แชร์

บทที่ 868 ความคิดของฉุยอวี้

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“ลุกขึ้นเถอะ”

ฉุยอวี้จิบชา แล้วพูดเบาๆ

ตั้งแต่ถูกนำกลับมาที่สำนักเซียวเหยา เด็กหนุ่มคนนี้ก็สลบไสลไม่ได้สติตลอดเวลา คืนนี้เพิ่งฟื้นขึ้นมา

ฉุยอวี้ตรวจชีพจรของเขาหลายครั้ง แต่ไม่พบอะไรเลย

ฉางเฮิ่นเทียนมีกำลังภายในบ้างก็จริง แต่อ่อนแอมาก แย่กว่าศิษย์ทั่วไปของสำนักมาก คนเช่นนี้จะมาจากเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงได้อย่างไร

“เจ้ามาจากอิ๋นเฉิงจริงๆ หรือ”

ฉุยอวี้มองเขาแล้วถามขึ้น

ฉางเฮิ่นเทียนคุกเข่าลงบนพื้น แล้วพูดด้วยความเคารพ “เรียนเจ้าสำนัก เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

ฉุยอวี้แค่นเสียงหึแล้วพูดว่า “ในอิ๋นเฉิงจะมีคนอ่อนแอเช่นเจ้าได้อย่างไร”

ฉางเฮิ่นเทียนกล่าขึ้นโดยเร็ว “ข้าน้อยไม่ใช่ศิษย์ของอิ๋นเฉิง ข้าน้อยทำงานหยุมหยิมในครัว เพราะคุณสมบัติมีจำกัด จึงไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้ใน”

ฉุยอวี้แค่นเสียงหึอีกครั้งว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ใช่ศิษย์สำนักด้วยซ้ำ แล้วเจ้าออกมาได้อย่างไร”

ฉางเฮิ่นเทียนกล่าวด้วยความเคารพ “มีคนเปิดประตูอิ๋นเฉิง ข้าน้อยจึงใช้โอกาสนี้หลบหนี”

ฉุยอวี้ถามอีกครั้ง “คนที่เจ้ากำลังพูดถึงคือใคร”

ฉางเฮิ่นเทียนกลอกตาแล้วพูดว่า “เขาเป็นศิษย์หนุ่มที่มีทักษะวรยุทธ์ที่สูงมาก”

ฉุยอวี้ขมวดคิ้ว

“เหตุใ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 689 เข้าสู่วิถีเป็นครั้งแรก

    “เด็กหนุ่มที่เจ้าจับไปอยู่ที่ไหน พาข้าไปหาเขาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ข้าจะให้เจ้าหลั่งเลือดอยู่ตรงนี้”ร่างสูงยืนอยู่ในความมืด น้ำเสียงไม่เย็นชา แต่พลังรัศมีนั้นวางอำนาจอย่างยิ่ง“เจ้าเป็นใคร”น้ำเสียงของเฟิงเอ้อร์เหนียงสงบ นางอยู่ในยุทธภพมาหลายปีแล้ว จึงสงบสติอารมณ์ได้ดี“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”เฮ่อฉางเฟิงขยับปลายนิ่วเล็กน้อย ปราณกระบี่ก็พุ่งออกมาจากนิ้วของเขา เฟิงเอ้อร์เหนียงรู้สึกเจ็บแปลบที่ลำคอ แล้วก็มีเลือดไหลออกมามุมปากของเฟิงเอ้อร์เหนียงกระตุกเล็กน้อย ทว่าใบหน้ายังคงสงบราวกับน้ำ“เจ้าไม่บอกข้า ทำไมข้าต้องบอกเจ้า”“คิดจริงๆ หรือว่าถ้าเจ้าไม่บอก แล้วข้าจะหาคนไม่เจอ?”เฮ่อฉางเฟิงไม่ต้องการพูดไร้สาระกับนาง เขาจึงจี้สกัดจุดที่หว่างคิ้วของเฟิงเอ้อร์เหนียง ภาพเบื้องหน้าของเฟิงเอ้อร์เหนียงมืดลง และหมดสติล้มลงบนพื้นทันทีจากนั้นเดินออกจากห้อง สะกดกลั้นลมปราณ มองหากลิ่นอายของฉางเฮิ่นเทียนขณะที่ยืนนิ่ง ก็รู้สึกถึงกลิ่นอายแปลกๆ ข้างหลังเขา ทันทีที่หันหลังกลับก็ปะทะฝ่ามือกันผู้มาใหม่เต็มๆน่าเสียดายที่คนผู้นี้คือฮั่วเทียนเฉิงอีกแล้วเดิมทีเขากลับไปที่โรงเตี๊ยม แต่กลับรู้สึกหงุดห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 870 ทักษะที่ช่วงชิงมา

    เมื่อสบตากัน เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเวียนหัวทันทีดูเหมือนว่าทั้งคนจะตกอยู่ในมโนภาพอีกครั้ง ฉากนองเลือดนับไม่ถ้วนแวบออกมา หัวใจเต้นแรงอย่างคุมไม่ได้อินชิงเสวียนกะพริบตายิ้ม“อาอวี้ มีอะไรหรือ”เย่จิ่งอวี้รู้สึกตัวขึ้นมาทันที“ม่ะ ไม่มีอะไร”อินชิงเสวียนเอียงคอมองเขา ด้วยสายตาขี้เล่นคู่นั้นของหญิงสาว “หรือว่าข้าโคจรลมปราณไม่ถูกต้อง?”เย่จิ่งอวี้วางนิ้วลงบนชีพจรของอินชิงเสวียน เส้นลมปราณของหญิงสาวนั้นราบรื่น ไม่มีอะไรผิดปกติ“ไม่มี เสวียนเอ๋อร์ทำถูกแล้ว”เย่จิ่งอวี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “เสวียนเอ๋อร์เคยฝึกฝนวรยุทธ์แบบอื่นหรือไม่”อินชิงเสวียนส่ายหัว“ไม่มีนะ ทำไมอาอวี้ถามแบบนั้น”“เมื่อครู่ข้าเห็นแสงสีม่วงลอยวนอยู่บนฝ่ามือของเจ้า มันไม่ใช่วิทยายุทธ์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ถึงได้ถามเช่นนั้น”สำหรับดวงตาของอินชิงเสวียนนั้น เย่จิ่งอวี้ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดีความรู้สึกนั้นคล้ายกับตอนที่มองตาของเถียนเซินหลินมาก แต่ก็แน่ใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่หญิงสาวจะเรียนรู้วรยุทธ์ของเขาอินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าแค่เรียนเพลงยุทธ์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ที่อาอวี้สอนข้าเท่านั้น ไ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 871 วิธีตอบโต้

    สีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปพร้อมกันทันที“เป็นไปได้อย่างไร อินชิงเสวียนจะมีพลังวิญญาณได้อย่างไร”“ใช่แล้ว ศิษย์พี่ฮั่ว ท่านเข้าใจผิดหรือเปล่า”เสียงของฉุยอวี้เริ่มเย็นชา แต่เฟิงเอ้อร์เหนียงกลับมีสีหน้าประหลาดใจฮั่วเทียนเฉิงพูดอย่างหนักแน่น “ข้าได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้ว เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ขอเพียงพวกเจ้าสามารถทำให้ข้าพาเด็กสาวแซ่อินกลับไปที่ตำหนักเทพได้ เรื่องอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา”พวกนางทั้งสองอยู่ในเป่ยไห่มานาน ทั้งยังเป็นสตรีทั้งคู่ การเข้าใกล้ชิดกับอินชิงเสวียนย่อมทำได้ง่ายกว่าเขามากฉุยอวี้ขยิบตาให้เฟิงเอ้อร์เหนียงทันที“ในเมื่อศิษย์พี่ฮั่วมั่นใจมากเพียงนี้ เช่นนั้นเราจะหาวิธีที่จะช่วยให้ท่านทำสำเร็จได้แน่นอน”“ดีมาก เป่ยไห่ไม่ควรอยู่นานจริงๆ จะได้ไม่เกิดปัญหาแทรกซ้อนที่ไม่จำเป็น”เมื่อคิดถึงยอดฝีมืออิ๋นเฉิงที่ซ่อนอยู่ในที่มืด ฮั่วเทียนเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาคนผู้นี้ลึกลับซับซ้อน วรยุทธ์ยิ่งไม่อาจคาดเดาได้ เว้นแต่พวกเขาสามคนร่วมมือกันโจมตี ไม่อย่างนั้นก็ยากที่จะทำร้ายเขาได้บางทีเขาอาจจะมาที่นี่เพื่อพลังวิญญาณเช่นกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่มาเตือนตัวเองหลายคร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 872 ข้าเป็นบรรพบุรุษของเจ้า

    ณ เกาะตงหลิวจักรพรรดิประทับอยู่ในพระราชวังอันโกโรโกโสของเขา ดวงตาไหววูบไม่แน่นิ่งในคราวนี้ ตงหลิวเรียกได้ว่าหัวกะทิเข้ามาแล้วก็ออกไป ถ้าไม่สำเร็จก็สละชีพที่เหลืออยู่ล้วนมีแค่คนแก่ ผู้อ่อนแอ ผู้หญิงและเด็ก รวมถึงทหารองครักษ์จำนวนไม่มากที่เฝ้าอารักขาพระราชวังครั้นนึกถึงการดิ้นรนต่อสู้ตลอดหลายปี ความคิดของเขาก็ดำดิ่งลงเมื่อมองดูพืชพรรณอันเยือกเย็นตรงหน้า ก็เกิดความรู้สึกคับแค้นใจได้ยินมาว่าเดิมทีพวกเขาเหล่านี้มีพื้นเพมาจากจงหยวน แต่ด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลบางประการ ถึงได้ถูกเนรเทศมาที่นี่ที่นี่มีพื้นที่ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่เท่าแมวดินตายอย่างแท้จริงไม่สามารถเพาะปลูกพืชพรรณธัญญาหารได้ และไม่ค่อยมีผักให้กิน ถ้าอยากรอด ก็กินได้แต่ของที่มีกลิ่นเหม็นคาวในทะเลเท่านั้นทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ จักรพรรดิก็โมโหจนปวดบิดในช่องท้องอย่างอดไม่ได้ตอนนี้พิณการเวกถูกทำลายไปแล้ว เป็นโอกาสอันหายากที่พันปีจะมีสักครั้ง ศึกคราวนี้มีแต่ต้องชนะเท่านั้น แพ้ไม่ได้เด็ดขาดเมื่อคิดว่าอ๋องโมริตะและแม่ทัพทั้งหลายต่างก็ออกไปรบแล้ว จักรพรรดิก็รู้สึกโล่งใจที่เขาสามารถอยู่ในตำแห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 873 ห้องมืด

    “เจ้า...”จักรพรรดิยกมือกุมอก ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆโมริตะคาวาสึบาเมะมองเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ก็เปล่งประกายเป็นแสงสีทองสองดวงเมื่อเห็นดวงตาแปลกๆ คู่นั้น จักรพรรดิอดไม่ได้ที่จะตกใจ “นี่...นี่คือเนตรลวงตาของบรรพบุรุษ ไม่เคยมีใครเรียนรู้วิธีจนนำไปใช้ได้ ทำไมเจ้าถึงทำได้”โมริตะคาวาสึบาเมะพ่นลมด้วยความไม่พอใจ“ข้าบอกเจ้าแล้ว ข้าเป็นบรรพบุรุษของเจ้า แค่เสียดายที่พวกเจ้าคุณสมบัติมีขีดจำกัด ไม่มีใครสามารถสืบทอดข้าได้อย่างแท้จริง”จักรพรรดิก้าวถอยหลังไปอีกก้าวด้วยความตกใจ“เป็นไปได้อย่างไร”ถ้าบรรพบุรุษยังมีชีวิตอยู่ ก็คงมีอายุหลายร้อยปีแล้ว จะอายุน้อยแบบนี้ได้อย่างไรโมริตะคาวาสึบาเมะรับกุญแจอย่างไม่รีบร้อน เขาพูดช้าๆ “นี่คือวิธีแปรวิญญาณของเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง เจ้าไม่รู้ก็ไม่แปลก ข้าได้รับมันโดยบังเอิญ คิดไม่ถึงว่าสิ่งนี้จะช่วยให้ข้าหลุดพ้นจากกายเนื้อได้จริงๆ”จักรพรรดิมองดูโมริตะคาวาสึบาเมะด้วยความประหลาดใจ“ในโลกนี้มีวิทยายุทธ์ที่ขัดกฎสวรรค์เช่นนี้ด้วยรึ”โมริตะคาวาสึบาเมะพูดอย่างเหยียดหยาม “โลกทัศน์ของเจ้าคับแคบเกินไป ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นไปได้”จักรพรรดิถามอีกค

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 874 สุนัขสวรรค์กลืนอาทิตย์

    เลือดพุ่งกระฉูดออกมา ใบหน้าของจักรพรรดิเปลี่ยนเป็นสีซีดในฉับพลัน โดยไม่อาจต้านทานได้เลย ได้แต่มองดูเลือดของตัวเองไหลทะลักออกจากร่างปานกระแสน้ำโมริตะคาวาสึบาเมะเก็บมีดออกอย่างคล่องแคล่วว่องไว หยิบกระปุกเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ แล้วรองเอาเลือดอย่างสบายใจเฉิบ จากนั้นเทลงในร่องบนกำแพงหินหลังจากผ่านไปสามอึดใจ ก็มีเสียงก้อนหินกระทบดังขึ้นในถ้ำโมริตะคาวาสึบาเมะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น กำลังจะมาแล้วในที่สุดห้องลับสุดท้ายก็กำลังจะเปิดออกหากได้ฝึกวิทยายุทธ์ขั้นสูงสุด เขาก็สามารถลบคำสบประมาท และบดขยี้ไอ้แก่พวกนั้นที่เคยเนรเทศเขามาที่นี่ ให้พวกนั้นตายด้วยน้ำมือของเขาเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ โมริตะคาวาสึบาเมะก็เงยหน้าขึ้น ส่งเสียงหัวเราะเสียดแก้วหูดังสะท้าน ในเวลานี้ มีก้อนหินก้อนหนึ่งตกลงมาจากเหนือศีรษะโมริตะคาวาสึบาเมะเบี่ยงตัวหลบ จากนั้นหินก้อนที่สองและสามก็ตามมา ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือนส่งเสียงดังกึกก้องเกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือว่าเลือดยังไม่พอ?เขาเอื้อมมือออกไปหิ้วร่างของจักรพรรดิที่จวนเจียนจะตายขึ้นมา บดขยี้ร่างของเขากับหินอย่างแรงจนเป็นรอย ทันใดนั้นจักรพรรดิก็ส่งเสียงร้องโหยหวนราว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 875 ศิษย์พี่ศิษย์น้อง

    เจ้าสำนักเซี่ยวกับผู้คุมตราเซี่ยวก็เดินออกจากเรือนด้านหลัง สีหน้าของสองพ่อลูกดูเคร่งขรึมมากในความเห็นของพวกเขา สุนัขสวรรค์กลืนอาทิตย์ไม่ใช่นิมิตหมายที่ดีอีกทั้งชาวตงหลิวขึ้นฝั่งในเวลานี้ การต่อสู้ครั้งนี้อาจชนะได้ไม่ง่ายในขณะที่ต่างคนต่างกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบอยู่นอกประตูเย่จิ่งหลานวิ่งเข้ามาพร้อมกับหวังซุ่นจากด้านนอก ตะโกนอย่างหอบๆ “เจ้าพวกบากะมาแล้ว ถูกแหไฟฟ้าที่ชายทะเลช็อตตายไปไม่น้อย แต่ยังมีคนนับร้อยคนมุ่งหน้ามาแต่ไกล มืดฟ้ามัวดิน คราวนี้คงจะทุ่มกำลังเต็มที่แล้วล่ะ”อินชิงเสวียนถามอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าสองคนเป็นไรไหม”เย่จิ่งหลานพูดด้วยความหวาดผวา “ยังดี พอเห็นว่าผิดปกติ พวกเราก็วิ่งหนีออกมาแล้ว เจ้ารีบไปเก็บเรือเถอะ อย่าให้ไอ้พวกโง่เง่าพวกนั้นมาทำลายล่ะ”“ได้ เจ้าช่วยปกป้องจ้าวเอ๋อร์ อวิ๋นฉ่ายกับอวี้จิ่นด้วย พวกเราจะไปชายทะเลเดี๋ยวนี้”อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็แลกความเร็วจากมิติและใช้ความเร็วนั้นพุ่งทะยานออกจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เย่จิ่งอวี้ไล่ตามอินชิงเสวียนไปติดๆ เพียงครู่เดียวก็ไม่เห็นเงา เจ้าสำนักเซี่ยวไปทีหลังแต่ถึงก่อน เขาลอยลิ่วไปถึ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 876 เสวียนเอ๋อร์ลงมือเถอะ

    “ถึงยามที่ต้องเด็ดขาดกลับไม่เด็ดขาด จะต้องวุ่นวายแน่ๆ เจ้ายังลังเลอะไรอยู่”ซึ่งคนที่แต่งกายด้วยชุดสีดำไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉุยอวี้ ฮั่วเทียนเฉิงต้องการตอบโต้ แต่ก็สายเกินไปแล้วเขาไม่คาดคิดว่าเฟิงเอ้อร์เหนียงผู้อ่อนโยนจะวางยาลงในเหล้าของเขา จนตกหลุมพรางฉุยอวี้ทันทีฉุยอวี้หยิบถุงผ้าสีดำออกมา แล้วครอบใส่ศีรษะของฮั่วเทียนเฉิงกระซิบ “ไปเร็ว”ทุกคนไปที่ชายฝั่งเป่ยไห่ ไม่มีใครสนใจเหลาสุราเล็กๆ แห่งนี้ ทั้งสองใช้ท่าร่างเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้ากลับไปที่สำนักเซียวเหยาศิษย์ทั้งหมดถูกส่งออกรับมือพวกตงหลิว นอกเหนือจากทั้งสามคนแล้ว คนเดียวที่เหลืออยู่ในสำนักเซียวเหยาคือฉางเฮิ่นเทียนที่ถูกจี้สกัดจุดมองดูฮั่วเทียนเฉิงที่ถูกโยนลงพื้น เฟิงเอ้อร์เหนียงขมวดคิ้วและถามว่า “ควรทำอย่างไรต่อไปดี เราจะจากไปแบบนี้หรือ เจ้าจะพาคนไปช่วยพี่หญิงใหญ่ที่ตำหนักเทพไม่ใช่หรือ จะปล่อยไปทั้งแบบนี้งั้นหรือ”ฉุยอวี้พูดด้วยสีหน้าสงบ “ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ต้องส่งพวกเขาทั้งสองกลับไปที่ตำหนักเทพก่อน ถ้าฮั่วเทียนเฉิงฟื้นขึ้นมา ต้องออกจากภูเขามาตามหาเราอย่างแน่นอน สามารถยืดเวลาที่เขาจะตามหาตัวชิงเสวี

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status