Share

บทที่ 906 ความกังวลใจ

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-06-27 16:00:01
ทุกคนต่างพากันออกจากห้อง เหลือเพียงเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียน

เมื่อมองลำคอของเขาที่ยังห้อยหยกเย็นพันปีชิ้นนั้นอยู่ อินชิงเสวียนก็รู้สึกพึงพอใจมาก

“อาอวี้ก็ไม่เป็นอะไร ช่างดีจริงๆ เลยนะ”

เย่จิ่งอวี้โอบกอดอินชิงเสวียนไว้ และซุกหน้าลงบนผมของนางที่ตกอยู่บนไหล่

“เสวียนเอ๋อร์ก็เช่นกัน หากเจ้าเป็นอะไรไป ข้าไม่รู้จะอยู่ไปอย่างไรจริงๆ”

อินชิงเสวียนหันหน้ามาพูดว่า “ชีวิตมนุษย์ทุกคนมีค่าและมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น อาอวี้พูดจาไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้ได้อย่างไร แม้ว่ามีวันหนึ่งที่ข้าไม่อยู่แล้วจริงๆ ข้าก็หวังให้อาอวี้สามารถที่จะ...”

ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากที่เย็นเล็กน้อย

สักพักหนึ่ง ริมฝีปากก็แยกออกจากกัน

เย่จิ่งอวี้เสยปอยผมที่อยู่ข้างแก้มของอินชิงเสวียน และพูดเสียงเบาว่า “อย่าพูดไร้สาระ ในเมื่อเจ้ามายังโลกใบนี้ เป็นภรรยาของข้า ดังนั้นไม่ควรไปจากข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต”

เมื่อมองดวงตาคู่นั้นที่ลึกราวกับทะเล จู่ๆ ในใจของอินชิงเสวียนก็เต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้

กลับจงใจพูดว่า “มนุษย์ย่อมมีการเกิดแก่เจ็บตาย หากข้ามีชีวิตอยู่ถึงพันหรือหมื่นปี ข้าคงเป็นปีศาจเฒ่าแล้วล่ะ?”
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 907 ละอายต่อเสด็จอา

    “คิดอะไรอยู่งั้นหรือ?” เมื่อเห็นอินชิงเสวียนขมวดคิ้ว เย่จิ่งอวี้ก็เลิกคิ้วถาม“เด็กคนนั้นผิดธรรมชาติอย่างมาก อีกครู่ข้าจะไปถามท่านตาว่าเห็นร่างของเขาหรือไม่ หากเขายังมีชีวิตอยู่ จะต้องเป็นหายนะที่ยิ่งใหญ่แน่นอน”อินชิงเสวียนชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดอีกว่า “อีกเรื่องหนึ่งก็คือท่านอาของข้าที่ยังสืบหาข่าวไม่ได้เลย ข้าไม่รู้ว่าควรตอบเสด็จอาอย่างไรดี”เย่จิ่งอวี้จับมือเล็กที่อ่อนนุ่มของนาง พูดปลอบด้วยความอ่อนโยนว่า “เสด็จอาตามหาหลายปียังไม่ได้ข่าว จะโทษเจ้าได้อย่างไร หากท่านอาของเจ้าไม่ได้ซ่อนอยู่ในที่ลับ ก็อาจจะประสบพบเจอเรื่องร้าย”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างคลุมเครือ อินชิงเสวียนเข้าใจความหมายของเขาดี ในทุกปีของยุคปัจจุบันมีคนสูญหายจำนวนไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ไม่มีวิชาการต่อสู้อย่างอินหลี อาจเป็นไปได้ว่าการหายตัวไปของนางไม่เกี่ยวข้องกับพิณการเวก เป็นเพียงการพบเจอเรื่องเลวร้ายทั่วไปเท่านั้นสำหรับเครือญาติที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน อินชิงเสวียนรู้สึกเสียใจมาก แต่กลับไร้ซึ่งหนทางแล้วจริงๆ สำนักต่างๆ ที่สนิทสนมกับหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ นางก็รบกวนให้เจ้าสำนักเซี่ยวไปไถ่ถามทั้งหมดแล้ว แต

    Last Updated : 2024-06-27
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 908 ช่างเป็นโชคดีของท่านเสียจริง

