Share

บทที่ 7 ช่องทางหาเงิน

Author: ม่อเยี่ยน
ทุกคนต่างก็รู้ว่าเย่จิ่งอวี้รักสุนัขตัวนี้ เหล่าหญิงงามที่เพิ่งเข้าวังต่างก็พยายามเอาอกเอาใจมันเพื่อให้เป็นที่โปรดปราน แต่ไม่ว่าพวกเธอจะใช้วิธีอะไรหลองล่อไป๋เสวี่ย เจ้าสุนัขกลับไม่ยอมใกล้ชิดพวกเธอเลย

และเพราะไป๋เสวี่ยมีขนาดตัวใหญ่มาก พวกเธจึงไม่กล้าเข้าใกล้มันมากเช่นกัน เพราะกลัวจะโดนมันกัด คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าวาดเขียนบนหน้ามันแบบนี้ หากเป็นฝีมือของหญิงงาม เธอต้องตายแน่

คนจำนวนไม่น้อยกำลังรอดูเรื่องสนุก

ซึ่งรวมถึงหลานสาวแท้ๆ ของไทเฮา ลู่จิ้งเสียน ด้วย

ซึ่งตอนนี้เธอถูกแต่งตั้งเป็นเสียนเฟย(สนมผู้พร้อมด้วยคุณธรรมปัญญา)แล้ว

แม้ว่าเธอไม่เคยถูกเย่จิ่งอวี้โปรดปราน แต่ในบรรดาหญิงงามที่มีอยู่เต็มพระราชวังแห่งนี้ เธอก็คือบุปผาที่โดดเด่นที่สุด มีทั้งฐานะและอำนาจ จึงเป็นบุคคลที่เหล่าหญิงงามแย่งกันประจบประแจง

เมื่อได้ข่าวเรื่องนี้ ลู่จิ้งเสียนก็หัวเราะด้วยความเยาะเย้ย

"ใครหน้าไหนกันที่ไม่ลืมหูลืมตากล้าสบประมาทไป๋เสวี่ยเช่นนี้ คิดจริงๆ หรือว่าทำเช่นนี้แล้วจะสามารถดึงดูดความสนใจของฝ่าบาทได้ ฝันไปเถอะ"

ชุ่ยจู๋ที่กำลังนวดขาพูดทันทีว่า "นั่นสิเพคะ ฝ่าบาทออกคำสั่งแล้วว่าหากจับคนๆ นั้นได้จะโบยห้าสิบครั้ง และไล่ออกจากวังด้วย"

ลู่จิ้งเสียนกินของหวานชิ้นหนึ่ง แล้วเอนตัวพิงหมอนในท่าสบายอีกครั้ง และพูดด้วยน้ำเสียงปนอิจฉาว่า "ปกติแล้วคนนอกจะเข้าใกล้ไป๋เสวี่ยเป็นเรื่องยาก แม้แต่ข้าจะเข้าไปใกล้ มันก็ยังขู่ ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงยอมให้ใครทำอะไรก็ได้"

ชุ่ยจู๋พูดขึ้นทันทีว่า "อีกฝ่ายต้องใช้วิธีการอะไรบางอย่างแน่ๆ อย่ามองว่าหญิงงามเหล่านั้นว่านอนสอนง่าย แต่ละคนแอบซ่อนความคิดไม่ซื่อไว้ทั้งนั้นเพคะ"

ลู่จิ้งเสียนหัวเราะในลำคอ

"อย่างพวกนางจะมีปัญญาสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาได้ แต่ถ้าใครกล้าเสนอหน้า ข้าจะสั่งสอนเสียให้เข็ด"

ชุ่ยจู๋รีบพูดสมทบต่อ "มีพระสนมของเราอยู่ ต่อให้พวกนางจะใจกล้าแค่ไหน ก็ไม่กล้าทำอะไรหรอกเพคะ"

ลู่จิ้งเสียนยิ้มอย่างได้ใจ แล้วหรี่ตาลง

ในระหว่างที่ภายในวังหลัต่างวิพากษ์วิจารณ์​ไปต่างๆ​ นานา อินชิงเสวียนกลับกำลังปลูกพืชอยู่ในช่องว่าง

คะแนนต้องเก็บสะสม พืชผลก็เป็นเงินเช่นกัน

ครั้งนี้เธอพบว่าช่างว่างมีเพาะปลูกอัตโนมัติเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตัวเลือก ขณะเดียวกันก็ต้องแลกด้วย 10 คะแนน

อินชิงเสวียนลังเลอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเธอกัดฟันเลือกแลกเปลี่ยน

อย่างไรเสียพืชผลก็เติบโตเร็ว แค่ 10 คะแนนคงไม่เป็นไร

ของที่ขายในร้านค้าถือว่าไม่แพงมาก หลังจากที่แลกซื้อเมล็ดของมะเขือยาว พริกและแตงโมแล้ว ยังมีคะแนนเหลืออีก 69 คะแนน ซึ่งพอให้เธอใช้ไปได้อีกหลายวัน

หนึ่งนาทีต่อมา อินชิงเสวียนได้รับการแจ้งเตือนการเพาะเมล็ด เธอต้องนับถือในความยิ่งใหญ่ของระบบอีกครั้ง จากนั้นเธอก็เลือกรดน้ำด้วยน้ำพุวิญญาณอีก ทว่าครั้งนี้เมล็ดกลับไม่ได้แตกใบเติบโตเป็นต้น แต่เป็นต้นกล้าที่โผล่ออกมาแทน

อินชิงเสวียนอดที่จะรู้สึกเซ็งไม่ได้ ดูท่าทางหลังผ่านช่วงมือใหม่ไปแล้ว ภารกิจก็เริ่มเพิ่มความยากมากขึ้น

ยังดีที่ยังเป็นต้นกล้า ซึ่งก็ยังเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็โตเร็วกว่าเมื่อเทียบกับปลูกข้างนอก

หลังจากที่ปลอบใจตัวเองไปแล้ว เธอก็เข้าไปซื้อนมผงจากช่องว่างมาเพิ่มอีกสองถุง

เลี้ยงเจ้าหมาน้อยไม่ต่างกับเลี้ยงสิงโตคาบทอง* ทุกวันตื่นเป็นกิน เพียงแค่วันเดียว นมผงก็หมดไปหนึ่งส่วนสามถุงแล้ว

ตอนที่ออกจากช่องว่าง อินชิงเสวียนเอาแตงกวาและมะเขือเทศออกมาด้วยส่วนหนึ่ง เธอพบว่าผักเหล่านี้ยังคงสดใหม่เหมือนกับตอนที่เก็บใหม่ๆ ไม่เหี่ยวแห้งเลยสักนิด ดูท่าช่องว่างยังมีฟังก์ชันการเก็บรักษาความสดใหม่ด้วย

เธอส่งผักตให้อวิ๋นฉ่ายต่อแล้ว ก็บอกให้เธอแช่น้ำเย็นไว้ ค่อยเอามากินเวลาที่รู้สึกร้อนๆ ตอนเที่ยงวัน ก่อนที่แตงโมจะออกผลให้กิน ก็กินแทนผลไม้ไปก่อนแล้วกัน

อวิ๋นฉ่ายรับมาด้วยความดีใจ ขณะนั้นเอง ยายหลี่ก็กลับมาแล้ว

อินชิงเสวียนถามขึ้นทันที "เป็นอย่างไรบ้าง?"

ยายหลี่พยักหน้ารัวๆ ด้วยความตื่นเต้น

"พวกเขารับปากจะช่วยพวกเราขาย บ่าวกำชับพวกเขาเป็นพิเศษว่าให้ไปขายนอกวัง เพราะเป็นของที่พบเจอน้อย เชื่อว่าต้องขายออกไปได้อย่างรวดเร็วแน่นอนเพคะ"

ใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของอินชิงเสวียนก็รู้สึกโล่งขึ้นมา

ขอเพียงสองพี่น้องนี้ไม่โง่ ก็น่าจะรู้ว่านี่เป็นช่องทางหาเงิน

"งั้นก็ดี สองวันนี้เจ้าก็คอยถามดูด้วย"

"บ่าวทราบแล้วเพคะ"

ยายหลี่เพิ่งพูดจบ เจ้าหมาน้อยก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมา

อวิ๋นฉ่ายรีบวิ่งเข้าไปชงนม ส่วนยายหลี่ไปอุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้นมา

อินชิงเสวียนมองดูครู่หนึ่ง เธอรู้สึกแค่ว่าเด็กคนนี้ดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ไม่น้อย ท่าทางนุ่มนิ่ม กำปั้นเนื้อแน่นๆ คู่น้อยออกแรงกำแน่น คิ้วบางๆ ขมวดเข้าหากัน

อินชิงเสวียนอดใจไม่ได้ เธอยื่นมือไปจิ้มที่แก้มกลมๆ ของเขา

เจ้าหมาน้อยก็หยุดร้องทันที ศรีษะน้อยๆ ค่อยๆ หันมา ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองอินชิงเสวียน

ยายหลี่พูดด้วยความประหลาดใจ "ว่ากันว่าทารกต้องครบเจ็ดวันถึงจะมองเห็นชัดเจน แต่องค์ชายน้อยของเราเหมือนจะมองเห็นคนแล้วเพคะ"

"จริงหรือ?"

อินชิงเสวียนใช้มือเขี่ยเล่นตรงคางน้อยๆ ของเขาต่อ

เจ้าหมาน้อยราวกับรู้ว่าอินชิงเสวียนกำลังหยอกเขาเล่น ปากน้อยๆ ก็เผยอขึ้น แล้วหัวเราะคิกๆ ขึ้นมาทันที

ดวงตาสีดำเพ่งมองจนกลมโต ราวกับฝังอัญมณีสีดำไว้สองเม็ด ดูมีชีวิตชีวามาก

อินชิงเสวียนรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เธอจึงจับกำปั้นเล็ๆ ของเขาไว้ แล้วโยกไปมาอย่างเบามือ

เจ้าหมาน้อยกางมือออกและจับนิ้วของอินชิงเสวียนไว้ทันที ปากก็ร้องอู้อี้ๆ ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่

"เจ้ากำลังพูดว่าอะไร? อยากดื่มนมแล้วหรือ?"

อินชิงเสวียนอยากดึงนิ้วออก แต่เจ้าหมาน้อยกลับกำแน่นไม่ยอมปล่อย นึกไม่ถึงว่ามือน้อยๆ จะแรงเยอะขนาดนี้

เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นผลของน้ำพุวิญญาณ?

ไม่รู้ว่าถ้าใช้น้ำพุวิญญาณชงนมให้เจ้าหมาน้อยดื่มตลอดจะมีผลอย่างไรบ้าง ดีไม่ดีโตไปแล้วอาจจะต่อยเจ้าฮ่องเต้สารเลวนั่นร่วงในหมัดเดียวก็ได้

เมื่อจินตนาการถึงภาพลูกชายต่อพ่อ อินชิงเสวียนก็กระตุกยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกสะใจ

"พระสนม นมมาแล้ว องค์ชายน้อยคงหิวแย่แล้วแน่เลยเพคะ"

อวิ๋นฉ่ายถือขวดนมในมือ วิ่งเหยาะๆ เข้ามาในห้อง อินชิงเสวียนรับมาแล้วอังที่หนังตาเพื่อทดสอบอุณหภูมิ

วิธีนี้เธอก็เรียนรู้มาจากพี่สะใภ้ เห็นว่าทดสอบอุณหภูมิได้แม่นมาก ไม่รู้ว่ามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ แต่ก็ทำตามแล้วกัน

พอเจ้าหมาน้อยมองเห็นขวดนม ตาก็สว่างขึ้นมาในทันที แต่ดื่มนมยังไม่ทันหมดขวด ก็อ้าปากหวอนอนต่อไปเสียแล้ว

อินชิงเสวียนยื่นมือไปดึงขวดนมออกมา ปากน้อยๆ ก็เริ่มขยับมุบมิบทันที อินชิงเสวียนมองดูแล้วสนุก จึงใส่กลับเข้าไป

ยายหลี่อดพูดไม่ได้ว่า "พระสนมแกล้งทารกเช่นนี้ไม่ได้เพคะ จะทำให้มีลมในท้องได้ เราไม่มีหมอหลวง ถ้าเกิดทารกไม่สบายขึ้นมา จะทรมานมากๆ นะเพคะ"

อินชิงเสวียนตกใจ และเลิกแกล้ง แม้ว่าในร้านค้าจะมียาขาย แต่ส่วนมากก็เป็นยาของผู้ใหญ่ เด็กเล็กแค่นี้เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องให้กินยาอะไร

เผลอแปปเดียวก็ผ่านไปสามวันแล้ว

ตอนเช้าตรู่อินชิงเสวียนเข้าไปดูสถานการณ์ในช่องว่าง ก็พบว่าต้นกล้าเพิ่งจะสูงขึ้น ยังไม่ออกดอกเลย

แล้วหันมาดูคะแนนสะสม 65 คะแนนในมือ เธออดเศร้าใจไม่ได้ แต่ก็ตัดสินใจแลกซื้อเนื้อมาก้อนหนึ่ง

เธอเป็นสิ่งมีชีวิตกินเนื้อ ถ้าไม่มีเนื้อเธอก็ไม่มีความสุข

หวังแค่สองพี่น้องนั้นจะขายแลกเงินมาได้ ถึงตอนนั้นก็จะสามารถซื้อเนื้อจากนอกวัง ส่วนคะแนนพวกนี้ยังต้องเก็บเอาไว้แลกซื้ออย่างอื่น

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตึ่งดังมาจากข้างนอก เหมือนมีอะไรบางอย่างตกกระทบลงมา

ยายหลี่อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ "นี่เป็นสัญญาณที่ตกลงไว้กับพี่น้องตระกูลหวัง ต้องมีข่าวคราวแล้วแน่ๆ เลยเพคะ"
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Aera Park
ขอให้ขายของได้เงินเยอะ ๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 8 ให้เขาอยู่สุขสบายเกินไม่ได้

    อินชิงเสวียนเดินตามมาที่ประตูด้วย เธอซ่อนตัวแอบฟังอยู่ข้างๆยายหลี่ถามอย่างอดรอไม่ไหวว่า "พี่ชายหวังทั้งสอง ของขายไปแล้วหรือยัง?"หวังต้าหวู่พูดด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด "ขายแล้ว พวกเจ้าไปเอามาจากที่ไหนหรือ?"ยายหลี่ว่า "เรื่องนั้นเจ้าอย่าสนใจเลย ส่งเงินเข้ามาเถอะ"เสียงขบฟันดังขึ้น ประตูวังถูกผลักเปิดเป็นช่องแคบเล็กๆ เงินถุงหนึ่งถูกส่งเข้ามาจากด้านนอกหวังเอ้อร์หวู่พูดตามหลังมาว่า "ยายหลี่ ของน่ะก็ขายดีอยู่หรอก แต่ราคาไม่ได้สูงอย่างที่เจ้าพูดมา ของสี่ชิ้นขายได้ทั้งหมดสามร้อยตำลึง เจ้าว่าได้ไหม?"ยายหลี่มองไปที่อินชิงเสวียนแวบหนึ่ง อินชิงเสวียนขมวดคิ้วบางเล็กน้อย แล้วพยักหน้ายายหลี่รับเงินมาแล้วว่า "ได้สิ ครั้งหน้าพวกเจ้าต้องขายให้ราคาสูงๆ หน่อย เพราะของๆ เรามีเงินก็ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ"หวังเอ้อร์หวู่หัวเราะ"เจ้าวางใจเถอะ ถ้ามีของอีก ข้ารับรองจะทำทุกวิถีทางช่วยเจ้าขาย"อินชิงเสวียนกลับเข้าบ้านไปแล้วของสี่ชิ้นขายได้สามร้อยตำลึงนับว่าไม่น้อยแล้ว ในยุคนี้เงินสามร้อยตำลึงมากพอให้คนธรรมดาอยู่ได้ห้าถึงหกปีแล้วแต่เมื่อเทียบกับที่เธออยากจะออกจากพระราชวังแล้ว มันถือว่าน้อยมาก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 9 เจ้าบ้าหรือเปล่า

    "สามหาว สามหาวจริงๆ"เย่จิ่งอวี้ผลักไป๋เสวี่ยล้มไปบนพื้น แล้วมองมือสีดำของตัวเอง ความโกรธก็แทบปะทุผ่านดวงตาออกมาเขาพูดอย่างโมโห "ตกลงใครกันแน่ที่บังอาจกล้าดีทำกับไป๋เสวี่ยได้เช่นนี้ หลี่เต๋อฝู เจ้าไปตรวจสอบมาหลายวันแล้ว สรุปแล้วคนที่ทำเป็นใคร?"หลี่เต๋อฝูคุกเข่าเสียงดังตึ่ง พูดด้วยเสียงสั่นเครือ "บ่าวไล่ถามแทบทุกคนในวังจนหมดแล้ว แต่ไม่ได้ยินเลยว่าท่านไป๋เสวี่ยเคยไปที่วังใดมาก่อน เหล่าหญิงงามที่มาใหม่มีความคิดที่จะเข้าใกล้ท่านไป๋เสวี่ย แต่ว่าท่านไป๋เสวี่ยของเรานิสัยไม่ดี พวกนางเข้าใกล้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แม้แต่พระสนมเสียนเฟย ไป๋เสวี่ยก็ยังไม่ไว้หน้าเลย บ่าวเองก็ไม่ทราบจริงๆ พ่ะย่ะค่ะว่าใครกล้าบังอาจเช่นนี้"เย่จิ่งอวี้หรี่ตาเรียวลง ด่าทอด้วยเสียงต่ำ "ไม่ได้เรื่อง เรื่องแค่นี้เจ้าก็ยังตรวจสอบไม่ได้ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าคอยติดตามไป๋เสวี่ย หากตรวจสอบไม่ได้ เจ้าก็ไม่ต้องกลับมา""พ่ะย่ะค่ะ"หลี่เต๋อฝูรับคำด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย และออกไปหยิบชุดรบของเย่จิ่งอวี้มาหมู่นี้พอฝ่าบาทอารมณ์ไม่ดี ก็มักจะไปตำหนักฉงหวู่ ทหารคู่ซ้อมก็พลอยได้รับเคราะห์ไปหลายนายเมื่อคิดถึงพวกเขาที่ถูกซ้อม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 10 หาทางออกด้วยตัวเอง

    เธอลุกขึ้นพร้อมกับเอามือนวดที่เอวไปด้วย แล้วไอกระแอมและพูดว่า "ข้าเป็นคนของหอฉงฮวา เพิ่งเข้าวังมาได้ไม่นาน แต่ไม่ระวังเดินหลงทาง รบกวนท่านพี่ทหารช่วยชี้ทางให้หน่อยได้ไหม"ตอนที่เดินมา เธอจำได้ว่าตัวเองเดินผ่านสถานที่แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าหอฉงฮวา ซึ่งเดินตรงไปตามทางนั้นก็จะไปถึงวังเย็นพี่ทหาร?เย่จิ่งอวี้หลี่ตาลง สายตาที่นิ่งลึกกวาดมองใบหน้าอินชิงเสวียนนึกไม่ถึงว่าในวังแห่งนี้ยังมีบ่าวที่ไม่รู้จักตนเองอยู่ด้วยน่าจะเป็นคนที่ติดตามพวกหญิงงามมาเขาหันไปทางทิศตะวันตก พูดด้วยเสียงเย็นชา "เดินไปสุดทางนี้แล้วเลี้ยวขวา จากนั้นเลี้ยวขวาอีกครั้ง ก็จะเห็นหอฉงฮวาแล้ว"อินชิงเสวียนฟังแล้วก็ชะงักค้าง ในยุคปัจจุบันเธอเรียกว่าเป็นจอมหลงทางเลย ขนาดมีจีพีเอสนำทางทางเธอยังสามารถหลงได้ เธอยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า "ท่านพี่ทหาร รบกวนท่านไปส่งข้าระยะหนึ่งได้ไหม?"แววตาเย่จิ่งอวี้ฉายแววเยือกเย็นลงขันทีหนุ่มคนนี้จะได้คืบเอาศอกมากไปแล้วเมื่อเห็นเขาทำหน้าไม่พอใจ อินชิงเสวียนก็เบะปากพิมพำเสียงเบา "ไม่ไปส่งก็ไม่ไปส่งสิ จะดุขนาดนี้ไปทำไม"เธอนวดเอวตัวเองพลางพูดว่า "เดินไปทางนั้น เลี้ยวขวาแล้วเลี้ยวขวาสิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 11 เรามาทำการค้าด้วยกัน

    อินชิงเสวียนหันศรีษะกลับหลัง เธอก็เห็นทหารหนุ่มหน่าตาหล่อเหลาดั่งสวรรค์สรรสร้างที่พบเมื่อวานนี้อีกครั้งเธอหันหลังกลับไป แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกตื่นเต้น "ท่านพี่ทหาร ข้าหาเจ้าพบเสียทีนะ"เย่จิ่งอวี้มองหน้าเธอ ถามด้วยเสียงราบเรียบ "เจ้าหาข้าทำไม?"อินชิงเสวียนดึงแขนเสื้อของเย่จิ่งอวี้ และลากเขาไปที่มุมหนึ่งเธอมองไปรอบๆ แล้วจึงพูดเสียงเบาว่า "ท่านพี่ทหาร ข้าน่ะแค่อยากให้เราร่ำรวยไปด้วยกัน""หืม?" แววตาของเย่จิ่งอวี้มืดลงเล็กน้อยในทันทีเจ้าสุนัขรับใช้ กล้าทำการค้าขายในวังเชียวรึอินชิงเสวียนรีบพูดต่อว่า "เจ้าวางใจ ของเหล่านี้ของข้ามีที่มาถูกต้อง ขอเพียงเจ้ายอมช่วยข้าขาย ข้าจะเก็บแค่ต้นทุนก็พอ"เธอหยิบกระจกบานเล็กออกมาจากอ้อมอก หลังจากที่เปิดออก ก็แกว่งไปมาตรงหน้าเย่จิ่งอวี้"เจ้าดูสิ กระจกบานนี้ทำมาจากอลูมิเนียมฟอยล์ มันส่องได้ชัดกว่ากระจกทองแดงเยอะเลย สนมนางในในวังต้องชอบมันแน่นอน"แล้วเธอก็หยิบขวดน้ำหอมแบบลูกกลิ้งขวดนั้นออกมา จากนั้นดึงมือของเย่จิ่งอวี้มาและทามันไปที่หลังมือของเขา"นี่คือน้ำหอมไข่มุกหลิวหลี กลิ่นหอมติดทนนาน ข้ากล้ารับประกันเลยว่าหากสนมนางในในวังใช้สิ่ง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 12 ฮว๋าเซี่ยอยู่ที่ไหน?

    อินชิงเสวียนกลับไปถึงวังแล้วแม้ว่าเธอจะเป็นจอมหลงทาง แต่ขอแค่ท่องไว้ว่าเลี้ยวขวาแล้วเลี้ยวขวาอีกครั้ง ก็ยังสามารถกลับถึงได้อย่างสบายๆอวิ๋นฉ่ายเฝ้ารออยู่ที่รูกำแพง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนคลานเข้ามา เธอก็รีบเข้าไปช่วยพยุงเจ้านาย"พระสนม ราบรื่นไหมเพคะ?"อินชิงเสวียนยืดตัวตรง"แม้ว่าจะมีติดขัดไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าราบรื่น"อย่างแย่ก็แค่สูญเสียคะแนนสะสมไปนิดหน่อย แต่ก็ย่อมดีกว่าโดนเจ้าชาติชั่วสองคนนั้นโกง"ยายหลี่หลับแล้วหรือ?"อวิ๋นฉ่ายพูดเสียงเบา "กำลังกล่อมองค์ชายน้อยอยู่ คงใกล้นอนแล้วเช่นกันเพคะ""เจ้าก็ไปพักผ่อนเถอะ อย่ารบกวนพวกเขาเลย"อวิ๋นฉ่ายรับคำ แล้วพยุงอินชิงเสวียนเข้าไปในเรือนเมื่อเธอเข้าไปดูในช่องว่าง ก็อดดีใจไม่ได้ ในที่สุดพืชผักก็ออกดอกแล้ว ถ้านับเวลาตามนี้ละก็ ประมาณสักสามสี่วันก็คงจะติดผลแม้ว่าจะไม่ทันใจเหมือนตอนมือใหม่ แต่ได้เก็บเกี่ยวทุกครึ่งเดือน เธอก็ยังรับได้พอหลับตา เธอก็นึกถึงทหารที่พบวันนี้อีกที่อินชิงเสวียนดึงดันจะไปหาเขา ก็ไม่ได้เพียงเพื่อขายของเท่านั้น แต่เธออยากผูกสัมพันธ์อื่นกับเขาไว้ด้วยสองพี่น้องตระกูลหวังถ้ามีความสามารถก็คงไม่ต้องม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 13 อย่างละหนึ่งพันตำลึง

    เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "มันคือสิ่งของของฮว๋าเซี่ย หากเสียนเฟยชอบ ก็มาดูก่อน"ลู่จิ้งเสียนนึกว่าเย่จิ่งอวี้จะมอบของพวกนี้ให้เธอ เธอจึงเดินไปที่โต๊ะด้วยความตื่นเต้น"นี่คือกระจกงั้นหรือ ส่องชัดมากเลยเพคะ"จากนั้นก็หยิบลิปสติก ถามด้วยความตะลึง "แล้วนี่คืออะไรหรือเพคะ?"เย่จิ่งอวี้ขี้เกียจพูดกับเธอ เขาส่งสายตาไปให้หลี่เต๋อฝูหลี่เต๋อฝูจึงรีบโค้งตัวแล้วแนะนำ "นี่เรียกว่าลิปสติก ใช้แทนผงชาดพ่ะย่ะค่ะ ด้านนี้คือน้ำหอม ทาแล้วจะมีกลิ่นหอมแตะจมูก กลิ่นจะคงอยู่นาน ซึ่งล้วนแต่เป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อเขาเปิดฝาขวดน้ำหอมออก ลู่จิ้งเสียนก็ได้กลิ่นหอมในทันที และอดตาลุกววาวไม่ได้"ขอบพระทัยที่ฝ่าบาททรงเมตตาเพคะ หม่อมฉันชอบทุกอย่างเพคะ"เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลง ภายในแฝงแววเย้ยหยันและพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ "อย่างละหนึ่งพันตำลึง"ลู่จิ้งเสียนมองไปที่เย่จิ่งอวี้ด้วยความตะลึงงัน"เอ่อ...ฝ่าบาทจะทรงขายของเหล่านี้ให้หม่อมฉันรึเพคะ?"เย่จิ่งอวี้พูดด้วยใบหน้าเฉยชาว่า "ตอนนี้ผู้คนอดอยากล้นบ้านเมือง ภัยแล้งทั่วแผ่นดิน ข้าจะให้เสียนเฟยนำเงินเล็กน้อยมาช่วยเหลือเหล่าพสกนิก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 14 นี่เป็นค่าตอบแทนของเจ้า

    เดินเลี้ยวไปสองครั้ง เธอก็มาถึงถนนยาวหน้าตำหนักฉงหวู่ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้จะเดินมาไม่หลงทาง ดูท่าเดินถูกทางก็มีข้อดีเหมือนกันพอเดินมาถึงปากทาง อินชิงเสวียนก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย และกังวลเรื่องผลได้ผลเสียขึ้นมาหน้าประตูตำหนักฉงหวู่เงาสูงโปร่งกำลังยืนมือไพล่หลังอยู่ข้างทางแสงจันทร์ยามค่ำคืนยิ่งทำให้เงาของเขายืดยาวมากขึ้นผู้นี้ก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เย่จิ่งอวี้เขามองไปไกล และคิ้วขมวดเล็กน้อยพลางคิดใจในว่าควรพบกับบ่าวคนนี้รึไม่บางทีอาจเป็นเพราะบ่าวคนนี้ไม่รู้จักตนเอง จึงทำให้เย่จิ่งอวี้มีความรู้สึกแปลกใหม่ หรือบางทีอาจเป็นเพราะการที่เขาไม่หวั่นฟ้ากลัวดิน กล้าทำการค้าขายซึ่งๆ หน้าตัวเองก็ได้แต่ท้ายที่สุด เขาก็เลือกกันผู้ติดตามออก และมาที่นี่คนเดียวเขามองดูพระจันทร์อีกครั้ง ตอนนี้เวลาสามทุ่มแล้วในดวงตาของเย่จิ่งอวี้ได้ปะปนแววหงุดหงิดเล็กน้อยเจ้าสุนัขรับใช้ ใจกล้าจริงๆ ที่ปล่อยให้เขารอนานขนาดนี้ขณะที่กำลังจะหันหลังเข้าตำหนักฉงหวู่ ก็ได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ว่า "ท่านพี่ทหาร ใช่เจ้าไหม?"เย่จิ่งอวี้หันกลับมา ก็เห็นอินชิงเสวียนที่กำลังหลบๆ ซ่อนๆ ทำท่าเหมือนโจรในทัน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 15 เสริมแคลเซียม

    อวิ๋นฉ่ายเบะปาก"สองพี่น้องตระกูลหวังอีกแล้วแน่เลย พวกเราอย่าสนใจพวกเขาอีกเลยเพคะ"ยายหลี่พูดว่า "ต่อให้เราไม่ให้ของพวกเขา เราก็ไม่ควรจะปฏิเสธด้วยวิธีนี้ โบราณว่าไว้ลูกน้องเบี้ยล่างรับมือยากกว่าหัวหน้า ถ้าเราทำให้พวกเขาโกรธ แล้วเที่ยวออกไปพูดจาเลอะเทอะ จะเกิดปัญหากับวังเย็นของเราได้"อินชิงเสวียนคิดไปคิดมา เธอก็รู้สึกเช่นกันว่าที่ยายหลี่พูดมีเหตุผล"เช่นนั้นก็ไปรับมือกับพวกเขาหน่อย""พระสนมวางใจ บ่าวทราบว่าควรจะพูดอย่างไรเพคะ"ยายหลี่อุ้มเจ้าหมาน้อยให้อินชิงเสวียน แล้วก็เดินไปที่ประตูวังพี่น้องตระกูลหวังเคยได้กินกำไร จึงไม่แปลกที่จะเฝ้ารอเฝ้าถาม แต่ทว่าเวลาก็ล่วงเลยไปสามสี่วันแล้ว ยังไม่ได้ของ จึงอดร้อนใจไม่ได้ยายหลี่เดินไปถึงตรงประตู"ช่วงนี้เราไม่มีสินค้า รออีกสักระยะก็แล้วกัน"หวังเอ้อร์หวู่หัวเราะในลำคอ "ที่จริงจะเอาแบบนี้ก็ได้ ยายบอกต้นทางสินค้ากับพวกเรา เดี๋ยวพวกเราไปซื้อกันเอง ถึงตอนนั้นเราค่อยเอาเงินมาให้พวกเจ้า แบบนี้ไม่ง่ายกว่าหรือ?"ยายหลี่แค้นใจจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สารเลวสองคนนี้ช่างโลภมากจริงๆ พอบรรลุเป้าหมายแล้วก็คิดจะถีบหัวส่งแต่เธอกลับยิ้มและพูดว่า "เรื่อง

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status