แชร์

บทที่ 557 ทำไมต้องดีกับนาง

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อินชิงเสวียนเหลือบมองท้องฟ้า ก็เห็นว่าเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว

เย่‍จิ่ง‍อวี้จับมือเล็กๆ ของจ้าวเอ๋อร์แล้วจูบอย่างอ่อนโยน

“เสวียน‍เอ๋อร์ไม่ต้องไปหรอก จะได้ไม่ต้องทำร้ายความรู้สึกระหว่างพ่อลูกของพวกเจ้า”

อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายศีรษะ

ถึงอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากัน อีกทั้งฝ่าบาทไม่ได้ทำอะไรผิดในเรื่องนี้

จุดจบของสายลับเต็มไปด้วยความเศร้าสลดเสมอ การไว้ชีวิตจูอวี้เหยียนก็นับว่าเมตตามากแล้ว

“ไม่ต้องหรอกเพคะ หลบก็หลบไม่พ้นอยู่ดี”

เย่‍จิ่ง‍อวี้จ้องมองนางและถามอย่างอบอุ่น “เสวียน‍เอ๋อร์คงไม่คิดว่าวิธีการของข้าโหดร้ายเกินไปหรอกกระมัง”

อินชิงเสวียนคลี่ยิ้ม

“ไม่ใช่แน่เพคะ หม่อมฉันไม่ใช่คนที่แยกแยะผิดถูกไม่ได้ ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้เพื่อเขียนเสือให้วัวกลัว เป็นการปกป้องความปลอดภัยของต้าโจว”

เย่‍จิ่ง‍อวี้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ เขาหอมแก้มของนางเบาๆ

เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงรีบยื่นหน้าออกไปใกล้ๆ เช่นกัน

“เด็จพ่อ จะหอมหอม~”

ใบหน้าของอินชิงเสวียนเปลี่ยนเป็นสีแดง พูดค้อนๆ “ฝ่าบาทอย่าสอนเรื่องไม่เป็นเรื่องให้ลูกสิเพคะ”

“ไม่ต้องห่วง เขาไม่เข้าใจอะไรหรอก”

เย่‍จิ่ง‍อวี้อุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงอย่างอารมณ์ดี เสี
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 558 เจ้าเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายจริงๆ

    ในป่าที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ แม่นางน้อยที่สวมชุดต่างเผ่ากำลังวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตข้างหลังนางมีสุนัขป่าที่หิวโหยกำลังไล่ล่านางนางวิ่งมานานกว่าหนึ่งชั่วยาม ใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำจากความกลัวและความเหนื่อยล้าเมื่อเห็นว่าสุนัขป่ากำลังจะตามทัน นางก็ดึงธนูและลูกธนูเล็กๆ ที่ฝังด้วยอัญมณีออกมาจากด้านหลังนี่คือสิ่งที่พี่ใหญ่ของนางอูเอินเป็นคนทำให้นางด้วยตัวเอง ตอนเด็ก พี่ใหญ่ยังสอนวิธียิงธนูให้นางกับมือเมื่อนึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว นัยน์ตาของเป่าเล่อเอ่อร์ก็ฉายแววเจ็บปวดในสถานการณ์วิกฤติ นางไม่มีเวลาคิดอะไรมาก นางรีบโน้มธนูและยิงลูกธนูไปอย่างรวดเร็ว ลูกธนูปักร่างของสุนัขป่าเข้าอย่างจังการฝึกฝนมาหลายปี ได้ถูกนำมาใช้ในวันนี้เวลานี้ ลูกธนูเหล็กพุ่งฉิวไปอย่างรวดเร็วปานอสุนีบาตยิงเข้าที่คอของสุนัขป่าอย่างแม่นยำและรุนแรงสุนัขป่านอนอยู่บนพื้น เห่าหอนหลายครั้ง จากนั้นก็กระตุกและแน่นิ่งไปเป่าเล่อเอ่อร์เดินอย่างระมัดระวัง ดึงลูกธนูออกมา พอเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงรีบวิ่งออกจากป่าตั้งแต่เด็กจนโตนางไม่เคยออกจากเจียงวูเลย ตอนนี้อาศัยแรงรักทั้งหมด คิดในใจว่า หากก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 559 อาซือหลานชาติสุนัข

    “ลุกขึ้นเถอะ”อินชิงเสวียนนั่งข้างเตียง แล้วถามอย่างอ่อนโยน “ยังเจ็บหรือไม่”จังอวี้จิ่นรีบละล่ำละลักพูดว่า “ไม่เจ็บแล้วเพคะ ทายานี้แล้วอาการบรรเทาลงมาก อาการดีขึ้นแล้วเพคะ”อวิ๋นฉ่ายที่อยู่ข้างๆ กล่าวว่า “นี่คือยาจินชวงที่ฝ่าบาทประทานให้พระสนมเชียวนะ เป็นของล้ำค่ายิ่งนัก”จังอวี้จิ่นคุกเข่าลงอีกครั้งทันที“ขอบพระทัยกุ้ยเฟย หม่อมฉันผิวกายหยาบกร้าน ไม่เหมาะกับยาดีๆ เช่นนี้”“ยาเอาไว้ใช้กับผู้ที่ต้องการ ข้าสบายดีอยู่เช่นนี้ ขืนเก็บไว้ก็เสียของเปล่า อย่าคิดมาก ต่อไปก็ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีก”อินชิงเสวียนพยุงนางขึ้น มองไปยังดวงตาที่บวมแดงของจังอวี้จิ่น เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นในใจ“เสื้อผ้าเหล่านี้ก็ให้พวกนางซักไปเถอะ สองวันนี้เจ้าไม่ต้องเข้าเวรแล้ว ดูแลตัวเองให้ดี”แววตาของอินชิงเสวียนอ่อนโยนมาก ครู่หนึ่งจังอวี้จิ่นรู้สึกราวกับแววตาของมารดาตัวเอง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าลำคอตีบตันกุ้ยเฟยใจดีกับนางมาก แต่นางเกือบฆ่าลูกของนาง สมควรตายจริงๆจังอวี้จิ่นไม่ใช่คนใจร้ายตั้งแต่แรก นางเพิ่งได้ยินชื่ออินสิงอวิ๋น จิตใจจึงมืดบอดด้วยความเกลียดชังไปชั่วขณะ เป็นเหตุให้กระทำสิ่งที่ผิดเช่นนั้น

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 560 ซาบซึ้งใจ

    “คนที่เจ้ากำลังพูดถึงไม่ใช่พี่ใหญ่ของข้า คนผู้นี้มีนามว่าอา‍ซือ‍หลาน เป็นท่านอ๋องจากเจียงวู เขาเป็นคนโหดร้ายและไร้ความปรานีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สังหารพวกเจ้าทั้งหมู่บ้าน ต้องเป็นเพราะเขากลัวว่าข่าวการมีชีวิตของเขาจะถูกเปิดเผย หากเจ้ายังไม่เชื่อ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปตระกูลอิน ดูให้เห็นกับตาว่าอินสิงอวิ๋นตัวจริงหน้าตาเป็นอย่างไร”เสียงของอินชิงเสวียนราบเรียบได้ระดับจังอวี้จิ่นอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น“ที่พระสนมพูด...ล้วนเป็นความจริงหรือ”อวิ๋นฉ่ายพูดด้วยความโกรธ “พระสนมจะปดเจ้างั้นรึ หากพระสนมต้องการจัดการเจ้า เจ้าคงตายไปนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้คำโกหกเหล่านี้มาหลอกเจ้าไม่ใช่รึ”จังอวี้จิ่นเหงื่อแตกพลั่กอย่างอดไม่ได้ตัวเองเกือบจะทำร้ายคนดีแล้ว อยู่ๆ ก็รู้สึกผิดไม่สบายใจ โขกศีรษะขออภัยอินชิงเสวียนซ้ำๆ“หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่ หม่อมฉันเข้าใจผิดว่าพี่ใหญ่ของพระสนม เกือบจะทำร้ายองค์ชายน้อย พระสนมโปรดลงโทษด้วย”เมื่อเห็นจังอวี้จิ่นโขกศีรษะจนช้ำและมีเลือดออก อินชิงเสวียนก็ทนไม่ไหวเด็กคนนี้ไม่มีเจตนาร้ายใดๆ นางแค่อยากแก้แค้นเท่านั้น หากเป็นตัวเองที่เผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้ ก็คงสับสนไปห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 561 ถูกจู่โจม

    เย่‍จิ่ง‍อวี้เล่าเบาะแสที่เจวี๋ยอิ่งทราบให้อินชิงเสวียนรู้ อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เป่ยไห่เป็นสถานที่แบบไหนกัน”อินชิงเสวียนสนใจสำนักนี้มาก ประการแรกเพราพพิณการเวก ประการที่สองเพราะท่านอาเล็กที่หายตัวไปอย่างแปลกประหลาด และประการที่สามเพราะตราหยกที่นางเก็บได้เย่‍จิ่ง‍อวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เมื่อก่อนข้าเคยได้ยินอาจารย์พูดว่า เป่ยไห่เป็นเสมือนฉากกั้นการบุกรุกจากภายนอกของจงหยวน ส่วนจะสกัดกั้นจากสิ่งใดนั้นข้าก็ไม่รู้ และทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องเล่าในยุทธภพที่คนทั่วไปไม่ทราบ จะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จก็ไม่อาจทราบได้”อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ถ้าเสด็จต้องการไปเป่ยไห่ ฝ่าบาทจะเห็นชอบหรือไม่”“ทหารที่ปิดล้อมในเมืองซุ่ยหานได้ล่าถอยแล้ว แม้ว่าเสด็จอาจะไม่กลับไป ก็คงไม่ส่งผลกระทบมากนัก”เย่‍จิ่ง‍อวี้ถอนหายใจเบาๆ และพูดต่อ “หลายปีมานี้เสด็จอาเฝ้าดูแลแว่นแคว้นและชายแดนของต้าโจวมาตลอด บัดนี้แม่ทัพที่เขาฝึกฝนมาก็สามารถต้านทานได้เพียงลำพังแล้ว ข้าไม่อยากให้เขาอยู่ในเมืองซุ่ยหานตลอดไป”เย่จั้นดีต่อเย่‍จิ่ง‍อวี้มากจริงๆ ความสัมพันธ์ในครอบครัวเช่นนี้ เมื่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 562 บากะยาโร่ว

    เมื่อได้ยินภาษาของพวกเขา อินชิงเสวียนก็ผงะไปชั่วขณะ ทำไมถึงฟังดูเหมือนภาษาที่เรียนในวัยเด็ก เหมือนจะมีคำว่าบากะด้วยแต่โทนเสียงจะแตกต่างจากภาษาญี่ปุ่นในปัจจุบันเล็กน้อยแม้ว่าอินชิงเสวียนจะไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ แต่นางก็ดูอนิเมะอยู่บ่อยๆ จึงพอฟังเข้าใจคำศัพท์ง่ายๆ ได้ในขณะที่กำลังเหม่อลอย คนที่วิ่งเข้าหานางจู่ๆ ก็หายไป จากนั้นอินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนใต้ฝ่าเท้า และมีมือข้างหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินอินชิงเสวียนแลกทักษะการกระโดดจากมิติทันที และกระโดดขึ้นจากพื้น ทะยานสูงขึ้นไปหลายจั้งเย่จั้นและเย่‍จิ่ง‍อวี้ตอบสนองเร็วกว่านาง พวกเขาได้ต่อสู้กับคนแปลกหน้าเหล่านั้นก่อนแล้วอินชิงเสวียนคว้ากิ่งไม้ข้างๆ ยืนอยู่ด้านบนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ นางรู้สึกว่าเพลงยุทธ์ของคนเหล่านี้แปลก ร่างกายแวบเข้าแวบออก เมื่อจะปล่อยกระบวนท่าก็ทำมือประสานอิน ซึ่งคล้ายกับอนิเมะนินจาที่นางเคยดูมา หรือว่าพวกอัปลักษณ์เหล่านี้ เป็นชาติพันธ์ของชาวญี่ปุ่นจริงๆ?แคว้นที่นางเดินทางข้ามมิติมาเหมือนจะเป็นเรื่องสมมติ แม้ว่าจะมีต้าโจวในประวัติศาสตร์ แต่ก็แตกต่างจากที่เป็นอยู่ตอนนี้อย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 563 เสวียนเอ๋อร์ของข้าไม่มีวันชรา

    คุกหลวงชายตัวเตี้ยถูกมัดร่างไว้กับเสาหิน แล้วใช้แส้จุ่มน้ำเกลือโบยจนผิวหนังปริแตกไม่มีใครทนต่อแส้หนังนี้ได้ ชายร่างเตี้ยส่งภาษาด้วยความเจ็บปวด พลางผรุสวาทไม่หยุด อย่างไรก็ตาม เขาพูดได้เพียงภาษานกกา ไม่สามารถสื่อสารได้เลยเย่‍จิ่ง‍อวี้มองเขาด้วยสีหน้ามืดมน ถามอย่างเย็นชา “เจ้าพูดภาษจงหยวนเราได้หรือไม่ ทำไมถึงต้องการลอบสังหารเสวียน‍เอ๋อร์”ชายตัวเตี้ยพูดพล่าม เหมือนจะได้ยินคำว่าบากะอยู่เรื่อยๆเย่‍จิ่ง‍อวี้หันหน้าไปทางอินชิงเสวียน“เสวียน‍เอ๋อร์ เจ้าเข้าใจหรือไม่”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ“หม่อมฉันรู้แค่ว่าเขากำลังด่าคน แต่ที่เหลือก็ไม่เข้าใจ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามอีกครั้ง “แล้วเสวียน‍เอ๋อร์รู้จักคนเหล่านี้หรือไม่”“ไม่รู้จักเพคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบพวกเขา”อินชิงเสวียนรู้สึกแปลกใจกับความอาฆาตพยาบาทของพวกเขาคนเหล่านี้ตรงมาหาตัวเองด้วยเจตนาที่ชัดเจน แต่ตัวเองก็ไม่เคยไปล่วงเกินใคร น่าแปลกจริงๆสิบห้านาทีต่อมา ชายร่างเตี้ยถูกทุบตีจนผิวหนังถูกฉีกขาด เนื้อตัวชุ่มเลือด และหมดสติไปผู้คุมสาดน้ำเย็นใส่ และเริ่มโบยอีก เย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่ต้องการให้อินชิงเสวียนเห็นฉากที่โหดร้ายเหล่านี้ เขา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 564 ข้าน้อยพูดภาษาของพวกเขาได้

    “หิ้วนางออกมา”อินชิงเสวียนนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆผู้คุมลากลู่จิ้งเสียนออกไปทันที และโยนนางลงไปที่พื้นอย่างแรงเมื่อเห็นมือที่บวมเป็นซาลาเปาของนาง อินชิงเสวียนก็พูดอย่างเย็นชา “ลู่จิ้งเสียน ตอนที่เจ้าแทงลูกชายของข้า เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้”ลู่จิ้งเสียนเงยหน้าขึ้น มองอินชิงเสวียนด้วยตัวอันสั่นเทา นางอ้าปากพะงาบๆ ราวกับว่าต้องการพูด แต่จู่ๆ ก็มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากแต่แววตากลับไม่สำนึกผิด ยังคงจ้องมองอินชิงเสวียนด้วยสายตาอำมหิตราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ดูท่าว่า เจ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วพูดเสียงราบเรียบ “ตอนที่ไทเฮายังมีชีวิตอยู่ ข้าไม่กลัวเจ้า นับประสาอะไรกับตอนที่นางตายไปแล้ว เหตุผลที่ข้าไม่ไปหาเรื่องเจ้า ก็เพราะข้าไม่เห็นเจ้าในสายตาคนอย่างเจ้า ไม่ควรค่าให้ข้านึกถึงด้วยซ้ำ”ทันใดนั้นลู่จิ้งเสียนก็ลืมตาขึ้นอย่างเดือดดาล ส่งเสียงฟู่ราวกับงูก็ไม่ปานอินชิงเสวียนมองดูนางอย่างเหยียดหยาม“อยากด่า? แต่พูดไม่ได้? งั้นก็เก็บแรงไว้ แล้วฟังข้าพูด”“ตอนที่ข้ามาที่นี่ ข้าไม่เคยคิดจะทำให้คนอื่นลำบากเลย ถ้าเจ้ายอมอยู่อย่างสงบ ตอนนี้พ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 565 ช่วยพวกเราปลอมตัวเข้าไป

    “ไปที่จวนฝูอี้อ๋อง บอกว่าข้าเรียกตัวเขาเข้าวัง เพื่อหารือเรื่องสำคัญ”เมื่อกลับไปที่ตำหนักจินหวู อินชิงเสวียนได้เรียกทหารองครักษ์เข้ามา และมอบป้ายตราคำสั่งให้เขาออกจากวังหลังจากประสบกับเหตุการณ์มาอย่างโชกโชน อินชิงเสวียนไม่สามารถไว้วางใจผู้อื่นได้เหมือนเมื่อก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดพวกญี่ปุ่นที่น่าขยะแขยงเหล่านั้นองครักษ์รับป้ายตราคำสั่ง แล้วเดินออกจากตำหนักจินหวูอย่างรวดเร็วเขาขี่ม้า ตรงไปยังจวนฝูอี้อ๋องชายที่หามหาบผู้หนึ่ง ได้ติดตามเขามาอย่างไม่ใกล้ไม่ไกลตั้งแต่ออกจากวังชั่วพริบตา ก็มาถึงตรอกด้านหลังแล้วร่างที่หามหาบนั้นหายตัวแวบ เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ยืนอยู่ตรงหน้าม้าแล้วทหารองครักษ์คิดว่าเป็นราษฎรทั่วไป รีบหยุดม้าทันที“อยากตายรึ ทำไมไม่รีบถอย”คนผู้นั้นปรกบมือคารวะ แล้วก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ทันใดนั้นเขาก็กระโดดขึ้นมา คว้าหมับเข้าที่ลำคอของคนผู้นั้นทหารองครักษ์ตัวสูงใหญ่ถูกดึงลงจากหลังม้าทันที เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรงทันใดนั้นก็หายไปอีกครั้ง ราวกับว่าจางหายไปจากอากาศทางด้านทิศตะวันตก ในบ้านแห่งหนึ่งนอกจากทหารองครักษ์ที่ถูกทุบสลบแล้ว ยังมีอีกสองคนที่อยู่ในเครื่อง

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status