เลือดพุ่งกระฉูดออกมา ใบหน้าของจักรพรรดิเปลี่ยนเป็นสีซีดในฉับพลัน โดยไม่อาจต้านทานได้เลย ได้แต่มองดูเลือดของตัวเองไหลทะลักออกจากร่างปานกระแสน้ำโมริตะคาวาสึบาเมะเก็บมีดออกอย่างคล่องแคล่วว่องไว หยิบกระปุกเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ แล้วรองเอาเลือดอย่างสบายใจเฉิบ จากนั้นเทลงในร่องบนกำแพงหินหลังจากผ่านไปสามอึดใจ ก็มีเสียงก้อนหินกระทบดังขึ้นในถ้ำโมริตะคาวาสึบาเมะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น กำลังจะมาแล้วในที่สุดห้องลับสุดท้ายก็กำลังจะเปิดออกหากได้ฝึกวิทยายุทธ์ขั้นสูงสุด เขาก็สามารถลบคำสบประมาท และบดขยี้ไอ้แก่พวกนั้นที่เคยเนรเทศเขามาที่นี่ ให้พวกนั้นตายด้วยน้ำมือของเขาเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ โมริตะคาวาสึบาเมะก็เงยหน้าขึ้น ส่งเสียงหัวเราะเสียดแก้วหูดังสะท้าน ในเวลานี้ มีก้อนหินก้อนหนึ่งตกลงมาจากเหนือศีรษะโมริตะคาวาสึบาเมะเบี่ยงตัวหลบ จากนั้นหินก้อนที่สองและสามก็ตามมา ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือนส่งเสียงดังกึกก้องเกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือว่าเลือดยังไม่พอ?เขาเอื้อมมือออกไปหิ้วร่างของจักรพรรดิที่จวนเจียนจะตายขึ้นมา บดขยี้ร่างของเขากับหินอย่างแรงจนเป็นรอย ทันใดนั้นจักรพรรดิก็ส่งเสียงร้องโหยหวนราว
เจ้าสำนักเซี่ยวกับผู้คุมตราเซี่ยวก็เดินออกจากเรือนด้านหลัง สีหน้าของสองพ่อลูกดูเคร่งขรึมมากในความเห็นของพวกเขา สุนัขสวรรค์กลืนอาทิตย์ไม่ใช่นิมิตหมายที่ดีอีกทั้งชาวตงหลิวขึ้นฝั่งในเวลานี้ การต่อสู้ครั้งนี้อาจชนะได้ไม่ง่ายในขณะที่ต่างคนต่างกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบอยู่นอกประตูเย่จิ่งหลานวิ่งเข้ามาพร้อมกับหวังซุ่นจากด้านนอก ตะโกนอย่างหอบๆ “เจ้าพวกบากะมาแล้ว ถูกแหไฟฟ้าที่ชายทะเลช็อตตายไปไม่น้อย แต่ยังมีคนนับร้อยคนมุ่งหน้ามาแต่ไกล มืดฟ้ามัวดิน คราวนี้คงจะทุ่มกำลังเต็มที่แล้วล่ะ”อินชิงเสวียนถามอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าสองคนเป็นไรไหม”เย่จิ่งหลานพูดด้วยความหวาดผวา “ยังดี พอเห็นว่าผิดปกติ พวกเราก็วิ่งหนีออกมาแล้ว เจ้ารีบไปเก็บเรือเถอะ อย่าให้ไอ้พวกโง่เง่าพวกนั้นมาทำลายล่ะ”“ได้ เจ้าช่วยปกป้องจ้าวเอ๋อร์ อวิ๋นฉ่ายกับอวี้จิ่นด้วย พวกเราจะไปชายทะเลเดี๋ยวนี้”อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็แลกความเร็วจากมิติและใช้ความเร็วนั้นพุ่งทะยานออกจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เย่จิ่งอวี้ไล่ตามอินชิงเสวียนไปติดๆ เพียงครู่เดียวก็ไม่เห็นเงา เจ้าสำนักเซี่ยวไปทีหลังแต่ถึงก่อน เขาลอยลิ่วไปถึ
“ถึงยามที่ต้องเด็ดขาดกลับไม่เด็ดขาด จะต้องวุ่นวายแน่ๆ เจ้ายังลังเลอะไรอยู่”ซึ่งคนที่แต่งกายด้วยชุดสีดำไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉุยอวี้ ฮั่วเทียนเฉิงต้องการตอบโต้ แต่ก็สายเกินไปแล้วเขาไม่คาดคิดว่าเฟิงเอ้อร์เหนียงผู้อ่อนโยนจะวางยาลงในเหล้าของเขา จนตกหลุมพรางฉุยอวี้ทันทีฉุยอวี้หยิบถุงผ้าสีดำออกมา แล้วครอบใส่ศีรษะของฮั่วเทียนเฉิงกระซิบ “ไปเร็ว”ทุกคนไปที่ชายฝั่งเป่ยไห่ ไม่มีใครสนใจเหลาสุราเล็กๆ แห่งนี้ ทั้งสองใช้ท่าร่างเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้ากลับไปที่สำนักเซียวเหยาศิษย์ทั้งหมดถูกส่งออกรับมือพวกตงหลิว นอกเหนือจากทั้งสามคนแล้ว คนเดียวที่เหลืออยู่ในสำนักเซียวเหยาคือฉางเฮิ่นเทียนที่ถูกจี้สกัดจุดมองดูฮั่วเทียนเฉิงที่ถูกโยนลงพื้น เฟิงเอ้อร์เหนียงขมวดคิ้วและถามว่า “ควรทำอย่างไรต่อไปดี เราจะจากไปแบบนี้หรือ เจ้าจะพาคนไปช่วยพี่หญิงใหญ่ที่ตำหนักเทพไม่ใช่หรือ จะปล่อยไปทั้งแบบนี้งั้นหรือ”ฉุยอวี้พูดด้วยสีหน้าสงบ “ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ต้องส่งพวกเขาทั้งสองกลับไปที่ตำหนักเทพก่อน ถ้าฮั่วเทียนเฉิงฟื้นขึ้นมา ต้องออกจากภูเขามาตามหาเราอย่างแน่นอน สามารถยืดเวลาที่เขาจะตามหาตัวชิงเสวี
อินชิงเสวียนพยักหน้า โบกมือเรียกพิณการเวกออกมา และนั่งขัดสมาธิบนก้อนหินขนาดใหญ่เย่จิ่งอวี้ก็ชักกระบี่ยาวออกมา เพื่อคุ้มกันอินชิงเสวียนตามการกรีดกรายปลายนิ้ว โน้ตเสียงแผ่วต่ำและไพเราะก็ดังออกมาจากพิณการเวกการต่อสู้ในสนามดุเดือดเลือดพล่าน ได้ยินเสียงอาวุธปะทะกันตลอดเวลา ทุกคนคิดแต่จะสังหารอีกฝ่าย ไม่มีใครได้ยินเสียงพิณนี่เป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ชาวตงหลิวตั้งใจสู้จนตัวตาย ท่าทางองอาจห้าวหาญโดยธรรมชาติเช่นเดียวกับบรรดาศิษย์ทุกคนในสำนัก ทุกครั้งที่รับศิษย์เข้าสำนัก ทุกคนจะได้รับแจ้งว่าจะมีการต่อสู้เช่นครั้งนี้ ทุกคนภาคภูมิใจที่ได้ต่อสู้กับตงหลิวและปกป้องบ้านเมือง เมื่อเผชิญหน้ากับคนตงหลิวมากมายเพียงนี้ พวกเขาไม่เกรงกลัวเลยสักนิด กลับยิ่งปลุกเร้าความรักแว่นแคว้นขึ้นด้วยซ้ำเมื่อมองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทรหดและไม่หวาดหวั่น อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเลือดร้อนเดือดพล่าน ความกล้าหาญทะลุปรอท ที่นี่คือต้าโจว ยังเป็นบ้านที่นางจะอยู่ในบั้นปลายชีวิต ย่อมไม่ยอมให้คนอื่นมาเหยียบย่ำเด็ดขาดทันใดนั้นเสียงพิณก็ดังขึ้น ปราณกระบี่ไร้รูปจำนวนนับไม่ถ้วนก็ลอ
อ๋องโมริตะไม่เห็นเย่จิ่งอวี้อยู่ในสายตา หากผู้ลงมือคือเจ้าสำนักเซี่ยว เขาอาจมีท่าทีระแวดระวังอยู่ ทว่าหนุ่มน้อยที่อยู่ตรงหน้านั้นอายุเพียงยี่สิบ อย่างมากก็เป็นเพียงศิษย์หัวกะทิเท่านั้นเขายิ้มเยาะ ยกดาบใบกว้างขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างพูดด้วยภาษาต้าโจวแปร่งๆ ว่า “เจ้าหนูอย่าหยิ่งผยองนัก รับท่านี้ของข้าดู”“ตายซะ!”คมกระบี่แผดเสียงมังกรคำราม เสียงกังวานนั้นคล้ายจะเป็นแก่นแท้ จู่ๆ อ๋องโมริตะก็ใจเต้นแรงเจ้าเด็กเปรตนี่ มีความสามารถจริงๆขณะที่ความคิดเปลี่ยนไป อาวุธของทั้งสองคนก็ปะทะกันแล้วด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง ดาบของอ๋องโมริตะก็ถูกตัดขาดครึ่ง เหลือเพียงด้ามจับเท่านั้น ก่อนที่เขาจะทันได้โต้ตอบ ก็รู้สึกเสียวคอวาบ“ท่านอ๋องระวัง!”ดาวกระจายถูกขว้างมาแต่ไกล แม่ทัพสองคนที่จงรักภักดีต่อตระกูลโมริตะก็มาถึงแล้วอ๋องโมริตะถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว มีรอยเลือดซิบๆ ที่คอของเขา เจ็บปวดสะท้านทรวงเขาถ่มน้ำลายพลางก่นด่าไม่หยุด “ตายซะ ตายซะ!”คมกระบี่วาววับ ดาวกระจายทั้งสองก็ถูกสับขาดครึ่ง ชิ้นส่วนลอยลิ่วตรงไปยังแม่ทัพตงหลิวทั้งสองคนทั้งสองรีบหลบ ใจหายวาบทำไมถึงรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของจอมยุทธ
สิ่งที่ทุกคนกำลังแข่งขันกันไม่ใช่พลังโจมตีของเครื่องดนตรีอีกต่อไป ตอนนี้ใครเสียงดังที่สุดก็มีสามารถข่มขู่ได้ภายใต้เสียงสูงต่ำของกลองไทโกะและขลุ่ยชาคุฮาจิ เสียงกู่พิณอันทุ้มลึกของอินชิงเสวียนก็ถูกกลบจนมิดทันทีแม้ว่าซื่อเมี่ยวอินจะพยายามบรรเลงอยู่เบื้องหลังจนสุดกำลัง แต่ก็ได้ผลเพียงเล็กน้อยเพลงที่วุ่นวายทั้งสองด้านเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกกระสับกระส่าย มีเสียงดังหึ่งๆ ขึ้นในหูเย่จิ่งอวี้กำลังต่อสู้กับแม่ทัพตงหลิวสองคน ไม่มีเวลามาช่วยนางเจ้าสำนักเซี่ยวและผู้อาวุโสสวีก็ถูกรายล้อมไปด้วยคนระดับหัวกะทิของตงหลิว ชาวตงหลิวทำสงครามกับเป่ยไห่มาหลายปีแล้ว ย่อมไม่อาจมองข้ามยอดฝีมือเช่นพวกเขาได้ตอนนี้ถ้าต้องการทำลายสถานการณ์นี้ อินชิงเสวียนก็ทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้นในเวลานี้ จู่ๆ นางก็รู้สึกกลุ้มใจเดิมทีคิดว่าศึกคราวนี้ไม่มีอะไรน่าห่วง แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดนตรีในหมู่ชาวตงหลิว ถึงขั้นขนกลองไทโกะเข้ามาในสนามรบด้วยช่างมั่วซั่วสิ้นดีเมื่อคิดถึงคำว่า “มั่วซั่ว” ดวงตาของอินชิงเสวียนก็เป็นประกายขึ้นในเมื่อพวกเขากำลังเล่นกลสกปรก เช่นน
ชาวตงหลิวก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก นี่มันอะไรกัน ไม่ใช่แค่เสียงดังกว่าพวกเขา แต่ยังกลบเสียงกลองของพวกเขาจนมิดเพื่อที่จะกลบเสียงของอินชิงเสวียน ทั้งหมดพยายามออกแรงเป่าอย่างเต็มที่ แต่ไม่ว่ากำลังภายในจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะตู้ลำโพงได้ ซึ่งอินชิงเสวียนสามารถครอบงำผู้ฟังได้อย่างง่ายดายในไม่ช้านางก็ค้นพบสิ่งอื่น แม้ว่านางจะไม่ได้ใช้พิณการเวก แม้จะไม่ได้เล่นเพลงหมื่นกระบี่เศษดารา แต่เสียงดนตรีของนางยังคงมีความสามารถในการโจมตีถึงขั้นที่ว่ารู้สึกถึงลมปราณไร้รูปที่ลอยออกมาจากช่องเสียงของปี่ปากใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง แผ่รังสีไปยังคนตงหลิวในสนามรบผ่านความคิดของนางคนตงหลิวหลายคนที่เล่นดนตรีเบื้องหน้าก็ค้นพบว่าปี่ปากใหญ่สามารถโจมตีได้ ต่างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจแม่หนูนี่อายุยังน้อย แต่ไต่ขึ้นไปถึงระดับสูงในการใช้เครื่องดนตรีแล้ว หากนางมีความสามารถนี้จริงๆ ไม่ว่าพิณการเวกจะถูกทำลายหรือไม่ ก็ไม่มีอะไรต่างกันเกรงว่าถึงเด็ดดอกไม้ใบหญ้าก็สามารถเป่าเป็นเสียงเพลงได้ เมื่อเทียบกับตาเฒ่าเซี่ยวคนนั้น เด็กสาวผู้แสนงดงามที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ น่าจะเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงเพื่อกลบเสียงของอินชิงเสวี
ทันใดนั้นอ๋องโมริตะก็แสดงสีหน้ายินดี เพิ่มกำลังภายในแล้วตะโกนว่า “ตั้งค่ายกล ฆ่าให้เรียบ!”ชาวตงหลิวต่างคุ้มกันซึ่งกันและกันทันที ทั้งหมดวิ่งไปหาอ๋องโมริตะเย่จิ่งอวี้เมื่อเห็นสองคนนั้นกำลังจะไป เขาก็ตะโกนลั่น รวบรวมพลังปราณไว้ในมือขวา ชักกระบี่ยาวออกมา และโจมตีที่ด้านหลังหัวใจของหนึ่งในนั้นคนผู้นั้นร้องครวญคราง กระอักเลือดและทรุดลงกับพื้น ส่วนอีกคนเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ก็รีบคว้าชาวตงหลิวคนนั้นไว้เป็นเกราะกำบังตัว แล้วกลืนเข้าในฝูงชนเย่จิ่งอวี้ไม่ได้ไล่ตาม แต่มาอยู่ข้างๆ อินชิงเสวียน“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“ข้าไม่เป็นไร พวกเขาจะทำอะไรกันน่ะ”อินชิงเสวียนทอดสายตามองออกไปเย่จิ่งอวี้มองตามสายตาของนาง เมื่อเห็นคนตงหลิวทั้งหมดมารวมตัวกันก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้“ดูเหมือนกำลังจะตั้งค่ายกลเลย ท่านตากับผู้อาวุโสสวีนำเจ้าสำนักไปแล้ว คงไม่ยอมให้พวกเขาประสบความสำเร็จแน่”“อืม พวกเขาคิดจะตั้งค่ายกลในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ย่อมไม่ธรรมดาแน่ เราต้องป้องกันไว้ก่อน”ในขณะที่พูด อินชิงเสวียนก็เห็นศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บหลายคนถูกหามกลับไป จึงรีบคว้าตะกร้าขวดน้ำพุวิญญาณที่บรรจุไว