หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 558 เจ้าเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายจริงๆ

แชร์

บทที่ 558 เจ้าเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายจริงๆ

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-04-06 16:00:00
ในป่าที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ แม่นางน้อยที่สวมชุดต่างเผ่ากำลังวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต

ข้างหลังนางมีสุนัขป่าที่หิวโหยกำลังไล่ล่านาง

นางวิ่งมานานกว่าหนึ่งชั่วยาม ใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำจากความกลัวและความเหนื่อยล้า

เมื่อเห็นว่าสุนัขป่ากำลังจะตามทัน นางก็ดึงธนูและลูกธนูเล็กๆ ที่ฝังด้วยอัญมณีออกมาจากด้านหลัง

นี่คือสิ่งที่พี่ใหญ่ของนางอูเอินเป็นคนทำให้นางด้วยตัวเอง ตอนเด็ก พี่ใหญ่ยังสอนวิธียิงธนูให้นางกับมือ

เมื่อนึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว นัยน์ตาของเป่าเล่อเอ่อร์ก็ฉายแววเจ็บปวด

ในสถานการณ์วิกฤติ นางไม่มีเวลาคิดอะไรมาก นางรีบโน้มธนูและยิงลูกธนูไปอย่างรวดเร็ว ลูกธนูปักร่างของสุนัขป่าเข้าอย่างจัง

การฝึกฝนมาหลายปี ได้ถูกนำมาใช้ในวันนี้เวลานี้ ลูกธนูเหล็กพุ่งฉิวไปอย่างรวดเร็วปานอสุนีบาตยิงเข้าที่คอของสุนัขป่าอย่างแม่นยำและรุนแรง

สุนัขป่านอนอยู่บนพื้น เห่าหอนหลายครั้ง จากนั้นก็กระตุกและแน่นิ่งไป

เป่าเล่อเอ่อร์เดินอย่างระมัดระวัง ดึงลูกธนูออกมา พอเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงรีบวิ่งออกจากป่า

ตั้งแต่เด็กจนโตนางไม่เคยออกจากเจียงวูเลย ตอนนี้อาศัยแรงรักทั้งหมด คิดในใจว่า หากก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
อุมาพร
จ่ายตังค์แล้วไม่ได้อ่าน หงุดหงิด
goodnovel comment avatar
กัญญารัตน์ โพธิ์ใหญ่
ขอตอนต่อไปคะ อัพเดทเร็วคะ ผู้อ่านยอมจ่ายเงินนะคะ ต้องสะดวกรวดเร็วคะ
goodnovel comment avatar
ชีวิต เป็นของเรา
อัพเยอะๆกว่านี้ไม่ได้เลยหรือไง
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 559 อาซือหลานชาติสุนัข

    “ลุกขึ้นเถอะ”อินชิงเสวียนนั่งข้างเตียง แล้วถามอย่างอ่อนโยน “ยังเจ็บหรือไม่”จังอวี้จิ่นรีบละล่ำละลักพูดว่า “ไม่เจ็บแล้วเพคะ ทายานี้แล้วอาการบรรเทาลงมาก อาการดีขึ้นแล้วเพคะ”อวิ๋นฉ่ายที่อยู่ข้างๆ กล่าวว่า “นี่คือยาจินชวงที่ฝ่าบาทประทานให้พระสนมเชียวนะ เป็นของล้ำค่ายิ่งนัก”จังอวี้จิ่นคุกเข่าลงอีกครั้งทันที“ขอบพระทัยกุ้ยเฟย หม่อมฉันผิวกายหยาบกร้าน ไม่เหมาะกับยาดีๆ เช่นนี้”“ยาเอาไว้ใช้กับผู้ที่ต้องการ ข้าสบายดีอยู่เช่นนี้ ขืนเก็บไว้ก็เสียของเปล่า อย่าคิดมาก ต่อไปก็ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีก”อินชิงเสวียนพยุงนางขึ้น มองไปยังดวงตาที่บวมแดงของจังอวี้จิ่น เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นในใจ“เสื้อผ้าเหล่านี้ก็ให้พวกนางซักไปเถอะ สองวันนี้เจ้าไม่ต้องเข้าเวรแล้ว ดูแลตัวเองให้ดี”แววตาของอินชิงเสวียนอ่อนโยนมาก ครู่หนึ่งจังอวี้จิ่นรู้สึกราวกับแววตาของมารดาตัวเอง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าลำคอตีบตันกุ้ยเฟยใจดีกับนางมาก แต่นางเกือบฆ่าลูกของนาง สมควรตายจริงๆจังอวี้จิ่นไม่ใช่คนใจร้ายตั้งแต่แรก นางเพิ่งได้ยินชื่ออินสิงอวิ๋น จิตใจจึงมืดบอดด้วยความเกลียดชังไปชั่วขณะ เป็นเหตุให้กระทำสิ่งที่ผิดเช่นนั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-07
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 560 ซาบซึ้งใจ

    “คนที่เจ้ากำลังพูดถึงไม่ใช่พี่ใหญ่ของข้า คนผู้นี้มีนามว่าอา‍ซือ‍หลาน เป็นท่านอ๋องจากเจียงวู เขาเป็นคนโหดร้ายและไร้ความปรานีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สังหารพวกเจ้าทั้งหมู่บ้าน ต้องเป็นเพราะเขากลัวว่าข่าวการมีชีวิตของเขาจะถูกเปิดเผย หากเจ้ายังไม่เชื่อ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปตระกูลอิน ดูให้เห็นกับตาว่าอินสิงอวิ๋นตัวจริงหน้าตาเป็นอย่างไร”เสียงของอินชิงเสวียนราบเรียบได้ระดับจังอวี้จิ่นอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น“ที่พระสนมพูด...ล้วนเป็นความจริงหรือ”อวิ๋นฉ่ายพูดด้วยความโกรธ “พระสนมจะปดเจ้างั้นรึ หากพระสนมต้องการจัดการเจ้า เจ้าคงตายไปนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้คำโกหกเหล่านี้มาหลอกเจ้าไม่ใช่รึ”จังอวี้จิ่นเหงื่อแตกพลั่กอย่างอดไม่ได้ตัวเองเกือบจะทำร้ายคนดีแล้ว อยู่ๆ ก็รู้สึกผิดไม่สบายใจ โขกศีรษะขออภัยอินชิงเสวียนซ้ำๆ“หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่ หม่อมฉันเข้าใจผิดว่าพี่ใหญ่ของพระสนม เกือบจะทำร้ายองค์ชายน้อย พระสนมโปรดลงโทษด้วย”เมื่อเห็นจังอวี้จิ่นโขกศีรษะจนช้ำและมีเลือดออก อินชิงเสวียนก็ทนไม่ไหวเด็กคนนี้ไม่มีเจตนาร้ายใดๆ นางแค่อยากแก้แค้นเท่านั้น หากเป็นตัวเองที่เผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้ ก็คงสับสนไปห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-07
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 561 ถูกจู่โจม

    เย่‍จิ่ง‍อวี้เล่าเบาะแสที่เจวี๋ยอิ่งทราบให้อินชิงเสวียนรู้ อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เป่ยไห่เป็นสถานที่แบบไหนกัน”อินชิงเสวียนสนใจสำนักนี้มาก ประการแรกเพราพพิณการเวก ประการที่สองเพราะท่านอาเล็กที่หายตัวไปอย่างแปลกประหลาด และประการที่สามเพราะตราหยกที่นางเก็บได้เย่‍จิ่ง‍อวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เมื่อก่อนข้าเคยได้ยินอาจารย์พูดว่า เป่ยไห่เป็นเสมือนฉากกั้นการบุกรุกจากภายนอกของจงหยวน ส่วนจะสกัดกั้นจากสิ่งใดนั้นข้าก็ไม่รู้ และทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องเล่าในยุทธภพที่คนทั่วไปไม่ทราบ จะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จก็ไม่อาจทราบได้”อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ถ้าเสด็จต้องการไปเป่ยไห่ ฝ่าบาทจะเห็นชอบหรือไม่”“ทหารที่ปิดล้อมในเมืองซุ่ยหานได้ล่าถอยแล้ว แม้ว่าเสด็จอาจะไม่กลับไป ก็คงไม่ส่งผลกระทบมากนัก”เย่‍จิ่ง‍อวี้ถอนหายใจเบาๆ และพูดต่อ “หลายปีมานี้เสด็จอาเฝ้าดูแลแว่นแคว้นและชายแดนของต้าโจวมาตลอด บัดนี้แม่ทัพที่เขาฝึกฝนมาก็สามารถต้านทานได้เพียงลำพังแล้ว ข้าไม่อยากให้เขาอยู่ในเมืองซุ่ยหานตลอดไป”เย่จั้นดีต่อเย่‍จิ่ง‍อวี้มากจริงๆ ความสัมพันธ์ในครอบครัวเช่นนี้ เมื่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-07
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 562 บากะยาโร่ว

    เมื่อได้ยินภาษาของพวกเขา อินชิงเสวียนก็ผงะไปชั่วขณะ ทำไมถึงฟังดูเหมือนภาษาที่เรียนในวัยเด็ก เหมือนจะมีคำว่าบากะด้วยแต่โทนเสียงจะแตกต่างจากภาษาญี่ปุ่นในปัจจุบันเล็กน้อยแม้ว่าอินชิงเสวียนจะไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ แต่นางก็ดูอนิเมะอยู่บ่อยๆ จึงพอฟังเข้าใจคำศัพท์ง่ายๆ ได้ในขณะที่กำลังเหม่อลอย คนที่วิ่งเข้าหานางจู่ๆ ก็หายไป จากนั้นอินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนใต้ฝ่าเท้า และมีมือข้างหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินอินชิงเสวียนแลกทักษะการกระโดดจากมิติทันที และกระโดดขึ้นจากพื้น ทะยานสูงขึ้นไปหลายจั้งเย่จั้นและเย่‍จิ่ง‍อวี้ตอบสนองเร็วกว่านาง พวกเขาได้ต่อสู้กับคนแปลกหน้าเหล่านั้นก่อนแล้วอินชิงเสวียนคว้ากิ่งไม้ข้างๆ ยืนอยู่ด้านบนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ นางรู้สึกว่าเพลงยุทธ์ของคนเหล่านี้แปลก ร่างกายแวบเข้าแวบออก เมื่อจะปล่อยกระบวนท่าก็ทำมือประสานอิน ซึ่งคล้ายกับอนิเมะนินจาที่นางเคยดูมา หรือว่าพวกอัปลักษณ์เหล่านี้ เป็นชาติพันธ์ของชาวญี่ปุ่นจริงๆ?แคว้นที่นางเดินทางข้ามมิติมาเหมือนจะเป็นเรื่องสมมติ แม้ว่าจะมีต้าโจวในประวัติศาสตร์ แต่ก็แตกต่างจากที่เป็นอยู่ตอนนี้อย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-08
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 563 เสวียนเอ๋อร์ของข้าไม่มีวันชรา

    คุกหลวงชายตัวเตี้ยถูกมัดร่างไว้กับเสาหิน แล้วใช้แส้จุ่มน้ำเกลือโบยจนผิวหนังปริแตกไม่มีใครทนต่อแส้หนังนี้ได้ ชายร่างเตี้ยส่งภาษาด้วยความเจ็บปวด พลางผรุสวาทไม่หยุด อย่างไรก็ตาม เขาพูดได้เพียงภาษานกกา ไม่สามารถสื่อสารได้เลยเย่‍จิ่ง‍อวี้มองเขาด้วยสีหน้ามืดมน ถามอย่างเย็นชา “เจ้าพูดภาษจงหยวนเราได้หรือไม่ ทำไมถึงต้องการลอบสังหารเสวียน‍เอ๋อร์”ชายตัวเตี้ยพูดพล่าม เหมือนจะได้ยินคำว่าบากะอยู่เรื่อยๆเย่‍จิ่ง‍อวี้หันหน้าไปทางอินชิงเสวียน“เสวียน‍เอ๋อร์ เจ้าเข้าใจหรือไม่”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ“หม่อมฉันรู้แค่ว่าเขากำลังด่าคน แต่ที่เหลือก็ไม่เข้าใจ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามอีกครั้ง “แล้วเสวียน‍เอ๋อร์รู้จักคนเหล่านี้หรือไม่”“ไม่รู้จักเพคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบพวกเขา”อินชิงเสวียนรู้สึกแปลกใจกับความอาฆาตพยาบาทของพวกเขาคนเหล่านี้ตรงมาหาตัวเองด้วยเจตนาที่ชัดเจน แต่ตัวเองก็ไม่เคยไปล่วงเกินใคร น่าแปลกจริงๆสิบห้านาทีต่อมา ชายร่างเตี้ยถูกทุบตีจนผิวหนังถูกฉีกขาด เนื้อตัวชุ่มเลือด และหมดสติไปผู้คุมสาดน้ำเย็นใส่ และเริ่มโบยอีก เย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่ต้องการให้อินชิงเสวียนเห็นฉากที่โหดร้ายเหล่านี้ เขา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-08
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 564 ข้าน้อยพูดภาษาของพวกเขาได้

    “หิ้วนางออกมา”อินชิงเสวียนนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆผู้คุมลากลู่จิ้งเสียนออกไปทันที และโยนนางลงไปที่พื้นอย่างแรงเมื่อเห็นมือที่บวมเป็นซาลาเปาของนาง อินชิงเสวียนก็พูดอย่างเย็นชา “ลู่จิ้งเสียน ตอนที่เจ้าแทงลูกชายของข้า เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้”ลู่จิ้งเสียนเงยหน้าขึ้น มองอินชิงเสวียนด้วยตัวอันสั่นเทา นางอ้าปากพะงาบๆ ราวกับว่าต้องการพูด แต่จู่ๆ ก็มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากแต่แววตากลับไม่สำนึกผิด ยังคงจ้องมองอินชิงเสวียนด้วยสายตาอำมหิตราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ดูท่าว่า เจ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วพูดเสียงราบเรียบ “ตอนที่ไทเฮายังมีชีวิตอยู่ ข้าไม่กลัวเจ้า นับประสาอะไรกับตอนที่นางตายไปแล้ว เหตุผลที่ข้าไม่ไปหาเรื่องเจ้า ก็เพราะข้าไม่เห็นเจ้าในสายตาคนอย่างเจ้า ไม่ควรค่าให้ข้านึกถึงด้วยซ้ำ”ทันใดนั้นลู่จิ้งเสียนก็ลืมตาขึ้นอย่างเดือดดาล ส่งเสียงฟู่ราวกับงูก็ไม่ปานอินชิงเสวียนมองดูนางอย่างเหยียดหยาม“อยากด่า? แต่พูดไม่ได้? งั้นก็เก็บแรงไว้ แล้วฟังข้าพูด”“ตอนที่ข้ามาที่นี่ ข้าไม่เคยคิดจะทำให้คนอื่นลำบากเลย ถ้าเจ้ายอมอยู่อย่างสงบ ตอนนี้พ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-08
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 565 ช่วยพวกเราปลอมตัวเข้าไป

