เมื่อศิษย์ทุกคนเห็นว่าเจ้าสำนักและผู้อาวุโสนำไปก่อนแล้ว ต่างก็ลุกขึ้นตาม และถือกระบี่ปรี่เข้าใส่พวกตงหลิวในเป่ยไห่มีหลากหลายสำนัก มีทั้งสำนักน้อยใหญ่ต่างๆ รวมถึงผู้จอมยุทธ์พเนจรก็มีไม่น้อย เจ้าสำนักเซี่ยวจึงไม่สามารถหยุดคนจำนวนมากได้ในเวลาเดียวกัน รูปแบบค่ายกลของคนตงหลิวก็เปลี่ยนไป คนที่อยู่ตรงกลางก็แยกออกมาอย่างรวดเร็ว ทุกๆ ยี่สิบสี่คนจะรวมกลุ่มเป็นขบวนเล็กๆ แยกเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขยายออกไปแปดทิศ แต่ละจัตุรัสจะประกอบรูปร่างเป็นขีดยาวสามแถวที่มีความยาวต่างกัน บ้างก็เสมอเป็นแนวเดียวกัน บ้างก็ขาดช่อง และวงกลมด้านนอกสุดเป็นวงกลมขนาดใหญ่ ล้อมรอบรูปแปดเหลี่ยมด้านเท่าไว้ตรงกลางตำแหน่งที่ตรงกลางคดเคี้ยวยาวเหยียดเป็นกำแพงมนุษย์ลักษณะคล้ายงู ในขณะที่ค่ายกลจัตุรัสหมุนวน ค่ายกลงูยาวก็บิดหมุนเปลี่ยนตามไป ทำให้คาดเดากลไกไม่ได้ผู้อาวุโสสวีและคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมต่อสู้กับคนตงหลิวแล้ว รู้สึกได้ว่าพวกตงหลิวเปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา แต่มองไม่เห็นว่าคนเหล่านี้ต้องการทำอะไร และไม่มีเวลาคิดให้ละเอียด ทำได้เพียงหวังว่าจะสังหารผีแคระตงหลิวเหล่านั้นให้มากที่สุด เพื่อช่วงชิงโอกาสให้กับลูกศิษย์ส่วน
“นี่คือ...ค่ายกลแปดทิศ?”เย่จิ่งอวี้ทอดสายตามองออกไป เมื่อเห็นรูปอักขระในสี่เหลี่ยมจัตุรัสเหล่านั้น เขาก็ขมวดคิ้วมุ่นในราชวงศ์มีตำราสะสมนับพัน เย่จิ่งอวี้จึงพอรู้เรื่องพวกนี้อยู่บ้าง แต่ก็แค่พอรู้เท่านั้นเฮ่ออวิ๋นทงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม“ค่ายกลนี้สร้างขึ้นจากรูปยันต์แปดทิศ โดยสิ่งที่ให้ความสำคัญคือ ฟ้าลิขิต ดินอำนวย คนสามัคคี โดยอิงจากฤกษ์ยามที่ต่างกัน และจะเปลี่ยนตำแหน่งของทั้งแปดทิศ ทั้งยังแบ่งออกเป็นหยินหยางสองตำแหน่ง ที่มีความสามารถทั้งตั้งรับและโจมตีได้พร้อมกัน”เขาหยุดชั่วครู่และพูดด้วยอารมณ์ทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่าคนตงหลิวจะเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้ด้วย ตอนนั้นใครกันนะที่เป็นคนเนรเทศพวกเขาไปที่เกาะตงหลิว เป็นปริศนาที่ไม่คลี่คลายจริงๆ”เจ้าสำนักเซี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “จะสนใจไปไยว่าใครเป็นผู้เนรเทศ ในเมื่อถูกขับออกจากจงหยวน ก็พิสูจน์ได้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนดี หากพวกเขายึดครองเป่ยไห่ ต้องเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่แน่ๆ”เฮ่ออวิ๋นทงลูบเคราแล้วพูดว่า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างอดไม่ได้ “เช่นนั้นต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถทำลายค่ายกลนี้ได้ เก่อหงยวนพวกนางเหมือนจะได้ร
“อย่าใช้ปืนโจมตี อันตรายเกินไป”อินชิงเสวียนก็เคยได้ยินมาว่าค่ายกลแปดทิศสามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้ตามต้องการ ตอนนี้พอได้เห็นกับตาตัวเอง นางก็อดพรั่นพรึงเสียมิได้ส่วนเย่จิ่งหลานก็ออกมาแล้ว มีเหงื่อบางๆ เกาะพราวอยู่บนปลายจมูก“เจ้าสิ่งนี้ร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ!”เย่จิ่งอวี้กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ศาสตร์ลับแห่งเต๋าแปลกประหลาดยากจะคาดเดาได้ ดังนั้นเราควรระวังไว้ดีกว่า”ในขณะที่พูด เขาก็ซัดฝ่ามือใส่หลายครั้งแล้ว แต่ก็เหมือนกับการโจมตีใส่กำแพงทองแดงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้เข้าใจกลไกได้ยากตอนที่จัดวางกำลังตั้งค่ายกลตั้งแต่แรก ผู้อาวุโสสวีก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ต้องการออกมา แต่ก็สายเกินไปแล้ว“หงยวน รีบให้ศิษย์สำนักทั้งหมดมารวมกัน อย่าเดินไปมั่วซั่ว ดูเหมือนว่าเราจะติดกับดักแล้ว”เจ้าสำนักดาบเดือดกำลังฆ่าอย่างเมามัน เขาหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “แค่พวกไม่ได้เรื่อง อย่ายกย่องอำนาจเขา แล้วดูถูกความสามารถตัวเองสิ”วินาทีต่อมา เขาก็หัวเราะไม่ออก จู่ๆ ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไป คนตงหลิวที่ล้อมเขาไว้ได้หายไปอย่างกะทันหันและสิ่งที่เข้ามาแทนที่คือกำแพงสูงที่
“หงยวน!”ผู้อาวุโสสวีร้องลั่นด้วยความตกใจ กวัดแกว่งกระบี่ฆ่าคนตงหลิว และใช้วิชาตัวเบาเหาะเข้าไปหาเก่อหงยวนทันทีที่เท้าแตะพื้น ทิวทัศน์ตรงหน้าก็เปลี่ยนไป กลายเป็นป่าใหญ่ที่บดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์เช่นเดียวกันที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ เขาเห็นๆ อยู่ว่าหยุดลงต่อหน้าเก่อหงยวน แต่กลับไม่เห็นเงาของนาง“หงยวน หงยวน เจ้าอยู่ไหน”“อาจารย์อาสวี ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ!”เก่อหงยวนก็มองไม่เห็นผู้อาวุโสสวีเช่นกัน อาวุธที่อยู่ด้านข้างก็แทงเข้าใส่อีก จึงต้องลุกขึ้นป้องกันตัวเมื่อได้ยินเสียงอาวุธปะทะกัน ผู้อาวุโสสวีก็วิตกกังวลไม่น้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในเวลานี้ เขารู้สึกเสียใจมาก เขาไม่ควรหุนหันพลันแล่นขนาดนี้ ตอนนี้ติดกับดักสู่ความตายแล้วจริงๆเจ้าสำนักคนอื่นหลายคนก็ติดอยู่ในค่ายกล และต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ว่าพวกเขาจะมีวรยุทธ์สูงส่งเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถต้านทานคนตงหลิวที่ปรากฏตัวอย่างลึกลับซับซ้อน และการลอบโจมตีเช่นนี้ได้ไม่ต้องพูดถึงว่าภาพตรงหน้าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งทางจิตใจ ก็ทำให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวได้ที่ตาปลาทางด้านขวาของปลาหยินหยาง คาวาสึบาเมะโมริตะขี่อยู่บนคอของคนตงหลิว
“เสวียนเอ๋อร์!”ดวงตาของเย่จิ่งอวี้แทบจะหลุดออกจากเบ้า ตะโกนด้วยความโกรธ ตามด้วยเสียงอันดุดันจากกระบี่ยาวปราณกระบี่ขนาดมหึมาเจาะทะลุผีแคระตงหลิวโดยตรง แต่กลับเหมือนแทงถูกสำลี ไม่อาจทำลายได้เลยเย่จิ่งอวี้ตกใจและโกรธจัด ปลายกระบี่ที่อยู่ในมือกวัดแกว่งรวดเร็ว และภายในพริบตา ก็แทงกระบี่เข้าไปอีกหลายครั้ง เจ้าสำนักเซี่ยวและคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน เพิ่มกำลังภายในจนถึงขีดสุด ทุ่มกำลังโจมตีตำแหน่งสายฟ้าเย่จิ่งหลานที่อยู่ข้างหลังก็สบถลั่น “โคตรแม่มเอ๊ย ปล่อยอินชิงเสวียนคืนมานะ”เขาบรรจุกระสุนอย่างคล่องแคล่ว ยกมือขึ้นยิงหลายนัด แต่ก็เหมือนก้อนหินจมลงทะเล ไม่เกิดคลื่นใดๆ ด้วยซ้ำในเวลานี้ อินชิงเสวียน ได้เข้าสู่ค่ายกลแล้ว และทิวทัศน์ตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกันจู่ๆ ชาวตงหลิวที่อยู่ข้างหน้าก็ได้หายตัวไป ถูกแทนที่ด้วยสุสานกระบี่ที่เป็นสนิมอินชิงเสวียนเคยได้ยินเกี่ยวกับความลึกลับของค่ายกลแปดทิศ จึงไม่แปลกใจมากนัก หากนางเดาไม่ผิด ในเสี้ยววินาทีต่อมากระบี่เหล่านี้อาจโจมตีนางและเป็นจริงเช่นนั้น กระบี่เริ่มสั่นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเสียงโลหะปะปนกันไปอินชิงเสวียนเปิดมิติทันที หมายจ
โมริตะคาวาสึบาเมะยืนอยู่หน้าปลาหยินหยางสีขาวที่บริเวณหัวใจค่ายกล มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในได้ชัดเจน เมื่อเห็นอินชิงเสวียนหยิบพิณการเวกออกมา ทันใดนั้นก็มีรอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นที่มุมปากคราวนี้ ดูสิว่านางจะซ่อนตัวอย่างไร“ป้องกันหัวใจค่ายกลไว้ อย่าขยับ”เขาเหาะลงจากคอของคนตงหลิว ตรงไปหาอินชิงเสวียนเป่ยไห่ เขาจะต้องได้ครอบครองแน่นอนตอนนี้เขาสามารถควบคุมร่างกายนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าไม่เช่นนั้น เขาคงไม่สามารถตั้งค่ายกลจักรวาลแปดทิศได้ตอนนี้ฟ้าลิขิต ดินอำนวย คนสามัคคีล้วนอยู่ที่นี่แล้ว ไอ้พวกยโสโอหังในจงหยวน จะงัดอะไรออกมาต่อสู้กับเขาได้เล่าเมื่อใดที่พิณการเวกถูกทำลาย ก็ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งพวกเขาได้อีกแล้วโมริตะคาวาสึบาเมะร่างสมบูรณ์ เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับดาวตกสายฟ้าแลบ เพียงพริบตาก็มาถึงตัวอินชิงเสวียนอินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สัมผัสได้ว่าการขับเคลื่อนของชี่มีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบปรับเปลี่ยนเสียงพิณทันทีปราณกระบี่หลายเล่มพุ่งออกมาจากสายพิณ มุ่งตรงไปยังทิศทางที่โมริตะคาวาสึบาเมะยืนอยู่อย่างแม่นยำโมริตะคาวาสึบาเมะยิ้มอย่างเหยียดหยาม“วันนี้ ข้าจะทำลายทั้งเจ้าและพ
ในเวลานี้ การเข่นฆ่าสังหารในค่ายกลยังคงดำเนินต่อไปศัตรูอยู่ในที่ลับเราอยู่ในที่แจ้ง เหล่าศิษย์ถูกควบคุมทุกฝีก้าว คนตงหลิวเชี่ยวชาญในการลอบโจมตี เสียงร้องอันน่าเวทนาจึงดังระงมเจ้าสำนักดาบเดือดและยอดฝีมืออีกสองคนจากสำนักกระบี่สังหารถูกสังหารด้วยดาบ คนอื่นก็พอจะรู้แล้วเก่อหงยวนหมดสตินอนแน่นิ่งไปนานแล้ว พื้นดินตรงหน้ากลายเป็นสีแดงเข้ม ไม่รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วผู้อาวุโสสวีเรียกชื่อนาง พลางต่อต้านอย่างสุดกำลัง ร่างกายก็เหนื่อยล้า เต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดตอนนี้เสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่หวังว่าตาเฒ่าเซี่ยวจะสามารถหาวิธีทำลายค่ายกลบ้าๆ นี้ได้ครึ่งชั่วยามผ่านไปในชั่วพริบตา เจ้าสำนักเซี่ยวยังคงอับจนหนทางเฮ่ออวิ๋นทงนำค่ายกลสามประสานฟ้าดินบุกเข้าไปข้างหน้า แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดช่องว่างได้ และในครึ่งชั่วยามนี้ ค่ายกลก็เปลี่ยนไปหลายครั้ง กลับทำให้คนในสำนักกระบี่สังหารสิ้นเปลืองพลังไปไม่น้อย และเกือบจะถูกดูดเข้าไปในค่ายกลหลายครั้ง“หยุดก่อนเถอะ”เจ้าสำนักเซี่ยวเดินมาจากอีกด้านหนึ่งด้วยใบหน้าที่มืดมน คิ้วขาวโพลนคู่นั้นแทบจะขมวดจนชนกันเฮ่ออวิ๋นทงให้ทุกคนล่าถอยก่อนชั่ว
ดวงตาทั้งคู่ของโมริตะคาวาสึบาเมะหรี่ลง นัยน์ตาเป็นประกายวาวกล้าอินชิงเสวียนรู้สึกวิงเวียนศีรษะทันที นางก็รีบใช้ทักษะห้าสิบห้าสิบวินาทีถัดมา จู่ๆ นางก็กลับไปสู่ยุคปัจจุบัน เห็นย่าสวมเสื้อผ้าขาดวิ่น เธอเดินเซไปบนถนน ในมือนั้นลากถุงขาดๆ สกปรกที่เต็มไปด้วยขวดน้ำแร่ มีชายหนุ่มหลายคนไล่ตามนางอยู่ข้างหลังนาง“คุณย่าคะ!”อินชิงเสวียนกรีดร้องชายหนุ่มคนหนึ่งจิกผมขาวโพลนของคุณย่า แล้วระดมหมัดเตะต่อยเธอ“ยายแก่ตายยาก ใครใช้ให้แกเอาขวดของเราไป”“คนที่ไม่มีใครเลี้ยงดูไม่มีใครต้องการ ทำลายภาพลักษณ์บ้านเมืองจริงๆ”“จัดการเธอซะ”หลายคนต่อยและเตะย่าของอินชิงเสวียน อินชิงเสวียนวิ่งไปด้วยกรีดร้องไปด้วย“ไสหัวไปซะ ออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าแตะต้องคุณย่าของฉันนะ”พวกอันธพาลคว้าคอของอินชิงเสวียน แล้วเตะเธอไปไกลเมื่อเห็นว่าย่าถูกทุบตีจนเลือดอาบ อินชิงเสวียนพยายามลุกขึ้นทันที วิ่งไปสองก้าว และทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติตัวเองมีกำลังภายใน ทั้งยังมีพลังและความเร็วของมิติ จะถูกคนธรรมดาสองคนเอาชนะได้อย่างไรความคิดนี้ดูเหมือนจะเปิดแสงสว่างในใจของนาง จู่ๆ อินชิงเสวียนก็จำได้ว่านางติดอยู่ในค่