แชร์

บทที่ 873 ห้องมืด

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“เจ้า...”

จักรพรรดิยกมือกุมอก ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ

โมริตะคาวาสึบาเมะมองเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ก็เปล่งประกายเป็นแสงสีทองสองดวง

เมื่อเห็นดวงตาแปลกๆ คู่นั้น จักรพรรดิอดไม่ได้ที่จะตกใจ

“นี่...นี่คือเนตรลวงตาของบรรพบุรุษ ไม่เคยมีใครเรียนรู้วิธีจนนำไปใช้ได้ ทำไมเจ้าถึงทำได้”

โมริตะคาวาสึบาเมะพ่นลมด้วยความไม่พอใจ

“ข้าบอกเจ้าแล้ว ข้าเป็นบรรพบุรุษของเจ้า แค่เสียดายที่พวกเจ้าคุณสมบัติมีขีดจำกัด ไม่มีใครสามารถสืบทอดข้าได้อย่างแท้จริง”

จักรพรรดิก้าวถอยหลังไปอีกก้าวด้วยความตกใจ

“เป็นไปได้อย่างไร”

ถ้าบรรพบุรุษยังมีชีวิตอยู่ ก็คงมีอายุหลายร้อยปีแล้ว จะอายุน้อยแบบนี้ได้อย่างไร

โมริตะคาวาสึบาเมะรับกุญแจอย่างไม่รีบร้อน เขาพูดช้าๆ “นี่คือวิธีแปรวิญญาณของเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง เจ้าไม่รู้ก็ไม่แปลก ข้าได้รับมันโดยบังเอิญ คิดไม่ถึงว่าสิ่งนี้จะช่วยให้ข้าหลุดพ้นจากกายเนื้อได้จริงๆ”

จักรพรรดิมองดูโมริตะคาวาสึบาเมะด้วยความประหลาดใจ

“ในโลกนี้มีวิทยายุทธ์ที่ขัดกฎสวรรค์เช่นนี้ด้วยรึ”

โมริตะคาวาสึบาเมะพูดอย่างเหยียดหยาม “โลกทัศน์ของเจ้าคับแคบเกินไป ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นไปได้”

จักรพรรดิถามอีกค
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 874 สุนัขสวรรค์กลืนอาทิตย์

    เลือดพุ่งกระฉูดออกมา ใบหน้าของจักรพรรดิเปลี่ยนเป็นสีซีดในฉับพลัน โดยไม่อาจต้านทานได้เลย ได้แต่มองดูเลือดของตัวเองไหลทะลักออกจากร่างปานกระแสน้ำโมริตะคาวาสึบาเมะเก็บมีดออกอย่างคล่องแคล่วว่องไว หยิบกระปุกเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ แล้วรองเอาเลือดอย่างสบายใจเฉิบ จากนั้นเทลงในร่องบนกำแพงหินหลังจากผ่านไปสามอึดใจ ก็มีเสียงก้อนหินกระทบดังขึ้นในถ้ำโมริตะคาวาสึบาเมะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น กำลังจะมาแล้วในที่สุดห้องลับสุดท้ายก็กำลังจะเปิดออกหากได้ฝึกวิทยายุทธ์ขั้นสูงสุด เขาก็สามารถลบคำสบประมาท และบดขยี้ไอ้แก่พวกนั้นที่เคยเนรเทศเขามาที่นี่ ให้พวกนั้นตายด้วยน้ำมือของเขาเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ โมริตะคาวาสึบาเมะก็เงยหน้าขึ้น ส่งเสียงหัวเราะเสียดแก้วหูดังสะท้าน ในเวลานี้ มีก้อนหินก้อนหนึ่งตกลงมาจากเหนือศีรษะโมริตะคาวาสึบาเมะเบี่ยงตัวหลบ จากนั้นหินก้อนที่สองและสามก็ตามมา ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือนส่งเสียงดังกึกก้องเกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือว่าเลือดยังไม่พอ?เขาเอื้อมมือออกไปหิ้วร่างของจักรพรรดิที่จวนเจียนจะตายขึ้นมา บดขยี้ร่างของเขากับหินอย่างแรงจนเป็นรอย ทันใดนั้นจักรพรรดิก็ส่งเสียงร้องโหยหวนราว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 875 ศิษย์พี่ศิษย์น้อง

    เจ้าสำนักเซี่ยวกับผู้คุมตราเซี่ยวก็เดินออกจากเรือนด้านหลัง สีหน้าของสองพ่อลูกดูเคร่งขรึมมากในความเห็นของพวกเขา สุนัขสวรรค์กลืนอาทิตย์ไม่ใช่นิมิตหมายที่ดีอีกทั้งชาวตงหลิวขึ้นฝั่งในเวลานี้ การต่อสู้ครั้งนี้อาจชนะได้ไม่ง่ายในขณะที่ต่างคนต่างกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบอยู่นอกประตูเย่จิ่งหลานวิ่งเข้ามาพร้อมกับหวังซุ่นจากด้านนอก ตะโกนอย่างหอบๆ “เจ้าพวกบากะมาแล้ว ถูกแหไฟฟ้าที่ชายทะเลช็อตตายไปไม่น้อย แต่ยังมีคนนับร้อยคนมุ่งหน้ามาแต่ไกล มืดฟ้ามัวดิน คราวนี้คงจะทุ่มกำลังเต็มที่แล้วล่ะ”อินชิงเสวียนถามอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าสองคนเป็นไรไหม”เย่จิ่งหลานพูดด้วยความหวาดผวา “ยังดี พอเห็นว่าผิดปกติ พวกเราก็วิ่งหนีออกมาแล้ว เจ้ารีบไปเก็บเรือเถอะ อย่าให้ไอ้พวกโง่เง่าพวกนั้นมาทำลายล่ะ”“ได้ เจ้าช่วยปกป้องจ้าวเอ๋อร์ อวิ๋นฉ่ายกับอวี้จิ่นด้วย พวกเราจะไปชายทะเลเดี๋ยวนี้”อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็แลกความเร็วจากมิติและใช้ความเร็วนั้นพุ่งทะยานออกจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เย่จิ่งอวี้ไล่ตามอินชิงเสวียนไปติดๆ เพียงครู่เดียวก็ไม่เห็นเงา เจ้าสำนักเซี่ยวไปทีหลังแต่ถึงก่อน เขาลอยลิ่วไปถึ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 876 เสวียนเอ๋อร์ลงมือเถอะ

    “ถึงยามที่ต้องเด็ดขาดกลับไม่เด็ดขาด จะต้องวุ่นวายแน่ๆ เจ้ายังลังเลอะไรอยู่”ซึ่งคนที่แต่งกายด้วยชุดสีดำไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉุยอวี้ ฮั่วเทียนเฉิงต้องการตอบโต้ แต่ก็สายเกินไปแล้วเขาไม่คาดคิดว่าเฟิงเอ้อร์เหนียงผู้อ่อนโยนจะวางยาลงในเหล้าของเขา จนตกหลุมพรางฉุยอวี้ทันทีฉุยอวี้หยิบถุงผ้าสีดำออกมา แล้วครอบใส่ศีรษะของฮั่วเทียนเฉิงกระซิบ “ไปเร็ว”ทุกคนไปที่ชายฝั่งเป่ยไห่ ไม่มีใครสนใจเหลาสุราเล็กๆ แห่งนี้ ทั้งสองใช้ท่าร่างเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้ากลับไปที่สำนักเซียวเหยาศิษย์ทั้งหมดถูกส่งออกรับมือพวกตงหลิว นอกเหนือจากทั้งสามคนแล้ว คนเดียวที่เหลืออยู่ในสำนักเซียวเหยาคือฉางเฮิ่นเทียนที่ถูกจี้สกัดจุดมองดูฮั่วเทียนเฉิงที่ถูกโยนลงพื้น เฟิงเอ้อร์เหนียงขมวดคิ้วและถามว่า “ควรทำอย่างไรต่อไปดี เราจะจากไปแบบนี้หรือ เจ้าจะพาคนไปช่วยพี่หญิงใหญ่ที่ตำหนักเทพไม่ใช่หรือ จะปล่อยไปทั้งแบบนี้งั้นหรือ”ฉุยอวี้พูดด้วยสีหน้าสงบ “ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ต้องส่งพวกเขาทั้งสองกลับไปที่ตำหนักเทพก่อน ถ้าฮั่วเทียนเฉิงฟื้นขึ้นมา ต้องออกจากภูเขามาตามหาเราอย่างแน่นอน สามารถยืดเวลาที่เขาจะตามหาตัวชิงเสวี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 877 มังกรคะนองน้ำโผล่ขึ้นจากทะเล

    อินชิงเสวียนพยักหน้า โบกมือเรียกพิณการเวกออกมา และนั่งขัดสมาธิบนก้อนหินขนาดใหญ่เย่จิ่งอวี้ก็ชักกระบี่ยาวออกมา เพื่อคุ้มกันอินชิงเสวียนตามการกรีดกรายปลายนิ้ว โน้ตเสียงแผ่วต่ำและไพเราะก็ดังออกมาจากพิณการเวกการต่อสู้ในสนามดุเดือดเลือดพล่าน ได้ยินเสียงอาวุธปะทะกันตลอดเวลา ทุกคนคิดแต่จะสังหารอีกฝ่าย ไม่มีใครได้ยินเสียงพิณนี่เป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ชาวตงหลิวตั้งใจสู้จนตัวตาย ท่าทางองอาจห้าวหาญโดยธรรมชาติเช่นเดียวกับบรรดาศิษย์ทุกคนในสำนัก ทุกครั้งที่รับศิษย์เข้าสำนัก ทุกคนจะได้รับแจ้งว่าจะมีการต่อสู้เช่นครั้งนี้ ทุกคนภาคภูมิใจที่ได้ต่อสู้กับตงหลิวและปกป้องบ้านเมือง เมื่อเผชิญหน้ากับคนตงหลิวมากมายเพียงนี้ พวกเขาไม่เกรงกลัวเลยสักนิด กลับยิ่งปลุกเร้าความรักแว่นแคว้นขึ้นด้วยซ้ำเมื่อมองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทรหดและไม่หวาดหวั่น อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเลือดร้อนเดือดพล่าน ความกล้าหาญทะลุปรอท ที่นี่คือต้าโจว ยังเป็นบ้านที่นางจะอยู่ในบั้นปลายชีวิต ย่อมไม่ยอมให้คนอื่นมาเหยียบย่ำเด็ดขาดทันใดนั้นเสียงพิณก็ดังขึ้น ปราณกระบี่ไร้รูปจำนวนนับไม่ถ้วนก็ลอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 878 หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

    อ๋องโมริตะไม่เห็นเย่จิ่งอวี้อยู่ในสายตา หากผู้ลงมือคือเจ้าสำนักเซี่ยว เขาอาจมีท่าทีระแวดระวังอยู่ ทว่าหนุ่มน้อยที่อยู่ตรงหน้านั้นอายุเพียงยี่สิบ อย่างมากก็เป็นเพียงศิษย์หัวกะทิเท่านั้นเขายิ้มเยาะ ยกดาบใบกว้างขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างพูดด้วยภาษาต้าโจวแปร่งๆ ว่า “เจ้าหนูอย่าหยิ่งผยองนัก รับท่านี้ของข้าดู”“ตายซะ!”คมกระบี่แผดเสียงมังกรคำราม เสียงกังวานนั้นคล้ายจะเป็นแก่นแท้ จู่ๆ อ๋องโมริตะก็ใจเต้นแรงเจ้าเด็กเปรตนี่ มีความสามารถจริงๆขณะที่ความคิดเปลี่ยนไป อาวุธของทั้งสองคนก็ปะทะกันแล้วด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง ดาบของอ๋องโมริตะก็ถูกตัดขาดครึ่ง เหลือเพียงด้ามจับเท่านั้น ก่อนที่เขาจะทันได้โต้ตอบ ก็รู้สึกเสียวคอวาบ“ท่านอ๋องระวัง!”ดาวกระจายถูกขว้างมาแต่ไกล แม่ทัพสองคนที่จงรักภักดีต่อตระกูลโมริตะก็มาถึงแล้วอ๋องโมริตะถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว มีรอยเลือดซิบๆ ที่คอของเขา เจ็บปวดสะท้านทรวงเขาถ่มน้ำลายพลางก่นด่าไม่หยุด “ตายซะ ตายซะ!”คมกระบี่วาววับ ดาวกระจายทั้งสองก็ถูกสับขาดครึ่ง ชิ้นส่วนลอยลิ่วตรงไปยังแม่ทัพตงหลิวทั้งสองคนทั้งสองรีบหลบ ใจหายวาบทำไมถึงรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของจอมยุทธ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 879 ถึงเวลาแสดงฝีมือที่แท้จริงแล้ว

    สิ่งที่ทุกคนกำลังแข่งขันกันไม่ใช่พลังโจมตีของเครื่องดนตรีอีกต่อไป ตอนนี้ใครเสียงดังที่สุดก็มีสามารถข่มขู่ได้ภายใต้เสียงสูงต่ำของกลองไทโกะและขลุ่ยชาคุฮาจิ เสียงกู่พิณอันทุ้มลึกของอินชิงเสวียนก็ถูกกลบจนมิดทันทีแม้ว่าซื่อเมี่ยวอินจะพยายามบรรเลงอยู่เบื้องหลังจนสุดกำลัง แต่ก็ได้ผลเพียงเล็กน้อยเพลงที่วุ่นวายทั้งสองด้านเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกกระสับกระส่าย มีเสียงดังหึ่งๆ ขึ้นในหูเย่จิ่งอวี้กำลังต่อสู้กับแม่ทัพตงหลิวสองคน ไม่มีเวลามาช่วยนางเจ้าสำนักเซี่ยวและผู้อาวุโสสวีก็ถูกรายล้อมไปด้วยคนระดับหัวกะทิของตงหลิว ชาวตงหลิวทำสงครามกับเป่ยไห่มาหลายปีแล้ว ย่อมไม่อาจมองข้ามยอดฝีมือเช่นพวกเขาได้ตอนนี้ถ้าต้องการทำลายสถานการณ์นี้ อินชิงเสวียนก็ทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้นในเวลานี้ จู่ๆ นางก็รู้สึกกลุ้มใจเดิมทีคิดว่าศึกคราวนี้ไม่มีอะไรน่าห่วง แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดนตรีในหมู่ชาวตงหลิว ถึงขั้นขนกลองไทโกะเข้ามาในสนามรบด้วยช่างมั่วซั่วสิ้นดีเมื่อคิดถึงคำว่า “มั่วซั่ว” ดวงตาของอินชิงเสวียนก็เป็นประกายขึ้นในเมื่อพวกเขากำลังเล่นกลสกปรก เช่นน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 880 เพิ่มเสียงตู้ลำโพงให้ดังอีกเท่าตัว

    ชาวตงหลิวก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก นี่มันอะไรกัน ไม่ใช่แค่เสียงดังกว่าพวกเขา แต่ยังกลบเสียงกลองของพวกเขาจนมิดเพื่อที่จะกลบเสียงของอินชิงเสวียน ทั้งหมดพยายามออกแรงเป่าอย่างเต็มที่ แต่ไม่ว่ากำลังภายในจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะตู้ลำโพงได้ ซึ่งอินชิงเสวียนสามารถครอบงำผู้ฟังได้อย่างง่ายดายในไม่ช้านางก็ค้นพบสิ่งอื่น แม้ว่านางจะไม่ได้ใช้พิณการเวก แม้จะไม่ได้เล่นเพลงหมื่นกระบี่เศษดารา แต่เสียงดนตรีของนางยังคงมีความสามารถในการโจมตีถึงขั้นที่ว่ารู้สึกถึงลมปราณไร้รูปที่ลอยออกมาจากช่องเสียงของปี่ปากใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง แผ่รังสีไปยังคนตงหลิวในสนามรบผ่านความคิดของนางคนตงหลิวหลายคนที่เล่นดนตรีเบื้องหน้าก็ค้นพบว่าปี่ปากใหญ่สามารถโจมตีได้ ต่างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจแม่หนูนี่อายุยังน้อย แต่ไต่ขึ้นไปถึงระดับสูงในการใช้เครื่องดนตรีแล้ว หากนางมีความสามารถนี้จริงๆ ไม่ว่าพิณการเวกจะถูกทำลายหรือไม่ ก็ไม่มีอะไรต่างกันเกรงว่าถึงเด็ดดอกไม้ใบหญ้าก็สามารถเป่าเป็นเสียงเพลงได้ เมื่อเทียบกับตาเฒ่าเซี่ยวคนนั้น เด็กสาวผู้แสนงดงามที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ น่าจะเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงเพื่อกลบเสียงของอินชิงเสวี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 881 แรงกระตุ้นในการสังหารศัตรู

    ทันใดนั้นอ๋องโมริตะก็แสดงสีหน้ายินดี เพิ่มกำลังภายในแล้วตะโกนว่า “ตั้งค่ายกล ฆ่าให้เรียบ!”ชาวตงหลิวต่างคุ้มกันซึ่งกันและกันทันที ทั้งหมดวิ่งไปหาอ๋องโมริตะเย่จิ่งอวี้เมื่อเห็นสองคนนั้นกำลังจะไป เขาก็ตะโกนลั่น รวบรวมพลังปราณไว้ในมือขวา ชักกระบี่ยาวออกมา และโจมตีที่ด้านหลังหัวใจของหนึ่งในนั้นคนผู้นั้นร้องครวญคราง กระอักเลือดและทรุดลงกับพื้น ส่วนอีกคนเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ก็รีบคว้าชาวตงหลิวคนนั้นไว้เป็นเกราะกำบังตัว แล้วกลืนเข้าในฝูงชนเย่จิ่งอวี้ไม่ได้ไล่ตาม แต่มาอยู่ข้างๆ อินชิงเสวียน“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“ข้าไม่เป็นไร พวกเขาจะทำอะไรกันน่ะ”อินชิงเสวียนทอดสายตามองออกไปเย่จิ่งอวี้มองตามสายตาของนาง เมื่อเห็นคนตงหลิวทั้งหมดมารวมตัวกันก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้“ดูเหมือนกำลังจะตั้งค่ายกลเลย ท่านตากับผู้อาวุโสสวีนำเจ้าสำนักไปแล้ว คงไม่ยอมให้พวกเขาประสบความสำเร็จแน่”“อืม พวกเขาคิดจะตั้งค่ายกลในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ย่อมไม่ธรรมดาแน่ เราต้องป้องกันไว้ก่อน”ในขณะที่พูด อินชิงเสวียนก็เห็นศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บหลายคนถูกหามกลับไป จึงรีบคว้าตะกร้าขวดน้ำพุวิญญาณที่บรรจุไว

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status