หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 597 ข้าเป็นคู่ครองที่ดีของเจ้าหรือไม่

แชร์

บทที่ 597 ข้าเป็นคู่ครองที่ดีของเจ้าหรือไม่

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-04-16 16:00:00
เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งอวี้ไม่พอใจจริงๆ เย่ไห่ถังจึงต้องเดินออกไปด้วยความโกรธ

เมื่อนางออกไปแล้ว อินชิงเสวียนก็ถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวังหรือเพคะ?”

สายตาของเย่จิ่งอวี้อ่อนโยนขึ้นทันที และจับมือน้อยของอินชิงเสวียนเอาไว้ ดึงตัวนางมาอยู่ด้านหน้าของตัวเอง

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉางจี้จิ่วแห่งสำนักศึกษาหลวงมาหาข้า บอกว่าอาจารย์อินของพวกเขาหายไปแล้ว มีโจทย์บางข้อที่พวกเขาไม่เข้าใจ ที่ข้าพูดเมื่อครู่นี้ เพียงเพราะไม่ต้องการให้เจ้าเด็กนั่นเอาแต่ออกไปเที่ยวเล่นนอกวัง ตอนนี้นางถึงวัยที่ควรออกเรือนแล้ว หากถูกผู้อื่นรู้เข้า จะต้องเกิดคำวิพากษ์วิจารณ์อีกมากมาย”

อินชิงเสวียนนั่งลงข้างเขา และถามว่า “การแต่งงานขององค์หญิงนั้นเลือกด้วยตัวเอง หรือว่าจำเป็นต้องมีพระราชวงศ์เป็นผู้กำหนดให้เพคะ?”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าพระราชวงศ์เป็นผู้กำหนดให้สิ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การแต่งงานล้วนมีพ่อแม่เป็นผู้ตัดสินใจ หากว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ ก็ต้องให้ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสินใจ”

“แต่ว่า... หากว่าองค์หญิงไม่ได้รักคนที่แต่งงานด้วยล่ะเพคะ?”

ระบบการแต่งงานของยุคสมัยโบราณ คือสิ่งที่อินชิงเสวียนไม่เข้าใจมาโด
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 598 ยอดฝีมือท่ามกลางชาวบ้าน

    อินชิงเสวียนรีบผลักเย่จิ่งอวี้ออก และเปิดประตูตำหนักมือน้อยของเสี่ยวหนานเฟิงเต็มไปด้วยหิมะ นิ้วมือเย็นยะเยือกจนเป็นสีแดง แต่ยังเหยียดตัวออกไปเพื่อจะจับหิมะที่อยู่บนพื้นยายหลี่ใช้แรงอุ้มเขาไว้ ร้อนใจจนเหงื่อผุดเต็มศีรษะเมื่อเห็นอินชิงเสวียนเดินออกมา ยายหลี่มีความลนลานเล็กน้อย“เหนียงเหนียง...”แน่นอนว่าอินชิงเสวียนไม่มีทางตำหนิยายหลี่ นางเป็นคนเลี้ยงเสี่ยวหนานเฟิงมาจนเติบใหญ่ นางรักเด็กมากกว่าตัวเองเสียอีก“ไม่เป็นไร ข้าเอง”อินชิงเสวียนยื่นมือมารับเจ้าเด็กอ้วน และหยิบผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดออกมา เช็ดหยดน้ำบนมือน้อยของเขาแล้วสวมถุงมือผ้าฝ้ายให้กับเขา“ห้ามจับหิมะเล่น เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ แม่ก็จะโกรธมากและไม่รักจ้าวเอ๋อร์แล้วนะ”อินชิงเสวียนแกล้งทำหน้าบึ้งตึงแม้ว่าเสี่ยวหนานเฟิงอายุไม่ถึงหนึ่งขวบ มีบางคำที่ยังฟังไม่เข้าใจ แต่กลับมองสีหน้าคนออกเมื่อเห็นอินชิงเสวียนทำหน้าบึ้งตึง จึงรีบยื่นมือออกมา และกอดคอของอินชิงเสวียนเอาไว้ พร้อมพูดกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เด็จแม่ ไม่โกรธๆ”อินชิงเสวียนยังคงทำหน้าเคร่งขรึม และพูดกับเสี่ยวหนานเฟิงว่า “จ้าวเอ๋อร์ทำเรื่องไม่ดี แม่ก็ต้องโกรธเป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-17
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 599 กำจัดให้สิ้นซาก

    ฟางรั่วตามหาตัวเองทำไมกัน?ต้องการจัดการกับนางอยู่พอดี ไปดูหน่อยสิว่านางจะเล่นลูกไม้อะไรอีกเย่จิ่งอวี้หันหน้ากลับมา หิมะแรกกระทบลงบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา มีความแวววาวราวกับหยกขาว“ข้าจะไปกับเสวียนเอ๋อร์”อินชิงเสวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ก็ดีเพคะ ข้าเองก็เคยใช้ประโยชน์จากฟางรั่ว จึงไม่อยากปลิดชีวิตของนาง ถือว่าข้าตอบแทนน้ำใจของนาง ฝ่า...”เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้หรี่ตามอง สายตาคมเผยความไม่พอใจออกมา อินชิงเสวียนรู้สึกเซ็งเล็กน้อย และรีบเปลี่ยนคำพูด“อาอวี้ทำลายวิชาการต่อสู้ของนางก็พอเพคะ”เย่จิ่งอวี้ยิ้มที่มุมปาก การเรียกขานเช่นนี้ เมื่อเทียบกับคำว่า ‘ฝ่าบาท’ ที่แสนเย็นชา เย่จิ่งอวี้ชอบให้อินชิงเสวียนเรียกชื่อตัวเองมากกว่า“ได้สิ แล้วแต่เสวียนเอ๋อร์ทุกอย่างเลย”เป็นเพียงแค่สาวรับใช้เท่านั้น คาดว่านางคงไม่มีฤทธิ์มากแล้วอินชิงเสวียนนำเสี่ยวหนานเฟิงมอบให้กับเสี่ยวอานจื่อ เจ้าเด็กอ้วนกลับไม่ยอมไป และคว้ากิ่งดอกเหมยโดยไม่ยอมปล่อยมือตอนนี้ไม่มีความน่ากลัวอะไรในพระราชวังแล้ว อีกทั้งการเดินทางครั้งนี้ยังมีองครักษ์ติดตามอีกมาก อินชิงเสวียนจึงให้เสี่ยวอานจื่อและอวิ๋นฉ่ายพาเจ้าเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-17
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 600 ปลุกปั่นใจคน

    อินชิงเสวียนพยักหน้า“เป็นจริงดังนั้นเพคะ ตราบใดที่เจอตัวอาซือหลาน เราจะสืบหาความจริงให้ปรากฏทุกอย่าง”“อืม มีไป๋เสวี่ยและเจวี๋ยอิ่งติดตามตัวอยู่ รวมทั้งฟางรั่วอีกคน ครั้งนี้ต่อให้เขาติดปีกก็ยากที่จะหนีรอดไปได้”นับตั้งแต่ได้ยินคำพูดชั้นต่ำเหล่านั้นของอาซือหลาน เย่จิ่งอวี้ก็แทบอยากจับตัวเขาไว้ แล้วสับร่างให้เป็นหมื่นท่อนตอนนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย เรียกได้ว่ามีความมั่นใจอย่างล้นหลามทั้งสองฝ่าหิมะกลับมาที่ตำหนักจินหวู เย่จิ่งอวี้เห็นว่าเวลายังไม่เย็นมาก จึงกลับไปที่ห้องหนังสือก่อนอินชิงเสวียนเปิดหน้าต่างออก มองดูเกล็ดหิมะที่ปลิวไสว ก็รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูกในเวลานี้ ทางภาคเหนือก็คงมีหิมะตกเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าบ้านเก่าจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว อารองคงรับคุณย่าไปอยู่ด้วยนานแล้วอินชิงเสวียนถอนหายใจยาวๆ และปิดหน้าต่างลงขณะนั้นเอง กวนเซี่ยวก็มองหิมะที่นอกหน้าต่าง จิตใจเหม่อลอยเวลาผ่านไปหลายวันแล้ว ฟางรั่วคงจบเห่แล้วแน่นอนแม้ว่าเขาจะรู้ตัวตนของฟางรั่ว แต่ยังคงถลำลึกลงไป ตอนนี้หมดหวังโดยสิ้นเชิงเขารู้นานแล้วว่านายท่านผู้เฒ่ากวนไม่มีทางยินยอมให้ฟางรั่วที่เคยเป็นสายลับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-17
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 601 หวั่นไหว

    “เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”กวนเซี่ยวมองอาซือหลานด้วยความโกรธ น่าเสียดายที่วิทยายุทธ์ของตัวเองสู้เขาไม่ได้ ซึ่งไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยอาซือหลานยิ้มออกมาอย่างช้าๆ“เงื่อนไขที่ข้าให้เจ้าง่ายดายอย่างมาก ขอเพียงเจ้าสามารถหลอกให้อินชิงเสวียนมาที่จวนได้ ข้าจะหาทางทำให้เจ้าได้พบกับฟางรั่ว”กวนเซี่ยวเม้มปาก แววตาแฝงไปด้วยความลังเลแม้เขาจะแค้นอินชิงเสวียน แต่ก็รู้ว่าอาซือหลานไม่ใช่คนดีอะไรอาซือหลานจึงพูดยุยงว่า “ด้วยความสัมพันธ์ของตระกูลพวกเจ้า คาดว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ฟางรั่วมีเพียงแค่คนเดียว หากเสียโอกาสไปแล้ว อาจจะไม่เจอกันอีกแล้วก็ได้”กวนเซี่ยวรู้สึกหวั่นไหวในทันที“ข้าจะพยายามลองดู หากทำสำเร็จจะให้ข้าบอกกับเจ้าอย่างไร?”อาซือหลานพูดเสียงเรียบว่า “ข้าจะมาดื่มเหล้าที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ทุกคืน เจ้ามาหาข้าที่นี่ได้เลย”“ได้”เมื่อกวนเซี่ยวออกไปแล้ว อาซือหลานก็รินเหล้าอย่างไม่รีบร้อนอีกครั้ง เมื่อดื่มเหล้าในแก้วหมดแล้ว เขาก็โยนก้อนเงินหยวนเป่าออกมาหนึ่งอัน จากนั้นก็โบกพัดและเดินออกจากโรงเตี๊ยมไปเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป่าเล่อเอ่อร์อยู่ที่ใด และไม่รู้ว่าฟางรั่วจะถูกปล่อยตัวออกมาหรือไม่ ท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-18
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 602 คนบ้านเดียวกันโดยแท้

    ในคืนที่มีลมหิมะ ไร้ดาวและเดือนอากาศกลับไม่หนาวมากนักเมื่อรู้ว่าเย่จิ่งอวี้มีธุระเฉพาะหน้า อาจจะกลับมาที่ตำหนักจินหวูดึกเล็กน้อย จู่ๆ อินชิงเสวียนก็อยากออกไปเดินเล่นด้านนอกนางเติบโตในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ จึงมีความรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับหิมะที่แตกต่างออกไปหิมะสร้างความทรงจำให้นางอย่างมากมาย ตอนที่ยังเล็ก ทุกครั้งที่มีหิมะตก นางมักอ้อนวอนคุณย่าให้ทำลานสเก็ตน้ำแข็งเล็กๆ ให้นางในสวน และเล่นแคร่เลื่อนหิมะด้านบนนั้น ในช่วงปีใหม่ก็จะเกลือกกลิ้งอยู่บนน้ำแข็ง คนเก่าคนแก่เชื่อว่าจะสามารถขจัดโรคร้ายได้นานาชนิดอินชิงเสวียนแทบไม่เคยเข้าใจเรื่องเล่านี้ แต่รู้สึกว่ามันสนุกอย่างมาก ดังนั้นเมื่อถึงฤดูหนาว นางจะรอคอยวันที่หิมะตก จากนั้นก็จะเล่นทำสงครามหิมะกับเพื่อนบ้านโดยรอบตลอดทางเมื่อนึกถึงช่วงเวลาวัยเด็ก อินชิงเสวียนก็ยิ้มออกมาที่มุมปากแม้คุณย่าจะมอบชีวิตที่ร่ำรวยให้แก่นางไม่ได้ แต่กลับมอบความทรงจำวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความสุขในแก่นางเมื่อถอนหายใจเบาๆ แล้ว นางก็คลุมเสื้อคลุมที่ประดับด้วยขนกระต่ายอวิ๋นฉ่ายกำลังตัดไส้ตะเกียง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนสวมเสื้อคลุมด้านนอก นางจึงถามขึ้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-18
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 603 อ้อนแอ้นดังมังกรร่ายรำ

    การเคลื่อนไหวของอินชิงเสวียนหยุดนิ่ง เย่จิ่งหลานก็ตื่นตัวในทันที“ทำไมงั้นหรือ?”“มีคนมา”อินชิงเสวียนพูดเสียงเบาและต่ำอาจเป็นเพราะดื่มน้ำพุวิญญาณมาโดยตลอด นางจึงมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่าคนทั่วไปเย่จิ่งหลานเคยเห็นฝีมือของนาง และแน่นอนว่าเขาเชื่อนาง“หรือว่า... พวกเราจะเข้าไปในมิติก่อนดี?”เย่จิ่งหลานยังไม่ทันได้แลกปืนเลเซอร์ จึงไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเอง ทำได้เพียงหดหัวเป็นเต่า“ท่านเข้ามิติไปก่อน ข้าจะออกไปดู”เนื่องจากมีพละกำลังและความว่องไวของมิติอยู่ติดตัว อินชิงเสวียนจึงถือเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ที่กล้าหาญ เมื่อพูดจบนางจึงเปิดประตูและเดินออกไปเมื่อมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนร้องของผู้หญิงคนหนึ่ง “ปล่อยข้า ช่วยด้วย!”ท่ามกลางแสงจันทร์ที่เลือนราง จึงเห็นเพียงเงาคนที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมสีดำทั้งตัวยืนอยู่ท่ามกลางลานบ้าน คนที่เขาจับไว้ในมือก็คือเป่าเล่อเอ่อร์ที่อินชิงเสวียนช่วยไว้จากเรือนจุ้ยหงวันนี้ท้องฟ้าสีดำมืด ตะเกียงเจ้าพายุถูกลมเป่าให้สว่างและสลัว และทั้งคู่ก็ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้“เจ้าคือใคร มาที่นี่ทำไม?”อินชิงเสวี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-18
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 604 ทักษะห้าสิบห้าสิบ

    อินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงคาวเลือดในลำคอเช่นกัน นางพยายามฝืนมันไว้ จากนั้นก็ใช้ความรวดเร็วของมิติ บุกจู่โจมอาซือหลานอาซือหลานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหตุใดอินชิงเสวียนจึงเก่งกาจขึ้นอย่ากะทันหันเช่นนี้?เขาไม่กล้าประมาท เพื่อจับอินชิงเสวียนให้ได้ในคราวเดียว เขาจึงยกระดับพลังยุทธ์ไปถึงขั้นที่เจ็ดโดยไม่รู้ว่าจุดเด่นของทักษะห้าสิบห้าสิบของอินชิงเสวียนจะยิ่งสำแดงอานุภาพเมื่อฝ่ามือของทั้งสองมาปะทะกันอีกครั้ง พลังที่ยิ่งใหญ่ราวกับผลักภูเขาพลิกทะเล ก็ทำให้ทั้งสองคนสั่นสะเทือนถอยหลังไปหลายก้าวสายเลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปากของพวกเขาพร้อมกัน อวัยวะภายในของพวกเขาต่างก็เจ็บปวดรวดร้าวรอยยิ้มบนใบหน้าของอาซือหลานค่อยๆ จางหายไปในทันที“ไม่คิดว่าระดับความรู้ลึกซึ้งของชิงเสวียนจะสูงส่งถึงเพียงนี้ ที่ข้าปล่อยไก่ไปก่อนหน้านี้ ช่างผิดต่อเจ้าจริงๆ”ทันทีที่เขาขยับนิ้วมือ กลุ่มหมอกสีดำก็วนเวียนอยู่บนปลายนิ้วของเขา“เช่นนั้นก็ทดสอบพลังกระบวนท่านี้ของข้าดูอีกครั้งสิ”อินชิงเสวียนรู้แก่ใจว่าต้องเป็นวิชามารชั่วร้ายอย่างแน่นอน แววตาของนางมีความระแวดระวังสูงมากขึ้นอาซือหลานได้บินถลาจู่โจมเข้ามาอินชิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 605 ครอบครัว

    “เย่จิ่งหลาน!”อินชิงเสวียนออกมาจากมิติ เย่จิ่งหลานก็ได้จับตัวอาซือหลานไปแล้วเป่าเล่อเอ่อร์กำลังซ่อมตัวอยู่ในบ้าน เมื่อได้ยินเสียงก็รีบวิ่งออกมาทันทีเมื่อเห็นอินชิงเสวียนเลือดไหลเต็มตัวก็ตกใจอย่างมาก และรีบวิ่งเข้ามาพยุงนางไว้“คุณหนู ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่ ข้าจะไปตามหมอมาให้”เป่าเล่อเอ่อร์และอินชิงเสวียนไม่รู้จักตัวตนของกันและกัน จึงคิดว่านางเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่สักครอบครัวหนึ่งอินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตาย จึงกัดฟันพูดว่า “ไม่ต้องหรอก รบกวนเจ้าช่วยจูงม้ามาให้ข้าด้วย”เป่าเล่อเอ่อร์มือเท้าเป็นระวิง นางไม่รู้ว่าควรช่วยอินชิงเสวียนอย่างไรดี จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายมีเลือดไหลท่วมตัว หนิงซวงก็ร้องหวยโหยออกมาด้วยความเจ็บปวด มันรีบงอขาหน้าเพื่อให้อินชิงเสวียนปีนขึ้นมาอินชิงเสวียนพยายามใช้แรงปีนขึ้นหลังม้า เลือดสดทำให้ขนของหนิงซวงแดงเถือกไปทั้งตัว“ส่งข้ากลับไปที่พระราชวังเถอะ!”อินชิงเสวียนพูดจบก็ตักน้ำพุวิญญาณมาหนึ่งขวดและดื่มมันลงไป โดยไม่สนใจว่าเป่าเล่อเอ่อร์จะตกใจรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน เรื่องอื่นๆ ต่างไม่สำคัญหนิงซวงร้องฮี้เสียงยาว ยกกีบม้าและว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-19

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status