แชร์

บทที่ 594 ความฉงนใจ

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง กัดมือเล็กแล้วพูดว่า “ขอบพระทัยเด็จแม่~”

เย่จิ่งอวี้ประหลาดใจเล็กน้อย

“เหตุใดจ้าวเอ๋อร์จึงพูดได้มากมายเช่นนี้?”

“ยายหลี่เล่าว่า ตราบใดที่เด็กรู้จักตัวหนังสือแล้ว เขาจะยิ่งพูดได้มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเอ๋อร์ของพวกเราที่เฉลียวฉลาดมากขนาดนี้”

อินชิงเสวียนลูบที่เส้นผมอ่อนนุ่มของเสี่ยวหนานเฟิง และพูดกับเย่จิ่งอวี้ว่า “ออกไปกันเถอะเพคะ เดี๋ยวฝูอี้อ๋องจะหาเราไม่พบ”

“ได้สิ”

เย่จิ่งอวี้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิง และสามพ่อแม่ลูกก็เดินออกมาจากมิติ

เย่จิ่งหลานเพิ่งเดินออกมาจากด้านนอกประตูพอดี พ่อบ้านที่เพิ่งมาใหม่เดินตามหลังของเขา และใช้เปลหามอย่างง่ายยกหวังซุ่นออกมา

หลังการรักษาด้วยการเย็บแผลแล้ว หวังซุ่นก็ฟื้นขึ้นมาได้สติโดยสมบูรณ์ เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รู้สึกตกใจในทันที

เขาพูดอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรงว่า “กุ้ยเฟย ไม่ใช่ว่าข้าน้อยไม่ทำงานที่บอก เป็นเพราะคนเหล่านั้นแทบไม่เชื่อข้าน้อยเลย หากข้าน้อยสวมหน้ากากออกมา ก็อาจจะสามารถหลอกลวงพวกเขาได้บ้าง”

เมื่อเห็นหวังซุ่นหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “แผลของเจ้า... พวกเขาเป็นคนทำงั
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 595 หึงหวง

    อินชิงเสวียนทำสีหน้าแปลกใจ จู่ๆ ทำไมเย่จิ่งอวี้จึงอยากฟังเพลงขึ้นมา ก่อนขึ้นครองราชย์เขาได้ชื่อว่าเป็นท่านอ๋องแห่งความสุดยอดทั้งห้า หากตัวเองต้องเล่นพิณต่อหน้าเขา จะไม่เป็นเหมือนการควงดาบต่อหน้านักรบกวนอูงั้นหรือ?“เสวียนเอ๋อร์ไม่สมัครใจงั้นหรือ?”เย่จิ่งอวี้เม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย และพูดต่อว่า “ความจริงข้าประพันธ์เพลงได้ หากเสวียนเอ๋อร์ต้องการ ข้าสามารถแต่งเพลงและเล่นดนตรีกับเจ้าได้นะ”เมื่อได้ยินดังนั้น อินชิงเสวียนจึงกลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้นี่ยังคงจำคำพูดของอาซือหลานไว้สินะในเมื่อยอมรับในความสัมพันธ์ของสามีภรรยากันแล้ว อินชิงเสวียนไม่ต้องให้เกิดความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็นอีก“ฝ่าบาทอยากฟังเพลงก็ย่อมได้เพคะ แต่หมอมฉันหวังว่าฝ่าบาทเพียงแค่ต้องการฟังจริงๆ เท่านั้น ไม่ใช่ได้รับผลกระทบมาจากผู้ใด หม่อมฉันและไอ้สุนัขชาติชั่วอย่างอาซือหลานไม่เคยมีการกระทำซ่อนเร้นร่วมกัน หากว่าฝ่าบาทยังคงติดใจเรื่องนี้อยู่ เกรงว่าจะดูถูกความรู้สึกที่มีต่อกันมากเกินไปแล้วเพคะ”เย่จิ่งอวี้ยังคงหน้าแดง เขารู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ทุกครั้งที่คิดถึงภาพคนรักของตัวเองกำลังพูดคุยหัวเราะกับผู้ชายคนอื่น ในใจของเขาร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 596 คงไม่ชอบพี่ชายรองจริงๆ หรอกนะ

    อินชิงเสวียนกัดริมฝีปาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้คงพูดออกมาได้ยากปลายลิ้นของเย่จิ่งอวี้สัมผัสที่ติ่งหูของนาง ลมหายใจที่ร้อนผ่าวของเขาจรดที่ต้นคอของนาง ทำให้รู้สึกตื่นเต้น“เสวียนเอ๋อร์ที่รัก เรียกข้าว่าอาอวี้สิ”มือที่เย็นเล็กน้อยสอดเข้าไปใต้เสื้อผ้า และสัมผัสกับผิวหนังที่ร้อนเป็นไฟและคล้ายผ้าดิ้นที่อ่อนนุ่ม ทำให้อินชิงเสวียนสั่นสะท้าน“อย่า...”เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ นิ้วมือที่เรียวยาวเลื่อนขึ้นไปตามเอว“เสวียนเอ๋อร์เขินอายงั้นหรือ?”อินชิงเสวียนหันหน้าไปอีกด้าน และใบหน้ามีสีแดงสดใส“น่าเกลียด อย่าได้ถามแบบนี้สิเพคะ”“เช่นนั้นก็เรียกชื่อของข้าสิ”เย่จิ่งอวี้ดึงเสื้อคลุมบนร่างกายออก นิ้วมือที่ปราดเปรียวปลดสายรัดเอวกระโปรงพับกลีบของอินชิงเสวียนออกเสียงที่ทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความเย้ายวน“ข้าอยากฟัง”“ไม่เอา... อุบ...”ร่างกายที่แนบชิดกันพอดีทำให้อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย จึงคว้าไหล่ของเย่จิ่งอวี้อย่างอดไม่ได้แต่เอวของนางกลับถูกแขนอันทรงพลังจับไว้แน่น“ฟังข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้าแล้วนะ”ร่างที่กดลงมาทำให้อินชิงเสวียนส่งเสียงครางออกมาเล็กน้อย จึงทำได้เพียงร้องเสียงเบาว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 597 ข้าเป็นคู่ครองที่ดีของเจ้าหรือไม่

    เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งอวี้ไม่พอใจจริงๆ เย่ไห่ถังจึงต้องเดินออกไปด้วยความโกรธเมื่อนางออกไปแล้ว อินชิงเสวียนก็ถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวังหรือเพคะ?”สายตาของเย่จิ่งอวี้อ่อนโยนขึ้นทันที และจับมือน้อยของอินชิงเสวียนเอาไว้ ดึงตัวนางมาอยู่ด้านหน้าของตัวเอง“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉางจี้จิ่วแห่งสำนักศึกษาหลวงมาหาข้า บอกว่าอาจารย์อินของพวกเขาหายไปแล้ว มีโจทย์บางข้อที่พวกเขาไม่เข้าใจ ที่ข้าพูดเมื่อครู่นี้ เพียงเพราะไม่ต้องการให้เจ้าเด็กนั่นเอาแต่ออกไปเที่ยวเล่นนอกวัง ตอนนี้นางถึงวัยที่ควรออกเรือนแล้ว หากถูกผู้อื่นรู้เข้า จะต้องเกิดคำวิพากษ์วิจารณ์อีกมากมาย”อินชิงเสวียนนั่งลงข้างเขา และถามว่า “การแต่งงานขององค์หญิงนั้นเลือกด้วยตัวเอง หรือว่าจำเป็นต้องมีพระราชวงศ์เป็นผู้กำหนดให้เพคะ?”เย่จิ่งอวี้ยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าพระราชวงศ์เป็นผู้กำหนดให้สิ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การแต่งงานล้วนมีพ่อแม่เป็นผู้ตัดสินใจ หากว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ ก็ต้องให้ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสินใจ”“แต่ว่า... หากว่าองค์หญิงไม่ได้รักคนที่แต่งงานด้วยล่ะเพคะ?”ระบบการแต่งงานของยุคสมัยโบราณ คือสิ่งที่อินชิงเสวียนไม่เข้าใจมาโด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 598 ยอดฝีมือท่ามกลางชาวบ้าน

    อินชิงเสวียนรีบผลักเย่จิ่งอวี้ออก และเปิดประตูตำหนักมือน้อยของเสี่ยวหนานเฟิงเต็มไปด้วยหิมะ นิ้วมือเย็นยะเยือกจนเป็นสีแดง แต่ยังเหยียดตัวออกไปเพื่อจะจับหิมะที่อยู่บนพื้นยายหลี่ใช้แรงอุ้มเขาไว้ ร้อนใจจนเหงื่อผุดเต็มศีรษะเมื่อเห็นอินชิงเสวียนเดินออกมา ยายหลี่มีความลนลานเล็กน้อย“เหนียงเหนียง...”แน่นอนว่าอินชิงเสวียนไม่มีทางตำหนิยายหลี่ นางเป็นคนเลี้ยงเสี่ยวหนานเฟิงมาจนเติบใหญ่ นางรักเด็กมากกว่าตัวเองเสียอีก“ไม่เป็นไร ข้าเอง”อินชิงเสวียนยื่นมือมารับเจ้าเด็กอ้วน และหยิบผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดออกมา เช็ดหยดน้ำบนมือน้อยของเขาแล้วสวมถุงมือผ้าฝ้ายให้กับเขา“ห้ามจับหิมะเล่น เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ แม่ก็จะโกรธมากและไม่รักจ้าวเอ๋อร์แล้วนะ”อินชิงเสวียนแกล้งทำหน้าบึ้งตึงแม้ว่าเสี่ยวหนานเฟิงอายุไม่ถึงหนึ่งขวบ มีบางคำที่ยังฟังไม่เข้าใจ แต่กลับมองสีหน้าคนออกเมื่อเห็นอินชิงเสวียนทำหน้าบึ้งตึง จึงรีบยื่นมือออกมา และกอดคอของอินชิงเสวียนเอาไว้ พร้อมพูดกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เด็จแม่ ไม่โกรธๆ”อินชิงเสวียนยังคงทำหน้าเคร่งขรึม และพูดกับเสี่ยวหนานเฟิงว่า “จ้าวเอ๋อร์ทำเรื่องไม่ดี แม่ก็ต้องโกรธเป็น

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 599 กำจัดให้สิ้นซาก

    ฟางรั่วตามหาตัวเองทำไมกัน?ต้องการจัดการกับนางอยู่พอดี ไปดูหน่อยสิว่านางจะเล่นลูกไม้อะไรอีกเย่จิ่งอวี้หันหน้ากลับมา หิมะแรกกระทบลงบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา มีความแวววาวราวกับหยกขาว“ข้าจะไปกับเสวียนเอ๋อร์”อินชิงเสวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ก็ดีเพคะ ข้าเองก็เคยใช้ประโยชน์จากฟางรั่ว จึงไม่อยากปลิดชีวิตของนาง ถือว่าข้าตอบแทนน้ำใจของนาง ฝ่า...”เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้หรี่ตามอง สายตาคมเผยความไม่พอใจออกมา อินชิงเสวียนรู้สึกเซ็งเล็กน้อย และรีบเปลี่ยนคำพูด“อาอวี้ทำลายวิชาการต่อสู้ของนางก็พอเพคะ”เย่จิ่งอวี้ยิ้มที่มุมปาก การเรียกขานเช่นนี้ เมื่อเทียบกับคำว่า ‘ฝ่าบาท’ ที่แสนเย็นชา เย่จิ่งอวี้ชอบให้อินชิงเสวียนเรียกชื่อตัวเองมากกว่า“ได้สิ แล้วแต่เสวียนเอ๋อร์ทุกอย่างเลย”เป็นเพียงแค่สาวรับใช้เท่านั้น คาดว่านางคงไม่มีฤทธิ์มากแล้วอินชิงเสวียนนำเสี่ยวหนานเฟิงมอบให้กับเสี่ยวอานจื่อ เจ้าเด็กอ้วนกลับไม่ยอมไป และคว้ากิ่งดอกเหมยโดยไม่ยอมปล่อยมือตอนนี้ไม่มีความน่ากลัวอะไรในพระราชวังแล้ว อีกทั้งการเดินทางครั้งนี้ยังมีองครักษ์ติดตามอีกมาก อินชิงเสวียนจึงให้เสี่ยวอานจื่อและอวิ๋นฉ่ายพาเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 600 ปลุกปั่นใจคน

    อินชิงเสวียนพยักหน้า“เป็นจริงดังนั้นเพคะ ตราบใดที่เจอตัวอาซือหลาน เราจะสืบหาความจริงให้ปรากฏทุกอย่าง”“อืม มีไป๋เสวี่ยและเจวี๋ยอิ่งติดตามตัวอยู่ รวมทั้งฟางรั่วอีกคน ครั้งนี้ต่อให้เขาติดปีกก็ยากที่จะหนีรอดไปได้”นับตั้งแต่ได้ยินคำพูดชั้นต่ำเหล่านั้นของอาซือหลาน เย่จิ่งอวี้ก็แทบอยากจับตัวเขาไว้ แล้วสับร่างให้เป็นหมื่นท่อนตอนนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย เรียกได้ว่ามีความมั่นใจอย่างล้นหลามทั้งสองฝ่าหิมะกลับมาที่ตำหนักจินหวู เย่จิ่งอวี้เห็นว่าเวลายังไม่เย็นมาก จึงกลับไปที่ห้องหนังสือก่อนอินชิงเสวียนเปิดหน้าต่างออก มองดูเกล็ดหิมะที่ปลิวไสว ก็รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูกในเวลานี้ ทางภาคเหนือก็คงมีหิมะตกเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าบ้านเก่าจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว อารองคงรับคุณย่าไปอยู่ด้วยนานแล้วอินชิงเสวียนถอนหายใจยาวๆ และปิดหน้าต่างลงขณะนั้นเอง กวนเซี่ยวก็มองหิมะที่นอกหน้าต่าง จิตใจเหม่อลอยเวลาผ่านไปหลายวันแล้ว ฟางรั่วคงจบเห่แล้วแน่นอนแม้ว่าเขาจะรู้ตัวตนของฟางรั่ว แต่ยังคงถลำลึกลงไป ตอนนี้หมดหวังโดยสิ้นเชิงเขารู้นานแล้วว่านายท่านผู้เฒ่ากวนไม่มีทางยินยอมให้ฟางรั่วที่เคยเป็นสายลับ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 601 หวั่นไหว

    “เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”กวนเซี่ยวมองอาซือหลานด้วยความโกรธ น่าเสียดายที่วิทยายุทธ์ของตัวเองสู้เขาไม่ได้ ซึ่งไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยอาซือหลานยิ้มออกมาอย่างช้าๆ“เงื่อนไขที่ข้าให้เจ้าง่ายดายอย่างมาก ขอเพียงเจ้าสามารถหลอกให้อินชิงเสวียนมาที่จวนได้ ข้าจะหาทางทำให้เจ้าได้พบกับฟางรั่ว”กวนเซี่ยวเม้มปาก แววตาแฝงไปด้วยความลังเลแม้เขาจะแค้นอินชิงเสวียน แต่ก็รู้ว่าอาซือหลานไม่ใช่คนดีอะไรอาซือหลานจึงพูดยุยงว่า “ด้วยความสัมพันธ์ของตระกูลพวกเจ้า คาดว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ฟางรั่วมีเพียงแค่คนเดียว หากเสียโอกาสไปแล้ว อาจจะไม่เจอกันอีกแล้วก็ได้”กวนเซี่ยวรู้สึกหวั่นไหวในทันที“ข้าจะพยายามลองดู หากทำสำเร็จจะให้ข้าบอกกับเจ้าอย่างไร?”อาซือหลานพูดเสียงเรียบว่า “ข้าจะมาดื่มเหล้าที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ทุกคืน เจ้ามาหาข้าที่นี่ได้เลย”“ได้”เมื่อกวนเซี่ยวออกไปแล้ว อาซือหลานก็รินเหล้าอย่างไม่รีบร้อนอีกครั้ง เมื่อดื่มเหล้าในแก้วหมดแล้ว เขาก็โยนก้อนเงินหยวนเป่าออกมาหนึ่งอัน จากนั้นก็โบกพัดและเดินออกจากโรงเตี๊ยมไปเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป่าเล่อเอ่อร์อยู่ที่ใด และไม่รู้ว่าฟางรั่วจะถูกปล่อยตัวออกมาหรือไม่ ท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 602 คนบ้านเดียวกันโดยแท้

    ในคืนที่มีลมหิมะ ไร้ดาวและเดือนอากาศกลับไม่หนาวมากนักเมื่อรู้ว่าเย่จิ่งอวี้มีธุระเฉพาะหน้า อาจจะกลับมาที่ตำหนักจินหวูดึกเล็กน้อย จู่ๆ อินชิงเสวียนก็อยากออกไปเดินเล่นด้านนอกนางเติบโตในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ จึงมีความรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับหิมะที่แตกต่างออกไปหิมะสร้างความทรงจำให้นางอย่างมากมาย ตอนที่ยังเล็ก ทุกครั้งที่มีหิมะตก นางมักอ้อนวอนคุณย่าให้ทำลานสเก็ตน้ำแข็งเล็กๆ ให้นางในสวน และเล่นแคร่เลื่อนหิมะด้านบนนั้น ในช่วงปีใหม่ก็จะเกลือกกลิ้งอยู่บนน้ำแข็ง คนเก่าคนแก่เชื่อว่าจะสามารถขจัดโรคร้ายได้นานาชนิดอินชิงเสวียนแทบไม่เคยเข้าใจเรื่องเล่านี้ แต่รู้สึกว่ามันสนุกอย่างมาก ดังนั้นเมื่อถึงฤดูหนาว นางจะรอคอยวันที่หิมะตก จากนั้นก็จะเล่นทำสงครามหิมะกับเพื่อนบ้านโดยรอบตลอดทางเมื่อนึกถึงช่วงเวลาวัยเด็ก อินชิงเสวียนก็ยิ้มออกมาที่มุมปากแม้คุณย่าจะมอบชีวิตที่ร่ำรวยให้แก่นางไม่ได้ แต่กลับมอบความทรงจำวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความสุขในแก่นางเมื่อถอนหายใจเบาๆ แล้ว นางก็คลุมเสื้อคลุมที่ประดับด้วยขนกระต่ายอวิ๋นฉ่ายกำลังตัดไส้ตะเกียง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนสวมเสื้อคลุมด้านนอก นางจึงถามขึ้น

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1468 อย่าได้คืบจะเอาศอก

    “สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

DMCA.com Protection Status