Home / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 862 การตักเตือนจากฉุยอวี้

Share

บทที่ 862 การตักเตือนจากฉุยอวี้

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
เฟิงเอ้อร์เหนียงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตอนนี้เจ้าเป็นคนดังของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้พี่หญิงมีความกล้าขนาดไหน พี่หญิงก็ไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรอก”

“ข้ากับเจ้าไม่สนิทกัน ไม่ต้องมาเรียกพี่หญิงน้องหญิง เป่าเล่อเอ่อร์ เราไปกันเถอะ”

อินชิงเสวียน ไม่ต้องการพูดไร้สาระกับเฟิงเอ้อร์เหนียง จึงจูงมือเป่าเล่อเอ่อร์ออกไป แต่กลับเห็นฉุยอวี้เดินออกมาจากฝูงชน

“อวิ๋นลี่ เจ้ากำลังดูอะไรอยู่”

ในขณะที่พูด ฉุยอวี้ก็มองเห็นอินชิงเสวียนแล้ว

นางแปลกใจระคนยินดี รีบเดินไปหาอย่างรวดเร็ว

อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย อันที่จริงนางไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับสำนักเซียวเหยา แต่จะทำเช่นไรได้เมื่อมีบุญคุณติดค้างอยู่ หยกเย็นชิ้นนั้นยังสวมอยู่บนคอของเย่จิ่งอวี้ จำต้องยอบกายคารวะ

“น้อมคำนับเจ้าสำนักฉุย”

ฉุยอวี้เอื้อมมือไปช่วยพยุงอินชิงเสวียนขึ้นมา แล้วมองนางขึ้นๆ ลงๆ อย่างตรวจสอบความเรียบร้อย

“ช่วงนี้แม่นางอินสบายดีหรือ”

อินชิงเสวียนยิ้มบางๆ

“ขอบคุณเจ้าสำนักฉุยที่เป็นห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

ฉุยอวี้ถามอีกครั้ง “แล้วหยกเย็นชิ้นนั้น เจ้ายังใส่อยู่หรือไม่”

“ของขวัญจากเจ้าสำนัก ชิงเสวียนจะกล้าวางทิ้งได้อย่างไร ข้าเ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 863 หรือมีเจตนาแอบแฝงจริงๆ

    “ได้สิ ขอแค่เจ้าบอกมา ข้าก็ทำให้เจ้าได้”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็อดไม่ได้ที่จะบ่น“ทำไมพวกเจ้าแซ่เย่ถึงชอบกินนัก มีแต่พวกตะกละ”เย่จิ่งหลานเบะปาก“จริงๆ แล้วข้าแซ่โค่วสือเย่ ยกไปเทียบกับพวกเขาไม่ได้”เขายืดเส้นยืดสายพูดว่า “วันนี้ทำได้พอสมควรแล้ว กลับกันเถอะ ส่วนที่เหลือให้ช่างฝีมือเหล่านั้นติดตั้งก็เสร็จแล้ว”พอดีกับที่เป่าเล่อเอ่อร์ก็เล่นสนุกจนพอใจแล้ว ทั้งหมดจึงกลับไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ทันทีที่เข้าประตู เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบิกบานของเจ้าสำนักเซี่ยวฮวาเชียนยกชามอาหารมาถึงลานบ้านพอดี อินชิงเสวียนถามทันทีว่า “เจ้าสำนักเฮ่อมาที่นี่หรือ”ฮวาเชียนยิ้มและพูดว่า “เป็นท่านฮั่ว กำลังดื่มสุรากับท่านตาของเจ้าแหนะ”หัวใจของอินชิงเสวียนเต้นเล็กน้อยหรือว่าที่เขามาที่นี่ มีเจตนาแอบแฝงจริงๆ?“อาอวี้ล่ะ?”“ออกไปลาดตระเวนกับคุณชายอิน”ฮวาเชียนพูดจบก็เดินเข้าไปอินชิงเสวียนส่งเป่าเล่อเอ่อร์กลับไปที่ห้อง กำลังจะไปดูที่ห้องโถง ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงคนตะโกนที่ประตู “แม่นางอิน!”อินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นว่าเฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาจากประตูพร้อมกับหยวนเป่าในมือของเส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 864 ไป๋เสวี่ยผิดปกติ