    “ไปที่จวนฝูอี้อ๋อง บอกว่าข้าเรียกตัวเขาเข้าวัง เพื่อหารือเรื่องสำคัญ”เมื่อกลับไปที่ตำหนักจินหวู อินชิงเสวียนได้เรียกทหารองครักษ์เข้ามา และมอบป้ายตราคำสั่งให้เขาออกจากวังหลังจากประสบกับเหตุการณ์มาอย่างโชกโชน อินชิงเสวียนไม่สามารถไว้วางใจผู้อื่นได้เหมือนเมื่อก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดพวกญี่ปุ่นที่น่าขยะแขยงเหล่านั้นองครักษ์รับป้ายตราคำสั่ง แล้วเดินออกจากตำหนักจินหวูอย่างรวดเร็วเขาขี่ม้า ตรงไปยังจวนฝูอี้อ๋องชายที่หามหาบผู้หนึ่ง ได้ติดตามเขามาอย่างไม่ใกล้ไม่ไกลตั้งแต่ออกจากวังชั่วพริบตา ก็มาถึงตรอกด้านหลังแล้วร่างที่หามหาบนั้นหายตัวแวบ เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ยืนอยู่ตรงหน้าม้าแล้วทหารองครักษ์คิดว่าเป็นราษฎรทั่วไป รีบหยุดม้าทันที“อยากตายรึ ทำไมไม่รีบถอย”คนผู้นั้นปรกบมือคารวะ แล้วก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ทันใดนั้นเขาก็กระโดดขึ้นมา คว้าหมับเข้าที่ลำคอของคนผู้นั้นทหารองครักษ์ตัวสูงใหญ่ถูกดึงลงจากหลังม้าทันที เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรงทันใดนั้นก็หายไปอีกครั้ง ราวกับว่าจางหายไปจากอากาศทางด้านทิศตะวันตก ในบ้านแห่งหนึ่งนอกจากทหารองครักษ์ที่ถูกทุบสลบแล้ว ยังมีอีกสองคนที่อยู่ในเครื่อง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-09
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 566 ความซับซ้อนของหนุ่มสาว

    เป่าเล่อเอ่อร์ดีใจในทันที กล่าวขอบคุณซ้ำๆ“ขอบคุณพี่สาว ขอบคุณพี่สาว”สตรีคนนั้นพ่นควันใส่นาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ มีรถม้าอยู่ข้างหลัง เจ้าขึ้นไปนั่งเองนะ”เป่าเล่อเอ่อร์พยักหน้าอย่างตื่นเต้น กระโดดขึ้นไปบนรถม้าหญิงสาวหันกลับไปมองดูนาง ท่าทางคล่องแคล่วดี ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ของดีเช่นนี้ หากหลุดลอยไปคงจะน่าเสียดายแย่นางขยิบตา สองคนที่ดูเหมือนผู้คุ้มกันก็ชะลอความเร็วลงทันที ลงมาเดินข้างรถม้าที่เป่าเล่อเอ่อร์นั่ง...ณ เมืองหลวงการประชุมเช้าสิ้นสุดลงแล้ว ‍จิ่ง‍อวี้กำลังนั่งเกี้ยวพระที่นั่งมังกรไปยังวังหลังระหว่างทางเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ใบหน้ามืดมนตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังครองราชย์ ไม่มีการสานความสัมพันธ์ทางการฑูตกับแคว้นอื่น ส่งผลให้ขาดข้อมูล ข้าราชบริพารมุ่งแต่เรื่องที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น ไม่มีใครออกไปหาความรู้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนรู้ภาษาคนเตี้ยเหล่านั้นพอคิดว่ายังมีปลาหลายตัวที่ลอดอวนได้ เย่‍จิ่ง‍อวี้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อกลับมาถึงห้องหนังสือ เจวี๋ยอิ่งก็รออยู่ในห้องแล้ว“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”เย่‍จิ่ง‍อวี้กางเสื้อคลุม และนั่งลงบนเก้าอี้มังกร“ลุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-09

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status