“อวี้เอ๋อร์ เสวียนเอ๋อร์ พวกเจ้ากลับมาแล้วหรือ?”เมื่อเห็นทั้งสองคน เจ้าสำนักเซี่ยวก็รีบเดินเข้ามา และมองสำรวจทั้งสองคนตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของพวกเขายังคงเรียบร้อย ไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็วางใจลงความเป็นห่วงของเจ้าสำนักเซี่ยว ทำให้ทั้งสองอบอุ่นหัวใจ“ท่านตาไม่ต้องเป็นห่วง ข้าและเสวียนเอ๋อร์ไม่เป็นอะไรขอรับ เถียนเซินหลินผู้นั้นยังอยู่หรือไม่ เขาคือชาวตงหลิว”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่จิ่งอวี้ เจ้าสำนักเซี่ยวก็พูดด้วยความตกใจว่า “เขาเป็นชาวตงหลิวจริงหรือ?”อินชิงเสวียนพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้าค่ะ คนอื่นที่มากับเขาล้วนเป็นชาวตงหลิวทั้งนั้น ท่านตา ตอนนี้เถียนเซินหลินอยู่ที่ใด?”เจ้าสำนักเซี่ยวสีหน้าแย่ทันที“หนีไปแล้ว”ฮั่วเทียนเฉิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งพูดขึ้นว่า “เถียนเซินหลินที่พวกท่านพูดถึง ก็คือผู้ที่ใช้วิชาเนตรกับพวกท่านสองสามีภรรยาใช่หรือไม่ ไม่คิดว่าดินแดนเล็กๆ จะสามารถฝึกฝนวิชาการต่อสู้ที่ชั่วร้ายเช่นนี้ได้”อินชิงเสวียนจึงเห็นว่ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังของเจ้าสำนักเซี่ยว เมื่อมองหน้าตาท่าทางของเขาอย่างชัดเจน นางก
อินชิงเสวียนได้นำเย่จิ่งอวี้มายังมุมเหนือของภูเขาที่นี่ห่างไกลและเปลี่ยวมากจริงๆ ด้านข้างเป็นผืนป่าที่รกร้าง และมีหินขรุขระที่แปลกตาจำนวนไม่น้อย“ชาวตงหลิวบอกว่าที่นี่ถูกพวกเขาปลอมแปลงเอาไว้ พร้อมทั้งวางกลไกอยู่ พวกเราลองตามหาให้ละเอียด”ขณะนั้นท้องฟ้าสว่างมากแล้ว สายตามองเห็นได้อย่างชัดเจนและหาได้ง่ายมากขึ้นทั้งสองแยกกันตามหา พวกเขาหาไปด้วย และตะโกนเรียกชื่อของเย่จิ่งหลานไปด้วยเย่จิ่งหลานกำลังนอนและฝึกฝนตนเองอยู่ในมิติดื่มโคล่า กินมันฝรั่งทอด ในมือถือหนังสือนิยายที่ยังอ่านไม่จบอยู่เล่มหนึ่ง ไม่ต้องถามว่าสบายใจแค่ไหนหวังซุ่นนอนอยู่ข้างๆ เขา ในปากกำลังเคี้ยวป๊อปคอร์นรสคาราเมลเสียงดังจ๊อบแจ๊บ ทำให้เย่จิ่งหลานรำคาญอย่างมาก จึงหันกลับไปด่าว่า “หากยังกินมีเสียงแบบนี้อีก ข้าจะไล่ให้เจ้าไปอยู่ห้องพักอื่นแล้วนะ”หวังซุ่นรีบหุบปากในทันที เขามองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยหน้าตาที่น่าสงสาร และใช้สี่ฟันหน้าเคี้ยวเบาๆ ราวกับสุนัขตัวเล็กเย่จิ่งหลานต้องด้วยความโหดเหี้ยม จากนั้นก็หันกลับไปอ่านหนังสือต่อทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเรียกตัวเองอยู่ด้านนอก จึงลุกขึ้นนั่งในทันที การ
อินชิงเสวียนไม่ได้พูดอะไรต่อไฟป่าเผาผลาญแต่ไม่สูญสิ้น ลมวสันต์จะพัดโบกปลุกชีวิตฟื้นคืนตราบใดที่ยังมีผู้ชายก็จะขยายเผ่าพันธุ์ได้ ผู้ใดจะล่วงรู้ว่าอีกสิบปีข้างหน้าจะมีประเทศเกาะตงหลิวผุดขึ้นมาอีกหรือไม่ทันใดนั้น สายตาของเย่จิ่งหลานก็ขรึมขึ้น และพูดเสียงเข้มว่า “เก็บเอาไว้ทำไมกัน ชาวตงหลิวต่างสมควรตาย!”หวังซุ่นรู้สึกหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้ หันหน้ามองไปที่เย่จิ่งหลานทันใดนั้น เย่จิ่งหลานก็หันมายิ้มให้เขา“วางใจได้ ข้าจะเก็บรักษาหัวของเจ้าเป็นอย่างดี”“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”หวังซุ่นฉีกยิ้มออกมา รอยยิ้มกลับมีความฝืนเล็กน้อยอินชิงเสวียนเหลือบมองหวังซุ่น และมองไปที่เย่จิ่งอวี้กลับพบว่าตาคมคู่นั้นมองไปยังด้านหน้า สายตาดูคลุมเครือ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่จู่ๆ บรรยากาศก็เงียบสงัดลงในทันที ทั้งสี่คนต่างคิดเรื่องของตัวเอง ไม่มีใครพูดอะไรอีกขณะเดียวกันนั้น บนไหล่เขาทางตอนใต้ เด็กหนุ่มอายุสิบแปดสิบเก้าปีปรากฏตัวขึ้นเด็กหนุ่มร่างกายผอมเซียว หน้าตาธรรมดา ไม่ได้อัปลักษณ์แต่ก็ไม่ได้หล่อเหลา เขาสวมชุดเสื้อผ้าหยาบที่ซอมซ่อ กำลังก้มหน้ามองเย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆสายตาของเด็กห
เย่จิ่งอวี้กอดนางไว้ในอ้อมอกอีกครั้ง มือใหญ่กุมท้ายทอยของอินชิงเสวียนเอาไว้ ทำให้นางแนบอยู่บนไหล่ของตัวเองเขาพูดเสียงเบาที่ข้างหูของนางว่า “ข้ารู้ นิสัยของคนเปลี่ยนแปลงได้เสมอ หากไม่ผ่านเหตุการณ์มากมายเช่นนี้ เสวียนเอ๋อร์คงไม่เปลี่ยนไปเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ ทุกสิ่ง... เพราะข้าเป็นคนทำ!”อินชิงเสวียนผลักเขาออกเล็กน้อย เมื่อมองดวงตาที่แดงก่ำเล็กน้อยก็พูดว่า “คำพูดของข้าไม่ได้มีความหมายอย่างที่ท่านคิด ข้าหมายความว่า ข้าไม่ใช่อินชิงเสวียนตัวจริง”นางมองเย่จิ่งอวี้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ “อาอวี้ อินชิงเสวียนที่แต่งงานกับท่านตายไปในวังเย็นแล้ว นางสิ้นใจขณะให้กำเนิดลูก ข้าคืออีกคนหนึ่งที่ใช้ร่างของนางมายังโลกใบนี้”เย่จิ่งอวี้ตกใจในทันที รูม่านตาก็หดลงอย่างรุนแรง“เสวียนเอ๋อร์ เจ้ากำลังพูดเพ้ออะไรกัน?”สีหน้าของอินชิงเสวียนสงบเงียบ วินาทีที่พูดเรื่องเหล่านี้ออกมา สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจมาตลอดก็หายไปในทันที และสิ่งที่เข้ามาทดแทนก็คือความรู้สึกยินดีที่หายไปนานนางคิดมาตลอดว่าคนที่รักกัน ควรมีความซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่มีเรื่องใดปิดบังต่อกัน หลายวันก่อน นางก็เคยพูดคำเหล่านี้กับเย่
อินชิงเสวียนน้ำเสียงนุ่มนวล ราวกับกำลังบอกเล่าเรื่องราวที่แปลกประหลาดเกินกว่าความจริง เล่าเป็นเรื่องเป็นราวอย่างละเอียดมือคู่หนึ่งกลับกอดเข่าแน่นมากยิ่งขึ้น ไหล่บางก็สั่นเทิ้มเล็กน้อยท่ามกลางความสัมพันธ์นี้ นางก็เสียสละเช่นกัน และผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เป็นผู้ชายคนแรกที่มีความหมายต่อนางอย่างแท้จริงแม้การหย่าร้างเป็นเรื่องปกติของยุคสมัยใหม่ แต่จุดจบของการแต่งงานก็ทำให้คนต้องเสียใจเช่นกันแม้อินชิงเสวียนไม่ถึงขนาดปลงไม่ตกเหมือนคนสมัยโบราณ แต่หากได้ฟังคำตอบนั้นจริงๆ นางยังคงรู้สึกเสียใจและผิดหวังมากนางในตอนนี้ราวกับนักโทษที่กำลังรอคนตัดสินโทษประหาร แต่ใบมีดที่อยู่บนศีรษะกลับยังไม่ฟันลงมาเสียทีนางไม่กล้าหันหลังกลับ และไม่กล้ามองหน้าของเย่จิ่งอวี้ ทำได้เพียงกลั้นลมหายใจ และรอคอยอย่างอดทนด้านหลังของนางประมาณสามก้าว เย่จิ่งอวี้ยืนอยู่ด้วยใบหน้าที่ตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่นิ่งดุจสายน้ำของเด็กสาว เขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องโกหกเพียงพริบตาเดียว ทุกสิ่งทั้งหมดก็ชัดเจนขึ้นมากไม่แปลกที่ทุกคนต่างรู้สึกว่านิสัยของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไป ไม่แปลกที่ทุกครั้งที่นางพูดถึงฮว๋าเซี
นิ้วมือของเย่จิ่งอวี้เลื่อนเข้าไปในคอเสื้อ ความรู้สึกหยาบกร้านจากการลูบไล้ ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกสั่นสะท้าน และหายใจเข้าลึกๆ อย่างอดไม่ได้พูดเสียงสั่นว่า “อาอวี้ อย่าเล่นซนนะ เช่นนี้จะไม่ดีต่อลูก”อินชิงเสวียนหดร่างกาย น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยการวิงวอน และนางก็จับมือที่ซุกซนเอาไว้แน่นลักษณะท่าทางเขินอายของนาง กลับยิ่งทำให้เย่จิ่งอวี้มีความปรารถนาเพิ่มมากขึ้น เขาอยากจับเด็กสาวคนนี้กดลงบนพื้นหญ้า และกลั่นแกล้งนางด้วยความรุนแรง“ข้าจะพาจ้าวเอ๋อร์ออกไปส่งด้านนอก”เย่จิ่งอวี้หอบหายใจครู่หนึ่ง พยายามกดเสียงแหบพร่าในลำคอแล้วพูดว่า “ท่านแม่คงกำลังรอจ้าวเอ๋อร์อยู่”“อย่านะเพคะ นานๆ จะได้อยู่กับลูก ท่านอย่าได้คิดแผนร้ายเด็ดขาด”อินชิงเสวียนคว้ามือของเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ชายผู้นั้นกลับเคลื่อนตัวลงไปอีกเล็กน้อยแล้วพูดอย่างฮึกเหิมว่า “เมื่อมีความปรารถนา จึงแสวงหาหญิงรักผู้งดงาม เรื่องธรรมดาที่พบเห็นเป็นอาจิณ”ร่างกายของอินชิงเสวียนอ่อนไหวเป็นอย่างมาก จึงร้องตกใจและพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย “อาอวี้ ท่านอย่าเล่นซนนะ”เย่จิ่งอวี้จึงต้องชักมือกลับไปด้วยความเสียดาย ความรู้สึกนุ่มนวลท
อินชิงเสวียนตกใจตื่นขึ้นมาทันที และเหงื่อเย็นก็ไหล่ท่วมทั้งตัวด้านข้าง เสี่ยวหนานเฟิงยังคงหลับอยู่ ร่างที่อวบอ้วนนอนตะแคงด้านข้าง น่องทั้งสองพับเข้าหากัน และผ้าห่มผืนเล็กที่คลุมตัวไว้ก็ถูกเตะออกไปอีกด้านอินชิงเสวียนห่มผ้าให้เขาใหม่อีกครั้ง ความรู้สึกตกใจกลัวยังไม่หายไปเหตุใดจู่ๆ ตัวเองถึงฝันเช่นนี้ได้?เสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่ในความฝัน คือเสื้อผ้าที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งนางไม่มีทางทำทรงผมที่สวยงามเช่นนั้นได้เมื่อลองเปลี่ยนมุมมองความคิด ความฝันคือสิ่งที่ไร้ข้อจำกัด ฝันเห็นอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น คงเป็นเพราะตัวเองคิดถึงคุณย่ามากเกินไป จึงได้ฝันเห็นเธอเมื่อคิดได้เช่นนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกสงบขึ้นมาทันที นางพนมมือและหลับตาอธิษฐานหวังว่าเทวดาจะคุ้มครองและปกปักรักษา ครอบครัวของอารอง ลูกพี่ลูกน้องชายและสะใภ้จะดูแลเธอเป็นอย่างดี เพื่อให้คุณย่ามีความสุขในบั้นปลายของชีวิต!เสียงประตูเปิดออกดังเอี๊ยด อินชิงเสวียนก็รีบวางมือลง เซี่ยวอิ๋นหวนหิ้วกล่องอาหารเข้ามาจากด้านนอก“ได้ยินอวี้เอ๋อร์บอกว่าเจ้าหลับแล้ว ข้าจึงไม่กล้าเข้ามาดู แต่กลัวว่าเจ้าจะหิว เพราะความอดไม่ได้จึงแ
“บังอาจ กล้าดีอย่างไรบุกเข้ามาในหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์!”ลูกศิษย์หลายคนที่เฝ้าประตูต่างก็ชักดาบยาวออกมา และล้อมชายคนนั้นเอาไว้อินชิงเสวียนมองรูปร่างที่คุ้นตาของชายผู้นั้น และเดินเข้าไปหาเมื่อมองใบหน้าด้านข้างของเชา อินชิงเสวียนก็แทบไม่อยากเชื่อ“พี่ใหญ่?”ลูกศิษย์ได้ยินดังนั้นก็หันกลับมา“แม่นางอินรู้จักชายผู้นี้ด้วยหรือ?”อินชิงเสวียนจึงพยุงเขาขึ้นมา“พวกเจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจได้ นี่คือพี่ชายของข้า เขาเดินทางไกลนับพันลี้มาที่นี่ ต้องการมาหาข้าอย่างแน่นอน”“เช่นนี้นี่เอง”คนเหล่านั้นจึงรีบยกอินสิงอวิ๋นเข้าไปในห้องอินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมา และป้อนให้อินสิงอวิ๋นหนึ่งแก้วเพียงครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นใบหน้าของอินชิงเสวียนที่อยู่ตรงหน้าก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ อินสิงอวิ๋นจึงจับมือของนางด้วยความตื่นเต้น“น้องใหญ่ ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบ!”อินชิงเสวียนกุมมือเขาตอบ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พี่ใหญ่ถึงเป่ยไห่ได้อย่างไร หรือว่าเกิดเรื่องอะไรที่บ้าน?”“พี่สะใภ้ของเจ้านาง... น้องใหญ่รีบช่วยนางด้วยนะ!”อินสิงอวิ๋นพยายามลุกขึ้นนั่ง เมื่อเห็นว่าบนเตียงมี
อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก
ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