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็ผ่านไปสองวันแล้วมีน้ำพุวิญญาณช่วยรักษา อินชิงเสวียนไม่ได้ต่างจากคนทั่วไปเลยเมื่อรู้ว่าร่างของชาวตงหลิวทั้งหมดกองถมกันอยู่ริมทะเล เตรียมทำการเผาในเวลาพระอาทิตย์ตก อินชิงเสวียนจึงอยากไปดูด้วยทุกคนมายังริมทะเล ปรากฏว่าเห็นกองศพสูงตระหง่านอยู่ไกลๆ โดยมีมากถึงพันกว่าคนแต่น่าเสียดายมากที่ท่ามกลางศพเหล่านี้ ไม่มีร่างของโมริตะคาวาสึบาเมะเมื่อนึกถึงดวงตาคู่นั้นที่สามารถทำให้คนเห็นภาพหลอนได้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกขนลุกอย่างอดไม่ได้ และยังมีค่ายกลที่เขาพูดถึงเป็นสิ่งสุดท้าย คล้ายว่าจะมีอำนาจอย่างมาก โชคดีที่ตัวเองหลบมาได้เพียงแต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นตัวเองหมดสติไป จึงจำชื่อได้ไม่ชัดเจนมากแล้วอินชิงเสวียนกลัวว่าไอ้เด็กเปรตคนนี้จะเหมือนกับอาซือหลาน ซ่อนตัวอยู่ในมุมของเงามืด และเตรียมหาโอกาสแก้แค้นเย่จิ่งอวี้เข้าใจความคิดของเด็กสาว จึงพูดปลอบใจอยู่ข้างๆ ว่า “อีกไม่นานพวกเราก็กลับเมืองหลวงแล้ว เรื่องในยุทธภพย่อมมีผู้คนยุทธภพมาจัดการด้วยตนเอง เสวียนเอ๋อร์อย่าได้คิดฟุ้งซ่านเลยนะ”อินชิงเสวียนคิดดูแล้วก็เห็นด้วย นางและเย่จิ่งอวี้มายังเป่ยไห่ เป็

    Last Updated : 2024-06-28
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 909 วิสัยทัศน์ของเจ้าแคบเกินไปมาก

    เก่อหงยวนพูดอย่างไม่แยแสว่า “เพียงแค่กลิ่นขนหมูไหม้เท่านั้น ไม่มีอะไรสักหน่อย”ผู้อาวุโสสวีส่ายหน้าด้วยความจนใจ“เด็กน้อยอย่างเจ้านี่นะ มีเรื่องอะไรก็คิดจะมาป่วนอยู่เรื่อยเลย”ระหว่างที่พูด ได้มีลูกศิษย์สาดน้ำมันไปยังซากศพและโยนคบเพลิงเข้าไป ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังกระหึ่มทันทีกลิ่นฉุนพวยพุ่งออกมาจากกองศพ ตามมาด้วยควันดำหนา ซึ่งทำให้คนสำลักกันอย่างรุนแรงอินชิงเสวียนอุดจมูกและไอออกมาสองครั้งคิ้วของเย่จิ่งอวี้ขมวดขึ้นเล็กน้อย“ที่นี่ไม่มีอะไรน่าดูหรอก เสวียนเอ๋อร์ พวกเรากลับกันเถอะนะ!”อินชิงเสวียนพยักหน้าแต่โดยดีเวลากินเนื้อย่างตามปกติก็จะมีกลิ่นควันติดตัวมากมาย ไม่ต้องพูดถึงการเผาคนจำนวนมากขนาดนี้เลย“น้องหงยวน พวกเรากลับก่อนนะ”เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนทนกับกลิ่นไม่ได้ สายตาของเก่อหงยวนมีความภูมิใจมากยิ่งขึ้น ย่อมมีสักเรื่องที่อินชิงเสวียนเทียบนางไม่ได้จึงโบกมือด้วยรอยยิ้มในทันที“ได้สิ พรุ่งนี้ข้าจะไปเล่นกับท่านใหม่นะ”“ได้เลย”อินชิงเสวียนไม่อยากอยู่ต่อจริงๆ จึงหันหน้าเดินจากไปหลังจากเดินไปประมาณร้อยเมตร ก็เห็นนายบ่าวคู่หนึ่งเดินเข้ามา เมื่อเห็นพ

    Last Updated : 2024-06-28
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 910 การเป็นคนต้องถ่อมตน

    หยวนเป่าหดลำคอถามอีกว่า “คุณชาย พวกเราไม่ต้องตามหาเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วหรือขอรับ?” เฮ่อฉางเฟิงทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วพูดว่า “หากข้าคาดเดาไม่ผิด เขาคงถูกฮั่วเทียนเฉิงนำตัวกลับไปที่ตำหนักเทพหอทองคำแล้ว นี่ก็คือเหตุผลที่ข้าต้องรีบกลับไป เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ข้าเป็นผู้ตัดสินใจแล้วล่ะ”เสี่ยวหยวนเป่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย“คำพูดของคุณชายมีเหตุผลมากทีเดียว”จากนั้นก็ถามด้วยความสงสัยว่า “สองวันนี้ทุกคนต่างกำลังตามหาชายชุดดำผู้นั้นที่ช่วยทำลายค่ายกล คุณชายจะเป็นวีรบุรุษไร้นามจริงหรือขอรับ?” “การปิดทองหลังพระไม่ดีตรงไหนกัน การเป็นคนต้องถ่อมตน”เฮ่อฉางเฟิงหัวเราะร่า พร้อมเดินไปที่ริมทะเลด้วยความสบายใจจากนั้นครู่หนึ่งก็สำลักจนน้ำตาไหล จึงใช้แขนเสื้อเช็ดจมูกทันที และพาเสี่ยวหยวนเป่าวิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลยไม่เพียงแค่เฮ่อฉางเฟิงเท่านั้น คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้เลย การเผาร่างของชาวตงหลิว นับว่าเป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ซึ่งผู้คนเห็นด้วยในยุทธภพ หลังเสร็จสิ้นสงครามทุกครั้ง จะนำร่างของชาวตงหลิวเผาเป็นเถ้าถ่านการเผาร่างคนในต้าโจวเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง นี่นับว

    Last Updated : 2024-06-28
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 911 เลี้ยงส่ง

    เย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ “ยังไม่สาย พวกเราก็เพิ่งมาถึง”เฮ่อฉางเฟิงยกเสื้อคลุมแล้วนั่งลงตรงข้ามกับทั้งสองคน พูดด้วยสีหน้าละอายใจ “เด็กรับใช้ยืนกรานจะนำไข่มุกจากเป่ยไห่กลับไป จึงต้องตามเขาไปเดินตลาด ทำให้พลาดเวลาโดยไม่ได้ตั้งใจ อาหารมื้อนี้ข้าน้อยจะเลี้ยงเอง เพื่อเป็นการไถ่โทษ”“คุณชายเฮ่อเกรงใจเกินไปแล้ว วันนี้เป็นเราสองสามีภรรยาที่ต้องเลี้ยงอำลาคุณชายต่างหาก คุณชายอย่าได้แย้งเลย”อินชิงเสวียนยืนขึ้น ส่งน้ำชาให้กับเฮ่อฉางเฟิงด้วยตัวเอง“ขอบคุณแม่นางอิน”เฮ่อฉางเฟิงรับถ้วยด้วยมือทั้งสองข้าง กิริยามารยาทไม่ขาดตกบกพร่องทั้งหมดคุยกันสักพัก จากนั้นอาหารและเครื่องดื่มก็ถูกยกออกมาจนครบกลิ่นไหม้ข้างนอกทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกคลื่นไส้ นางกินไม่กี่คำแค่พอเป็นพิธี ซึ่งเย่จิ่งอวี้และเฮ่อฉางเฟิงก็เช่นเดียวกัน“ไม่ทราบว่าบ้านของพี่เฮ่ออยู่ที่ไหน มีหลักประกันความปลอดภัยการเดินทางหรือไม่ หากต้องการ ข้าสามารถขอยืมศิษย์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จากเจ้าสำนัก เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของพี่เฮ่อได้”เย่จิ่งอวี้นิยมชมชอบผู้มีความรู้ความสามารถมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่มีทางอดทนกับเสี่ยวเสวียนจื่อผู

    Last Updated : 2024-06-28
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 912 ที่นั่นไม่ใช่ที่ของแม่

    ทั้งสองผลัดถ้วยแลกจอกร่ำสุรากัน จากนั้นไม่นาน สุราไหนั้นก็หมดถึงก้นไหแม้ว่าสุราในสมัยโบราณจะมีดีกรีไม่สูงมาก แต่ทุกคนต่างยังเมามายอยู่บ้างหยวนเป่าอดไม่ได้ที่จะเตือนด้วยเสียงแผ่วต่ำ “คุณชาย ท่านดื่มน้อยๆ เถอะขอรับ!”ดวงตาของเฮ่อฉางเฟิงหรี่ลง“ยุ่งน่า”แววตาในตอนนี้ ทำให้อินชิงเสวียนอึ้งไปเล็กน้อยพลังอันเฉียบคมนิ่งขึงขนาดนี้ ไม่เหมือนแววตาที่คนเรียนหนังสือพึงมีหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฮ่อฉางเฟิงก็กลับมามีใบหน้ายิ้มแย้มอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแก้มของเขาเริ่มแดงแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้ากับข้าก็ดื่มกันไปไม่น้อยแล้ว วันนี้พอเท่านี้เถอะ ใต้หล้าไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ถ้ามีชะตาต้องกัน สักวันคงได้พบกันอย่างแน่นอน”เฮ่อฉางเฟิงยังอารมณ์ค้างอยู่ แต่ก็ยังพยักหน้า“เอาเถิด ถึงเราจะนั่งดื่มที่นี่ทั้งคืน อย่างไรก็ต้องแยกจากกันอยู่วันยังค่ำ มิสู้ทิ้งไว้ให้หลงเหลือความคิดถึง เฝ้ารอวันที่จะได้พบกันใหม่”ทันใดนั้นความโศกเศร้าพลันท่วมท้นหัวใจการกลับเพียวเมี่ยวอิ๋นเฉิง ก็เหมือนกับการเข้าคุก เขากับพวกเขา...เกรงว่าจะไม่มีวันได้พบกันอีก...พวกเขาทั้งสามแยกกันที่หน้าประตูเหลาสุรา เมื่

    Last Updated : 2024-06-29
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 913 เจ้าจะคิดถึงข้าหรือไม่

    เมื่อเห็นทั้งสองไม่อาจพรากจากกันได้ อินชิงเสวียนก็ค่อนข้างรู้สึกเสียใจเย่จิ่งอวี้เล่าเรื่องในเด็กของเขาให้นางฟังน้อยมาก แต่อินชิงเสวียนยังพอสืบความได้อยู่บ้างแต่ไหนแต่ไรมาองค์ชายในวังมักจะได้ดีเพราะมารดา หากตระกูลมารดามีความสามารถน้อย องค์ชายก็จะเป็นที่โปรดปรานได้ยากแม้ว่าหวนไท่เฟยจะเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธภพ แต่ไม่มีรากเหง้าในวัง ต่อมาก็แกล้งตายจากไป ทิ้งเย่จิ่งอวี้ไว้เพียงลำพัง ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าชีวิตนั้นคงยากลำบากอย่างไรอินชิงเสวียนถึงขั้นสามารถจินตนาการว่าเขาถูกองค์ชายคนอื่นเยาะเย้ยอย่างไร ไม่ได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ผู้ล่วงลับไปแล้วอย่างไรในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่าโชคดีมาก ที่เย่จิ่งอวี้ไม่ยอมแพ้ต่อตัวเอง หากแต่พึ่งพาความสามารถของเขาเองในการครองบัลลังก์ไม่ว่าจะก่อกบฏก็ดี หรือวางแผนแย่งชิงบัลลังก์ก็ช่าง อินชิงเสวียนไม่คิดว่ามีเย่จิ่งอวี้จะผิดอะไร ยิ่งไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์เขาด้วยมุมมองของเทพสตรีถ้าตัวเองเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น คงจะใช้ทุกวิถีทางที่จำเป็นเพื่อเหยียบย่ำคนที่รังแกนางและทำให้นางอับอายแน่นอนยิ่งไม่ต้องพูดถึง เย่จิ่งอวี้ที่มีความคิดก

    Last Updated : 2024-06-29
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 914 คำไหนคำนั้น

    “สำนักทั้งหมดจะไปจากเป่ยไห่ อาศัยแค่เจ้ากับหวังซุ่น จะทำลายตงหลิวได้อย่างไร”อินชิงเสวียนถามพลางขมวดคิ้วนางสามารถเข้าใจความรู้สึกของเย่จิ่งหลานได้ นางเองก็เป็นเยาวชนผู้เคียดแค้นเช่นกัน เพียงแต่มีบุคลากรไม่เพียงพอ แล้วนางจะวางใจได้อย่างไรเย่จิ่งหลานพูดช้าๆ “ด้วยค่าตอบแทนสูงๆ ต้องมีผู้กล้าหาญแน่นอน จอมยุทธ์ในเป่ยไห่ทุกคนใช่ว่าจะเป็นยอดฝีมือในสำนักต่างๆ เสียหมด ยังมีจอมยุทธ์พเนจรอีก คนเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่ข้าจะรับสมัคร”“เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ”อินชิงเสวียนถามอีกครั้งเย่จิ่งหลานพยักหน้าอย่างมั่นคง“แน่นอน ข้าสาบานกับตัวเองแล้ว หากทำลายตงหลิวไม่ได้ จะไม่กลับเมืองหลวงอีก!”เมื่อเห็นความดื้อรั้นในดวงตาของเขา อินชิงเสวียนก็รู้ว่านางไม่สามารถโน้มน้าวใจเขาได้“ถ้าเจ้าตัดสินใจจริงๆ ข้าจะให้ความช่วยเหลือกับเจ้าอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่จำเป็นสำหรับการต่อเรือ อาหารที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไกล หรืออาวุธเหล็ก ข้าก็สามารถให้เจ้าได้ แต่ว่า เจ้าต้องสัญญากับข้าเรื่องหนึ่ง”เย่จิ่งหลานมองไปด้านข้างแล้วถามว่า “เรื่องใด”อินชิงเสวียนเอื้อมมือออกมา แล้วกดไหล่ของเขาอย่างแรงพูดเน

    Last Updated : 2024-06-29

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status