เมื่อเห็นเก่อหงยวนยื้อยุดไม่ยอมเลิก ชายชุดดำก็อดโกรธไม่ได้เขาพูดเสียงอ้างว้างเย็นชา “ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเอง ข้าจะช่วยเจ้า”ทันใดนั้นเขาก็ลงมา ซัดฝ่ามือใส่กระหม่อมของเก่อหงยวนเมื่อเห็นว่าเก่อหงยวนกำลังจะตายด้วยน้ำมือของศัตรู เหล่าศิษย์ทั้งหมดก็ตื่นจากภวังค์ ต่างวิ่งไปปกป้องเก่อหงยวนศิษย์คนหนึ่งที่แอบชอบเก่อหงยวนรวบรวมความกล้ามายืนอยู่ตรงหน้านาง แต่กลับถูกโจมตีอย่างแรงจนสมองระเบิด และตายไปโดยที่ไม่ทันได้ร้องด้วยความเจ็บปวดด้วยซ้ำเก่อหงยวนอดไม่ได้ที่จะกรีดร้อง“ศิษย์น้องหลิว!”ชายคนนั้นจับอินชิงเสวียนด้วยมือข้างเดียว มองด้วยสายตาราวกับมองฝูงมด“วันนี้ พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”เขาโบกมือขวา ลูกพลังงานที่ไร้ร่างก็โผล่ออกมาจากฝ่ามือของเขา เหมือนแผ่นเหล็กขนาดใหญ่ ที่ซัดใส่ทุกคนอย่างแรงทุกคนตกตะลึง ใช้วิชาตัวเบาเหาะหลบไปข้างๆ ทันที ในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่า เท้าของตัวเองเหมือนจะถูกตอกตะปูติดกับพื้น จนขยับไม่ได้เลยดวงตาของทุกคนฉายแววสิ้นหวังอย่างลึกซึ้งเจ้าสำนักและผู้อาวุโสก็กำลังเผชิญหน้ากับคนระดับแม่ทัพ ไม่มีเวลามาช่วยพวกเขาด้วยซ้ำ คราวนี้พวกเขาต้องตายแล้วจริงๆในขณะนี้ ก็ได้ยิน
หลังจากที่ทั้งสองจากไป ร่างสีดำเหมือนผีก็เดินออกมาจากโพรงไม้ เขามองด้านหลังของผู้คุมตราเซี่ยวนิ่งๆ สายตาค่อนข้างซับซ้อนแต่เพียงชั่วครู่ ดวงตาก็กลับคืนสู่ความดุร้ายและดุดันดังเดิมในเวลานี้ อินชิงเสวียนที่ถูกโยนเข้าไปในถ้ำก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน มือยังจับพิณการเวกอยู่ไม่ปล่อย “เย่จิ่งอวี้อยู่ไหน”ชายในชุดคลุมสีดำมีหูตาว่องไว เมื่อได้ยินการหายใจที่แตกต่างของอินชิงเสวียน ก็เดินเข้ามาทันทีอินชิงเสวียนคิดในใจ หมายจะเข้าสู่มิติ ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะรู้ความคิดของนาง กำลังภายในที่แข็งกร้าวไร้เหตุผลก็เข้ามาเติมมิติที่คับแคบให้เต็มในทันทีอินชิงเสวียนไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆ หัวใจชาวาบ ไม่คาดคิดว่าคนผู้นี้จะมีพลังมากขนาดนี้ นอกจากเจ้าสำนักเซี่ยวแล้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่อินชิงเสวียนเผชิญหน้ากับคนที่สามารถปิดมิติของนางได้เมื่อเห็นชายคนนั้นเดินบีบเข้ามาใกล้ทีละก้าว อินชิงเสวียนก็ผงะถอยหลัง แต่ในไม่ช้า นางก็รวบรวมจิตใจให้สงบอีกครั้งความกลัวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และนางก็อยากรู้ว่าดวงตาของเย่จิ่งอวี้และพฤติกรรมที่สูญเสียการควบคุมอย่างกะทันหันนั้น เกี่ยวข้องกับคนผู้นี้หรือไม่“ข้าไม่รู้”อิ
เซี่ยวอิ๋นหวนขานตอบ และกระโดดเข้าสู่วงการต่อสู้อินชิงเสวียนนำพิณการเวกออกจากมิติทันที และจัดการช่วงชิงโชคลาภของพวกเขาในไม่ช้า อินชิงเสวียนก็ได้รับการแจ้งเตือนจากมิติ“ครั้งแรกที่ใช้ทักษะช่วงชิงโชคลาภ ได้รับรางวัล 1,000 คะแนน จำกัดการใช้อยู่ที่ห้าคนต่อวัน”ครั้นได้ยินดังนี้ อินชิงเสวียนมีทั้งความยินดีและกลัดกลุ้มผสมปนเปแน่นอนว่าทุกสิ่งที่ใช้เป็นครั้งแรกสามารถได้รับรางวัลจากมิติได้ แต่สิ่งนี้มีข้อจำกัดจริงๆ“ช่วงชิงโชคลาภคือการช่วงชิงอะไรกันแน่?”เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่มิติจะเป็นฝ่ายพูดก่อน อินชิงเสวียนจึงถามอย่างรวดเร็ว“โชคลาภ สุขภาพ อำนาจ ตลอดจนความสามารถและวรยุทธ์ทั้งหมด”อินชิงเสวียนค่อนข้างประหลาดใจ ทักษะนี้ยอดเยี่ยมขนาดนี้เลย!ขณะที่กำลังเหม่อ เจ้าสำนักหานเตาก็ถูกแทงหนึ่งกระบี่ อินชิงเสวียนรีบนั่งขัดสมาธิบนพื้น รวบรวมลมหายใจและสมาธิ เล่นเพลงหมื่นกระบี่เศษดาราในใจก็นึกถึงความสิ้นหวังที่เกือบจะถูกบีบคอตายเมื่อครู่ และความเดือดดาลที่เย่จิ่งอวี้สูญเสียการควบคุม ความรู้สึกก็พุ่งขึ้นมาแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัสในทันทีหลังจากการต่อสู้จริงมาหลายสนาม อินชิงเสวียนก็ค้นพบปัญหาหน
เมื่อเห็นร่างที่ปกคลุมไปด้วยผ้าโปร่งสีดำ อินชิงเสวียนก็กำนิ้วโดยไม่รู้ตัวสุนัขถ่อยนี่ ยังจะเสแสร้งอยู่อีกน่าเสียดายที่นางใช้ทักษะช่วงชิงโชคลาภหมดแล้ว หากต้องการใช้อีกครั้ง ก็ทำได้เพียงรอจนถึงวันพรุ่งนี้เท่านั้นผู้อาวุโสหลายคนก็เหนื่อยกับการต่อสู้กับคนในระดับแม่ทัพตงหลิวมากแล้ว อินชิงเสวียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สุดท้ายก็กลืนคำพูดลงลำคอไม่ว่าจะเร่งด่วนแค่ไหนจะรออีกวันก็ได้ วันพรุ่งนี้ช่วงชิงโชคลาภของอาซือหลานก่อน แล้วค่อยฆ่าเขาก็ได้เพื่อไม่ให้เจตนาฆ่าในดวงตาแสดงออกไป อินชิงเสวียนหลับตาลง หันไปจ้องมองที่พิณการเวกบนตักเมื่อเห็นอินชิงเสวียนเลิกคิ้วก้มศีรษะ ถือพิณไว้ในมือทั้งสองข้าง ดูสงบและละเมียดละไมโดยไม่สูญเสียความสง่างามและความอ่อนโยนของสตรี อาซือหลานรู้สึกได้ถึงคลื่นที่ซัดสาดในหัวใจ ความปรารถนาดั้งเดิมก็พุ่งสูงขึ้นในทันใดอีกครั้งเขาเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ระงับความปรารถนาในใจวันนี้เจ้าสำนักหลายคนอยู่ที่นี่ หากเขาทำตัวสนิทสนมกับอินชิงเสวียนมากเกินไปในเวลานี้ จะทำให้เกิดความสงสัยอย่างแน่นอนถึงอย่างไรกวนเซี่ยวก็อยู่ในมือของเขาแล้ว ไม่ว่าจะเร่งด่วนแค่ไหนจะรออีกวันก็ได้“พ
สำนักอื่นๆ ก็เริ่มนับจำนวนศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บ ต่างทยอยออกจากชายฝั่งอินชิงเสวียนจับมือของเซี่ยวอิ๋นหวน แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่ เราก็ไปกันเถอะ!”เซี่ยวอิ๋นหวนพยักหน้า หันไปหาเจ้าสำนักเซี่ยว ในใจรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยชายชราคนนี้หัวแข็งมาก เสวียนเอ๋อร์พูดแทนเขาเช่นนี้ จะเดือดดาลขึ้นมาอีกหรือไม่แต่เห็นเจ้าสำนักเซี่ยวเอามือไพล่หลัง มีรอยยิ้มบนริมฝีปาก พูดแช่มช้า “กลับได้แล้ว”หลังจากพูดจบเขาก็ก้าวอาดๆ เดินจากไปเซี่ยวอิ๋นหวนรู้สึกประหลาดใจ นี่เป็นพ่อบุญธรรมที่ดื้อรั้นและฉุนเฉียวของนางอยู่หรือเปล่า?