“ช้าก่อน”เสียงที่ใสกังวานดังมาจากด้านหลังทุกคนสตรีคนหนึ่งสวมกระโปรงรัดอกสีฟ้า ค่อยๆ เยื้องกรายออกมาจากด้านหลังขันทีสตรีผู้นี้มีรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้างามแฉล้ม เรือนผมดำขลับปักไว้เพียงปิ่นหยกดอกไม้สีน้ำเงินสองดอก กิริยาเรียบง่ายสง่างาม ทุกอิริยาบถสะท้อนถึงความเย่อหยิ่งและสูงศักดิ์ของผู้ที่เหนือกว่า“เสวียนเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร”เย่จิ่งอวี้หันกลับมาด้วยสายตาประหลาดใจ แต่นอกเหนือจากนั้นสายตาก็ไม่ปรากฏความรู้สึกอื่นใดอีก เมื่อมองเรียวตาหงส์คู่นั้นที่เคยเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แต่วันนี้กลับดูเฉยเมยอย่างน่ากลัว อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจวันหนึ่งเย่จิ่งอวี้จะปฏิบัติต่อนางแบบเดียวกับที่เขาปฏิบัติต่อซูฉ่ายเวยหรือไม่เมื่อนึกถึงความอบอุ่นในอดีต อินชิงเสวียนถอนหายใจอย่างจนใจ โค้งคำนับเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เดิมทีหม่อมฉันอยากไปเยี่ยมหลิงเฟย แต่ไม่นึกว่าจะได้พบนางที่นี่ เพราะนับตั้งแต่หลิงเฟยได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นสนมขั้นเฟย นางก็ขยัน ประหยัด มีคุณธรรมและสร้างความปรองดองในวังหลังเสมอมา ไม่เคยละเลยหน้าที่ของตนแม้แต่น้อย หวังว่าฝ่าบาทจะเห็นแก่หน้าหม่อมฉัน โปรดให้อภัย
“เช่นนั้นก็ดีเลย หากราชครูต้องการใช้ฟางรั่ว ก็เอ่ยปากได้เลย”ฟางรั่วพูดจบ แล้วถามหยั่งเชิงว่า “ฟางรั่วไม่เข้าใจเรื่องหนึ่งมาโดยตลอด หากราชครู...เป็นอะไรไป นอนกู่ที่อยู่ในตัวผู้ที่ถูกเสกกู่ใส่จะออกมาเองหรือไม่”จูอวี้เหยียนเงยหน้าขึ้นทันที ถามด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าถามทำไม”ฟางรั่วใจเต้นไม่เป็นส่ำ ก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ“ฟางรั่วแค่อยากรู้อยากเห็น ไม่มีความหมายอื่นใด”จูอวี้เหยียนพูดด้วยรอยยิ้มเยาะ “ทางที่ดีจงขจัดความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าซะ ข้าช่วยเจ้าได้ ข้าก็สามารถฆ่าเจ้าได้เช่นกัน”ฟางรั่วรีบลนลานคุกเข่าลงบนพื้น “บ่าวสำนึกผิดแล้ว บ่าวจะออกไปเดี๋ยวนี้”“ช้าก่อน”จูอวี้เหยียนเรียกนางไว้ แล้วโยนถุงกระดาษใบเล็กให้ฟางรั่ว“สตรีที่ชื่อซูฉ่ายเวยนั่น ขัดหูขัดตาข้า เจ้าไปจัดการนางซะ”“เจ้าค่ะ ฟางรั่วจะไปเดี๋ยวนี้”ฟางรั่วรับห่อยาและออกจากหอซีอวิ๋นในเวลาเดียวกัน อินชิงเสวียนก็มายังคุกหลวง“พาข้าไปพบหวังซุ่น”“พ่ะย่ะค่ะ พระสนม”ผู้คุมไม่กล้าพูดอะไรมาก กุลีกุจอพาอินชิงเสวียนไปที่ห้องขังชั้นในสุดแล้วก็เห็นร่างอัปลักษณ์ที่สกปรกคนหนึ่งพิงหญ้าคาอยู่ นั่งไขว้ขา มีหญ้าแห้งคาบอยู่ในป
อินชิงเสวียนถามย้ำอีกครั้ง “เจ้าแน่ใจหรือ”หมอหลวงหนุ่มเช็ดเหงื่อแล้วพูดว่า “กระหม่อมแน่ใจ”“งั้นก็ไปเขียนใบสั่งยา”“พ่ะย่ะค่ะ”เนื่องจากถูกวางยาพิษ จึงจัดการได้ง่ายอินชิงเสวียนตักน้ำพุวิญญาณมาอีกแก้ว แล้วบังคับให้ซูฉ่ายเวยดื่ม“น้ำนี้สามารถช่วยชีวิตเจ้าได้ รีบดื่มเร็ว ข้ามีอะไรให้ทำมากมาย ไม่มีเวลาช่วยเจ้าดูแลครอบครัวหรอกนะ”บางทีความปรารถนาที่จะเอาชีวิตรอดที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับซูฉ่ายเวย หรือไม่ก็เป็นเพราะความเป็นห่วงครอบครัว ทำให้นางอ้าปาก ดื่มน้ำอึกๆ จนสำลักออกมาเซียงหลานและนางกำนัลหลายคนยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าปริปากพูดประมาณสิบห้านาทีต่อมา ซูฉ่ายเวยลืมตาขึ้น ใบหน้าซีดเซียวก็เริ่มมีสันขึ้นหมอหลวงหนุ่มก็ถือยากลับมาพอดี อินชิงเสวียนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “เจ้าช่วยตรวจชีพจรให้พระสนมอีกครั้ง ดูว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง”หมอหลวงหนุ่มคุกเข่าลงอีก ซึ่งเมื่อตรวจดูแล้วก็ไม่วายประหลาดใจ“แปลกมาก พิษของพระสนม...ดูเหมือนจะถูกถอนออกไปแล้ว”อินชิงเสวียนถามว่า “จริงหรือ”หมอหลวงหนุ่มพยักหน้าแล้วพูดว่า “จริงพ่ะย่ะค่ะ ชีพจรของพระสนมเต้นสงบ ไม่มีสัญญาณว่าถูกวางยาพิษ”“ดี เจ้ากลับไปเ
ใบหน้าของจูอวี้เหยียนมืดมน สาวใช้ทุกคนถอยออกไปอย่างรู้สถานการณ์นางเดินกลับไปกลับมา แววตาเหี้ยมเกรียม จากนั้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงในเมื่อจิตใจของเย่จิ่งอวี้แน่วแน่ถึงเพียงนี้ จึงต้องใช้ท่าไม้ตายแล้วนางรวบรวมสมาธิ กระตุ้นเลือดหัวใจออกมาความเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจ ทำให้ใบหน้าของจูอวี้เหยียนบิดเบี้ยวด้วยความร้าวราน นางคำรามเบาๆ และมีเหงื่อชั้นบางๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากทันทีกู่แม่ที่ในร่างกายสัมผัสได้ถึงเลือดหัวใจ จู่ๆ ก็เกิดความโกลาหล จูอวี้เหยียนถือโอกาสกระตุ้นกู่เสน่หา หนอนกู่ตื่นเต้นในฉับพลัน มันเพรียกหากู่ลูกที่อยู่ในร่างของเย่จิ่งอวี้ให้ตื่นขึ้นเย่จิ่งอวี้กำลังตรวจฎีกาในห้องหนังสือ จู่ๆ จิตใจก็กระสับกระส่ายหลังจากตวัดพู่กันเพียงไม่กี่หน เขาก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ วางพู่กันลงอย่างทนไม่ได้หลี่เต๋อฝูรีบเข้ามาหาแล้วถามว่า “ฝ่าบาท พระองค์ทรงเหนื่อยแล้วกระมัง”หลายวันมานี้เย่จิ่งอวี้ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า อารมณ์ไม่มั่นคง ซึ่งทำให้หลี่เต๋อฝูและคนอื่นๆ ต่างอกสั่นขวัญแขวน จะทำหรือพูดอะไรต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมากเย่จิ่งอวี้ยืนขึ้นอย่างหงุดหงิด“วันนี้ไม่ตรวจแ
แววตาของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เรียวตาหงส์กระจ่างชัดขึ้นหลายส่วนจูอวี้เหยียนกระตุ้นหนอนกู่อีกครั้ง ครั้oแล้วเสียงหวานที่มีเสน่ห์ก็น่าหลงใหลมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อประกอบกับรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของนาง และอากัปกิริยาก็ยิ่งน่าวาบหวามใจ เย่จิ่งอวี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันกลับมาถาม “เจ้าอยากให้ข้าทำอย่างไร”จูอวี้เหยียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “กุ้ยเฟยมีสถานะสูงส่ง เหยียนหงย่อมไม่กล้าให้ฝ่าบาทลงโทษพระสนมอยู่แล้ว ได้ยินมาว่าในวังหลวงมีหอสวดมนต์ เหตุใดฝ่าบาทไม่ให้กุ้ยเฟยไปสวดมนต์สิบวัน เพื่อจะได้สงบสติอารมณ์”นางรู้ว่าเย่จิ่งอวี้มีความรู้สึกลึกซึ้งต่ออินชิงเสวียน การที่จะทำให้เขาส่งอินชิงเสวียนเข้าวังเย็น หรือประหารชีวิตนาง ต้องค่อยเป็นค่อยไปรอจนกระทั่งเย่จิ่งอวี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของนางโดยสมบูรณ์เท่านั้น จึงจะสามารถทำทุกอย่างที่นางต้องการได้เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ให้สงบสติอารมณ์สักพักหนึ่งก็ดี หลี่เต๋อฝู เจ้าไปถ่ายทอดคำสั่งให้กุ้ยเฟยอยู่ในหอสวดมนต์เป็นเวลาสิบวัน เหยียนหง เจ้าก็ออกไปได้แล้ว”จูอวี้เหยียนก็รู้จักการรามือเมื่อได้สิ่งที่พอใจ นางโค้งคำนับพ