    “ไป๋เสวี่ย!”อินชิงเสวียนตกใจช่วงนี้ปล่อยเจ้าสุนัขให้วิ่งอย่างอิสรเสรี แม้ว่ามันจะเตร็ดเตร่ไปทั่ว แต่ก็ไม่เคยกัดใครก่อนเลย และนอกจากพวกเขาสามคนในครอบครัวแล้ว ไป๋เสวี่ยก็ไม่เข้าใกล้คนอื่น เมื่อเห็นจู่ๆ มันกระโจนเข้าใส่ จึงต้องร้องดุแขนขาบางๆ ของเฮ่อฉางเฟิงไม่ใหญ่พอที่จะให้ไป๋เสวี่ยขย้ำได้สักคำไป๋เสวี่ยมาถึงเบื้องหน้าของเฮ่อฉางเฟิงแล้ว แต่มันไม่ได้กัดคน หัวสุนัขอันใหญ่โตเอียงมอง ดวงตาสีน้ำตาลคู่โตจ้องมองไปที่เฮ่อฉางเฟิงเฮ่อฉางเฟิงก็ตกใจ รีบหลบไปข้างหลังทันที“นี่...สุนัขตัวโตจัง!”อินชิงเสวียนขมวดคิ้วตะโกนว่า “ไป๋เสวี่ย ไปเล่นที่อื่น อย่าทำให้แขกตกใจกลัว”ไป๋เสวี่ยไม่ขยับ ยังคงมองไปที่เฮ่อฉางเฟิง ดวงตาของเจ้าสุนัขคล้ายพิศวงงุนงง สูดดมรอบๆ ตัวของเฮ่อฉางเฟิงแผ่นหลังของเฮ่อฉางเฟิงตั้งตรงทันที ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อยเมื่อเห็นว่าไป๋เสวี่ยไม่มีเจตนาที่จะกัดเขา อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ยังคงไม่วางใจ จ้องมองไป๋เสวี่ยอย่างใกล้ชิดไป๋เสวี่ยเดินไปรอบๆ และดมกลิ่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหน้าไปเห่าบอกความกับอินชิงเสวียนหลายครั้งเสียงเห่าไม่เหมือนจะกัดคน แต่เหมือนก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 865 เพลงลืมกลุ้ม

    อินชิงเสวียนใช้ทักษะการช่วงชิงโชคลาภกับฮั่วเทียนเฉิงทันที เพียงครู่หนึ่ง ดูเหมือนในหัวจะมีอะไรเพิ่มขึ้นฮั่วเทียนเฉิงขมวดคิ้ว ร่างกายอ่อนแออย่างอธิบายไม่ถูก แต่ยังไม่ทันได้ไตร่ตรอง เขาก็ประกบมือคำนับลาเขาเดินกลับโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว กลับเข้าไปในห้องและใช้ประสาทสัมผัสเต็มที่ ทันใดนั้นก็พบว่าตัวเองถูกตัดกำลังภายในให้อ่อนแอลงอย่างอธิบายไม่ได้ทำไมเป็นเช่นนี้หรือว่าเจ้าสำนักเซี่ยววางยาพิษในอาหารและสุรา?ฮั่วเทียนเฉิงรีบนั่งขัดสมาธิ โคจรกำลังภายในตรวจสอบเส้นลมปราณของตัวเอง หลังจากโคจรกำลังภายในหนึ่งรอบ เขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเส้นลมปราณของเขาราบรื่น ไม่มีสัญญาณของพิษ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ หรือว่าตัวเองคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในตำหนักเทพ จนไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้อีก?ฮั่วเทียนเฉิงจิบน้ำ พยายามขจัดสุราในเลือด แต่กลับสำลัก ฮั่วเทียนเฉิงไอแค่กๆ แล้ววางแก้วน้ำกลับคืนที่เดิมวันนี้เขาไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ เพราะอยากตรวจสอบว่าในนั้นมียอดฝีมือมากน้อยเพียงใด ซึ่งเขาสรุปได้ว่าพลังวิญญาณนั้นเกี่ยวข้องกับน้ำของอินชิงเสวียน และเขาต้องพานางกลับไปที่ตำหนักเทพเพีย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 866 สุภาพบุรุษไม่พรากของชอบของผู้ใด

    เฮ่อฉางเฟิงนอนสบายใจเฉิบบนเตียง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง พูดด้วยดวงตาที่หรี่เล็กน้อย “นี่ยังต้องเลือกอีกรึ แน่นอนว่าข้าต้องการทั้งหมด”ดวงตาของหยวนเป่าเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ“คุณชายคงไม่ชิงตัวแม่นางอินกลับไปที่อิ๋นเฉิง ไปเป็นฮูหยินของเจ้าเมืองน้อยกระมัง!”เฮ่อฉางเฟิงกลอกตามองเขาแล้วพูดว่า “สุภาพบุรุษไม่พรากของชอบของผู้ใด แม่นางอินแต่งงานแล้ว ข้าจะเป็นคนถ่อยไร้เมตตาธรรมได้อย่างไร แต่ว่า ถ้าเจ้าเด็กแซ่เย่ปฏิบัติต่อนางไม่ดี ข้าจะไม่นิ่งดูดายเป็นแน่”หยวนเป่าพูดด้วยรอยยิ้มร่า “ข้าดูแล้วสองคนผัวเมียคู่นี้มีความสัมพันธ์ที่ดี คุณชายเลิกคิดดีกว่า แม่นางเก่อหงยวนที่เรารู้จักก่อนหน้านั้น ก็ดูไม่เลวเลยนะขอรับ”“ช่างเถอะ”เฮ่อฉางเฟิงหลับตาอย่างหมดความสนใจหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดอย่างใจเย็น “คืนนี้ เราจะลอบสำรวจสำนักเซียวเหยายามวิกาล”เพียงชั่วพริบตาท้องฟ้าก็มืดมิด เย่จิ่งอวี้และอินสิงอวิ๋นก็กลับมาที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เช่นกันการลาดตระเวนทั้งวันทำให้อินสิงอวิ๋นเลื่อมใสเขาอย่างลึกซึ้งเขาคิดเสมอว่าฮ่องเต้เป็นคนที่มีชีวิตอยู่ดีกินดี แต่เย่จิ่งอวี้กลับเป็นเหมือนคนทั่วไป ตรวจตราไ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 867 คืนนี้แสงจันทร์งดงามยิ่ง

    ทั้งสองจงใจชะลอความเร็วลง จนกระทั่งถึงชายทะเล แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงมองหน้ากันอย่างอดไม่ได้เย่จิ่งอวี้กระซิบ “หายไปแล้ว”อินชิงเสวียนพยักหน้า“หรือว่าไม่ได้มาเพราะเรา?”เย่จิ่งอวี้ตอบอืม“ก็อาจเป็นไปได้ สงครามใหญ่กำลังจะมาถึง พวกเสือสิงห์กระทิงแรดที่ซ่อนเร้นอยู่ในเป่ยไห่อาจนั่งไม่ติดแล้ว พวกเราไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นหรอก เอาเรื่องตงหลิวเป็นหลัก”“ได้”อินชิงเสวียนก็ไม่อยากสร้างปัญหา สิ้นเปลืองพลัง นางเก็บเรือและกลับไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับเย่จิ่งอวี้ในเวลาเดียวกัน ร่างทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากันในความอ้างว้างสองคนสวมชุดพรางตัว ใบหน้าคลุมด้วยผ้าสีดำ สามารถแยกแยะความแตกต่างได้จากสายตาเท่านั้นคนซ้ายมือมีดวงตาสดใสเป็นประกาย เสื้อผ้าพลิ้วไหว ท่วงท่าทางสงบส่วนคนร่างสูงทางขวา สายตาเต็มไปด้วยด้วยความซับซ้อนและความสงบเยือกเย็นแบบผู้ใหญ่ ซึ่งก็คือฮั่วเทียนเฉิงจากตำหนักเทพหอทองคำหลังจากที่สร่างเมาแล้ว เขาก็กลับไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ซ่อนตัวอยู่ในตรอกตรงข้ามเพื่อรอโอกาส ไม่นึกว่าจะบังเอิญเจออินชิงเสวียนและสามี เขารู้สึกดีใจทันที รีบติดตามไปทันที ขณะที่กำลังจะลงมื

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 868 ความคิดของฉุยอวี้

    “ลุกขึ้นเถอะ”ฉุยอวี้จิบชา แล้วพูดเบาๆ ตั้งแต่ถูกนำกลับมาที่สำนักเซียวเหยา เด็กหนุ่มคนนี้ก็สลบไสลไม่ได้สติตลอดเวลา คืนนี้เพิ่งฟื้นขึ้นมาฉุยอวี้ตรวจชีพจรของเขาหลายครั้ง แต่ไม่พบอะไรเลยฉางเฮิ่นเทียนมีกำลังภายในบ้างก็จริง แต่อ่อนแอมาก แย่กว่าศิษย์ทั่วไปของสำนักมาก คนเช่นนี้จะมาจากเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงได้อย่างไร“เจ้ามาจากอิ๋นเฉิงจริงๆ หรือ”ฉุยอวี้มองเขาแล้วถามขึ้นฉางเฮิ่นเทียนคุกเข่าลงบนพื้น แล้วพูดด้วยความเคารพ “เรียนเจ้าสำนัก เป็นเช่นนั้นจริงๆ”ฉุยอวี้แค่นเสียงหึแล้วพูดว่า “ในอิ๋นเฉิงจะมีคนอ่อนแอเช่นเจ้าได้อย่างไร”ฉางเฮิ่นเทียนกล่าขึ้นโดยเร็ว “ข้าน้อยไม่ใช่ศิษย์ของอิ๋นเฉิง ข้าน้อยทำงานหยุมหยิมในครัว เพราะคุณสมบัติมีจำกัด จึงไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้ใน”ฉุยอวี้แค่นเสียงหึอีกครั้งว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ใช่ศิษย์สำนักด้วยซ้ำ แล้วเจ้าออกมาได้อย่างไร”ฉางเฮิ่นเทียนกล่าวด้วยความเคารพ “มีคนเปิดประตูอิ๋นเฉิง ข้าน้อยจึงใช้โอกาสนี้หลบหนี”ฉุยอวี้ถามอีกครั้ง “คนที่เจ้ากำลังพูดถึงคือใคร”ฉางเฮิ่นเทียนกลอกตาแล้วพูดว่า “เขาเป็นศิษย์หนุ่มที่มีทักษะวรยุทธ์ที่สูงมาก”ฉุยอวี้ขมวดคิ้ว“เหตุใ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 689 เข้าสู่วิถีเป็นครั้งแรก

    “เด็กหนุ่มที่เจ้าจับไปอยู่ที่ไหน พาข้าไปหาเขาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ข้าจะให้เจ้าหลั่งเลือดอยู่ตรงนี้”ร่างสูงยืนอยู่ในความมืด น้ำเสียงไม่เย็นชา แต่พลังรัศมีนั้นวางอำนาจอย่างยิ่ง“เจ้าเป็นใคร”น้ำเสียงของเฟิงเอ้อร์เหนียงสงบ นางอยู่ในยุทธภพมาหลายปีแล้ว จึงสงบสติอารมณ์ได้ดี“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”เฮ่อฉางเฟิงขยับปลายนิ่วเล็กน้อย ปราณกระบี่ก็พุ่งออกมาจากนิ้วของเขา เฟิงเอ้อร์เหนียงรู้สึกเจ็บแปลบที่ลำคอ แล้วก็มีเลือดไหลออกมามุมปากของเฟิงเอ้อร์เหนียงกระตุกเล็กน้อย ทว่าใบหน้ายังคงสงบราวกับน้ำ“เจ้าไม่บอกข้า ทำไมข้าต้องบอกเจ้า”“คิดจริงๆ หรือว่าถ้าเจ้าไม่บอก แล้วข้าจะหาคนไม่เจอ?”เฮ่อฉางเฟิงไม่ต้องการพูดไร้สาระกับนาง เขาจึงจี้สกัดจุดที่หว่างคิ้วของเฟิงเอ้อร์เหนียง ภาพเบื้องหน้าของเฟิงเอ้อร์เหนียงมืดลง และหมดสติล้มลงบนพื้นทันทีจากนั้นเดินออกจากห้อง สะกดกลั้นลมปราณ มองหากลิ่นอายของฉางเฮิ่นเทียนขณะที่ยืนนิ่ง ก็รู้สึกถึงกลิ่นอายแปลกๆ ข้างหลังเขา ทันทีที่หันหลังกลับก็ปะทะฝ่ามือกันผู้มาใหม่เต็มๆน่าเสียดายที่คนผู้นี้คือฮั่วเทียนเฉิงอีกแล้วเดิมทีเขากลับไปที่โรงเตี๊ยม แต่กลับรู้สึกหงุดห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 870 ทักษะที่ช่วงชิงมา

    เมื่อสบตากัน เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเวียนหัวทันทีดูเหมือนว่าทั้งคนจะตกอยู่ในมโนภาพอีกครั้ง ฉากนองเลือดนับไม่ถ้วนแวบออกมา หัวใจเต้นแรงอย่างคุมไม่ได้อินชิงเสวียนกะพริบตายิ้ม“อาอวี้ มีอะไรหรือ”เย่จิ่งอวี้รู้สึกตัวขึ้นมาทันที“ม่ะ ไม่มีอะไร”อินชิงเสวียนเอียงคอมองเขา ด้วยสายตาขี้เล่นคู่นั้นของหญิงสาว “หรือว่าข้าโคจรลมปราณไม่ถูกต้อง?”เย่จิ่งอวี้วางนิ้วลงบนชีพจรของอินชิงเสวียน เส้นลมปราณของหญิงสาวนั้นราบรื่น ไม่มีอะไรผิดปกติ“ไม่มี เสวียนเอ๋อร์ทำถูกแล้ว”เย่จิ่งอวี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “เสวียนเอ๋อร์เคยฝึกฝนวรยุทธ์แบบอื่นหรือไม่”อินชิงเสวียนส่ายหัว“ไม่มีนะ ทำไมอาอวี้ถามแบบนั้น”“เมื่อครู่ข้าเห็นแสงสีม่วงลอยวนอยู่บนฝ่ามือของเจ้า มันไม่ใช่วิทยายุทธ์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ถึงได้ถามเช่นนั้น”สำหรับดวงตาของอินชิงเสวียนนั้น เย่จิ่งอวี้ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดีความรู้สึกนั้นคล้ายกับตอนที่มองตาของเถียนเซินหลินมาก แต่ก็แน่ใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่หญิงสาวจะเรียนรู้วรยุทธ์ของเขาอินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าแค่เรียนเพลงยุทธ์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ที่อาอวี้สอนข้าเท่านั้น ไ

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status