เป่าเล่อเอ่อร์รู้สึกเขินอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าแดงระเรื่อ นางก้มศีรษะลง และจ้องมองที่ด้านหลังเท้าซูหมิงหลานเหลือบมองเหล่าลูกชายและลูกสาวคนเล็ก มุมปากก็เผยรอยยิ้มแห่งความรักใคร่ออกมาหลังงานแต่งของสิงอวิ๋น ปู้อวี่และจื่อลั่วก็คงอีกไม่นานนักตอนนี้ถือว่าตระกูลอินได้ปัดเป่าความขมขื่นและต้อนรับความหอมหวานเข้ามา อีกไม่นานก็จะมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมืองทุกสิ่งเป็นเพราะคุณงามความดีของเสวียนเอ๋อร์ หากนางไม่พยายามคิดหาทางตอนอยู่ในวัง ตระกูลอินก็คงไม่สามารถกลับจากเมืองซุ่ยหานได้รวดเร็วเช่นนี้ ความจริงควรได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในงานมงคล ฝ่าบาทกลับส่งนางไปจัดการปัญหาเรื่องน้ำที่ต่างเมือง ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้เมื่อใดเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูหมิงหลานก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้อินจื่อลั่วจึงถามขึ้นว่า “ท่านแม่คิดถึงท่านพี่อีกแล้วใช่หรือไม่?”ซูหมิงหลานพยักหน้า“การเดินทางครั้งนี้ยาวไกลยิ่งนัก ไม่รู้ว่าท่านพี่ของเจ้าปลอดภัยดีหรือไม่ ตอนนี้ก็ไปได้เดือนกว่าแล้ว แต่ยังไม่มีจดหมายส่งมา แม่เป็นกังวลมากจริงๆ”อินจ้งพูดด้วยความอ่อนโยนว่า “มีองครักษ์ของราชวงศ์ไปด้วย จะต้องคุ้มครองความป
นิ้วมือของเย่จั้นสั่นไหวเล็กน้อย และหันหน้ากลับมาในทันทีสายตาของอินสิงอวิ๋นจ้องมองเขาอย่างมั่นคงทั้งสองสบตากันอยู่นาน เย่จั้นจึงโบกมือให้เหล่าองครักษ์ถอยออกไป พร้อมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มจางๆ “พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”อินสิงอวิ๋นน้อมตัวและพูดว่า “แม้ว่ากระหม่อมจะไปมาหาสู่ท่านอ๋องและฝ่าบาทไม่บ่อยนัก แต่ยังสามารถแยกแยะความแตกต่างได้ กระหม่อมได้ยินมาตลอดว่าจิ้งอ๋องเลื่อมใสในการต่อสู้ และรักท่านนายพลเป็นอย่างมาก หากฝ่าบาทมาที่นี่ เขาไม่มีทางเป็นห่วงอัคราจารย์ได้มากเช่นนี้”“อีกอย่าง จิ้งอ๋องกลับเมืองซุ่ยหานอย่างกะทันหัน และน้องใหญ่ก็ออกจากเมืองหลวงด้วยความร้อนใจ หากกระหม่อมเดาไม่ผิด เกรงว่าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับฝ่าบาท”ในสายตาของเย่จั้นแสดงความชื่นชมเล็กน้อยออกมาในทันที คิดไม่ถึงว่าอินสิงอวิ๋นจะมีความคิดที่รอบคอบเช่นนี้ ตระกูลอินพร้อมด้วยผู้ที่มีความสามารถ ล้วนเป็นเสาหลักทั้งนั้นการคาดเดาของเขาอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงแต่ทว่า เย่จั้นกลับไม่สามารถยอมรับได้เมื่อข่าวรั่วไหลออกไป จะต้องทำให้ประเทศชาติสั่นคลอนแน่นอนเขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว เดิมทีจิ้งอ
“กรี๊ด!”เสียงฟางรั่วกรีดร้อง กวนเซี่ยววิ่งรุดไปทันที“เกิดอะไรขึ้น”ครั้นก้มลงมอง ก็รู้สึกคลื่นเหียนอยากอาเจียน ตรงหน้าคือศพผู้หญิงที่ถูกนกแร้งจิกกัดจนจำสภาพเดิมไม่ได้ มือที่โผล่ออกมากลายเป็นกระดูกสีขาว แม้จะเป็นช่วงกลางวันแสกๆ ที่ท้องฟ้าสดใส ก็ยังน่ากลัวอย่างยิ่ง“รีบไปกันเถอะ”กวนเซี่ยวฝืนระงับอาการคลื่นไส้ กระตุกแขนเสื้อของฟางรั่วฟางรั่วกลับหยุดชะงัก บนแขนของคนผู้นั้นมีรอยตรารูปงูอยู่ ซึ่งนี่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ฝึกฝนกู่พิษ หรือว่า...ฟางรั่วผลักกวนเซี่ยวออกไป ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่ง ใช้กิ่งไม้ยกแขนของศพขึ้น ตรวจดูอย่างละเอียด ครั้นแล้วก็ต้องตกใจนี่คือจูอวี้เหยียน!นางไม่มีทางจำผิดแน่นอน!คิดไม่ถึงว่านางก็มาถึงชายฝั่งทะเลเป่ยไห่เหมือนกัน แถมยังมาตายกลางป่ากลางเขาอีกใครเป็นคนฆ่านางกันนะ เกิดอะไรขึ้นกับนางบนชายฝั่งทะเลเป่ยไห่“มีอะไรรึ”กวนเซี่ยวถามขณะบีบจมูกฟางรั่วทิ้งกิ่งไม้ แล้วพูดเบาๆ “คนผู้นี้คงจะเป็นจูอวี้เหยียน”กวนเซี่ยวก้าวถอยหลังด้วยความประหลาดใจ“อะไรนะ นาง...ทำไมถึงอยู่ที่นี่”“ข้าก็ไม่รู้ ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น รีบไปกันเถอะ จำไว้ เมื่อถึงเป่ยไห่แล้ว จ
ในเป่ยไห่ท้องฟ้าสว่างเร็วกว่าปกติมาก หลังจากที่แม่ลูกคุยกันสักพัก ท้องฟ้าข้างนอกก็เริ่มส่องแสงสีเงินยวงแล้วอินชิงเสวียนขยิบตาให้เย่จิ่งอวี้ทันที“อาอวี้ นี่ก็สายแล้ว ให้ท่านแม่รีบพักผ่อนเถอะ!”เย่จิ่งอวี้ยืนขึ้นทันที ในเวลานี้ ประตูก็เปิดออก และเจ้าสำนักเซี่ยวได้ก้าวเข้ามาจากด้านนอกหลังจากอาบน้ำในน้ำพุวิญญาณ เจ้าสำนักเซี่ยวแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย ใบหน้าแดงเปล่งปลั่ง“หวนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”เซี่ยวอิ๋นหวนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว“พ่อบุญธรรมไม่ต้องเป็นห่วง หวนเอ๋อร์เรียบร้อยดีทุกอย่างเจ้าค่ะ”บาดแผลบริเวณผิวหนังของหวนไท่เฟยตกสะเก็ดแล้ว จึงไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก ท่าทางมีชีวิตชีวายิ่งนักเจ้าสำนักเซี่ยวพยักหน้า และมองไปที่อินชิงเสวียน“น้ำที่ข้าใช้อาบน้ำแช่ตัว เจ้าก็นำมาจากเมืองหลวงกระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “เจ้าค่ะ ยังมีเหลืออยู่บ้าง”จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว “เหตุใดเจ้าสำนักเซี่ยวจึงหมดสติอยู่ข้างถนน เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”เซี่ยวอิ๋นหวนรีบถามทันควัน “พ่อบุญธรรม หรือว่าท่านก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน?”เจ้าสำนั
เย่จิ่งอวี้ทำความสะอาดกระบี่ยาวเสร็จแล้ว เก็บเข้าฝัก เงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า “เช่นนั้นเสวียนเอ๋อร์คิดว่าควรทำอย่างไร”อินชิงเสวียนคลี่ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ถ้าต้องการจัดการกับสำนักเซียวเหยา มีหลายวิธีจะตายไป เราสามารถจับจุดสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปในทิศทางอื่นได้ เช่น...ความผิดฐานสมคบคิดกับศัตรู”เย่จิ่งอวี้เข้าใจทันที ในฐานะที่เขาเป็นฮ่องเต้ การต่อสู้กันในสถานการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาถนัดที่สุดแล้วเรียวตาหงส์หรี่แคบลงเล็กน้อย มุมปากบางโค้งเป็นรอยยิ้ม“เช่นนี้แล้ว สำนักเซียวเหยาจะกลายเป็นศัตรูสาธารณะของทุกสำนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จะไม่ลงมือ แต่ทุกสำนักก็จะโจมตีร่วมกัน”อินชิงเสวียนยิ้มเล็กน้อย“เป็นเช่นนั้น แต่ตอนนี้เกรงว่าจะยังทำไม่ได้ ต้องจับคนตงหลิวตัวจริงให้ได้ก่อน จึงจะสามารถกระทำการใดๆ ได้”เย่จิ่งอวี้งอนิ้วกลางแนบนิ้วหัวแม่มือ แล้วดีดหน้าผากเกลี้ยงเกลาของอินชิงเสวียนเบาๆ“ไยต้องยุ่งยากขนาดนั้น คนก็มีพร้อมแล้วไม่ใช่หรือ”“ฮะ?”อินชิงเสวียนมองเขาด้วยความสับสนเย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “หวังซุ่นก็ได้ เขาเป็นคนตงหลิวอยู่แล้ว และจิ่งหลา
อินชิงเสวียนแหวเบาๆ “ไม่เอาหรอก ท่านรีบไปอาบเถอะ”เย่จิ่งอวี้กางแขนออก โอบอินชิงเสวียนไว้ในอ้อมแขน“วันนี้ ต้องทำตามข้า”เพียงออกแรงส่งที่ปลายเท้า คนก็ตกลงไปในน้ำอินชิงเสวียนอุทาน ต่อต้านเย่จิ่งอวี้พลัน ทำให้กระโปรงคาดอกเปียกทันที“คนบ้า”เย่จิ่งอวี้จับเอวบางของนางแน่น ริมฝีปากอันอบอุ่นประทับบนลำคอของอินชิงเสวียน“นี่คือคำพูดจากใจของเสวียนเอ๋อร์งั้นหรือ”เสียงพึมพำดังข้างหู อินชิงเสวียนรู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกไฟฟ้าช็อต จั๊กจี้ไร้เรี่ยวแรง รีบหดคอทันที“อาอวี้ เลิกกวนได้แล้ว”ทว่าเย่จิ่งอวี้ไปปิดริมฝีปากของนางแล้ว“เสวียนเอ๋อร์ ข้าคิดถึงเจ้า”ลมหายใจอบอุ่นห่อหุ้มอินชิงเสวียนทันที เสียงแสกสากของแพรฝ้ายพลันดังก้องในมิติอันเงียบสงบ เสื้อผ้าของทั้งสองถูกทำลายเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วนด้วยกำลังภายในของเย่จิ่งอวี้การต่อต้านของอินชิงเสวียนกลายเป็นเสียงครางกระเส่าในไม่ช้า...วันถัดมาอินชิงเสวียนลืมตาขึ้น เห็นเย่จิ่งอวี้กำลังนั่งสมาธิข้างบ่อน้ำพุวิญญาณ เนื่องจากเสื้อผ้าขาดเป็นชิ้นๆ ร่างทั้งร่างของเขาจึงเปลือยเปล่าโดยสิ้นเชิงเมื่อมองไปที่อกผายไหล่ผึ่งนั้น อินชิงเสวียนหน้าแดงทันที รีบ
เด็กน้อยตกใจเล็กน้อยคณะก้งฉิงแห่งฮว๋าเซี่ย?นี่มันสำนักอะไรกันมีหลายคำด้วย ฟังดูท่าทางร้ายกาจจริงๆเมื่อเห็นเย่จิ่งหลานการแต่งกายดูดี โมริตะคาวาสึบาเมะก็อดสนใจไม่ได้เขาเดินทางออกจากเกาะทั้งคืน สิ้นเปลืองกำลังคนไปมาก ในที่สุดก็มาถึงเมืองเติงหลง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกไล่ล่า เขาได้ปีนลงจากภูเขา ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดทาง ก็เพื่อปะปนเข้ามาในเป่ยไห่ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะอายุไล่เลี่ยกับเข้า ดังนั้นจึงเหมาะที่จะตีสนิทเมื่อนึกถึงตรงนี้ โมริตะคาวาสึบาเมะก็กระตุกมุมปากขึ้น ประกบมือคารวะตามแบบฉบับคนจงหยวนและพูดว่า “ที่แท้ก็คือศิษย์ของคณะก้งฉิงแห่งฮว๋าเซี่ย ขออภัยที่เสียมารยาท”เย่จิ่งหลานหัวเราะ ก่นด่าในใจว่าเสียมารยาทโคตรพ่อเจ้าน่ะสิ เมื่อเห็นว่าเด็กคนนี้แสร้งทำเป็นเข้าใจ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกอารมณ์เสียต้องเป็นคุณชายจากตระกูลใดสักตระกูลมาที่นี่เพื่อฝึกฝน เมื่อกลับสำนัก บันทึกการมีส่วนร่วมในการต่อสู้สักสนาม ก็เท่ากับเคลือบชั้นทองคำให้ตัวเองแล้วถุย ไม่ว่าจะในยุคสมัยใด ก็ขาดทายาทรุ่นสองแบบนี้ไม่ได้เย่จิ่งหลานมาจากครอบครัวที่ยากจน ทนกับคนประเภทนี้ไม่ได้มากที่สุด จึงอดไม่ได้ที่จะอยากแกล้
โมริตะคาวาสึบาเมะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าใบหน้ากลับแสดงสีหน้าชื่นชม“คิดไม่ถึงว่าคณะก้งฉิงแห่งฮว๋าเซี่ยจะมีศิษย์มากมายขนาดนี้ แต่พูดตามตรง สำนักนี้ของคุณชาย เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยได้ยิน”เย่จิ่งหลานเชิดหน้าขึ้นพูดว่า “คนหูตาคับแคบเช่นเจ้า จะไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก”ทันใดนั้นสีหน้าของโมริตะคาวาสึบาเมะก็เริ่มบิดเบี้ยวเหยเกเจ้าเด็กเปรตนี่ กล้าฉีกหน้าเขาแบบนี้ ถ้าเขาไม่ต้องการตีสนิทเขา คงจะส่งเขาไปพบยมบาลด้วยฝ่ามือเดียวแล้วแน่ๆเย่จิ่งหลานถามอย่างไม่อินังขังขอบ “ไม่ทราบว่าน้องชายคนนี้เป็นศิษย์ของสำนักอะไร”โมริตะคาวาสึบาเมะประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “ข้าน้อยมาจากสำนักอวิ๋นชวนเยี่ยนหาง ได้ยินเรื่องการต่อสู้ในเป่ยไห่ จึงอยากจะมาช่วยอีกแรงโดยเฉพาะ เพียงแต่เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่คุ้นเคยทั้งผู้คนและสถานที่ หวังว่าคุณชายน้อยจะช่วยดูแลด้วย”เย่จิ่งหลานก็ไม่เคยได้ยินชื่อสำนักของเขา แต่น้ำเสียงคำพูดของเขา ฟังดูไม่เหมือนเด็กอายุไม่กี่ขวบอย่างแน่นอนเขายิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอน”โมริตะคาวาสึบาเมะดีใจ ในความเห็นของเขา เย่จิ่งหลานเป็นเพียงเด็กอายุไม่กี่ขวบ ย่อมถูกหลอกได้ง่ายอย่างไม่ต้องสงสัย
“สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ
อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก
ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล