แชร์

บทที่ 847 ดาวนำโชค

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-14 16:00:00
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

เจ้าสำนักเซี่ยวนิสัยโผงผาง ไม่สนใจว่าแอบฟังอะไรจากด้านนอกได้บ้าง จึงเดินเข้ามาอย่างโจ่งแจ้ง

ฉุยอวี้ได้ยินเสียงฝีเท้า คิดว่าเป็นเพียงลูกศิษย์ของสำนักกระบี่สังหาร ไม่คิดว่าผู้มาเยือนคือเจ้าสำนักเซี่ยว

จึงประสานมือคำนับแล้วพูดว่า “เจ้าสำนักเซี่ยว สบายดีหรือไม่เจ้าคะ”

สายตาของเจ้าสำนักเซี่ยวเหลือบมองฉุยอวี้ด้วยความเย็นชา และถามอย่างไม่เกรงใจว่า “เวลาดึกดื่นเช่นนี้ เจ้ามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด?”

เฮ่ออวิ๋นทงรู้สึกอึดอัดอย่างอดไม่ได้ น้ำเสียงที่ใช่ถามของเหล่าเซี่ยว ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกคนจับผิดเรื่องศีลธรรมอย่างน่าประหลาด

รู้จักกันมานานหลายปี เขารู้จักนิสัยของเจ้าสำนักเซี่ยวเป็นอย่างดี หากตัวเองพูดอะไรออกไปในตอนนี้ จะยิ่งทำให้เหล่าเซี่ยวโกรธมากกว่าเดิม จึงหยิบแก้วขึ้นมาและค่อยๆ ดื่มชา

ฉุยอวี้กระแอมไอและพูดว่า “ข้ามาที่นี่ก็เพื่อเจรจาเรื่องการโจมตีตงหลิว”

เจ้าสำนักเซี่ยวฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโหว่า “ฉุยอวี้ เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนหูหนวกงั้นหรือ เจ้าคิดอย่างไร คิดว่าข้าไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้งั้นหรือ หากเข้ากล้าแย่งโจมตีคนของตงหลิวจากมือของข้า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 848 คำเสียดสีเฟิงเอ้อร์เหนียง

    เมื่อได้ยินเฮ่ออวิ๋นทงกล่าวชมเชยอินชิงเสวียนเช่นนี้ ในที่สุดใบหน้าของเจ้าสำนักเซี่ยวก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยถามเสียงเรียบว่า “ฉุยอวี้มาที่นี่ มีเรื่องอะไรกันแน่?”เฮ่ออวิ๋นทงรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องถาม“เหล่าเซี่ยวเคยได้ยินตำหนักเทพหอทองคำหรือไม่?”เจ้าสำนักเซี่ยวเลิกคิ้วยาวที่ขาวโพลนของเขา“ตำหนักเทพหอทองคำและเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง เรียกได้ว่าเป็นสองสำนักอมตะที่ซ่อนตัวอยู่ นอกจากนี้ยังถือได้ว่าเป็นการมีอยู่ที่ลึกลับที่สุดในโลก ข่าวลือเล่าว่าทั้งสองแห่งมีหอตำรามากมายนับไม่ถ้วน ส่วนมากเป็นเคล็ดวิชาการต่อสู้ เป็นสถานที่ที่ชาวยุทธจักรจำนวนมากใฝ่ฝันหา แต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับฉุยอวี้?”เจ้าสำนักเฮ่อลูบเคราแล้วพูดว่า “สถานที่ที่นางเชิญข้าไปก็คือตำหนักเทพหอทองคำ”“หา? นางรู้จักที่นี่ด้วยงั้นหรือ?”เจ้าสำนักเซี่ยวถามด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเจ้าสำนักเฮ่อพูดหัวเราะเยาะว่า “ท่านคงไม่มีความสนใจต่อที่แห่งนี้หรอกนะ?”เจ้าสำนักเซี่ยวทำเสียงฮึดฮัดและพูดว่า “ข้าอายุมากขนาดนี้แล้ว ไม่มีใจที่จะแก่งแย่งชิงดีกับใครหรอก การมาที่เป่ยไห่ สิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือการทำลายพวกผีแคระตง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-14
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 849 มื้อดึกในมิติ

    ขณะนั้นเอง เย่จิ่งอวี้ได้นำอินชิงเสวียนกลับมายังหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เดิมทีอินชิงเสวียนต้องการไปดูเป่าเล่อเอ่อร์ แต่ไฟในห้องถูกดับแล้วเย่จิ่งอวี้จึงพูดเสียงเบาว่า “วันนี้ไม่ต้องไปรบกวนพวกเขาแล้ว การเดินทางที่แสนยาวนาน พวกเขาคงเพลียแย่แล้ว”หนอนกู่ของเป่าเล่อเอ่อร์เพิ่งถูกกำจัด นางจะเป็นต้องพักผ่อนให้มาก เมื่อคิดได้เช่นนี้อินชิงเสวียนก็พยักหน้า“เพคะ พวกเราไปพักผ่อนในมิติดีกว่า”เย่จิ่งอวี้ยิ้ม“ดีเลย”ทันทีที่อินชิงเสวียนคิดภาพ ทั้งสองก็ปรากฏตัวอยู่ด้านในมิติ“อาอวี้เจ็บแผลอยู่หรือไม่?”“แผลภายนอกไม่มีอะไรหรอก ล้างด้วยน้ำพุวิญญาณก็ดีขึ้นมากแล้ว”เย่จิ่งอวี้ปลดผ้าพันแผลสีขาวบนแขนเสื้อออก ปรากฏว่าบาดแผลตกสะเก็ดเรียบร้อยแล้วอินชิงเสวียนจึงวางใจลง เมื่อเห็นว่าพืชผลในมิติเติบโตเต็มที่แล้ว จึงทำการหว่านและเก็บเกี่ยว และเมล็ดพืชก็ถูกบดเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเย่จิ่งอวี้เพิ่งเคยเห็นอินชิงเสวียนเก็บเกี่ยวมิติเป็นครั้งแรก เมื่อเห็นว่าผลไม้ทั้งหมดร่วงหล่อลงมาเอง และถูกวางไว้ข้างๆ อย่างเป็นระเบียบ เปลือกข้าวสาลีก็ถูกแยกและบรรจุถุงด้วยตัวเอง เขาอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-14
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 850 ปลอบโยน

    เจ้าสำนักเซี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงที่คล้ายระฆังใหญ่ “ไม่ต้องพิธีรีตอง”อินชิงเสวียนยืดตัวตรง และพูดแนะนำพวกเขาเหล่านี้ “นี่คือท่านพี่ของข้าอินสิงอวิ๋น และพี่สะใภ้ของข้าเป่าเล่อเอ่อร์ ทั้งสองท่านนี้ก็คือเจ้าสำนักเซี่ยวและผู้คุมตราเซี่ยวของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ และเป็นท่านแม่ผู้ให้กำเนิดฝ่าบาท”อินสิงอวิ๋นตกใจเป็นอย่างมากหลายปีก่อนหวนไท่เฟยป่วยจนสิ้นพระชนม์ เรื่องนี้ทุกคนต่างทราบกันเป็นอย่างดี ไม่คิดว่าตอนนี้นางยังนั่งอยู่ที่นี่อย่างสบายดี และยังเป็นผู้คุมตราของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เมื่อเห็นว่าอินสิงอวิ๋นยืนนิ่งไม่ขยับ เป่าเล่อเอ่อร์จึงดึงแขนเสื้อของเขาเบาๆอินสิงอวิ๋นได้สติกลับมาทันที และพูดอย่างเคารพว่า “อินสิงอวิ๋นและภรรยาขอคำนับเจ้าสำนักเซี่ยว คำนับไท่เฟย ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองที่เมตตาและช่วยชีวิตเอาไว้”เซี่ยวอิ๋นหวนยิ้มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก“ไม่ต้องเกรงใจ ผู้ที่ช่วยเจ้าไม่ใช่ข้า แต่เป็นเสวียนเอ๋อร์”เจ้าสำนักเซี่ยวพูดต่อว่า “ในเมื่อมาแล้วก็พักสักสองสามวันก่อน ดูขนบธรรมเนียมและประเพณีของที่นี่ก็ดีเช่นกัน สองวันนี้ไม่มีธุระอะไร ให้อาอวี้และเสวียนเอ๋อร์พาพวกเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-14
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 851 ทะเลกว้างเมฆนภาสีฟ้าคราม

    อินสิงอวิ๋นกล่าวอย่างปลงอนิจจัง“ที่ตระกูลอินสามารถมีชีวิตสงบสุขได้ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากน้องหญิงใหญ่ ว่ากันตามตรง ตระกูลอินต่างหากที่ติดค้างเจ้ามากมาย”อินชิงเสวียนยกมุมปากขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้มสงบ “ไม่มีอะไรติดค้างหรือไม่ติดค้างหรอก ทั้งหมดนี้ข้าล้วนทำด้วยความเต็มใจ เป่าเล่อเอ่อร์คงจะตื่นแล้ว พี่ใหญ่รีบไปอยู่กับนางดีกว่าเจ้าค่ะ”“ได้ งั้นข้ากลับก่อนนะ”อินสิงอวิ๋นเหลือบมองน้องสาวอย่างซาบซึ้ง จากนั้นรีบกลับไปที่ห้อง ตัดสินใจในใจว่า เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ทุกคนจะกลับไปเมืองหลวงด้วยกันเปาะแปะๆ เสียงปรบมือดังขึ้นเสียงแสบๆ พูดว่า “จุ๊ จุ๊ จุ๊ พวกเจ้าพี่น้องรักกันลึกซึ้งจริงๆ”พออินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นเย่จิ่งหลานที่กำลังถือไม้ค้ำยันของเด็กทันที“เอ็นร้อยหวายขาดแล้วยังไม่พักผ่อนดีๆ วิ่งออกมาทำอะไร”เย่จิ่งหลานก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วพูดว่า “คนที่บ้านของเจ้ามาไม่ใช่หรือ ข้าต้องออกมาทักทายหน่อย ถือโอกาสออกมาสูดอากาศด้วย”อินชิงเสวียนร้องชิ แล้วเอื้อมมือไปพยุงเขา“ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”“ไม่เจ็บแล้ว แต่ข้าควรใช้ไม้เท้าสักสองวันดีกว่า เอ็นร้อยหวา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-14
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 852 บังเอิญพบกัน

    “คุณชายสุดยอดมาก บทกวีที่คุณชายท่องช่างมีศิลปะมาก ข้าคิดว่าทิวทัศน์ตรงนั้นดีกว่า เราไปดูดีหรือไม่”“แน่นอน”เสียงชัดเจนดังออกมาจากด้านหลังแนวหิน แล้วร่างหนึ่งในเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนก็เดินออกมาจากด้านหลังก้อนหินชายผู้นี้หน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง บนศีรษะกลัดด้วยปิ่นกลัดมวยผมหยกสีขาวสง่า ประหนึ่งสายลมสีขาวพัดเอื่อยๆ ทะเลครามฟ้าใส ทำให้คนรู้สึกสดชื่นเมื่ออินชิงเสวียนหันไปมอง คุณชายผู้นั้นก็เห็นนาง แสดงท่าทางประหลาดใจในทันใด“แม่นางอิน เราพบกันอีกแล้ว!”หยวนเป่าพึมพำเสียงแผ่วเบาจากด้านหลัง “คุณชายตามแม่นางผู้นี้มาไม่ใช่หรือ ยังมาแกล้งทำอยู่นี่อีก”เฮ่อฉางเฟิงดีดนิ้ว ถั่วลิสงขนาดเท่าเล็บมือก็ลอยออกมาจากปลายนิ้ว และกระแทกโดนจุดใบ้ของหยวนเป่า หยวนเป่าเงียบลงทันทีเขากังวลจนเต้นแร้งเต้นกา กระโดดไปอยู่ข้างหน้าเฮ่อฉางเฟิง แต่ถูกดึงออกไปอย่างไม่ไยดี“อยู่เฉยๆ ไม่อย่างนั้นตลอดชีวิตนี้ก็อย่าหวังว่าจะพูดได้อีก”หางตาของหยวนเป่าหรี่ลงทันที แล้วเดินตามอยู่ข้างๆ ด้วยความเคารพเฮ่อฉางเฟิงเดินไปหาอินชิงเสวียนด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น ประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “แม่นางอิน ไม่เจอกันนานสบายดีหรือไม่!”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-15
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 853 ด่าแบบผู้ดี

    ทุกเรื่องล้วนกลัวผู้ปลุกปั่นที่พัดลมให้ติดไฟ ทันทีที่นางพูดแบบนี้ ก็มีคนเห็นด้วยทันที“ถูกต้อง จะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้”“ใช่แล้ว เจ้าต้องให้คำอธิบายแก่เรา”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้ขู่เข็ญคุกคาม ต่างรุมล้อมอินชิงเสวียนไว้ เฮ่อฉางเฟิงก็เดินไปอยู่ข้างหน้าอินชิงเสวียนทันที กางมือออก ปกป้องนางไว้ข้างหลังพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน “ทุกท่านมีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน อย่าทำลายไมตรี”เมื่อศิษย์หญิงเห็นว่าเฮ่อฉางเฟิงหล่อเหลา แถมยังออกตัวปกป้องอินชิงเสวียนขนาดนี้ ความอิจฉาริษยาในใจก็รุนแรงขึ้น“แล้วเจ้าเป็นใคร”เฮ่อฉางเฟิงยิ้มอย่างอบอุ่นและกล่าวว่า “ข้าเป็นบัณฑิตพเนจร เห็นทิวทัศน์ที่นี่สวยงาม จึงหยุดพักผ่อนหย่อนใจกับคนรับใช้ไม่กี่วัน”เมื่อได้ยินว่าเขาไม่ใช่ศิษย์ในสำนักใด พวกเขาก็มองหน้ากัน รู้สึกโล่งใจทันทีศิษย์หน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งกล่าวว่า “แค่บัณฑิตคนเดียวยังกล้ามาวุ่นวายที่เป่ยไห่ รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”เฮ่อฉางเฟิงพูดอย่างเอื่อยๆ ไม่ช้าไม่เร็ว “ในตำรากล่าวว่า เมื่อมาแล้วจงสงบใจอยู่ ข้าน้อยเล่นสนุกพอแล้วย่อมจากไปเอง ไม่รบกวนให้ทุกท่านลำบากใจ”เขาเหลือบมองคนหน้าตาอัปลักษณ์แวบหนึ่ง แล้วพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-15
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 854 ร้องขอน้ำ

    เสี่ยวหยวนเป่าตะโกนอย่างมีความสุขทันที “แม่นางอินเก่งกล้า จัดการพวกโง่เง่านี้ให้ตายซะ”อินชิงเสวียนมองไปที่คนเหล่านั้นอย่างเย็นชา“หากใครยังต้องการถามหาความยุติธรรมอีก ให้ไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ เจ้าสำนักจะให้คำอธิบายแก่พวกเจ้าเอง ชายทะเลเป็นสถานที่สำคัญในการต่อสู้กับศัตรู ถ้าทุกคนไม่มีอะไรแล้ว เชิญกลับไปเถอะ”แม้ว่าการโจมตีของอินชิงเสวียนจะไม่หนักหน่วง แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเบา มีหลายคนกระอักเลือดออกมาแล้วทุกคนจึงรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอินชิงเสวียน ได้แต่ถลึงตามองอย่างดุเดือด แล้วประคองกันออกไปจากชายทะเลอินชิงเสวียนหยิบขวดกระเบื้องเคลือบออกมาจากอกเสื้อ ซึ่งมีน้ำพุวิญญาณบรรจุอยู่ในนั้น เดิมทีจะเก็บไว้ให้เย่จิ่งหลานดื่ม ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเฮ่อฉางเฟิงได้รับบาดเจ็บเพราะปกป้องตัวเอง จึงรู้สึกผิดแล้วจึงยื่นขวดกระเบื้องเคลือบให้เขา“นี่คือน้ำพุยาที่ข้านำมาจากบ้านเกิด ถ้าคุณชายเฮ่อไม่รังเกียจ ก็ดื่มสักหน่อย มันมีประโยชน์ต่อบาดแผลของเจ้า”เฮ่อฉางเฟิงรับไว้ด้วยความตื่นเต้นดีใจ“สิ่งที่แม่นางอินมอบให้ ข้าน้อยจะรังเกียจได้อย่างไร”จากนั้นเขาดึงฝาขวดอันประณีตออก กำลังเอาเข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-15
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 855 ขืนโม้อีกคงลอยขึ้นฟ้าแล้ว

    ขณะมองไปที่ทิศทางที่ฮั่วเทียนเฉิงออกไป เฮ่อฉางเฟิงได้ตกอยู่ในห้วงภวังค์การแข่งขันวรยุทธ์ระหว่างทั้งสองสำนักจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า คนจากตำหนักเทพหอทองคำน่าจะฝึกฝนภายในสำนักจึงจะถูก ทำไมถึงมาปรากฏตัวที่นี่เมื่อคิดถึงข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับตำหนักเทพหอทองคำ ดวงตาของเฮ่อฉางเฟิงฉายแววรังเกียจเล็กน้อยครั้นละสายตา ก็เห็นขวดที่อินชิงเสวียนมอบให้ตัวเอง เมื่อนึกถึงที่คนผู้นั้นที่ร้องขอน้ำซ้ำๆ ก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้หรือว่าที่เขามาที่นี่ เกี่ยวข้องกับน้ำในขวดนี้?เมื่อหันกลับมา เห็นอินชิงเสวียนกำลังมองมาที่ตัวเอง เขาไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “สมแล้วที่เป็นจอมยุทธ์ผู้กล้า ท่านผู้นั้นวรยุทธ์ล้ำเลิศจริงๆ!”อินชิงเสวียนกล่าวอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้ว ท่านผู้นั้นเคยช่วยชีวิตข้าและสามีข้าไว้ เป็นผู้ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ”เฮ่อฉางเฟิงตอบว่าโอ้“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้น่ะเอง มิน่าแม่นางอินถึงได้รู้จักกับเขา แม่นางเป็นสตรีอยู่ในสถานที่ถูกผิดเช่นเป่ยไห่ ควรระมัดระวังให้มาก จะได้หลีกเลี่ยงศึกภายในและภายนอก รับมือซ้ายขวาไม่ทัน”อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายเฮ่อไม่ต้องกังวลเรื่องศิษย์เหล่านั้น พิณการเวกเป็นของ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-15

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status