุกวันอยู่แล้วแน่นอนว่ายังมีคนจำนวนหนึ่งที่ต้องการทำลายล้างตงหลิวจริงๆ สรุปก็คือ ไม่ว่าความคิดจะเป็นอย่างไร แต่การที่พวกเขาสามารถอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเย่จิ่งหลานได้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกขอบคุณมากแล้วในขณะที่เตรียมส่วนอะไหล่ อินชิงเสวียนก็เตรียมอาหารให้กับทุกคนด้วย แม้ว่าจะเป็นอาหารจานด่วนจากมิติทั้งหมด แต่ศิษย์เหล่านี้ไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-30
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 920 กล้าแข่งขันกับบุรุษหรือไม่

    เก่อหงยวนกัดข้าวโพด แล้วพูดขณะที่เคี้ยวอาหาร “ดีจัง สามารถทำธุรกิจเองได้ เจ้าก็เก่งกาจไม่เบาเลย”“ที่ไหนกัน เจ้าต่างหากเป็นจอมยุทธ์หญิงเหาะเหินเดินอากาศได้ ถึงเรียกว่าเก่งกาจจริงๆ”อินชิงเสวียนรู้ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่มีเจตนาชั่วร้าย แค่มีนิสัยแข็งกร้าวไปหน่อยเท่านั้นหลังจากได้ยินคำพูดของอินชิงเสวียน เก่อหงยวนก็เชิดหน้าชูคออย่างภาคภูมิใจทันที เอามือไพล่หลัง เงยหน้ามองท้องฟ้าในมุม 45 องศา แสดงท่าทางประหนึ่งยอดฝีมือ“อะแฮ่ม เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องลงโทษผู้ขืนใจและกำจัดความชั่วร้าย ข้าจะตวัดกระบี่ในมือนี้ เพื่อชำระสะสางความสกปรกให้กับโลกนี้อย่างแน่นอน”“สมแล้วที่เป็นจอมยุทธ์หญิง ดูการสำนึกรู้ของนางสิ สูงส่งเทียมเมฆาจริงๆ”เย่จิ่งหลานถือปูเดินเข้ามา พออ้าปากพูดก็อวยไม่หยุดมุมปากของเก่อหงยวนแทบจะกระดกขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว“ไม่ต้องห่วง ข้าจะรับรองความปลอดภัยของเจ้าเอง”เย่จิ่งหลานโค้งคำนับด้วยท่าทางเรียบร้อยทันที“เช่นนั้นต้องรบกวนแล้ว”เมื่อมีเขามาเข้าร่วมวงสนทนา บรรยากาศก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใดทั้งหมดคุยกันสักพัก ท้องฟ้าก็มืดแล้วอินชิงเสวียนลุกขึ้นยืน ถึงเวลาต้องกลับไปอยู่กับลู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-01
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 921 ความเศร้าที่พรากจากเป็นเฉกเช่นวัชพืชยามวสันต์ ยิ่งไปไกลยิ่งงอกงาม

    สามวันต่อมา อินชิงเสวียนก็ออกเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงสำหรับค่าอาหาร เครื่องดื่ม และชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ ล้วนทิ้งไว้เหลือเฟือ จนตอนนี้อินชิงเสวียนกลายเป็นคนจนแล้ว อาหารส่วนใหญ่ในมิติก็นำออกมามากกว่าครึ่ง และยังมีคะแนนเหลือเพียงไม่กี่พันเท่านั้น เพื่อสนับสนุนความฝันของเย่จิ่งหลาน คราวนี้นางใช้ทรัพย์สินของครอบครัวไปแทบหมดจริงๆ ช่วงนี้ไม่มีเหตุบังเอิญอะไร คะแนนสะสมในมิติได้รับมาจากการปลูกพืชเท่านั้น เป็นเรื่องยากมากที่จะหาเงินเลี้ยงชีพได้ ถ้าขืนอยู่ต่ออีกสองสามวัน คงถูกเย่จิ่งหลานปล้นจนไม่เหลืออะไรแน่แม้ว่าเมล็ดพันธุ์ในมิติจะเติบโตได้ภายในไม่กี่วัน แต่เปลี่ยนจากความหรูหราไปสู่ความประหยัดเป็นเรื่องยาก เคยชินกับการเห็นคะแนนนับหมื่น แต่พอมองดูคะแนนไม่กี่ร้อยในตอนนี้ ก็ยากจะทนดูได้จริงๆเสียดายก็แต่ว่าในมิติไม่มีเสียงเตือนใดๆ จากระบบเลย แม้ว่าอินชิงเสวียนอยากจะลองดู แต่ก็ไม่รู้ทิศทาง จึงต้องหลบหนีในเวลากลางคืนบนภูเขาสูง เย่จิ่งหลานคาบบุหรี่ไว้ในปาก มองดูรถม้าที่มองเห็นได้เลือนลางในตอนกลางคืน แล้วถอนหายใจเบาๆ “ความเศร้าที่พรากจากเป็นเฉกเช่นวัชพืชยามวสันต์ ยิ่งไปไกลยิ่งงอกงาม!”หวังซ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-01
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 922 หนังสือสวรรค์ไร้อักษร

    ไม่กี่วันต่อมา แต่ละสำนักได้รับจดหมายลับที่ไม่ได้ลงนามในนั้นมีเพียงไม่กี่คำเท่านั้นสมบัติล้ำค่าแห่งยุทธภพ “หนังสือสวรรค์ไร้อักษร” จะถือกำเนิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้มีคุณธรรมจะได้ถือครองด้านล่างมีแผนที่ด้วย และตำแหน่งที่ชี้ตรงกลางคือยอดเขาบรรจบสวรรค์ในเทือกเขาเชื่อมเมฆาทุกคนต่างรู้เรื่องเทือกเขาเชื่อมเมฆาเป็นอย่างดี แต่ไม่เคยได้ยินชื่อยอดเขาบรรจบสวรรค์มาก่อน และไม่รู้ว่าหนังสือสวรรค์ไร้อักษรคืออะไร เพียงครู่เดียวเองนี้ก็แพร่ขยายเป็นวงกว้างในไม่ช้าก็มีเรื่องราวนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นในหมู่ชาวบ้าน บ้างก็ว่าหนังสือสวรรค์ไร้อักษรเป็นวรยุทธ์ขั้นสุดยอด บ้างก็ว่าเป็นแผนที่ที่บันทึกสมบัติล้ำค่า บ้างก็ว่าเป็นวิธีการบำเพ็ญตน ที่สามารถเป็นเซียนได้ภายในหนึ่งวันเพียงครู่เดียวก็พูดกันเซ็งเซ่เกรียวกราว กระพือให้เกิดการล่าสมบัติกันอย่างบ้าคลั่ง และคนจำนวนมากก็เดินทางตามแผนที่ไปยังเทือกเขาเชื่อมเมฆาอินชิงเสวียนและคณะเดินทางก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน“หนังสือสวรรค์ไร้อักษรคืออะไรกันแน่”เมื่อเห็นสีหน้าสนใจใคร่รู้บนใบหน้าของหญิงสาว เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “สิ่งเห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-01
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 923 เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง

    หยวนเป่าคิดในใจ คนที่ไม่ใช่ตัวเองเสียหน่อย แต่เป็นคุณชายเองชัดๆ ที่ไม่อยากเข้าประตูในขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เฮ่อฉางเฟิงได้เข้าไปในป่าหมอกพิษขาวแล้วสองนายบ่าวเดินอย่างเร่งรีบ ไม่กล้าล่าช้า หลังจากผ่านไปสามสิบนาที ในที่สุดพวกเขาก็เดินออกจากป่าม่านพลังที่ซ่อนห้าธาตุแปดทิศอยู่ข้างในหากก้าวผิดพลาดเพียงครั้งเดียว กลไกนับไม่ถ้วนจะถูกกระตุ้นให้ทำงาน ไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีค่ายกลเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แม้แต่ยอดฝีมืออย่างเฮ่อฉางเฟิงก็ไม่กล้าประมาทหลังจากออกจากป่าทึบ อาคารที่มีคานไม้แกะสลักอันวิจิตรงดงามตาก็ดึงดูดสายตาของทั้งคู่ ประหนึ่งเป็นแคว้นเล็กๆ เพียวเมี่ยวอิ๋นเฉิงค่อนข้างแตกต่างจากสำนักวรยุทธ์ทั่วไป ไม่เหมือนสำนักอื่นๆ ที่ทุกวันต้องบำเพ็ญเพียรอย่างยากลำบาก ในทางกลับกัน ในขณะที่ผู้คนฝึกฝนวรยุทธ์ พวกเขาก็ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไปในเมืองมีตลาด มีพื้นที่เพาะปลูก ผู้คนอยู่ดีมีสุข ราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์เฮ่อฉางเฟิงเดินกลับไปที่จวนเจ้าเมืองพร้อมกับหยวนเป่า ทันทีที่เข้าไปในเรือน ก็ได้ยินเสียงทุ้มลึกพูดว่า “ไปไหนกันมา”สีหน้าท่าทางของเฮ่อฉางเฟิงเปลี่ยนไปทันที ท่านพ่อออกจากการบำเพ็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-01

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status