คนบนชายฝั่งแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงอาซือหลานเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมเขาหันศีรษะมองดูร่างอรชรพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายบนริมฝีปากได้สีชิงเสวียน เราจะได้พบกันเร็วๆ นี้ ถ้าเจ้ารู้ว่าฉุยอวี้คือข้า จะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน!เขาหัวเราะเนิ่นนาน จากนั้นใช้วิชาตัวเบากลับไปที่สำนักเซียวเหยาหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ทุกคนกลับมาถึงหอแล้ว เจ้าสำนักเซี่ยวอารมณ์ดีมากทันทีที่เข้าไปในประตูก็พูดกับลูกศิษย์ว่า “ไปซื้อสุราให้ข้าสักไหสิ วันนี้ข้าอยากจะดื่มให้สะใจ”เมื่อเห็นรอย
เจ้าสำนักเซี่ยวนั่งลงบนเสาหินข้างๆ เย่จิ่งหลานรีบไปเทสุราให้ผู้เฒ่าเซี่ยวอย่างเอาใจใส่หวังซุ่นได้ดึงขาแกะออกแล้ว แล้วส่งให้กับเจ้าสำนักเซี่ยวด้วยความเคารพเจ้าสำนักเซี่ยวกัดเข้าไปคำหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะชม “อร่อย”เขามองไปรอบๆ แล้วถามว่า “แล้วเจ้าเด็กแซ่เย่นั่นล่ะ?”อินชิงเสวียนหัวเราะแห้งๆ และพูดว่า “เขา...ยังไม่กลับมา”เจ้าสำนักเซี่ยวเหลือบมองนาง“แม่หนู เจ้ากังวลเรื่องอะไรหรือ”ครั้นแล้วเย่จิ่งหลานกุลีกุจอยกจอกสุราขึ้น“ผู้เยาว์ก็มีเรื่องอยากจะถามผู้อาวุโสเซี่ยว”เจ้าสำนักเซี่ยวอารมณ์ดี จึงชนแก้วกับเด็กน้อยคนนี้เป็นครั้งแรก“อยากจะถามอะไร”เย่จิ่งหลานรีบพูดว่า “ผู้เยาว์ก็ชอบดนตรีมากเช่นกัน ไม่ทราบว่าจะเข้าร่วมหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่”เจ้าสำนักเซี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “การฝึกฝนไม่สามารถบรรลุได้ในชั่วข้ามคืน แต่ถ้าเจ้ามีพรสวรรค์จริงๆ ข้าสามารถยกเว้นให้เจ้าฝึกฝนพลังภายในของสำนักเราได้ หากเจ้าสามารถประสบความสำเร็จได้ภายในเจ็ดวัน ค่อยพิจารณาเรื่องการเข้าสำนัก”ขณที่พูดสิ่งนี้ เจ้าสำนักเซี่ยวก็เหลือบมองอินชิงเสวียนแวบหนึ่ง เห็นว่าหญิงสาวขมวดคิ้ว ดูเหมือนมีเรื่องกังวลใ
“เจ้าค่ะ ชิงเสวียนจะปล่อยเขาออกมาเดี๋ยวนี้”เมื่อเห็นเจ้าสำนักเซี่ยวไปแล้ว อินชิงเสวียนก็หมดอารมณ์ที่จะกินต่อเพื่อไม่ให้เย่จิ่งอวี้หงุดหงิด อินชิงเสวียนจึงอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงเข้าไปด้วยในมิตินั้นเงียบสงบ แม้ว่าจะไม่มีดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์บนท้องฟ้า แต่ก็สดใสราวกับตอนกลางวัน นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และผลไม้ที่ปลายจมูก ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขข้างบ่อน้ำพุวิญญาณ เย่จิ่งอวี้เปลือยกายท่อนบนนั่งขัดสมาธิ หงายฝ่ามือทั้งสองข้างวางบนเข่าทั้งคู่ เรียวตาหงส์คู่นั้นปิดลงเบาๆ ราวกับว่าเขากำลังทำสมาธิเมื่อมองดูรูปร่างสูงตระหง่านของเขา กับกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ปรากฏเลือนราง อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมเขาถ้าเย่จิ่งอวี้เกิดในยุคปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงชื่อดัง แต่ก็ต้องเป็นเน็ตไอดอลที่มีแฟนคลับหลายล้านคนแน่นอน ถึงเขาจะไปเป็นนายแบบ แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเดิมเลย!ดวงตาของเสี่ยวหนานเฟิงเฉียบคมมาก เขามองเห็นพ่อของเขาแล้ว กางแขนเล็กๆ ออกทันที ตะโกนด้วยแจ๋วๆ “เด็จพ่อ คิดถึงเด็จพ่อ”เมื่อได้ยินเสียงของลูกชาย เย่จิ่งอวี้ก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับความประหลาดใจเล็กน้
เย่จิ่งอวี้ถามอีกครั้ง “แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่”อินชิงเสวียนถอนหายใจและพูดว่า “ตอนที่ข้าเห็นท่าน ท่านกำลังฉีกร่างคนตงหลิวด้วยมือ แต่เหมือนจะยังไม่สาแก่ใจ หันไปโจมตีศิษย์สำนักอื่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ ข้าต้องพาอาอวี้เข้าไปในมิติก่อน”เย่จิ่งอวี้ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง“ข้าจะโจมตีศิษย์สำนักอื่นจริงหรือ”อินชิงเสวียนถอนหายใจและพูดว่า “นี่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ในเวลานั้นเก่อหงยวนก็อยู่ที่นั่น”เย่จิ่งอวี้รู้ว่าอินชิงเสวียนไม่โกหกตัวเอง แต่เขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าตัวเองได้กระทำสิ่งนั้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้นั่งสมาธิข้างน้ำพุวิญญาณ ภาพภูเขาซากศพฝนเลือดก็แวบขึ้นมาในจิตใจเป็นครั้งคราว ความปรารถนาในใจ ทำให้เย่จิ่งอวี้ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติโชคดีที่น้ำพุวิญญาณสามารถระงับความรู้สึกแปลกๆ ได้ จึงหายไปอย่างรวดเร็วนี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมช่วงนี้เขาถึงนั่งสมาธิข้างบ่อน้ำพุวิญญาณประการแรกก็เพื่อพัฒนากำลังภายใน และที่สำคัญที่สุดคือการระงับความคิดชั่วร้ายในใจ“เช่นนี้ ก็เลยมีปัญหาบางอย่างกับร่างกายของข้า”อินชิงเสวียนกลัวว่าเขาจะคิดมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจ จึงย
ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท
ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ
เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ
ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ
เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก
“ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว
“ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ
“เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี