อินชิงเสวียนได้ยินเย่จิ่งอวี้บอกว่า ตอนที่อยู่ในเมืองเติงหลงน่าจะเป็นพวกเขาสองคนที่ช่วยอินสิงอวิ๋นไว้ จึงประกบมือคารวะพวกเขาทันที“แม่นางเก่อ จื่ออวี๋”ต่งจื่ออวี๋คารวะตอบอย่างยินดี ถามว่า “แม่นางอินไปชายทะเลหรือ”อินชิงเสวียนตอบว่าใช่ และถามว่า “สองวันที่แล้วพวกเจ้าไปที่เมืองเติงหลงมาหรือไม่”ต่งจื่ออวี๋พยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ ยังได้พบกับผีแคระตงหลิวด้วย”“แล้วเจ้าช่วยคนขับรถม้าหรือเปล่า”“เจ้ารู้ได้อย่างไร หรือว่าเจ้ารู้จักคนผู้นั้น?”เก่อหงยวนมองไปที่อินชิงเสวียน พลางบีบผมเปียตัวเองอย่างไม่พอใจทำไมชายหนุ่มรูปงามทุกคนในโลกถึงรู้จักอินชิงเสวียน?อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณเจ้าสองคนที่ช่วยเหลือ คนที่ขับรถม้าคือพี่ชายของข้าเอา”“ฮะ เขาเป็นพี่ใหญ่ของเจ้าหรือ แซ่อินด้วย?”เก่อหงยวนประหลาดใจ แล้วถามอีกว่า “แล้วพี่ใหญ่ของเจ้าแต่งงานแล้วหรือยัง”อินชิงเสวียนยิ้มละไม “แต่งงานกันแล้ว คนในรถม้า คือพี่สะใภ้ของข้า!”ทันใดนั้นเก่อหงยวนก็หรี่ตาลง บุรุษรูปงามในฝันก็พังทลายอีกครั้งต่งจื่ออวี๋กลับไม่ได้สนใจอารมณ์ของนาง ถามอย่างระมัดระวัง “ได้ยินมาว่าพิณการเวกถูกทำลายแล้ว นี่เป็น
หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เย่จิ่งอวี้กำลังถามอินสิงอวิ๋นเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนักแม้ว่าเขาจะอยู่ในเป่ยไห่ แต่ใจยังคิดถึงเมืองหลวงอยู่เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการปฏิรูปกำลังใกล้เข้ามา กลัวว่าจะมีคนหย่อนยาน ทำให้ความพยายามอย่างหนักของสาวน้อยต้องสูญเปล่าแม้ว่าอินสิงอวิ๋นเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดี เย่จิ่งอวี้ก็ยังคงต้องการถามอย่างละเอียดในขณะที่พูด ก็เห็นอินชิงเสวียนและเย่จิ่งหลานเดินเข้ามาจากประตู เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นยืนทันที“ไปที่ชายทะเลมาหรือ ขาของจิ่งหลาน...หายเร็วมากขนาดนี้เลยหรือ”“ขอบคุณพี่ใหญ่ที่เป็นห่วงขอรับ ตอนนี้ขาของข้าหายดีแล้ว”เย่จิ่งหลานกลับสู่ภาพลักษณ์ความเป็นเด็กอีกครั้งเย่จิ่งอวี้เดินออกจากศาลา วางมือบนไหล่ของเย่จิ่งหลานและตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน“งั้นก็ดีแล้ว โบราณกล่าวไว้ว่าการบาดเจ็บเส้นเอ็นกระดูกต้องรักษาร้อยวัน ทางที่ดีพักผ่อนเยอะๆ ดีกว่า ถ้าคราวหน้าอยากออกไปข้างนอกก็ขี่ม้า เดินให้น้อยหน่อย”“ขอบคุณขอรับพี่ใหญ่ ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นข้าจะกลับไปพักผ่อนก่อน”เย่จิ่งหลานกวักมือเรียกหวังซุ่น จากนั้นก็กลับไปที่ห้องของตัวเองส่วนอ
ยามราตรีมาเยือนอย่างรวดเร็วเหลาสุราได้กลายเป็นสถานที่รวมพลของจอมยุทธ์ผู้กล้าอีกครั้งวัตถุประสงค์ของการสนทนาในวันนี้กลายเป็นหัวข้อเรื่องพิณการเวกเมื่อรู้ว่าพิณถูกทำลาย ทุกคนต่างพร่ำบ่นอยู่ในใจอย่างไรก็ตามเมื่อเห็นซูถูเสียชีวิตไปก่อนหน้า ก็ไม่มีใครกล้าไปสอบถามที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ด้วยฌานตบะของเจ้าสำนักเซี่ยว การจัดการกับพวกเขานั้นง่ายเหมือนกับการบีบมดให้ตายแต่ถึงไม่กล้าไป ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่กล้าพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากซดน้ำเมาไปสองสามถ้วย ทุกคนก็พูดคุยกันอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น กระทั่งหลังคาของเหลาสุราก็แทบจะพลิกคว่ำฉุยอวี้รู้สึกหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงเอะอะของคนเหล่านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน ขณะที่กำลังจะแผลงฤทธิ์ ก็ได้ยินบริกรด่าว่า “คนชั้นต่ำอย่างเจ้า ไม่รู้หรือว่าใครเป็นเจ้าของเหลาสุราแห่งนี้ กล้าดีอย่างไรมาชักดาบค่าอาหารที่นี่”มีเสียงดังปัง ชายหนุ่มร่างผอมคนหนึ่งถูกเตะออกไปหลายจั้ง และกลิ้งไปหยุดที่ปลายเท้าของฉุยอวี้“ไอ้เด็กเปรตนี่ รีบจ่ายเงินมาเร็ว ไม่งั้นอุ้งมือทั้งสองข้างของเจ้าก็ไม่ต้องเอาแล้ว”บริกรเดินบีบเข้าไปใกล้ สีหน้าข
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงรู้จักเพียวเมี่ยวอิ๋นเฉิง”ฮั่วเทียนเฉิงมองไปที่คนในชุดดำคนผู้นั้นกำลังเผชิญหน้ากับฉุยอวี้ แต่ยังมีพลังเหลือเฟือ ตอบอย่างใจเย็น “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ แม้ว่าเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงและตำหนักเทพหอทองคำจะเป็นปฏิปักษ์ต่อกันมานานหลายปี แต่ก็แค่ประลองยุทธ์กันเท่านั้น หวังว่าทั้งสองท่านจะปล่อยคนผู้นี้มาให้ข้า อย่าให้คนผู้เดียวมาทำลายไมตรีระหว่างสองสำนักเลย”สายตาของฮั่วเทียนเฉิงยังคงจับจ้องไปที่คนชุดดำ เห็นฝ่ามือของเขาตกลงมาอย่างแผ่วเบาสง่างาม แต่มีพลังรัศมีที่ลุกโชน ดวงตาก็ค่อยๆ เยียบเย็น“เพียวเมี่ยวสิบสามท่า ที่แท้เจ้ามาจากเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงจริงๆ เช่นนั้นก็ควรถูกฆ่า!”น้ำเสียงของฮั่วเทียนเฉิงเย็นชา เหาะขึ้นไปในอากาศ ก่อเกิดพลังงานสีม่วงในฝ่ามือ และรวบตัวคนชุดดำไว้ด้วยวิชาฝ่ามือทันที“ฉุยอวี้ เจ้าพาคนผู้นี้ออกไปก่อน ข้าจะสกัดไว้ข้างหลังเอง”ฉุยอวี้พยักหน้า ถ้าเฮิ่นเทียนเป็นคนทรยศของเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงจริงๆ เช่นนั้นก็เป็นประโยชน์กับนางมากนางแกล้งสับขาหลอก และเหาะถอยออกมา จากนั้นก็หิ้วร่างของเฮิ่นเทียนกลับไปที่สำนักเซียวเหยา อย่างรวดเร็วคนชุดดำยิ้มเยา
เฟิงเอ้อร์เหนียงตกใจ“หรือว่าเลือกธิดาเทพคนใหม่แล้ว?”ฮั่วเทียนเฉิงกล่าวว่า “มิได้”ฉุยอวี้แค่นเสียงหึพูดว่า “คงพบคนที่คล้ายกับพี่หญิงใหญ่กระมัง...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางก็นึกถึงอินชิงเสวียน จึงรีบหุบปากทันทีฮั่วเทียนเฉิงไม่ได้ปฏิเสธ แต่พูดเสียงเรียบ “นี่คือการตัดสินใจของเจ้าตำหนัก เจ้าและข้าไม่มีสิทธิ์ปริปาก”จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่าจะมีคนหน้าตาคล้ายกันมากถึงเพียงนี้ หลายวันนี้ข้าได้พบกับแม่นางแซ่อินผู้หนึ่ง ดูคล้ายกับพี่หญิงใหญ่ของพวกเจ้ามาก”ฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงต่างก็พูดพร้อมกันทันที “ไม่เหมือนเลยสักนิด”เฟิงเอ้อร์เหนียงไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “แม่นางอินงดงามหยาดเยิ้มเกินไป ไม่เหมือนพี่หญิงใหญ่ที่สวยบริสุทธิ์ดุจเทพธิดาบนสรวงสวรรค์”ฮั่วเทียนเฉิงกล่าวว่า “ข้ากลับคิดว่านางดูคล้ายมาก แม่นางอินสวยแต่ไม่ธรรมดา มีเสน่ห์แต่ไม่เย้ายวน ท่วงท่าสง่างามดุจดอกกล้วยไม้ บุคลิกผ่าเผย สุขุมเยือกเย็น สตรีเช่นนี้หาชมได้ยากจริงๆ”ครั้งแรกที่ฮั่วเทียนเฉิงเห็นอินชิงเสวียนชัดเจน คือตอนที่นางหมดสติ ซึ่งทำให้เขาตกใจมาก แต่ก็แค่ตกใจเท่านั้นโลกใหญ่ไพศาล ไร้พิสดารไม่มี มนุษย์ใ
วันถัดไปเสียงหัวเราะของเสี่ยวหนานเฟิงปลุกอินชิงเสวียนให้ตื่นเมื่อลุกขึ้นจากเตียง ก็เห็นสองพ่อลูกกระโดดเล่นบนเตียงทันทีเย่จิ่งอวี้ก็กระโดดขึ้นลงบนเตียงเหมือนเด็กตัวใหญ่ เสี่ยวหนานเฟิงถูกเขย่าจนล้มหงายหลัง อ้าปากหัวเราะไม่หยุดอินชิงเสวียนยกมุมปากยิ้มอย่างอดไม่ได้ ไม่คาดคิดว่าฮ่องเต้หนุ่มจะมีด้านที่เป็นเด็กเช่นนี้ ผู้ชายเป็นเด็กเสมอ คำพูดนี้ว่าไว้ไม่มีผิดเลย”นางแปรงผม สวมรองเท้า แล้วเดินลงพื้น“พวกเจ้าตื่นนานแล้วหรือ”เย่จิ่งอวี้หยุดทันที“พวกเราปลุกเสวียนเอ๋อร์หรือเปล่า”อินชิงเสวียนเหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่บนร้านค้าสะสมคะแนน ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงแล้ว“เปล่า สายป่านนี้แล้ว ถ้าข้ายังไม่ตื่น คงกลายเป็นหมู”เย่จิ่งอวี้ก้มลงอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นมา ทันทีที่ดีดปลายเท้า คนก็มาอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียนแล้ว“ในโลกนี้มีหมูที่น่ารักเหมือนเสวียนเอ๋อร์ด้วยหรือ ถ้ามี ข้าอยากจะเลี้ยงไว้สักตัว”“เชอะ ไม่สนใจท่านแล้ว”อินชิงเสวียนร้องเชอะ แล้วนึกในใจ จากนั้นทั้งหมดก็ออกมาอยู่ในห้องบนโต๊ะมีกับข้าวสี่อย่างและโจ๊กสองชามตอนนี้ยังร้อนๆ อยู่ ดูเหมือนว่าเพิ่งถูกส่งมาไม่นานนี้เอง
เฟิงเอ้อร์เหนียงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตอนนี้เจ้าเป็นคนดังของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้พี่หญิงมีความกล้าขนาดไหน พี่หญิงก็ไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรอก”“ข้ากับเจ้าไม่สนิทกัน ไม่ต้องมาเรียกพี่หญิงน้องหญิง เป่าเล่อเอ่อร์ เราไปกันเถอะ”อินชิงเสวียน ไม่ต้องการพูดไร้สาระกับเฟิงเอ้อร์เหนียง จึงจูงมือเป่าเล่อเอ่อร์ออกไป แต่กลับเห็นฉุยอวี้เดินออกมาจากฝูงชน“อวิ๋นลี่ เจ้ากำลังดูอะไรอยู่”ในขณะที่พูด ฉุยอวี้ก็มองเห็นอินชิงเสวียนแล้วนางแปลกใจระคนยินดี รีบเดินไปหาอย่างรวดเร็วอินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย อันที่จริงนางไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับสำนักเซียวเหยา แต่จะทำเช่นไรได้เมื่อมีบุญคุณติดค้างอยู่ หยกเย็นชิ้นนั้นยังสวมอยู่บนคอของเย่จิ่งอวี้ จำต้องยอบกายคารวะ “น้อมคำนับเจ้าสำนักฉุย”ฉุยอวี้เอื้อมมือไปช่วยพยุงอินชิงเสวียนขึ้นมา แล้วมองนางขึ้นๆ ลงๆ อย่างตรวจสอบความเรียบร้อย “ช่วงนี้แม่นางอินสบายดีหรือ”อินชิงเสวียนยิ้มบางๆ “ขอบคุณเจ้าสำนักฉุยที่เป็นห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยดี”ฉุยอวี้ถามอีกครั้ง “แล้วหยกเย็นชิ้นนั้น เจ้ายังใส่อยู่หรือไม่”“ของขวัญจากเจ้าสำนัก ชิงเสวียนจะกล้าวางทิ้งได้อย่างไร ข้าเ
“ได้สิ ขอแค่เจ้าบอกมา ข้าก็ทำให้เจ้าได้”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็อดไม่ได้ที่จะบ่น“ทำไมพวกเจ้าแซ่เย่ถึงชอบกินนัก มีแต่พวกตะกละ”เย่จิ่งหลานเบะปาก“จริงๆ แล้วข้าแซ่โค่วสือเย่ ยกไปเทียบกับพวกเขาไม่ได้”เขายืดเส้นยืดสายพูดว่า “วันนี้ทำได้พอสมควรแล้ว กลับกันเถอะ ส่วนที่เหลือให้ช่างฝีมือเหล่านั้นติดตั้งก็เสร็จแล้ว”พอดีกับที่เป่าเล่อเอ่อร์ก็เล่นสนุกจนพอใจแล้ว ทั้งหมดจึงกลับไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ทันทีที่เข้าประตู เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบิกบานของเจ้าสำนักเซี่ยวฮวาเชียนยกชามอาหารมาถึงลานบ้านพอดี อินชิงเสวียนถามทันทีว่า “เจ้าสำนักเฮ่อมาที่นี่หรือ”ฮวาเชียนยิ้มและพูดว่า “เป็นท่านฮั่ว กำลังดื่มสุรากับท่านตาของเจ้าแหนะ”หัวใจของอินชิงเสวียนเต้นเล็กน้อยหรือว่าที่เขามาที่นี่ มีเจตนาแอบแฝงจริงๆ?“อาอวี้ล่ะ?”“ออกไปลาดตระเวนกับคุณชายอิน”ฮวาเชียนพูดจบก็เดินเข้าไปอินชิงเสวียนส่งเป่าเล่อเอ่อร์กลับไปที่ห้อง กำลังจะไปดูที่ห้องโถง ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงคนตะโกนที่ประตู “แม่นางอิน!”อินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นว่าเฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาจากประตูพร้อมกับหยวนเป่าในมือของเส