อินชิงเสวียนพยักหน้า“เป็นจริงดังนั้นเพคะ ตราบใดที่เจอตัวอาซือหลาน เราจะสืบหาความจริงให้ปรากฏทุกอย่าง”“อืม มีไป๋เสวี่ยและเจวี๋ยอิ่งติดตามตัวอยู่ รวมทั้งฟางรั่วอีกคน ครั้งนี้ต่อให้เขาติดปีกก็ยากที่จะหนีรอดไปได้”นับตั้งแต่ได้ยินคำพูดชั้นต่ำเหล่านั้นของอาซือหลาน เย่จิ่งอวี้ก็แทบอยากจับตัวเขาไว้ แล้วสับร่างให้เป็นหมื่นท่อนตอนนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย เรียกได้ว่ามีความมั่นใจอย่างล้นหลามทั้งสองฝ่าหิมะกลับมาที่ตำหนักจินหวู เย่จิ่งอวี้เห็นว่าเวลายังไม่เย็นมาก จึงกลับไปที่ห้องหนังสือก่อนอินชิงเสวียนเปิดหน้าต่างออก มองดูเกล็ดหิมะที่ปลิวไสว ก็รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูกในเวลานี้ ทางภาคเหนือก็คงมีหิมะตกเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าบ้านเก่าจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว อารองคงรับคุณย่าไปอยู่ด้วยนานแล้วอินชิงเสวียนถอนหายใจยาวๆ และปิดหน้าต่างลงขณะนั้นเอง กวนเซี่ยวก็มองหิมะที่นอกหน้าต่าง จิตใจเหม่อลอยเวลาผ่านไปหลายวันแล้ว ฟางรั่วคงจบเห่แล้วแน่นอนแม้ว่าเขาจะรู้ตัวตนของฟางรั่ว แต่ยังคงถลำลึกลงไป ตอนนี้หมดหวังโดยสิ้นเชิงเขารู้นานแล้วว่านายท่านผู้เฒ่ากวนไม่มีทางยินยอมให้ฟางรั่วที่เคยเป็นสายลับ
“เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”กวนเซี่ยวมองอาซือหลานด้วยความโกรธ น่าเสียดายที่วิทยายุทธ์ของตัวเองสู้เขาไม่ได้ ซึ่งไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยอาซือหลานยิ้มออกมาอย่างช้าๆ“เงื่อนไขที่ข้าให้เจ้าง่ายดายอย่างมาก ขอเพียงเจ้าสามารถหลอกให้อินชิงเสวียนมาที่จวนได้ ข้าจะหาทางทำให้เจ้าได้พบกับฟางรั่ว”กวนเซี่ยวเม้มปาก แววตาแฝงไปด้วยความลังเลแม้เขาจะแค้นอินชิงเสวียน แต่ก็รู้ว่าอาซือหลานไม่ใช่คนดีอะไรอาซือหลานจึงพูดยุยงว่า “ด้วยความสัมพันธ์ของตระกูลพวกเจ้า คาดว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ฟางรั่วมีเพียงแค่คนเดียว หากเสียโอกาสไปแล้ว อาจจะไม่เจอกันอีกแล้วก็ได้”กวนเซี่ยวรู้สึกหวั่นไหวในทันที“ข้าจะพยายามลองดู หากทำสำเร็จจะให้ข้าบอกกับเจ้าอย่างไร?”อาซือหลานพูดเสียงเรียบว่า “ข้าจะมาดื่มเหล้าที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ทุกคืน เจ้ามาหาข้าที่นี่ได้เลย”“ได้”เมื่อกวนเซี่ยวออกไปแล้ว อาซือหลานก็รินเหล้าอย่างไม่รีบร้อนอีกครั้ง เมื่อดื่มเหล้าในแก้วหมดแล้ว เขาก็โยนก้อนเงินหยวนเป่าออกมาหนึ่งอัน จากนั้นก็โบกพัดและเดินออกจากโรงเตี๊ยมไปเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป่าเล่อเอ่อร์อยู่ที่ใด และไม่รู้ว่าฟางรั่วจะถูกปล่อยตัวออกมาหรือไม่ ท
ในคืนที่มีลมหิมะ ไร้ดาวและเดือนอากาศกลับไม่หนาวมากนักเมื่อรู้ว่าเย่จิ่งอวี้มีธุระเฉพาะหน้า อาจจะกลับมาที่ตำหนักจินหวูดึกเล็กน้อย จู่ๆ อินชิงเสวียนก็อยากออกไปเดินเล่นด้านนอกนางเติบโตในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ จึงมีความรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับหิมะที่แตกต่างออกไปหิมะสร้างความทรงจำให้นางอย่างมากมาย ตอนที่ยังเล็ก ทุกครั้งที่มีหิมะตก นางมักอ้อนวอนคุณย่าให้ทำลานสเก็ตน้ำแข็งเล็กๆ ให้นางในสวน และเล่นแคร่เลื่อนหิมะด้านบนนั้น ในช่วงปีใหม่ก็จะเกลือกกลิ้งอยู่บนน้ำแข็ง คนเก่าคนแก่เชื่อว่าจะสามารถขจัดโรคร้ายได้นานาชนิดอินชิงเสวียนแทบไม่เคยเข้าใจเรื่องเล่านี้ แต่รู้สึกว่ามันสนุกอย่างมาก ดังนั้นเมื่อถึงฤดูหนาว นางจะรอคอยวันที่หิมะตก จากนั้นก็จะเล่นทำสงครามหิมะกับเพื่อนบ้านโดยรอบตลอดทางเมื่อนึกถึงช่วงเวลาวัยเด็ก อินชิงเสวียนก็ยิ้มออกมาที่มุมปากแม้คุณย่าจะมอบชีวิตที่ร่ำรวยให้แก่นางไม่ได้ แต่กลับมอบความทรงจำวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความสุขในแก่นางเมื่อถอนหายใจเบาๆ แล้ว นางก็คลุมเสื้อคลุมที่ประดับด้วยขนกระต่ายอวิ๋นฉ่ายกำลังตัดไส้ตะเกียง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนสวมเสื้อคลุมด้านนอก นางจึงถามขึ้น
การเคลื่อนไหวของอินชิงเสวียนหยุดนิ่ง เย่จิ่งหลานก็ตื่นตัวในทันที“ทำไมงั้นหรือ?”“มีคนมา”อินชิงเสวียนพูดเสียงเบาและต่ำอาจเป็นเพราะดื่มน้ำพุวิญญาณมาโดยตลอด นางจึงมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่าคนทั่วไปเย่จิ่งหลานเคยเห็นฝีมือของนาง และแน่นอนว่าเขาเชื่อนาง“หรือว่า... พวกเราจะเข้าไปในมิติก่อนดี?”เย่จิ่งหลานยังไม่ทันได้แลกปืนเลเซอร์ จึงไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเอง ทำได้เพียงหดหัวเป็นเต่า“ท่านเข้ามิติไปก่อน ข้าจะออกไปดู”เนื่องจากมีพละกำลังและความว่องไวของมิติอยู่ติดตัว อินชิงเสวียนจึงถือเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ที่กล้าหาญ เมื่อพูดจบนางจึงเปิดประตูและเดินออกไปเมื่อมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนร้องของผู้หญิงคนหนึ่ง “ปล่อยข้า ช่วยด้วย!”ท่ามกลางแสงจันทร์ที่เลือนราง จึงเห็นเพียงเงาคนที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมสีดำทั้งตัวยืนอยู่ท่ามกลางลานบ้าน คนที่เขาจับไว้ในมือก็คือเป่าเล่อเอ่อร์ที่อินชิงเสวียนช่วยไว้จากเรือนจุ้ยหงวันนี้ท้องฟ้าสีดำมืด ตะเกียงเจ้าพายุถูกลมเป่าให้สว่างและสลัว และทั้งคู่ก็ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้“เจ้าคือใคร มาที่นี่ทำไม?”อินชิงเสวี
อินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงคาวเลือดในลำคอเช่นกัน นางพยายามฝืนมันไว้ จากนั้นก็ใช้ความรวดเร็วของมิติ บุกจู่โจมอาซือหลานอาซือหลานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหตุใดอินชิงเสวียนจึงเก่งกาจขึ้นอย่ากะทันหันเช่นนี้?เขาไม่กล้าประมาท เพื่อจับอินชิงเสวียนให้ได้ในคราวเดียว เขาจึงยกระดับพลังยุทธ์ไปถึงขั้นที่เจ็ดโดยไม่รู้ว่าจุดเด่นของทักษะห้าสิบห้าสิบของอินชิงเสวียนจะยิ่งสำแดงอานุภาพเมื่อฝ่ามือของทั้งสองมาปะทะกันอีกครั้ง พลังที่ยิ่งใหญ่ราวกับผลักภูเขาพลิกทะเล ก็ทำให้ทั้งสองคนสั่นสะเทือนถอยหลังไปหลายก้าวสายเลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปากของพวกเขาพร้อมกัน อวัยวะภายในของพวกเขาต่างก็เจ็บปวดรวดร้าวรอยยิ้มบนใบหน้าของอาซือหลานค่อยๆ จางหายไปในทันที“ไม่คิดว่าระดับความรู้ลึกซึ้งของชิงเสวียนจะสูงส่งถึงเพียงนี้ ที่ข้าปล่อยไก่ไปก่อนหน้านี้ ช่างผิดต่อเจ้าจริงๆ”ทันทีที่เขาขยับนิ้วมือ กลุ่มหมอกสีดำก็วนเวียนอยู่บนปลายนิ้วของเขา“เช่นนั้นก็ทดสอบพลังกระบวนท่านี้ของข้าดูอีกครั้งสิ”อินชิงเสวียนรู้แก่ใจว่าต้องเป็นวิชามารชั่วร้ายอย่างแน่นอน แววตาของนางมีความระแวดระวังสูงมากขึ้นอาซือหลานได้บินถลาจู่โจมเข้ามาอินชิ
“เย่จิ่งหลาน!”อินชิงเสวียนออกมาจากมิติ เย่จิ่งหลานก็ได้จับตัวอาซือหลานไปแล้วเป่าเล่อเอ่อร์กำลังซ่อมตัวอยู่ในบ้าน เมื่อได้ยินเสียงก็รีบวิ่งออกมาทันทีเมื่อเห็นอินชิงเสวียนเลือดไหลเต็มตัวก็ตกใจอย่างมาก และรีบวิ่งเข้ามาพยุงนางไว้“คุณหนู ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่ ข้าจะไปตามหมอมาให้”เป่าเล่อเอ่อร์และอินชิงเสวียนไม่รู้จักตัวตนของกันและกัน จึงคิดว่านางเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่สักครอบครัวหนึ่งอินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตาย จึงกัดฟันพูดว่า “ไม่ต้องหรอก รบกวนเจ้าช่วยจูงม้ามาให้ข้าด้วย”เป่าเล่อเอ่อร์มือเท้าเป็นระวิง นางไม่รู้ว่าควรช่วยอินชิงเสวียนอย่างไรดี จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายมีเลือดไหลท่วมตัว หนิงซวงก็ร้องหวยโหยออกมาด้วยความเจ็บปวด มันรีบงอขาหน้าเพื่อให้อินชิงเสวียนปีนขึ้นมาอินชิงเสวียนพยายามใช้แรงปีนขึ้นหลังม้า เลือดสดทำให้ขนของหนิงซวงแดงเถือกไปทั้งตัว“ส่งข้ากลับไปที่พระราชวังเถอะ!”อินชิงเสวียนพูดจบก็ตักน้ำพุวิญญาณมาหนึ่งขวดและดื่มมันลงไป โดยไม่สนใจว่าเป่าเล่อเอ่อร์จะตกใจรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน เรื่องอื่นๆ ต่างไม่สำคัญหนิงซวงร้องฮี้เสียงยาว ยกกีบม้าและว
หัวหน้าเหลียงรูปร่างไม่สูง ขนาดตัวผอมบางเล็กน้อย จึงถูกเย่จิ่งอวี้หิ้วตัวขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศหนาวเย็นที่แผ่นหลัง หัวหน้าเหลียงก็มีเหงื่อผุดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้“ฝ่าบาทโปรดอภัย กระหม่อมได้ให้สาวใช้ล้างบาดแผลให้กุ้ยเฟยเรียบร้อยแล้ว เหนียงเหนียงไม่เป็นอันตรายมากนัก เพียงแต่เสียเลือดเล็กน้อย ต้องการเพิ่มการบำรุงให้ดีพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้สั่งให้คนไปนำโสมพันปีมาต้นหนึ่งแล้ว เพื่อใส่ยาให้แก่กุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ”ใบหน้าของเย่จิ่งอวี้จึงผ่อนคลายลงเล็กน้อยเขาปล่อยหัวหน้าเหลียงลง และพูดเสียงเข้มว่า “ต้องการตัวยาชนิดใด เจ้าหยิบใช้ได้ตามสมควร อย่าให้เหนียงเหนียงมีโรคแทรกซ้อนโดยเด็ดขาด”หัวหน้าเหลียงรีบพูดว่า “กระหม่อมทราบพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอรับรองว่าใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ร่างกายของเหนียงเหนียงจะกลับมาเป็นปกติดังเดิม”เย่จิ่งอวี้ไม่อยากเสียเวลาพูดมากกับเขา จึงสาวเท้าเดินไปด้านหน้าเตียงสีหน้าของอินชิงเสวียนซีขาวเล็กน้อย แต่ไม่ได้ย่ำแย่เหมือนอย่างที่เย่จิ่งอวี้จินตนาการเอาไว้ ดวงตาคู่หนึ่งยังคงลืมอยู่ และมีชีวิตชีวาอย่างมาก“อาอวี้ ท่านมาแล้วหรือเพคะ?”อินชิงเสวียนหันหน้ามา มุมปากแขวนรอ
อาซือหลานไม่ได้สนใจเย่จิ่งหลาน ไม่สนใจว่าเขาคือท่านอ๋อง เพราะเป็นเพียงแค่เด็กอายุไม่กี่ขวบ ไม่ได้มีความน่ากลัวในสายตาเขาเลยเย่จิ่งหลานก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร อย่างไรก็สามารถเข้ามิติได้ตลอดเวลาทำได้เพียงยืนพิงกำแพง และหลับตาทำสมาธิหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงระฆังที่ประตู กลิ่นเครื่องหอมก็โชยมาจากด้านนอกจากนั้นก็ได้ยินคนใช้น้ำเสียงชาวบ้านคุยกันด้วยความแหบพร่า “ต้องรอถึงเมื่อใดจึงจะจับผู้หญิงคนนั้นได้ จอมพลยังคงรอพิณการเวกอยู่ ขอเพียงได้สิ่งนี้มา พวกเราจึงจะสามารถต่อกรกับสำนักแห่งดินแดนจงหยวน เพื่อให้กองทัพข้ามทะเลไปได้”อีกคนหนึ่งพูดว่า “พวกเราไร้ซึ่งหนทางในเมืองหลวง พระราชวังก็ไม่สามารถบุกเข้าไปได้ ตอนนี้ทำได้เพียงเชื่ออาซือหลานเท่านั้น”“แต่พวกเรายื้อเวลามานานแล้ว จอมพลจะโกรธหรือไม่?”“เช่นนั้นจะทำอย่างไรได้เล่า?หากกลับไปมือเปล่า พวกเราต้องโดนผ่าท้อง ข้ายังไม่อยากตายเสียหน่อย”“แม่งเอ๊ย ใครจะอยากตาย ตอนนี้พวกเราหายไปสี่คนแล้ว หากพวกเรายังทำภารกิจไม่สำเร็จ คงต้องจบเห่จริงๆ”“เจ้าพูดถูกแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าสามารถเชื่อถืออาซือหลานได้หรือไม่”“เขาสนิทสนมกับจอมพลหนุ่ม จอมพลหนุ
“สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ
อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก
ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล