หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 842 รถม้าที่มาอย่างฉับพลัน

แชร์

บทที่ 842 รถม้าที่มาอย่างฉับพลัน

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-13 16:00:00
อินชิงเสวียนตกใจตื่นขึ้นมาทันที และเหงื่อเย็นก็ไหล่ท่วมทั้งตัว

ด้านข้าง เสี่ยวหนานเฟิงยังคงหลับอยู่ ร่างที่อวบอ้วนนอนตะแคงด้านข้าง น่องทั้งสองพับเข้าหากัน และผ้าห่มผืนเล็กที่คลุมตัวไว้ก็ถูกเตะออกไปอีกด้าน

อินชิงเสวียนห่มผ้าให้เขาใหม่อีกครั้ง ความรู้สึกตกใจกลัวยังไม่หายไป

เหตุใดจู่ๆ ตัวเองถึงฝันเช่นนี้ได้?

เสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่ในความฝัน คือเสื้อผ้าที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งนางไม่มีทางทำทรงผมที่สวยงามเช่นนั้นได้

เมื่อลองเปลี่ยนมุมมองความคิด ความฝันคือสิ่งที่ไร้ข้อจำกัด ฝันเห็นอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น คงเป็นเพราะตัวเองคิดถึงคุณย่ามากเกินไป จึงได้ฝันเห็นเธอ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกสงบขึ้นมาทันที นางพนมมือและหลับตาอธิษฐาน

หวังว่าเทวดาจะคุ้มครองและปกปักรักษา ครอบครัวของอารอง ลูกพี่ลูกน้องชายและสะใภ้จะดูแลเธอเป็นอย่างดี เพื่อให้คุณย่ามีความสุขในบั้นปลายของชีวิต!

เสียงประตูเปิดออกดังเอี๊ยด อินชิงเสวียนก็รีบวางมือลง เซี่ยวอิ๋นหวนหิ้วกล่องอาหารเข้ามาจากด้านนอก

“ได้ยินอวี้เอ๋อร์บอกว่าเจ้าหลับแล้ว ข้าจึงไม่กล้าเข้ามาดู แต่กลัวว่าเจ้าจะหิว เพราะความอดไม่ได้จึงแ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 843 ยิ้มในเวลานี้ดูเหมือนไม่ค่อยเหมาะสม

    “บังอาจ กล้าดีอย่างไรบุกเข้ามาในหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์!”ลูกศิษย์หลายคนที่เฝ้าประตูต่างก็ชักดาบยาวออกมา และล้อมชายคนนั้นเอาไว้อินชิงเสวียนมองรูปร่างที่คุ้นตาของชายผู้นั้น และเดินเข้าไปหาเมื่อมองใบหน้าด้านข้างของเชา อินชิงเสวียนก็แทบไม่อยากเชื่อ“พี่ใหญ่?”ลูกศิษย์ได้ยินดังนั้นก็หันกลับมา“แม่นางอินรู้จักชายผู้นี้ด้วยหรือ?”อินชิงเสวียนจึงพยุงเขาขึ้นมา“พวกเจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจได้ นี่คือพี่ชายของข้า เขาเดินทางไกลนับพันลี้มาที่นี่ ต้องการมาหาข้าอย่างแน่นอน”“เช่นนี้นี่เอง”คนเหล่านั้นจึงรีบยกอินสิงอวิ๋นเข้าไปในห้องอินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมา และป้อนให้อินสิงอวิ๋นหนึ่งแก้วเพียงครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นใบหน้าของอินชิงเสวียนที่อยู่ตรงหน้าก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ อินสิงอวิ๋นจึงจับมือของนางด้วยความตื่นเต้น“น้องใหญ่ ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบ!”อินชิงเสวียนกุมมือเขาตอบ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พี่ใหญ่ถึงเป่ยไห่ได้อย่างไร หรือว่าเกิดเรื่องอะไรที่บ้าน?”“พี่สะใภ้ของเจ้านาง... น้องใหญ่รีบช่วยนางด้วยนะ!”อินสิงอวิ๋นพยายามลุกขึ้นนั่ง เมื่อเห็นว่าบนเตียงมี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-13
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 844 คำพูดก่อนหน้านี้ยังนับหรือไม่

    ระหว่างที่สองคนพูดคุยกัน อินชิงเสวียนได้นำเป่าเล่อเอ่อร์มายังห้องพักของเย่จิ่งหลาน“รีบตรวจให้นางหน่อยสิ ดูว่ามีโรคเกิดจากสารอินทรีย์หรือไม่?”เย่จิ่งหลานกำลังอ่านนิยายอยู่ในห้อง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนอุ้มคนหนึ่งเข้ามา เขาจึงกลอกตาแล้วพูดว่า “ใครอีกเนี่ย?”“องค์หญิงน้อยแห่งเจียงวู เป่าเล่อเอ่อร์”อินชิงเสวียนพูดรวบรัดชัดเจนนางก็ไม่ได้อยากทรมานเย่จิ่งหลาน แต่คิดว่าการได้ตรวจสักหน่อยก็จะทำให้สบายใจยิ่งขึ้น หากเป็นเพียงแค่หนอนกู่ก่อกวน นางค่อยไปหาเซี่ยวอิ๋นหวนก็ยังไม่สาย“หา? นางมาถึงเป่ยไห่ได้อย่างไร?”เย่จิ่งหลานโยนนิยายลง ค้ำเตียงและลุกขึ้นนั่ง“เป็นเพราะนังสารเลวจูอวี้เหยียนก่อเรื่องเอาไว้”อินชิงเสวียนนำเรื่องที่เป่าเล่อเอ่อร์มีพิษกู่ในร่างกาย และเรื่องที่แท้งลูกเล่าให้เขาฟังคร่าวๆเย่จิ่งหลานด่าออกมาอย่างอดไม่ได้ “นังดอกทองนั่นช่างขาดศีลธรรมจริงๆ โชคดีที่นางตายไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจะทำร้ายผู้อื่นอีกกี่คน”เขายกมือเรียกมิติห้องรักษา แต่สองเท้ายังขยับได้ไม่สะดวกนัก อินชิงเสวียนรีบพูดว่า “เจ้าไม่ต้องลุก บอกข้าว่าเครื่องมือใช้อย่างไรก็พอแล้ว?”เย่จิ่งหลานเลิกดวงตาหั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-13
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 845 ชิงพิณ

    อินชิงเสวียนกระแอมแล้วพูดว่า “ข้าพูดสิ่งใดไว้งั้นหรือ ทำไมข้าจำไม่ได้แล้ว?”เย่จิ่งอวี้โกรธขึ้นมาทันที“ไม่รักษาคำพูด จะเป็นปัญญาชนที่ดีได้อย่างไร?”อินชิงเสวียนเม้มปากยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าไม่ใช่ปัญญาชนเสียหน่อย ข้าไม่สนใจหรอกว่าสิ่งใดเป็นไปได้หรือไม่ได้”เย่จิ่งอวี้ยื่นมือไปจั๊กจี้นาง อินชิงเสวียนยิ้มและวิ่งหนีทันทีเย่จิ่งอวี้ยกเท้าเตรียมวิ่งตาม จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติอินชิงเสวียนก็ยืนนิ่งเช่นกัน พร้อมส่งสัญญาณให้ข้า เย่จิ่งอวี้ใจตรงกันและเข้าใจในทันทีเขาเดินสองสามก้าวไปยังอินชิงเสวียน ยิ้มแล้วถามว่า “เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงพิณ เสวียนเอ๋อร์เป็นผู้บรรเลงใช่หรือไม่?”อินชิงเสวียนเอื้อมมือหยิบพิณการเวกออกมา และพูดด้วยความภูมิใจว่า “เจ้าค่ะ นั่นคือบทเพลงที่ข้าเพิ่งเรียนรู้ใหม่”เย่จิ่งอวี้เอ่ยชม “บทเพลงนี้สุกสว่างดั่งจันทร์ฉาย ราวกับบทเพลงเซียนเทพที่เข้ามาในหู ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข เพียงแต่บรรเลงที่นี่คงไม่เหมาะสมนัก”อินชิงเสวียนอุ้มพิณและถามเสียงอ้อนว่า “เช่นนั้นควรไปบรรเลงที่ใดดีเพคะ?”เย่จิ่งอวี้ยิ้มด้วยความรัก“หากมีเสียงคลื่นคอยประสาน นั่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-13
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 846 พิณแตกสลาย

    เสียงพิณหยุดลงกะทันหัน ร่างของหลายคนกระโจนเข้าไปหาอินชิงเสวียน“สุนัขชั้นต่ำที่ไหนกัน!”เย่จิ่งอวี้พูดตะโกนด้วยความโมโห เขาพุ่งขึ้นมากลางอากาศ ลมที่ฝ่ามือมืดฟ้ามัวดิน กวาดชาวตงหลิวหลายคนชาวตงหลิวรีบแยกจากกันทันที ลำเลียงพลังฝ่ามือส่วนใหญ่ จากนั้นก็รวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง และแตกออกเป็นชิ้นๆอาวุธลับที่มีรูปร่างแปลกประหลาดมากมาย บินออกมาจากในมือของพวกเขา ปกคลุมทั้งสองไว้จนไม่เหลือช่องว่างเย่จิ่งอวี้สะบัดดาบออกมา เสียงกระทบกันกลางอากาศดังแกร๊งโมริตะคาวาสึบาเมะหลบอยู่ในที่มืดตลอดเวลา จ้องหาโอกาสจะเข้าไปชิงพิณ เดิมทียังเป็นห่วงว่าทุกคนจะได้รับผลกระทบจากเสียงพิณ โชคดีที่อินชิงเสวียนกอดพิณการเวกไว้แน่น และยังไม่บรรเลงออกมาในชั่วพริบตาก็เกิดการต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่าแม้ว่าเย่จิ่งอวี้มีวรยุทธ์ที่สูงส่ง แต่น่าเสียดายที่เสือไม่อาจต้านทานฝูงหมาป่าได้ หลังจากนั้นสิบห้านาทีก็เผยให้เห็นความพ่ายแพ้“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าไปก่อน ปกป้องพิณการเวกให้ดี”เย่จิ่งอวี้หันกลับมาตะโกนบอก แขนเสื้อกลับถูกกรีดด้วยมีดสั้น มีเลือดไหลออกมา แขนเสื้อและข้อมือก็กลายเป็นสีแดงทันที“อาอวี้”อินชิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-13
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 847 ดาวนำโชค

    “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”เจ้าสำนักเซี่ยวนิสัยโผงผาง ไม่สนใจว่าแอบฟังอะไรจากด้านนอกได้บ้าง จึงเดินเข้ามาอย่างโจ่งแจ้งฉุยอวี้ได้ยินเสียงฝีเท้า คิดว่าเป็นเพียงลูกศิษย์ของสำนักกระบี่สังหาร ไม่คิดว่าผู้มาเยือนคือเจ้าสำนักเซี่ยวจึงประสานมือคำนับแล้วพูดว่า “เจ้าสำนักเซี่ยว สบายดีหรือไม่เจ้าคะ”สายตาของเจ้าสำนักเซี่ยวเหลือบมองฉุยอวี้ด้วยความเย็นชา และถามอย่างไม่เกรงใจว่า “เวลาดึกดื่นเช่นนี้ เจ้ามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด?”เฮ่ออวิ๋นทงรู้สึกอึดอัดอย่างอดไม่ได้ น้ำเสียงที่ใช่ถามของเหล่าเซี่ยว ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกคนจับผิดเรื่องศีลธรรมอย่างน่าประหลาดรู้จักกันมานานหลายปี เขารู้จักนิสัยของเจ้าสำนักเซี่ยวเป็นอย่างดี หากตัวเองพูดอะไรออกไปในตอนนี้ จะยิ่งทำให้เหล่าเซี่ยวโกรธมากกว่าเดิม จึงหยิบแก้วขึ้นมาและค่อยๆ ดื่มชาฉุยอวี้กระแอมไอและพูดว่า “ข้ามาที่นี่ก็เพื่อเจรจาเรื่องการโจมตีตงหลิว”เจ้าสำนักเซี่ยวฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโหว่า “ฉุยอวี้ เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนหูหนวกงั้นหรือ เจ้าคิดอย่างไร คิดว่าข้าไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้งั้นหรือ หากเข้ากล้าแย่งโจมตีคนของตงหลิวจากมือของข้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-14
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 848 คำเสียดสีเฟิงเอ้อร์เหนียง

    เมื่อได้ยินเฮ่ออวิ๋นทงกล่าวชมเชยอินชิงเสวียนเช่นนี้ ในที่สุดใบหน้าของเจ้าสำนักเซี่ยวก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยถามเสียงเรียบว่า “ฉุยอวี้มาที่นี่ มีเรื่องอะไรกันแน่?”เฮ่ออวิ๋นทงรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องถาม“เหล่าเซี่ยวเคยได้ยินตำหนักเทพหอทองคำหรือไม่?”เจ้าสำนักเซี่ยวเลิกคิ้วยาวที่ขาวโพลนของเขา“ตำหนักเทพหอทองคำและเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง เรียกได้ว่าเป็นสองสำนักอมตะที่ซ่อนตัวอยู่ นอกจากนี้ยังถือได้ว่าเป็นการมีอยู่ที่ลึกลับที่สุดในโลก ข่าวลือเล่าว่าทั้งสองแห่งมีหอตำรามากมายนับไม่ถ้วน ส่วนมากเป็นเคล็ดวิชาการต่อสู้ เป็นสถานที่ที่ชาวยุทธจักรจำนวนมากใฝ่ฝันหา แต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับฉุยอวี้?”เจ้าสำนักเฮ่อลูบเคราแล้วพูดว่า “สถานที่ที่นางเชิญข้าไปก็คือตำหนักเทพหอทองคำ”“หา? นางรู้จักที่นี่ด้วยงั้นหรือ?”เจ้าสำนักเซี่ยวถามด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเจ้าสำนักเฮ่อพูดหัวเราะเยาะว่า “ท่านคงไม่มีความสนใจต่อที่แห่งนี้หรอกนะ?”เจ้าสำนักเซี่ยวทำเสียงฮึดฮัดและพูดว่า “ข้าอายุมากขนาดนี้แล้ว ไม่มีใจที่จะแก่งแย่งชิงดีกับใครหรอก การมาที่เป่ยไห่ สิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือการทำลายพวกผีแคระตง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-14
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 849 มื้อดึกในมิติ

    ขณะนั้นเอง เย่จิ่งอวี้ได้นำอินชิงเสวียนกลับมายังหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เดิมทีอินชิงเสวียนต้องการไปดูเป่าเล่อเอ่อร์ แต่ไฟในห้องถูกดับแล้วเย่จิ่งอวี้จึงพูดเสียงเบาว่า “วันนี้ไม่ต้องไปรบกวนพวกเขาแล้ว การเดินทางที่แสนยาวนาน พวกเขาคงเพลียแย่แล้ว”หนอนกู่ของเป่าเล่อเอ่อร์เพิ่งถูกกำจัด นางจะเป็นต้องพักผ่อนให้มาก เมื่อคิดได้เช่นนี้อินชิงเสวียนก็พยักหน้า“เพคะ พวกเราไปพักผ่อนในมิติดีกว่า”เย่จิ่งอวี้ยิ้ม“ดีเลย”ทันทีที่อินชิงเสวียนคิดภาพ ทั้งสองก็ปรากฏตัวอยู่ด้านในมิติ“อาอวี้เจ็บแผลอยู่หรือไม่?”“แผลภายนอกไม่มีอะไรหรอก ล้างด้วยน้ำพุวิญญาณก็ดีขึ้นมากแล้ว”เย่จิ่งอวี้ปลดผ้าพันแผลสีขาวบนแขนเสื้อออก ปรากฏว่าบาดแผลตกสะเก็ดเรียบร้อยแล้วอินชิงเสวียนจึงวางใจลง เมื่อเห็นว่าพืชผลในมิติเติบโตเต็มที่แล้ว จึงทำการหว่านและเก็บเกี่ยว และเมล็ดพืชก็ถูกบดเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเย่จิ่งอวี้เพิ่งเคยเห็นอินชิงเสวียนเก็บเกี่ยวมิติเป็นครั้งแรก เมื่อเห็นว่าผลไม้ทั้งหมดร่วงหล่อลงมาเอง และถูกวางไว้ข้างๆ อย่างเป็นระเบียบ เปลือกข้าวสาลีก็ถูกแยกและบรรจุถุงด้วยตัวเอง เขาอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-14
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 850 ปลอบโยน

    เจ้าสำนักเซี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงที่คล้ายระฆังใหญ่ “ไม่ต้องพิธีรีตอง”อินชิงเสวียนยืดตัวตรง และพูดแนะนำพวกเขาเหล่านี้ “นี่คือท่านพี่ของข้าอินสิงอวิ๋น และพี่สะใภ้ของข้าเป่าเล่อเอ่อร์ ทั้งสองท่านนี้ก็คือเจ้าสำนักเซี่ยวและผู้คุมตราเซี่ยวของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ และเป็นท่านแม่ผู้ให้กำเนิดฝ่าบาท”อินสิงอวิ๋นตกใจเป็นอย่างมากหลายปีก่อนหวนไท่เฟยป่วยจนสิ้นพระชนม์ เรื่องนี้ทุกคนต่างทราบกันเป็นอย่างดี ไม่คิดว่าตอนนี้นางยังนั่งอยู่ที่นี่อย่างสบายดี และยังเป็นผู้คุมตราของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เมื่อเห็นว่าอินสิงอวิ๋นยืนนิ่งไม่ขยับ เป่าเล่อเอ่อร์จึงดึงแขนเสื้อของเขาเบาๆอินสิงอวิ๋นได้สติกลับมาทันที และพูดอย่างเคารพว่า “อินสิงอวิ๋นและภรรยาขอคำนับเจ้าสำนักเซี่ยว คำนับไท่เฟย ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองที่เมตตาและช่วยชีวิตเอาไว้”เซี่ยวอิ๋นหวนยิ้มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก“ไม่ต้องเกรงใจ ผู้ที่ช่วยเจ้าไม่ใช่ข้า แต่เป็นเสวียนเอ๋อร์”เจ้าสำนักเซี่ยวพูดต่อว่า “ในเมื่อมาแล้วก็พักสักสองสามวันก่อน ดูขนบธรรมเนียมและประเพณีของที่นี่ก็ดีเช่นกัน สองวันนี้ไม่มีธุระอะไร ให้อาอวี้และเสวียนเอ๋อร์พาพวกเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-14

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status