แชร์

บทที่ 89 สวะกลุ่มหนึ่ง

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เขาไปสนามฝึก จะให้ตัวเองตามไปด้วยทำไมกัน

อินชิงเสวียนไม่อยากไปอย่างมาก ดวงอาทิตย์ที่แผดเผาเช่นนี้ ยืนนานเพียงวินาทีเดียวก็สามารถรีดน้ำมันออกมาได้ คงไม่สบายเท่ากับการยืนหน้าก้อนน้ำแข็งมหึมาหรอก

เย่จิ่งอวี้ก้าวเท้าออกมาจากห้องหนังสือ

“จูงม้าหลวงของข้ามา”

จากนั้นไม่นาน ม้าสีดำเงางามลำตัวสูงใหญ่ก็ถูกจูงออกมา

แม้อินชิงเสวียนจะดูม้าไม่เป็น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชมเชยออกมา

“ม้าดี”

ม้าตัวนี้สูงกว่าม้าธรรมดากึ่งหนึ่ง มีดวงตาที่สดใสมีชีวิตชีวา มีบังเหียนผ้าลื่นสีเหลืองห้อยอยู่บนตัว พร้อมกับพู่ห้อยลงมาที่ท้องม้า สี่เท้าของมันแข็งแรงและสุขภาพดี มองผ่านๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่ม้าธรรมดา

เย่จิ่งอวี้พลิกตัวขึ้นม้าด้วยท่าทางที่สง่างาม

“ขี่ม้าเป็นหรือไม่”

เขาเลิกคิ้ว มองไปยังอินชิงเสวียน

เมื่อรู้ว่าขี่ม้าออกไปได้ อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

รีบพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเทียนจูงม้าสีแดงลูกท้อมาให้นาง

อินชิงเสวียนจับบังเหียนพร้อมกับขึ้นม้า ทันใดนั้นก็ค้นพบบางสิ่ง ม้าของต้าโจวไม่มีโกลนม้า

ตอนเด็กขี่ม้าน้อยในบ้านก็ไม่มีโกลนม้าเช่นกัน แม้แต่อานม้าก็ไม่มี แต
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 90 ราชาแห่งความสุดยอดทั้งห้า

    จางเถี่ยโผบินถอยหลัง แต่ยังคงช้าไปหนึ่งก้าวไหล่ของเขาถูกกระแทกอย่างแรง และร่างอันใหญ่โตของเขาก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังกึกก้องอินชิงเสวียนที่อยู่บนแท่นประลองตกใจจนอ้าปากค้างนางรู้ว่าเย่จิ่งอวี้มีวิทยายุทธ์ แต่ไม่คิดว่าฝีมือของเย่จิ่งอวี้จะเก่งกาจถึงเพียงนี้ชายร่างสูงเช่นนี้กลับถูกเขากระแทกลงกับพื้นอย่างง่ายดายฉินเทียนยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ “เสี่ยวเสวียนจื่อเพิ่งเห็นฝ่าบาทแสดงฝีมือเป็นครั้งแรกแน่นอน พวกเราต่างก็โดนฝ่าบาทตีมาไม่น้อยเหมือนกัน” อินชิงเสวียนพยักหน้าด้วยใจจริง“ฝ่าบาททรงเก่งกาจเสียจริง” แม้ว่านางไม่รู้วิชามวย แต่กลับมองออกว่าเย่จิ่งอวี้มีฝีมือที่ดีมาก สง่างามเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นรองนักแสดงบู๊ในยุคใหม่ฝีมือขนาดนี้หากฝึกไม่ถึงสิบปี ทำเช่นนี้ไม่ได้แน่นอนหลี่ชีพูดขึ้นอย่างภูมิใจว่า “ฝ่าบาทไม่เพียงมีวรยุทธ์ที่เก่งกล้า ศิลปะสี่แขนงทั้งดีดพิณ หมากล้อม เขียนพู่กัน และวาดภาพก็ทรงชำนาญเป็นอย่างมาก เมื่อเจ้าอยู่กับพระองค์นานมากขึ้น เจ้าก็จะรู้ไปทุกสิ่ง” “ฝ่าบาททรงชำนาญศิลปะสี่แขนงด้วยหรือ” อินชิงเสวียนตกใจเล็กน้อยตอนเด็กๆ เย่จิ่งอวี้โตขึ้นมาอย่างไรกันเนี่ย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 91 ดำริของโอรสสวรรค์

    ขณะที่ทุกคนกำลังแยกย้ายกันไป ก็ได้ยินคนผู้หนึ่งโพล่งขึ้นด้วยความโกรธ “เหลวไหล ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลที่สุด ฝ่าบาทถึงขั้นให้ขันทีน้อยผู้หนึ่งมาฝึกทหารที่ลานต่อสู้ หากรู้ถึงแคว้นอื่น ต้าโจวเรามิกลายเป็นที่ขบขันว่าไร้ผู้มีความสามารถหรอกหรือ”เมื่ออินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นชายชราร่างสูงมีหนวดเคราและเส้นผมสีขาวโพลนที่เดินมาแต่ไกล โดยที่ขาข้างหนึ่งยังเดินโขยกเขยกข้างกายของชายชรายังมีชายหนุ่มในวัยยี่สิบเศษๆ ตามมาด้วย ซึ่งชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดเกราะสีเงินแวววาว รูปร่างหน้าตาได้สัดส่วนงดงามชายชราผลักชายคนนั้นออกไป แล้วคุกเข่าลงกับพื้นด้วยหน้าตาตื่นๆ“ฝ่าบาท โปรดทบทวนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่วอวี้ถือสายบังเหียนไว้ในมือ นั่งตัวตรงบนหลังอาชา ใบหน้าสลักเหลาอยู่ในอาการสงบ“นี่เป็นคำขอของแม่ทัพซ่ง เราให้เขาสมหวังแล้ว จอมพลเฒ่ากวนไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรอีกแล้ว”ซึ่งบุคคลผู้นี้หาใช่ผู้ใดไม่ หากแต่เป็นจอมพลผู้บัญชาการทหารสูงสุด กวนฮั่นหลินและผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็คือหลานชายคนโตของตระกูล กวนเซี่ยวกวนฮั่นหลินพูดเสียงก้อง “บรรพบุรุษมีคำกล่าวขาน ขันทีมิอาจก้าวก่ายกิจการบ้านเมือง โดยเฉพาะการฝึกทหารยิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 92 บุรุษสามัญผู้มั่นหน้า

    อินชิงเสวียนค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจคิดไม่ถึงว่าต้าโจวจะมีระบบแปลกๆ เช่นนี้ มิน่าเล่าวันนั้นนางบอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งแสวงหาความร่ำรวย เย่จิ่งอวี้ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพียงนั้นเย่จิ่วอวี้กล้าที่จะทำลายระบบดั้งเดิมของบรรพบุรุษ เชื้อเชิญผู้มีปัญญาจากทั่วทุกสารทิศ ซึ่งการทำเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นฮ่องเต้ผู้ปรีชา แต่เหตุใดถึงได้ชิงชังตระกูลอินมากเพียงนี้หรือว่าตระกูลอินคิดคดทรยศจริงๆเจ้าของร่างเดิมเติบโตมาในตระกูลอิน หากบิดาและพี่ชายมีใจคิดเป็นอื่นจริง นางจะไม่สังเกตได้อย่างไรซึ่งข้อสรุปที่ง่ายที่สุดก็คือ ถ้าอินจ้งมีใจคิดกบฏจริงๆ เขาต้องสนับสนุนให้เย่จิ่งเย่าครองบัลลังก์ และไม่ต้องถูกลดขั้นส่งตัวไปยังชายแดนเช่นนี้เมื่อนึกถึงความไว้เนื้อเชื่อใจของจอมพลเฒ่าที่กล่าวถึงอินจ้ง นางก็อดขมวดคิ้วเสียมิได้สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่จิ่วอวี้ก็ได้กล่าวขึ้นว่า “เรารู้ว่าเจ้าฉลาดอยู่บ้าง แต่การฝึกทหารไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะสอนวิธีการฝึกขั้นพื้นฐานบางอย่างให้เจ้า แต่เจ้าต้องจำไว้ให้ดี”อินชิงเสวียนตอบรับส่งๆ “พ่ะย่ะค่ะ”จากนั้นเย่จิ่วอวี้พูดอะไรบ้าง นางแทบไม่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 93 ทำให้ท่านมีความสุขราวกับขึ้นสวรรค์

    เมื่อเห็นก้อนไขมันที่น่าขยะแขยงบนพุงยื่นๆ ของเย่จิ่งเย่า อินชิงเสวียนก็รู้สึกคลื่นไส้เนื่องจากประตูถูกลงกลอนไว้จากด้านนอก ก็หมายความว่าผ่านการเห็นชอบจากไทเฮาแล้ว หากไม่มีคำสั่งของนางและเย่จิ่งเย่า ตัวเองก็ไม่สามารถออกไปได้เลยเย่จิ่วอวี้ไม่สามารถมาช่วยตัวเองได้เสมอไป ตอนนี้นางทำได้เพียงช่วยตัวเองเท่านั้นอินชิงเสวียนไม่พูดพล่าม และตรงเข้าไปในมิติทันทีเย่จิ่งเย่าที่กำลังจะโผเข้าหา แต่ทันใดนั้นรู้สักตาพร่ามัว แล้วอินชิงเสวียนก็หายตัวไปเย่จิ่งเย่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเกิดอะไรขึ้นคนผู้หนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไปกลางอากาศงั้นหรือเขาถอยหลังไปหลายก้าว แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรอยู่ในห้องเย่จิ่งเย่าอดไม่ได้ที่จะเหงื่อออกหรือว่าอินชิงเสวียนตายไปแล้วจริงๆ และสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือวิญญาณของนางพอนึกถึงโถใส่อัฐิที่ลู่จิ้งเสียนกล่าวถึง เย่จิ่งเย่าก็ขนลุกซู่อย่างอดมิได้ขณะที่เขากำลังจะเคาะประตูออกไป ดวงตาของเขาก็พร่ามัว และอินชิงเสวียนก็ปรากฏตัวขึ้นอีก โดยถือสิ่งที่คล้ายแท่งสีดำอยู่ในมือเย่จิ่งเย่าตกใจ ผงะถอยหลังไปหลายก้าว“เจ้า เจ้าเป็นคนหรือผี”อินชิงเสวียนยิ้มเย็น ถามว่า “เจ้าคิดว่าข้าเป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 94 การค้ามาหาถึงที่

    ณ หอปี้สุ่ยฉู่หลิงอวี้กำลังเดินไปมาในเรือนเจ้าเด็กบ้านั่นไปนานเกือบชั่วยามแล้ว เหตุใดยังไม่กลับมาอีกกรือว่าเกิดอะไรขึ้นขณะที่นางกำลังจะส่งคนออกไปถาม อินชิงเสวียนก็เดินเข้าประตูมา“บ่าวน้อมคำนับนายหญิงฉู่”ฉู่หลิงอวี้รู้สึกดีใจทันที “ลุกขึ้นเร็วเข้า”จากนั้นก็หันไปบอกขันทีกับนางกำนัลว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง พวกเราไปคุยกันในห้อง”“ขอรับ”อินชิงเสวียนเดินตามเข้าไปในห้อง แล้วแสร้งถามขึ้น “ไม่ทราบว่านายหญิงต้องการหาบ่าวด้วยเรื่องอันใด”ฉู่หลิงอวี้กัดริมฝีปาก แล้วพูดด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อย “ยกตัวนั้น...ไม่ทราบว่ากงกงยังมีอีกหรือไม่”เมื่อวานนี้ นางไปที่หอฉงฮวา สังเกตเห็นทันทีว่าซูฉ่ายเวยเชิดหน้าอกตรง ทรวงอกตั้งตรงตระหง่าน โดดเด่นสะดุดตายิ่งนักฉู่หลิงอวี้งุนงงไม่น้อย ปกติตรงส่วนนั้นของนางดูแบนมาก เหตุใดจู่ๆ ถึงได้อวบอิ่มได้รูปนางใช้เงินจำนวนหนึ่งถึงได้ทราบว่า ที่แท้ซูฉ่ายเวยซื้อของวิเศษที่เรียกว่ายกทรงจากเสี่ยวเสวียนจื่อแม้ว่าตัวเองจะมีหน้าอกมากกว่าซูฉ่ายเวยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ชัดเจนเท่ากับตอนที่นางสวมยกทรง แม้แต่ตัวเองที่เป็นหญิงยังอดไม่ได้ที่จะจ้องมองตรง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 95 แค้นนี้ต้องชำระ

    “องค์ชายน้อยหลับไปแล้วเพคะ หลายวันมานี้เขากินเยอะมาก สองวันกว่าๆ ก็ดื่มนมผงหมดไปถุงหนึ่งแล้ว”ยายหลี่เดินตามมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พอพูดถึงเจ้าหมาน้อยก็อดยิ้มมิได้“งั้นอีกประเดี๋ยวข้าจะไปขอนมผงจากท่านเซียนอาวุโส ช่วงนี้ข้าอาจจะยุ่งสักพัก อาจจะไม่ได้มาที่นี่บ่อยๆ อย่าให้ของกินขาด ถ้าพวกเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้า”เมื่อครู่ที่เข้าไปในมิติอินชิงเสวียนพบว่าพืชผลอีกชุดหนึ่งเก็บเกี่ยวได้แล้ว แต่เนื่องจากนางต้องรีบขายสินค้า จึงไม่มีเวลาเก็บเกี่ยว พอดีจะได้เข้าไปเก็บเกี่ยวเสียทีเดียวเลยยายหลี่รีบพูดว่า “ไม่มีอะไรขาดเพคะ พระสนมเป็นห่วงแค่องค์ชายน้อยก็พอ”ขณะที่พวกนางกำลังคุยกัน ทั้งสองก็เข้าไปในห้องแล้ว จึงพบว่าเจ้าหมาน้อยตื่นแล้ว ขาเล็กๆ จ่ำม่ำกำลังถีบอากาศ และดูดกำปั้นเล็กๆ ของตัวเองเมื่อเห็นอินชิงเสวียน เจ้าหมาน้อยก็ดีใจทันที มือไม้โบกไหวๆ ขอให้อุ้มยายหลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เหตุใดองค์ชายน้อยถึงตื่นเร็วนัก เป็นเพราะรู้ว่าพระสนมกลับมาแน่เลย”อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปอุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้นมา เจ้าหน฿น้อยเกาะติดกับร่างของนางทันที วันนี้ทำตัวเป็นเด็กดีมาก“คิดถึงแม่รึ”อินชิงเสวียนอุ้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 96 สงครามน้ำลายกับเหล่าขุนนาง

    “แน่อยู่แล้วขอรับ ขอบคุณหลี่กงกง เช่นนั้นข้าขอตัวไปนอนแล้ว”อินชิงเสวียนอารมณ์ดีมากวันนี้ไม่เพียงแต่ได้สั่งสอนเย่จิ่งเย่า แต่ยังขายของได้ถึง 5,000 ตำลึง สิ่งที่น่าพึงพอใจที่สุดคือ ได้รับอีก 100 คะแนนในมิติ และเก็บเกี่ยวธัญพืชได้อีกชุดหนึ่งหลี่เต๋อฝูโบกมือ“กลับไปเถอะ”อินชิงเสวียนสามารถแข่งขันกับซ่งเฉียวอันได้ในครั้งนี้ ก็ทำให้หลี่เต๋อฝูได้หน้าได้ตามากอย่าเห็นว่าต่อหน้าเขาขุนนางเหล่านั้นดูสุภาพ แต่ลับหลังกลับเรียกว่า ขันทีพิการ ขันทีบ้าเจี๋ยนสั้น ขันทีบ้าเจี๊ยนยาว ทุกครั้งที่หลี่เต๋อฝูได้ยินก็อยากจะด่าพ่อล่อแม่พวกนั้นให้เข็ด หากไม่ถูกบีบให้อับจนหนทาง ผู้ใดจะยอมเป็นคนประเภทไม่หญิงไม่ชายเมื่อได้ยินฮ๋องเต้พูดถึงเรื่องนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น หากเสี่ยวเสวียนจื่อสามารถเอาชนะได้ ขันทีเช่นพวกเขาก็จะเกิดความภาคภูมิใจไปด้วยในตำหนักเย่จิ่วอวี้ไม่รู้สึกง่วงนอนเลยเขาสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวเหมือนหิมะ ยืนอยู่หน้าหน้าต่างดวงตาหงส์แลมองแสงจันทร์เหนือเศียร ขนงย่นเล็กน้อย ราวกับเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มที่อธิบายไม่ได้ในใจถึงกับรู้สึกเสียใจภายหลังไม่ควรตกลงทำตามคำขอของซ่งเฉียวอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 97 ข้าอยากฝึกทหารม้า

    อินชิงเสวียนทั้งสามสามคนมาถึงบริเวณสนามฝึกแล้วซ่งเฉียวอันและแม่ทัพผู้อื่นก็มาถึงนานแล้ว เพื่ออยากมาดูให้เห็นว่าว่าขันทีบ้าผู้นี้จะสามารถทำอะไรได้บ้างแม้ว่าเขาจะเป็นแม่ทัพของต้าโจว แต่หัวใจของเขากลับลำเอียงเข้าข้างเย่จิ่งเย่าที่เป็นอันผิงอ๋องซ่งเฉียวอันมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เรื่องลูกสายตรงลูกอนุนั้นฝังแน่นลึกในจิตใจ แม้ว่าเย่จิ่งอวี้ได้รับการสถาปนาเป็นองค์รัชทายาทก่อนแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นองค์ชายที่เกิดจากสนม ไม่สมควรที่จะสืบทอดบัลลังก์ นอกจากนี้ในราชสำนักยังมีขุนนางอีกมากมายที่คิดเช่นเดียวกับเขาที่กล่าวเช่นนั้นไปเมื่อวาน ก็เพราะอยากให้ฮ่องเต้เสียหน้า ไม่คิดว่าฮ่องเต้จะเห็นด้วยจริงๆ เช้าวันนี้ ทุกคนมาที่นี่ตั้งแต่เช้าก็เพื่อมารอดูเรื่องตลกเมื่อเห็นอินชิงเสวียนทั้งสามคนมาถึงแล้ว ซ่งเฉียวอันก็ยืนเอามือไพล่หลัง เชิดหน้าชูคอพูดกับอินชิงเสวียนว่า “ทัพหน้ามีทหารทั้งหมดแปดพันนาย ตามความเห็นของข้า ไม่จำเป็นต้องทรมานพวกเขาทั้งหมด ให้เจ้ากับข้าคัดเลือกทหารคนละหนึ่งร้อยนายมาทำการฝึกซ้อม หลังจากนั้นอีกสิบห้าวันค่อยมาตัดสินว่าผู้ใดเหนือกว่ากัน ว่าอย่างไร”อินชิงเสวียนรู้สึกไม่ด

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1456 ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้

    “ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1455 การทดสอบของพ่อหนุ่มน้อย

    เมื่อเห็นชายคนนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที อินชิงเสวียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“คุณบอกว่า...คุณชื่อเย่จิ่งหลานไม่ใช่เหรอ”ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ใช่น่ะสิ ผมชื่อเย่จิ่งหลานแล้วมันขัดแย้งอะไรกับเรื่องที่ผมเป็นหมอล่ะ”เสี่ยวหลานหลานที่อยู่ข้างๆ สั่นศีรษะ พูดอย่างน่ารัก “ก็ไม่ขัดแย้ง”เย่จิ่งหลานยักไหล่“งั้นก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผมอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณสาวสวยคนนี้ที่ช่วยเหลือ เพิ่มเพื่อนในไลน์ได้ไหม”เย่จิ่งหลานสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่มันก็ว่างเปล่าเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์หายไปไหน“แล้วคุณรู้ไหมว่าคุณมาจากโรงพยาบาลไหน”“รู้...”เย่จิ่งหลานพูดขึ้นมาคำหนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้งเขาจำได้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะไปคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อมาก็ฝันอะไรตั้งมากมาย ในฝันเหมือนเขาจะกลายเป็นอ๋อง แล้วต่อมาก็ได้เป็นจอมยุทธ์เมื่อมองดูเตียงในโรงพยาบาลตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงขึ้นมาทันทีเขายกนิ้วขึ้นแตะหัวเตียง ผิวสัมผัสเย็นๆ บอกเขาว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต

DMCA.com Protection Status