แชร์

บทที่ 506 ล้อเด็กเล่น

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อินชิงเสวียนหน้าเปลี่ยนสี มองไปที่เย่จิ่งหลานโดยไม่รู้ตัว

เย่จิ่งหลานก็มองไปที่ชายชราด้วยสายตาเคร่งขรึมเล็กน้อย

อินจื่อลั่วกลับตกใจเมื่อเห็นภาพนั้น นางร้องกรี๊ดพร้อมกับเอามือปิดตา

อินชิงเสวียนกอดอินจื่อลั่วและตบหลังนางเบาๆ

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่นี่แล้ว”

อินจื่อลั่วซุกหน้าไว้ในอ้อมแขนของพี่สาว กลัวเกินกว่าจะมองกลับไป

อินชิงเสวียนส่งสายตาให้เย่จิ่งหลาน

“เราไปนั่งโรงน้ำชาใกล้ๆ กันเถอะ”

พวกเขาทั้งสามเดินขึ้นไปชั้นบนในโรงน้ำชา ส่วนองครักษ์รออยู่ที่ชั้นล่าง

อินชิงเสวียนสั่งชาให้อินจื่อลั่วดื่ม แล้วมองไปที่เย่จิ่งหลาน

“เรื่องนี้เจ้าจะว่าอย่างไร”

เย่จิ่งหลานหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ แล้วถามกลับว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะเย็บแผลที่ไม่น่าดูขนาดนี้หรือ ในความคิดของข้า การผ่าตัดก็เป็นศิลปะเช่นกัน”

เมื่อสบตากัน เย่จิ่งหลานก็ไม่หลบสายตา ดวงตาของเขาก็ชัดเจนและสงบมาก

พอนึกว่าเขาเป็นศัลยแพทย์ ก็ดูไม่น่าจะเย็บบาดแผลที่น่าเกลียดเช่นนี้ได้จริงๆ

“แล้วเกิดอะไรขึ้นกันนี่”

เย่จิ่งหลานยักไหล่

“ข้าจะรู้ได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่ใช่ความรับผิดชอบของข้า”

อินชิงเสวียนยังคงจ้องมองเขา

เย่จิ่งหลานพูดอย่างช่วยไม่ได้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 507 หาเรื่องโดนตบ

    บนถนนสายยาว อินชิงเสวียนเดินทางอย่างเชื่องช้าเมื่อเข้าใกล้วัง จู่ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดไม่รู้ว่าจะสามารถกำจัดพิษกู่นี้ได้เมื่อไหร่ วันหนึ่งเย่‍จิ่ง‍อวี้จะจำตัวเองไม่ได้หรือไม่พอคิดถึงกวนเซี่ยวที่รู้เรื่องนี้แต่ไม่รายงาน ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนไม่มีความสุข อวิ๋นฉ่ายจึงพูดว่า “พระสนม ท่านกังวลใจหรือเพคะ”“ไม่มีอะไร ข้ากำลังคิดว่ามื้อเย็นจะกินอะไรดี”เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ เด็กสาวอย่างอวิ๋นฉ่ายไม่สามารถแก้ไขได้แน่นอน พูดคุยกับนางก็คงไม่ช่วยอะไร รังแต่จะเพิ่มปัญหาเท่านั้นอวิ๋นฉ่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หม่อมฉันจะทำขนมเปี๊ยะไส้น้ำตาลให้พระสนมดีกว่า ได้ยินคนพูดว่าการกินของหวานจะทำให้คนมีความสุข”“ข้าก็เคยได้ยินคำพูดนี้เหมือนกัน แต่ไม่เอาดีกว่า กินหวานมากไปจะทำให้อ้วน มากินหม้อไฟกันดีกว่า”เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้วอุณหภูมิก็ค่อยๆ ลดลง หลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้วอากาศก็ยังค่อนข้างเย็นอวิ๋นฉ่ายพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้เพคะ กลับตำหนักแล้วหม่อมฉันจะเตรียมวัตถุดิบให้เอง”ขณะที่พูด อินชิงเสวียนก็มาถึงประตูวัง นางลงจากหลังม้า แล้วส่งหนิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 508 ข้าจะถลกหนังเจ้า

    อินชิงเสวียนใช้พลังมิติ จูอวี้เหยียนก็ถูกกระแทกออกไปทันที ร่างของนางก็กระแทกโต๊ะอย่างแรงทันใดนั้นก็มีเสียงกระเบื้องเคลือบแตกกระจาย กาน้ำชาและชามกระเบื้องบนโต๊ะก็ร่วงลงพื้น แล้วจูอวี้เหยียนก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังครืน เห็นด้วยตาเปล่าว่าแก้มของนางก็บวมขึ้นทันทีทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าอินชิงเสวียนจะกล้าแสดงความเกรี้ยวกราดต่อหน้าฝ่าบาทเช่นนี้ และไม่มีมครคิดว่านางจะมีพละกำลังมากมายปานนี้จูอวี้เหยียนได้รับการปรนนิบัติในเจียงวูอย่างดีมาโดยตลอด แม้แต่ราชาเผ่าก็ยังต้องยอมอ่อนข้อในนางสามส่วน ตั้งแต่นางมาถึงต้าโจว ก็ถูกควบคุมทุกอย่างจนเกือบจะระเบิดความโกรธออกมา“ฝ่าบาท!”นางกัดฟันกระตุ้นหนอนกู่ ซึ่งใบหน้างามเปื้อนน้ำตาดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝนเย่‍จิ่ง‍อวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย“เสวียน‍เอ๋อร์”อินชิงเสวียนพูดเรียบๆ “ทำไม หรือว่าหม่อมฉันจะสั่งสอนบ่าวรับใช้ไม่ได้หรือเพคะ”เมื่อมองดูใบหน้าที่บวมแดงครึ่งหน้าของจูอวี้เหยียน เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็พูดว่า “ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ เพียงแต่เสวียน‍เอ๋อร์ลงมือรุนแรงไปหน่อย”จูอวี้เหยียนคว้าชายเสื้อของเย่‍จิ่ง‍อวี้ทันที พูดด้วยความคับข้องใจอย่างยิ่ง “ฝ่าบาท แม้ว่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 509 เฉยชา

    สายลมยามค่ำคืนเย็นสบายแสงจันทร์ที่สาดส่องเป็นเหมือนเด็กหญิงตัวเล็กๆ ขี้อายที่ซ่อนตัวอยู่หลังก้อนเมฆ คอยส่องแสงสลัวๆ แสงจางๆ และนุ่มนวลสะท้อนบนใบหน้างามหยาดเยิ้มของอินชิงเสวียน ทำให้ใบหน้าของนางดูงดงามยิ่งขึ้น ดูงดงามที่เหนือมนุษย์ข้างๆ คือเย่จิ่งอวี้ที่เดินเอามือไพล่หลัง เสื้อคลุมปลิวไสวตามสายลมยามราตรี เงาของร่างผึ่งผายกำยำนั้นทอดยาวทั้งสองคนเงียบไปตลอดทาง ไม่มีใครเอ่ยคำใดจู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกถึงตอนที่ไทเฮาถูกประหารชีวิต ทั้งสองคนกำลังเดินอยู่บนถนนหินกรวดสายนี้ ในเวลานั้น พวกเขาดูเหมือนจะมีเรื่องให้พูดคุยกันอย่างไม่รู้จบ แต่วันนี้ เป็นครั้งแรกที่อินชิงเสวียนรู้สึกถึงความแปลกแยกของเย่‍จิ่ง‍อวี้จนกระทั่งถึงตำหนักเฉิงเทียน เย่‍จิ่ง‍อวี้จึงหยุดเดิน“เสวียน‍เอ๋อร์อยากคุยกับข้าเรื่องสำนักศึกษาหลวงไม่ใช่หรือ”อินชิงเสวียนมองดูเขาแล้วพูดว่า “หม่อมฉันคิดว่าตอนนี้ฝ่าบาทคง ไม่อยากฟังอีกแล้ว”ปฏิกิริยาของเย่‍จิ่ง‍อวี้ดูเหมือนจะช้าเกินไปครึ่งจังหวะ“จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าเป็นห่วงเรื่องสำนักศึกษาหลวงมาโดยตลอด หลายวันนี้เสวียน‍เอ๋อร์สอนเป็นอย่างไรบ้าง”อินชิงเสวียนมองไปที่เย่‍จิ่ง‍

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 510 ถ้าข้าตายก็อย่าหวังว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอด

    ปกติแล้วอินจ้งก็เชื่อมั่นในคำพูดของอินชิงเสวียนอย่างมากอยู่แล้ว เขารีบช่วยพยุงร่างของอินสิงอวิ๋นขึ้น จับคางแล้วป้อนน้ำให้เขาหมอหลวงเหลียงก็นั่งเขียนใบสั่งยาอยู่ข้างๆ“นี่คือใบสั่งยาสำหรับการเสริมแกร่งภายใน ลองเอามาต้มให้คุณชายใหญ่ดินดูก่อน”อินปู้อวี่รับใบสั่งยา“ขอบคุณท่านหมอหลวงเหลียง ข้าจะส่งคนไปซื้อยามาเดี๋ยวนี้”หมอหลวงเหลียงลูบเคราแล้วพูดว่า “ตอนนี้เราทำได้แต่ต้องรอดูสถานการณ์พรุ่งนี้แล้วค่อยว่ากันอีกที”อินจ้งกล่าวขอบคุณหมอหลวงเหลียง แล้วไปส่งเขาออกจากจวนด้วยตัวเองซูหมิงหลานนั่งข้างเตียง ทำความสะอาดเลือดบนใบหน้าของอินสิงอวิ๋น แล้วพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้กัน ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลย ถ้าไม่ออกจากเมืองซุ่ยหานก็คงดี คงไม่เป็นเช่นในตอนนี้”เมื่อได้ยินคำนี้ อินชิงเสวียนก็รู้ว่าอินจ้งไม่ได้บอกเรื่องของอินสิงอวิ๋นให้นางทราบนางจึงรีบเข้าไปปลอบว่า “ท่านแม่รองไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ของข้าต้องไม่เป็นอะไร”ซูหมิงหลานสูดจมูกแล้วพูดว่า “ตอนนี้ผ่านด่านยากมากมายแล้ว ในที่สุดครอบครัวของเราก็ทนลำบากจนมามีความสุข แต่พี่ใหญ่ของเจ้ากลับเป็นโรคประหลาด น่าเป็นห่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 511 วิงวอน

    “เจ้าไม่ต้องห่วง พวกเราจะไม่ทำร้ายเจ้า”กระแสเสียงอันทรงพลังดังมาจากด้านหลังอินชิงเสวียน ซึ่งก็คืออินจ้งผู้ที่ปลอมตัวเป็นองครักษ์จูอวี้เหยียนมองดูเขา รู้สึกว่าชายชราผู้นี้มีเค้าโครงคล้ายกับอินสิงอวิ๋นอยู่หลายส่วน นางจึงคาดเดาตัวตนของเขาได้เกือบจะในทันที“ท่านก็คืออินจ้ง?”อินจ้งพยักหน้า“คุณหนูจู ข้า...ขอคุยกับเจ้าตามลำพังได้หรือไม่”ดวงตาของจูอวี้เหยียนหันไปมองใบหน้าของอินจ้ง จากนั้นนางก็หัวเราะเบาๆ “ได้สิ เช่นนั้นก็ให้นางออกไป”อินจ้งหันไปมองอินชิงเสวียน“ชิงเสวียน...”อินชิงเสวียนกลับมองไปที่จูอวี้เหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทางที่ดีเจ้าอย่าคิดเล่นลูกไม้ ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรท่านพ่อของข้า แม้ข้าต้องกลายเป็นหยกที่แตกละเอียด ก็ไม่ยอมปล่อยให้เจ้ามีชีวิตแน่”จูอวี้เหยียนแค่นเสียงหึขึ้นจมูก“ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อ เช่นนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องคุยกันตามลำพัง พวกเจ้าไปเถอะ ไม่เช่นนั้นข้าจะให้คนไปแจ้งฝ่าบาท แม้ว่าท่านจะเป็นขุนนางอาวุโส แต่ความผิดฐานบุกรุกวังหลังโดยพลการเกรงว่าท่านจะรับไม่ไหว”“ไม่จำเป็นต้องพูดพล่ามคำเหล่านี้ ทางด้านฝ่าบาท ข้าจะอธิบายให้ฟังเอง ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 512 บาปกรรม

    จูอวี้เหยียนมองอินจ้งอย่างดูถูกเหยียดหยาม กล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะ “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้มีดสั้นแก่ท่าน ให้ท่านตายต่อหน้าข้าเดี๋ยวนี้ เมื่อใดที่ท่านตาย ข้าจะให้ยาถอนพิษแก่อินสิงอวิ๋น”ใบหน้าของอินจ้งเหยเกบิดเบี้ยว“ข้ากับแม่นางไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดแม่นางต้องทำถึงเพียงนี้ด้วย”จูอวี้เหยียนเหยียดยิ้มอย่างเย็นชา“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ากับท่านไม่มีความแค้นต่อกัน ในโลกนี้ ไม่มีใครเกลียดตระกูลอินมากไปกว่าข้าแล้ว”อินจ้งมีความคิดหนึ่งแวบขึ้นในหัว ถามทันทีว่า “ทำไม”จูอวี้เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “ท่านก็กล่าวถึงตงเหอหยวนแล้ว รู้แล้วยังจะถามอีก หลังจากท่านจากไป หญิงแซ่จูผู้นั้นก็โศกเศร้าไม่เสื่อมคลาย จนเสียชีวิตบนเตียง นี่เป็นหนี้ของหนึ่งชีวิต หรือท่านไม่สมควรชดใช้กระนั้นหรือ”อินจ้งถามด้วยความประหลาดใจ “ความจริงแล้วเจ้าก็คือ...”จูอวี้เหยียนกล่าวอย่างรุนแรง “ไม่ ข้าไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอินของท่าน อินจ้ง ออกไปซะ ข้าจะทำให้ลูกชายคนโตของท่านค่อยๆ ตาย แล้วมองดูลูกสาวของท่านถูกฝ่าบาทปลดออกจากฐานะสนม ข้าต้องการทำให้ตระกูลอินของพวกท่านตายไม่เหลือซาก เพื่อปลอบขวัญวิญญาณของหญิงแซ่จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 513 เมื่อไร้วาสนาก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน

    ดูเหมือนว่าชิงเสวียนไม่ได้โกหกเขา น้ำนี้ไม่ฤทธิ์ธรรมดาจริงๆนางได้สิ่งนี้มาจากที่ใดเมื่อคิดถึงเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นที่ตัวเองไม่เคยได้ยินมาก่อน อินจ้งก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พอนึกย้อนกลับไปอย่างละเอียด อินชิงเสวียนในวันนี้ แตกต่างจากลูกสาวคนก่อนจริงๆอินชิงเสวียนในอดีตชื่นชอบเพลงดนตรี มีนิสัยชอบเก็บตัว วันๆ เอาแต่หมกมุ่นอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่สนใจเรื่องอื่นเป็นเพราะเรื่องของตระกูลอินที่ทำให้นางเติบโตจนเป็นเช่นในวันนี้ หรือเกิดอะไรขึ้นถึงได้กลับตาลปัตรเช่นนี้ แต่ไม่ว่าอินชิงเสวียนจะเปลี่ยนไปอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิม และนั่นคือความรู้สึกของนางที่มีต่อพวกเขาเมื่อนึกถึงตรงนี้ อินจ้งก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ ลำบากลูกๆ แล้วอายุยังน้อยอยู่แท้ๆ ต้องมาแบกรับภาระชีวิตที่ไม่ควรจะมี และเขาในฐานะพ่อ กลับไม่สามารถปกป้องลูกๆ ได้ ช่างน่าละอายใจต่อพวกเขาเหลือเกินในขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ อินปู้อวี่ก็ล้างเนื้อล้างตัว แล้วเดินออกจากอ่างน้ำแล้วอินจ้งรีบหยิบเสื้อผ้ามาคลุมตัวให้อินปู้อวี่“รีบใส่เสื้อผ้าเร็ว อย่าให้เป็นหวัด”อินปู้อวี่ตบอกผาง แล้วพูดว่า “ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ลูกไม่เป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 514 ยาพิษของอินชิงเสวียน

    สิบห้านาทีต่อมา ฟางรั่วก็มาถึงกำแพงด้านหลังของตำหนักจินหวูนางวางจานในมือลง มองไปรอบๆ แล้วเหาะเหินขึ้นไปบนหลังคานางหมอบอยู่บนหลังคา สังเกตการเคลื่อนไหวภายในเรือนอย่างระมัดระวัง จากนั้นค่อยๆ เปิดกระเบื้องออกแผ่นหนึ่งภายในห้องอินชิงเสวียนกำลังเอนตัวพิงเตียง มองดูวัตถุสีดำที่ถืออยู่ในมือ เมื่อเห็นใบหน้าที่งดงามหยาดเยิ้มดวงนั้น ฟางรั่วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคียดแค้นถ้าไม่ใช่เพราะนาง ตัวเองคงไม่ถูกนายท่านลงโทษแบบนี้ พอหวนนึกถึงความน่ากลัวของม้าไม้ ฟางรั่วก็อดตัวสั่นไม่ได้หากไม่ใช่เพราะจูอวี้เหยียนให้นางนำดีนกยูงมาลองทดสอบอินชิงเสวียนอีกครั้ง นางคงจะ...ขณะที่ในใจกำลังโกรธแค้น ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็เงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มมายังตำแหน่งที่นางหมอบอยู่ฟางรั่วหดคอโดยไม่รู้ตัว ทว่ารู้สึกถึงเสียงเสื้อผ้าที่กระพือพลิ้วอยู่ข้างหลัง เมื่อหันกลับมา อินชิงเสวียนก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังราวกับภูตผีฟางรั่วตกตะลึงพรึงเพริด อยากจะกระโดดลงไปในห้อง แต่การเคลื่อนไหวของอินชิงเสวียนนั้นรวดเร็วปานอสุนีบาต นิ้วมือเรียวยาวได้บีบลำคอของนางไว้แล้ว“เจ้า...”“ที่นี่ไม่มีที่สำหรับให้เจ้าพูด”อินชิงเสวียนออกแรง

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status