แชร์

บทที่ 512 บาปกรรม

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
จูอวี้เหยียนมองอินจ้งอย่างดูถูกเหยียดหยาม กล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะ “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้มีดสั้นแก่ท่าน ให้ท่านตายต่อหน้าข้าเดี๋ยวนี้ เมื่อใดที่ท่านตาย ข้าจะให้ยาถอนพิษแก่อินสิงอวิ๋น”

ใบหน้าของอินจ้งเหยเกบิดเบี้ยว

“ข้ากับแม่นางไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดแม่นางต้องทำถึงเพียงนี้ด้วย”

จูอวี้เหยียนเหยียดยิ้มอย่างเย็นชา

“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ากับท่านไม่มีความแค้นต่อกัน ในโลกนี้ ไม่มีใครเกลียดตระกูลอินมากไปกว่าข้าแล้ว”

อินจ้งมีความคิดหนึ่งแวบขึ้นในหัว ถามทันทีว่า “ทำไม”

จูอวี้เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “ท่านก็กล่าวถึงตงเหอหยวนแล้ว รู้แล้วยังจะถามอีก หลังจากท่านจากไป หญิงแซ่จูผู้นั้นก็โศกเศร้าไม่เสื่อมคลาย จนเสียชีวิตบนเตียง นี่เป็นหนี้ของหนึ่งชีวิต หรือท่านไม่สมควรชดใช้กระนั้นหรือ”

อินจ้งถามด้วยความประหลาดใจ “ความจริงแล้วเจ้าก็คือ...”

จูอวี้เหยียนกล่าวอย่างรุนแรง “ไม่ ข้าไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอินของท่าน อินจ้ง ออกไปซะ ข้าจะทำให้ลูกชายคนโตของท่านค่อยๆ ตาย แล้วมองดูลูกสาวของท่านถูกฝ่าบาทปลดออกจากฐานะสนม ข้าต้องการทำให้ตระกูลอินของพวกท่านตายไม่เหลือซาก เพื่อปลอบขวัญวิญญาณของหญิงแซ่จ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 513 เมื่อไร้วาสนาก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน

    ดูเหมือนว่าชิงเสวียนไม่ได้โกหกเขา น้ำนี้ไม่ฤทธิ์ธรรมดาจริงๆนางได้สิ่งนี้มาจากที่ใดเมื่อคิดถึงเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นที่ตัวเองไม่เคยได้ยินมาก่อน อินจ้งก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พอนึกย้อนกลับไปอย่างละเอียด อินชิงเสวียนในวันนี้ แตกต่างจากลูกสาวคนก่อนจริงๆอินชิงเสวียนในอดีตชื่นชอบเพลงดนตรี มีนิสัยชอบเก็บตัว วันๆ เอาแต่หมกมุ่นอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่สนใจเรื่องอื่นเป็นเพราะเรื่องของตระกูลอินที่ทำให้นางเติบโตจนเป็นเช่นในวันนี้ หรือเกิดอะไรขึ้นถึงได้กลับตาลปัตรเช่นนี้ แต่ไม่ว่าอินชิงเสวียนจะเปลี่ยนไปอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิม และนั่นคือความรู้สึกของนางที่มีต่อพวกเขาเมื่อนึกถึงตรงนี้ อินจ้งก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ ลำบากลูกๆ แล้วอายุยังน้อยอยู่แท้ๆ ต้องมาแบกรับภาระชีวิตที่ไม่ควรจะมี และเขาในฐานะพ่อ กลับไม่สามารถปกป้องลูกๆ ได้ ช่างน่าละอายใจต่อพวกเขาเหลือเกินในขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ อินปู้อวี่ก็ล้างเนื้อล้างตัว แล้วเดินออกจากอ่างน้ำแล้วอินจ้งรีบหยิบเสื้อผ้ามาคลุมตัวให้อินปู้อวี่“รีบใส่เสื้อผ้าเร็ว อย่าให้เป็นหวัด”อินปู้อวี่ตบอกผาง แล้วพูดว่า “ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ลูกไม่เป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 514 ยาพิษของอินชิงเสวียน

    สิบห้านาทีต่อมา ฟางรั่วก็มาถึงกำแพงด้านหลังของตำหนักจินหวูนางวางจานในมือลง มองไปรอบๆ แล้วเหาะเหินขึ้นไปบนหลังคานางหมอบอยู่บนหลังคา สังเกตการเคลื่อนไหวภายในเรือนอย่างระมัดระวัง จากนั้นค่อยๆ เปิดกระเบื้องออกแผ่นหนึ่งภายในห้องอินชิงเสวียนกำลังเอนตัวพิงเตียง มองดูวัตถุสีดำที่ถืออยู่ในมือ เมื่อเห็นใบหน้าที่งดงามหยาดเยิ้มดวงนั้น ฟางรั่วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคียดแค้นถ้าไม่ใช่เพราะนาง ตัวเองคงไม่ถูกนายท่านลงโทษแบบนี้ พอหวนนึกถึงความน่ากลัวของม้าไม้ ฟางรั่วก็อดตัวสั่นไม่ได้หากไม่ใช่เพราะจูอวี้เหยียนให้นางนำดีนกยูงมาลองทดสอบอินชิงเสวียนอีกครั้ง นางคงจะ...ขณะที่ในใจกำลังโกรธแค้น ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็เงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มมายังตำแหน่งที่นางหมอบอยู่ฟางรั่วหดคอโดยไม่รู้ตัว ทว่ารู้สึกถึงเสียงเสื้อผ้าที่กระพือพลิ้วอยู่ข้างหลัง เมื่อหันกลับมา อินชิงเสวียนก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังราวกับภูตผีฟางรั่วตกตะลึงพรึงเพริด อยากจะกระโดดลงไปในห้อง แต่การเคลื่อนไหวของอินชิงเสวียนนั้นรวดเร็วปานอสุนีบาต นิ้วมือเรียวยาวได้บีบลำคอของนางไว้แล้ว“เจ้า...”“ที่นี่ไม่มีที่สำหรับให้เจ้าพูด”อินชิงเสวียนออกแรง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 515 ความคิดผุดขึ้นในหัว

    วันต่อมาอินชิงเสวียนมาถึงสำนักศึกษาหลวงตามปกติ ฉางจี้จิ่วและขุนนางอาวุโสหลายคนนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้วทุกคนวางตำราเรียนไว้ข้างหน้า นั่งหลังตรงเหมือนนักเรียนชั้นประถมศึกษาที่เพิ่งเริ่มเข้าโรงเรียนหลังจากผ่านมาหลายวันแล้ว ทัศนคติของบัณฑิตเฒ่าทุกคนที่มีต่ออินชิงเสวียนก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกันตอนแรกคิดแค่ว่าอินชิงเสวียนได้เข้ามารับหน้าที่นี้เพราะอาศัยเส้นสาย เหล่าผู้เฒ่าที่ยกตนว่าเป็นผู้ยึดมั่นในคุณธรรมเหล่านี้ จึงไม่มีผู้ใดเห็นนางอยู่ในสายตาจนกระทั่งอินชิงเสวียนนำตำราเหล่านี้ออกมา ทำให้พวกเขาได้รับความรู้มากมายที่พวกเขาคิดไม่ถึง ทุกคนจึงเปลี่ยนมุมมองต่ออนุชนรุ่นหลังคนนี้ อาจารย์อินเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ถ้าเขาสามารถอยู่ในสำนักศึกษาหลวงได้ตลอดไป ก็จะเป็นสิ่งดีที่เป็นประโยชน์ต่อใต้หล้าอย่างแท้จริงฉางจี้จิ่วได้เตรียมที่จะกราบทูลต่อฝ่าบาท ให้อาจารย์อินอยู่ที่สำนักศึกษาหลวงต่อเมื่อเผชิญกับความกระตือรือร้นของผู้อาวุโสหลายคน อินชิงเสวียนไม่มีทางเลือก นอกจากต้องทำตัวให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ลืมเรื่องยุ่งๆ เหล่านั้นไปชั่วคราว และบรรยายวิชาเรียนของวันนี้ระหว่างพักเที่ยว ชายช

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 516 ทะลุปรุโปร่ง

    “หรือว่าท่านพ่อมีความหลังอะไรกับจูอวี้เหยียนหรือเจ้าคะ”อินชิงเสวียนเป็นคนที่เก็บคำพูดไม่อยู่ ใจคิดอย่างไรก็พูดออกมาตามนั้นอินจ้งที่กำลังดื่มน้ำ พอได้ยินก็สำลักทันที“ข้าจะไปมีความหลังอย่างไรกับนาง เจ้าอย่าคิดมาก พ่อแค่ไม่อยากให้หญิงสาวอายุน้อยอย่างนางต้องลำบากใจ ที่นางทำมาถึงทุกวันนี้ คงมีเรื่องราวลำบากที่ไม่มีใครรู้ได้ ไม่อย่างนั้นหญิงสาววัยแรกแย้มคนหนึ่ง คงไม่กลายเป็นคนเลวทรามขนาดนี้”เห็นได้ชัดว่าเป็นการพยายามกลบเกลื่อนเรื่องบางอย่างถ้าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจูอวี้เหยียน ไยต้องพูดแทนนางด้วย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็นคนที่ทำร้ายอินสิงอวิ๋น“ท่านพ่อไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่าคนน่าสงสารต้องมีส่วนที่น่ารังเกียจหรือไม่เจ้าคะ ในโลกนี้มีคนที่น่าสังเวชมากมาย ก็ไม่เห็นว่าทุกคนจำเป็นต้องไปแก้แค้นผู้อื่น เหตุผลที่เจียงวูก่ออาชญากรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต้องมีนางอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ หญิงชั่วช้าเช่นนี้ สมควรประหารชีวิต”อินชิงเสวียนคิดว่า ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างอินจ้งและจูอวี้เหยียนจะเป็นอย่างไร ในสายตาของนาง คนมีเพียงสองประเภทเท่านั้นคือดีและเลวหากจะพูดถึงเหตุผล ไทเฮาก็ทำเพื่อความสัมพันธ์เ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 517 เป็นเดือดเป็นร้อนแทน

    เมื่อได้ยินว่าซูฉ่ายเวยเป็นพระสนม จูอวี้เหยียนก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้ามามองพอเห็นว่าซูฉ่ายเวยสวมกระโปรงรัดอกผ้าแพรไหมสีชมพู ปักลวดลายดอกไม้สีแดงสด บนศีรษะปักปิ่นหยกสลักหลากสี ดูสูงส่งมีเกียรติ ก็รู้ว่านางจะต้องเป็นซูฉ่ายเวยถึงอย่างไรในวังหลังแห่งนี้ก็มีพระสนมเพียงสองคน แค่สอบถามดูคร่าวๆ ก็รู้เรื่องแล้ว นางรู้ด้วยว่าซูฉ่ายเวยไม่ได้รับความโปรดปราน อดไม่ได้ที่จะมองอย่างดูถูก ทว่ายังคงโค้งคำนับย่อยๆ“สาวใช้ของข้าไม่เข้าใจกฎ หวังว่าพระสนมจะยกโทษให้ด้วย”ถ้าเป็นคนอื่น เรื่องนี้คงจบไปง่ายๆ เช่นนี้ซูฉ่ายเวยในตอนนี้ไม่ได้วางท่าใหญ่โตดังเช่นตอนที่เพิ่งเข้าวังแล้ว บัดนี้นางคิดแค่เรื่องหาเงิน ไม่อยากยุ่งยากใจกับผู้อื่นทว่าอีกฝ่ายเป็นคนเจียงวู ซูฉ่ายเวยก็อดไม่ได้ที่จะระบายความโกรธแทนอินชิงเสวียนดวงตาของนางเย็นชาเล็กน้อย“ในเมื่อไม่เข้าใจกฎ ข้าก็จะให้เซียงหลานสั่งสอนพวกเจ้าให้ดีเอง เซียงหลาน ตบปาก”เซียงหลานเดินปรี่เข้าไปตบหน้าสาวใช้สองครั้งทันทีดวงตาของสาวใช้เปลี่ยนเป็นเย็นชา กำลังจะลงมือ แต่จูอวี้เหยียนลอบส่ายศีรษะให้ สาวใช้ผู้นั้นจึงต้องอดทนเซียงหลานตบหน้านางอีกหลายครั้ง แล้วพูดอย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 518 พ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า

    “ช้าก่อน”เสียงที่ใสกังวานดังมาจากด้านหลังทุกคนสตรีคนหนึ่งสวมกระโปรงรัดอกสีฟ้า ค่อยๆ เยื้องกรายออกมาจากด้านหลังขันทีสตรีผู้นี้มีรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้างามแฉล้ม เรือนผมดำขลับปักไว้เพียงปิ่นหยกดอกไม้สีน้ำเงินสองดอก กิริยาเรียบง่ายสง่างาม ทุกอิริยาบถสะท้อนถึงความเย่อหยิ่งและสูงศักดิ์ของผู้ที่เหนือกว่า“เสวียน‍เอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร”เย่‍จิ่ง‍อวี้หันกลับมาด้วยสายตาประหลาดใจ แต่นอกเหนือจากนั้นสายตาก็ไม่ปรากฏความรู้สึกอื่นใดอีก เมื่อมองเรียวตาหงส์คู่นั้นที่เคยเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แต่วันนี้กลับดูเฉยเมยอย่างน่ากลัว อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจวันหนึ่งเย่‍จิ่ง‍อวี้จะปฏิบัติต่อนางแบบเดียวกับที่เขาปฏิบัติต่อซูฉ่ายเวยหรือไม่เมื่อนึกถึงความอบอุ่นในอดีต อินชิงเสวียนถอนหายใจอย่างจนใจ โค้งคำนับเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เดิมทีหม่อมฉันอยากไปเยี่ยมหลิงเฟย แต่ไม่นึกว่าจะได้พบนางที่นี่ เพราะนับตั้งแต่หลิงเฟยได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นสนมขั้นเฟย นางก็ขยัน ประหยัด มีคุณธรรมและสร้างความปรองดองในวังหลังเสมอมา ไม่เคยละเลยหน้าที่ของตนแม้แต่น้อย หวังว่าฝ่าบาทจะเห็นแก่หน้าหม่อมฉัน โปรดให้อภัย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 519 คำสั่งเสียของซูฉ่ายเวย

    “เช่นนั้นก็ดีเลย หากราชครูต้องการใช้ฟางรั่ว ก็เอ่ยปากได้เลย”ฟางรั่วพูดจบ แล้วถามหยั่งเชิงว่า “ฟางรั่วไม่เข้าใจเรื่องหนึ่งมาโดยตลอด หากราชครู...เป็นอะไรไป นอนกู่ที่อยู่ในตัวผู้ที่ถูกเสกกู่ใส่จะออกมาเองหรือไม่”จูอวี้เหยียนเงยหน้าขึ้นทันที ถามด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าถามทำไม”ฟางรั่วใจเต้นไม่เป็นส่ำ ก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ“ฟางรั่วแค่อยากรู้อยากเห็น ไม่มีความหมายอื่นใด”จูอวี้เหยียนพูดด้วยรอยยิ้มเยาะ “ทางที่ดีจงขจัดความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าซะ ข้าช่วยเจ้าได้ ข้าก็สามารถฆ่าเจ้าได้เช่นกัน”ฟางรั่วรีบลนลานคุกเข่าลงบนพื้น “บ่าวสำนึกผิดแล้ว บ่าวจะออกไปเดี๋ยวนี้”“ช้าก่อน”จูอวี้เหยียนเรียกนางไว้ แล้วโยนถุงกระดาษใบเล็กให้ฟางรั่ว“สตรีที่ชื่อซูฉ่ายเวยนั่น ขัดหูขัดตาข้า เจ้าไปจัดการนางซะ”“เจ้าค่ะ ฟางรั่วจะไปเดี๋ยวนี้”ฟางรั่วรับห่อยาและออกจากหอซีอวิ๋นในเวลาเดียวกัน อินชิงเสวียนก็มายังคุกหลวง“พาข้าไปพบหวังซุ่น”“พ่ะย่ะค่ะ พระสนม”ผู้คุมไม่กล้าพูดอะไรมาก กุลีกุจอพาอินชิงเสวียนไปที่ห้องขังชั้นในสุดแล้วก็เห็นร่างอัปลักษณ์ที่สกปรกคนหนึ่งพิงหญ้าคาอยู่ นั่งไขว้ขา มีหญ้าแห้งคาบอยู่ในป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 520 เกลียดเข้ากระดูก

    อินชิงเสวียนถามย้ำอีกครั้ง “เจ้าแน่ใจหรือ”หมอหลวงหนุ่มเช็ดเหงื่อแล้วพูดว่า “กระหม่อมแน่ใจ”“งั้นก็ไปเขียนใบสั่งยา”“พ่ะย่ะค่ะ”เนื่องจากถูกวางยาพิษ จึงจัดการได้ง่ายอินชิงเสวียนตักน้ำพุวิญญาณมาอีกแก้ว แล้วบังคับให้ซูฉ่ายเวยดื่ม“น้ำนี้สามารถช่วยชีวิตเจ้าได้ รีบดื่มเร็ว ข้ามีอะไรให้ทำมากมาย ไม่มีเวลาช่วยเจ้าดูแลครอบครัวหรอกนะ”บางทีความปรารถนาที่จะเอาชีวิตรอดที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับซูฉ่ายเวย หรือไม่ก็เป็นเพราะความเป็นห่วงครอบครัว ทำให้นางอ้าปาก ดื่มน้ำอึกๆ จนสำลักออกมาเซียงหลานและนางกำนัลหลายคนยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าปริปากพูดประมาณสิบห้านาทีต่อมา ซูฉ่ายเวยลืมตาขึ้น ใบหน้าซีดเซียวก็เริ่มมีสันขึ้นหมอหลวงหนุ่มก็ถือยากลับมาพอดี อินชิงเสวียนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “เจ้าช่วยตรวจชีพจรให้พระสนมอีกครั้ง ดูว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง”หมอหลวงหนุ่มคุกเข่าลงอีก ซึ่งเมื่อตรวจดูแล้วก็ไม่วายประหลาดใจ“แปลกมาก พิษของพระสนม...ดูเหมือนจะถูกถอนออกไปแล้ว”อินชิงเสวียนถามว่า “จริงหรือ”หมอหลวงหนุ่มพยักหน้าแล้วพูดว่า “จริงพ่ะย่ะค่ะ ชีพจรของพระสนมเต้นสงบ ไม่มีสัญญาณว่าถูกวางยาพิษ”“ดี เจ้ากลับไปเ

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status