อินชิงเสวียนรีบผลักเย่จิ่งอวี้ออก และเปิดประตูตำหนักมือน้อยของเสี่ยวหนานเฟิงเต็มไปด้วยหิมะ นิ้วมือเย็นยะเยือกจนเป็นสีแดง แต่ยังเหยียดตัวออกไปเพื่อจะจับหิมะที่อยู่บนพื้นยายหลี่ใช้แรงอุ้มเขาไว้ ร้อนใจจนเหงื่อผุดเต็มศีรษะเมื่อเห็นอินชิงเสวียนเดินออกมา ยายหลี่มีความลนลานเล็กน้อย“เหนียงเหนียง...”แน่นอนว่าอินชิงเสวียนไม่มีทางตำหนิยายหลี่ นางเป็นคนเลี้ยงเสี่ยวหนานเฟิงมาจนเติบใหญ่ นางรักเด็กมากกว่าตัวเองเสียอีก“ไม่เป็นไร ข้าเอง”อินชิงเสวียนยื่นมือมารับเจ้าเด็กอ้วน และหยิบผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดออกมา เช็ดหยดน้ำบนมือน้อยของเขาแล้วสวมถุงมือผ้าฝ้ายให้กับเขา“ห้ามจับหิมะเล่น เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ แม่ก็จะโกรธมากและไม่รักจ้าวเอ๋อร์แล้วนะ”อินชิงเสวียนแกล้งทำหน้าบึ้งตึงแม้ว่าเสี่ยวหนานเฟิงอายุไม่ถึงหนึ่งขวบ มีบางคำที่ยังฟังไม่เข้าใจ แต่กลับมองสีหน้าคนออกเมื่อเห็นอินชิงเสวียนทำหน้าบึ้งตึง จึงรีบยื่นมือออกมา และกอดคอของอินชิงเสวียนเอาไว้ พร้อมพูดกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เด็จแม่ ไม่โกรธๆ”อินชิงเสวียนยังคงทำหน้าเคร่งขรึม และพูดกับเสี่ยวหนานเฟิงว่า “จ้าวเอ๋อร์ทำเรื่องไม่ดี แม่ก็ต้องโกรธเป็น
ฟางรั่วตามหาตัวเองทำไมกัน?ต้องการจัดการกับนางอยู่พอดี ไปดูหน่อยสิว่านางจะเล่นลูกไม้อะไรอีกเย่จิ่งอวี้หันหน้ากลับมา หิมะแรกกระทบลงบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา มีความแวววาวราวกับหยกขาว“ข้าจะไปกับเสวียนเอ๋อร์”อินชิงเสวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ก็ดีเพคะ ข้าเองก็เคยใช้ประโยชน์จากฟางรั่ว จึงไม่อยากปลิดชีวิตของนาง ถือว่าข้าตอบแทนน้ำใจของนาง ฝ่า...”เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้หรี่ตามอง สายตาคมเผยความไม่พอใจออกมา อินชิงเสวียนรู้สึกเซ็งเล็กน้อย และรีบเปลี่ยนคำพูด“อาอวี้ทำลายวิชาการต่อสู้ของนางก็พอเพคะ”เย่จิ่งอวี้ยิ้มที่มุมปาก การเรียกขานเช่นนี้ เมื่อเทียบกับคำว่า ‘ฝ่าบาท’ ที่แสนเย็นชา เย่จิ่งอวี้ชอบให้อินชิงเสวียนเรียกชื่อตัวเองมากกว่า“ได้สิ แล้วแต่เสวียนเอ๋อร์ทุกอย่างเลย”เป็นเพียงแค่สาวรับใช้เท่านั้น คาดว่านางคงไม่มีฤทธิ์มากแล้วอินชิงเสวียนนำเสี่ยวหนานเฟิงมอบให้กับเสี่ยวอานจื่อ เจ้าเด็กอ้วนกลับไม่ยอมไป และคว้ากิ่งดอกเหมยโดยไม่ยอมปล่อยมือตอนนี้ไม่มีความน่ากลัวอะไรในพระราชวังแล้ว อีกทั้งการเดินทางครั้งนี้ยังมีองครักษ์ติดตามอีกมาก อินชิงเสวียนจึงให้เสี่ยวอานจื่อและอวิ๋นฉ่ายพาเจ้าเ
อินชิงเสวียนพยักหน้า“เป็นจริงดังนั้นเพคะ ตราบใดที่เจอตัวอาซือหลาน เราจะสืบหาความจริงให้ปรากฏทุกอย่าง”“อืม มีไป๋เสวี่ยและเจวี๋ยอิ่งติดตามตัวอยู่ รวมทั้งฟางรั่วอีกคน ครั้งนี้ต่อให้เขาติดปีกก็ยากที่จะหนีรอดไปได้”นับตั้งแต่ได้ยินคำพูดชั้นต่ำเหล่านั้นของอาซือหลาน เย่จิ่งอวี้ก็แทบอยากจับตัวเขาไว้ แล้วสับร่างให้เป็นหมื่นท่อนตอนนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย เรียกได้ว่ามีความมั่นใจอย่างล้นหลามทั้งสองฝ่าหิมะกลับมาที่ตำหนักจินหวู เย่จิ่งอวี้เห็นว่าเวลายังไม่เย็นมาก จึงกลับไปที่ห้องหนังสือก่อนอินชิงเสวียนเปิดหน้าต่างออก มองดูเกล็ดหิมะที่ปลิวไสว ก็รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูกในเวลานี้ ทางภาคเหนือก็คงมีหิมะตกเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าบ้านเก่าจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว อารองคงรับคุณย่าไปอยู่ด้วยนานแล้วอินชิงเสวียนถอนหายใจยาวๆ และปิดหน้าต่างลงขณะนั้นเอง กวนเซี่ยวก็มองหิมะที่นอกหน้าต่าง จิตใจเหม่อลอยเวลาผ่านไปหลายวันแล้ว ฟางรั่วคงจบเห่แล้วแน่นอนแม้ว่าเขาจะรู้ตัวตนของฟางรั่ว แต่ยังคงถลำลึกลงไป ตอนนี้หมดหวังโดยสิ้นเชิงเขารู้นานแล้วว่านายท่านผู้เฒ่ากวนไม่มีทางยินยอมให้ฟางรั่วที่เคยเป็นสายลับ
“เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”กวนเซี่ยวมองอาซือหลานด้วยความโกรธ น่าเสียดายที่วิทยายุทธ์ของตัวเองสู้เขาไม่ได้ ซึ่งไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยอาซือหลานยิ้มออกมาอย่างช้าๆ“เงื่อนไขที่ข้าให้เจ้าง่ายดายอย่างมาก ขอเพียงเจ้าสามารถหลอกให้อินชิงเสวียนมาที่จวนได้ ข้าจะหาทางทำให้เจ้าได้พบกับฟางรั่ว”กวนเซี่ยวเม้มปาก แววตาแฝงไปด้วยความลังเลแม้เขาจะแค้นอินชิงเสวียน แต่ก็รู้ว่าอาซือหลานไม่ใช่คนดีอะไรอาซือหลานจึงพูดยุยงว่า “ด้วยความสัมพันธ์ของตระกูลพวกเจ้า คาดว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ฟางรั่วมีเพียงแค่คนเดียว หากเสียโอกาสไปแล้ว อาจจะไม่เจอกันอีกแล้วก็ได้”กวนเซี่ยวรู้สึกหวั่นไหวในทันที“ข้าจะพยายามลองดู หากทำสำเร็จจะให้ข้าบอกกับเจ้าอย่างไร?”อาซือหลานพูดเสียงเรียบว่า “ข้าจะมาดื่มเหล้าที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ทุกคืน เจ้ามาหาข้าที่นี่ได้เลย”“ได้”เมื่อกวนเซี่ยวออกไปแล้ว อาซือหลานก็รินเหล้าอย่างไม่รีบร้อนอีกครั้ง เมื่อดื่มเหล้าในแก้วหมดแล้ว เขาก็โยนก้อนเงินหยวนเป่าออกมาหนึ่งอัน จากนั้นก็โบกพัดและเดินออกจากโรงเตี๊ยมไปเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป่าเล่อเอ่อร์อยู่ที่ใด และไม่รู้ว่าฟางรั่วจะถูกปล่อยตัวออกมาหรือไม่ ท
ในคืนที่มีลมหิมะ ไร้ดาวและเดือนอากาศกลับไม่หนาวมากนักเมื่อรู้ว่าเย่จิ่งอวี้มีธุระเฉพาะหน้า อาจจะกลับมาที่ตำหนักจินหวูดึกเล็กน้อย จู่ๆ อินชิงเสวียนก็อยากออกไปเดินเล่นด้านนอกนางเติบโตในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ จึงมีความรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับหิมะที่แตกต่างออกไปหิมะสร้างความทรงจำให้นางอย่างมากมาย ตอนที่ยังเล็ก ทุกครั้งที่มีหิมะตก นางมักอ้อนวอนคุณย่าให้ทำลานสเก็ตน้ำแข็งเล็กๆ ให้นางในสวน และเล่นแคร่เลื่อนหิมะด้านบนนั้น ในช่วงปีใหม่ก็จะเกลือกกลิ้งอยู่บนน้ำแข็ง คนเก่าคนแก่เชื่อว่าจะสามารถขจัดโรคร้ายได้นานาชนิดอินชิงเสวียนแทบไม่เคยเข้าใจเรื่องเล่านี้ แต่รู้สึกว่ามันสนุกอย่างมาก ดังนั้นเมื่อถึงฤดูหนาว นางจะรอคอยวันที่หิมะตก จากนั้นก็จะเล่นทำสงครามหิมะกับเพื่อนบ้านโดยรอบตลอดทางเมื่อนึกถึงช่วงเวลาวัยเด็ก อินชิงเสวียนก็ยิ้มออกมาที่มุมปากแม้คุณย่าจะมอบชีวิตที่ร่ำรวยให้แก่นางไม่ได้ แต่กลับมอบความทรงจำวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความสุขในแก่นางเมื่อถอนหายใจเบาๆ แล้ว นางก็คลุมเสื้อคลุมที่ประดับด้วยขนกระต่ายอวิ๋นฉ่ายกำลังตัดไส้ตะเกียง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนสวมเสื้อคลุมด้านนอก นางจึงถามขึ้น
การเคลื่อนไหวของอินชิงเสวียนหยุดนิ่ง เย่จิ่งหลานก็ตื่นตัวในทันที“ทำไมงั้นหรือ?”“มีคนมา”อินชิงเสวียนพูดเสียงเบาและต่ำอาจเป็นเพราะดื่มน้ำพุวิญญาณมาโดยตลอด นางจึงมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่าคนทั่วไปเย่จิ่งหลานเคยเห็นฝีมือของนาง และแน่นอนว่าเขาเชื่อนาง“หรือว่า... พวกเราจะเข้าไปในมิติก่อนดี?”เย่จิ่งหลานยังไม่ทันได้แลกปืนเลเซอร์ จึงไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเอง ทำได้เพียงหดหัวเป็นเต่า“ท่านเข้ามิติไปก่อน ข้าจะออกไปดู”เนื่องจากมีพละกำลังและความว่องไวของมิติอยู่ติดตัว อินชิงเสวียนจึงถือเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ที่กล้าหาญ เมื่อพูดจบนางจึงเปิดประตูและเดินออกไปเมื่อมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนร้องของผู้หญิงคนหนึ่ง “ปล่อยข้า ช่วยด้วย!”ท่ามกลางแสงจันทร์ที่เลือนราง จึงเห็นเพียงเงาคนที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมสีดำทั้งตัวยืนอยู่ท่ามกลางลานบ้าน คนที่เขาจับไว้ในมือก็คือเป่าเล่อเอ่อร์ที่อินชิงเสวียนช่วยไว้จากเรือนจุ้ยหงวันนี้ท้องฟ้าสีดำมืด ตะเกียงเจ้าพายุถูกลมเป่าให้สว่างและสลัว และทั้งคู่ก็ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้“เจ้าคือใคร มาที่นี่ทำไม?”อินชิงเสวี
อินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงคาวเลือดในลำคอเช่นกัน นางพยายามฝืนมันไว้ จากนั้นก็ใช้ความรวดเร็วของมิติ บุกจู่โจมอาซือหลานอาซือหลานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหตุใดอินชิงเสวียนจึงเก่งกาจขึ้นอย่ากะทันหันเช่นนี้?เขาไม่กล้าประมาท เพื่อจับอินชิงเสวียนให้ได้ในคราวเดียว เขาจึงยกระดับพลังยุทธ์ไปถึงขั้นที่เจ็ดโดยไม่รู้ว่าจุดเด่นของทักษะห้าสิบห้าสิบของอินชิงเสวียนจะยิ่งสำแดงอานุภาพเมื่อฝ่ามือของทั้งสองมาปะทะกันอีกครั้ง พลังที่ยิ่งใหญ่ราวกับผลักภูเขาพลิกทะเล ก็ทำให้ทั้งสองคนสั่นสะเทือนถอยหลังไปหลายก้าวสายเลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปากของพวกเขาพร้อมกัน อวัยวะภายในของพวกเขาต่างก็เจ็บปวดรวดร้าวรอยยิ้มบนใบหน้าของอาซือหลานค่อยๆ จางหายไปในทันที“ไม่คิดว่าระดับความรู้ลึกซึ้งของชิงเสวียนจะสูงส่งถึงเพียงนี้ ที่ข้าปล่อยไก่ไปก่อนหน้านี้ ช่างผิดต่อเจ้าจริงๆ”ทันทีที่เขาขยับนิ้วมือ กลุ่มหมอกสีดำก็วนเวียนอยู่บนปลายนิ้วของเขา“เช่นนั้นก็ทดสอบพลังกระบวนท่านี้ของข้าดูอีกครั้งสิ”อินชิงเสวียนรู้แก่ใจว่าต้องเป็นวิชามารชั่วร้ายอย่างแน่นอน แววตาของนางมีความระแวดระวังสูงมากขึ้นอาซือหลานได้บินถลาจู่โจมเข้ามาอินชิ
“เย่จิ่งหลาน!”อินชิงเสวียนออกมาจากมิติ เย่จิ่งหลานก็ได้จับตัวอาซือหลานไปแล้วเป่าเล่อเอ่อร์กำลังซ่อมตัวอยู่ในบ้าน เมื่อได้ยินเสียงก็รีบวิ่งออกมาทันทีเมื่อเห็นอินชิงเสวียนเลือดไหลเต็มตัวก็ตกใจอย่างมาก และรีบวิ่งเข้ามาพยุงนางไว้“คุณหนู ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่ ข้าจะไปตามหมอมาให้”เป่าเล่อเอ่อร์และอินชิงเสวียนไม่รู้จักตัวตนของกันและกัน จึงคิดว่านางเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่สักครอบครัวหนึ่งอินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตาย จึงกัดฟันพูดว่า “ไม่ต้องหรอก รบกวนเจ้าช่วยจูงม้ามาให้ข้าด้วย”เป่าเล่อเอ่อร์มือเท้าเป็นระวิง นางไม่รู้ว่าควรช่วยอินชิงเสวียนอย่างไรดี จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายมีเลือดไหลท่วมตัว หนิงซวงก็ร้องหวยโหยออกมาด้วยความเจ็บปวด มันรีบงอขาหน้าเพื่อให้อินชิงเสวียนปีนขึ้นมาอินชิงเสวียนพยายามใช้แรงปีนขึ้นหลังม้า เลือดสดทำให้ขนของหนิงซวงแดงเถือกไปทั้งตัว“ส่งข้ากลับไปที่พระราชวังเถอะ!”อินชิงเสวียนพูดจบก็ตักน้ำพุวิญญาณมาหนึ่งขวดและดื่มมันลงไป โดยไม่สนใจว่าเป่าเล่อเอ่อร์จะตกใจรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน เรื่องอื่นๆ ต่างไม่สำคัญหนิงซวงร้องฮี้เสียงยาว ยกกีบม้าและว