จูอวี้เหยียนลุกขึ้นนั่งทันที ซึ่งอินชิงเสวียนได้เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเย็นชาเมื่อเห็นว่าเป็นนาง จูอวี้เหยียนก็แค่นเสียงหึ“ดึกขนาดนี้ กุ้ยเฟยยังไม่ไปสงบจิตใจที่หอสวดมนต์อีก มาที่นี่ทำไม”อินชิงเสวียนใช้ความเร็วมิติ แล้วร่างของนางก็หายวับมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าของจูอวี้เหยียนปานอสุนีบาตก่อนที่จูอวี้เหยียนจะทันได้โต้ตอบ คอของนางก็ถูกบีบนิ้วเรียวยาวเหล่านั้นเย็นเฉียบ อันทำให้รู้สึกพรั่นพรึง จูอวี้เหยียนสะบัดฝ่ามือทันที เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนไม่ได้นำผู้ติดตามมาด้วย นางจึงไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำอีก หากนางสามารถจัดการกับนังแพศยานี้ได้เดี๋ยวนี้ ก็นับว่าเป็นกำไรที่ไม่คาดคิดอินชิงเสวียนหลบหลีก แล้วซัดฝ่ามือใส่นางอ่างรวดเร็วราวกับภูตผีพลังอันท่วมท้นทำให้ตะแกรงหน้าต่างสั่นสะเทือน จูอวี้เหยียนอดไม่ได้ที่จะตกใจกลัวนังหญิงแพศยาผู้นี้มีทักษะวรยุทธ์ดีขนาดนี้ได้อย่างไรนางกลิ้งหลบฝ่ามือของอินชิงเสวียน ทำให้ฝ่ามือก็ซัดออกนั้นได้กระแทกเก้าอี้ตัวยาวทันที ได้ยินเสียงเพล้งอย่างชัดเจน เก้าอี้ตัวยาวก็ถูกซัดจนแตกกระจายหัวใจของจูอวี้เหยียนเต้นรัว หากอินชิงเสวียนมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ นางก็ไม่ใช่ค
เป็นเวลาสิบห้านาทีเต็มๆ จูอวี้เหยียนถึงลุกจากพื้นได้นางเคยได้ยินอาซือหลานบอกว่าอินชิงเสวียนเป็นวรยุทธ์ แต่ไม่คาดคิดว่าวรยุทธ์ของนางจะสูงส่งเพียงนี้ และวิชาฝ่ามือที่นางใช้ ความจริงก็คือฝ่ามือเสียงวายุของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จูอวี้เหยียนเคยได้ยินอาจารย์บอกว่า หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เป็นสำนักที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องดนตรี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถใช้เครื่องดนตรีได้ ซึ่งวิชาฝ่ามือที่มีชื่อเสียงที่สุดคือฝ่ามือเสียงวายุ ที่สร้างขึ้นโดยเจ้าสำนักของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ตอนที่นางเข้าสู่สำนักห้ากู่ ก็เห็นอาจารย์ของนางต่อสู้กับคนจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ วิชาฝ่ามือนั้นนุ่มนวลทว่าแข็งแกร่ง แข็งแกร่งแต่อ่อนโยน ยามที่ใช้วิชานั้นลมพายุจะผสานจนเป็นเสียงดนตรีบรรเลง อาจารย์ของจูอวี้เหยียนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากศิษย์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ในการต่อสู้ครั้งนั้น และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ดังนั้นจูอวี้เหยียนจึงจดจำวิชาฝ่ามือนี้ได้ขึ้นใจแต่เห็นได้ชัดว่าอินชิงเสวียนไม่ได้ฝึกฝนจนถึงระดับการเปลี่ยนเสียงสายลมได้ แต่ถึงนางจะรู้วิชาเพียงผิวเผิน ถึงกระนั้นก็ทำให้อวัยวะภายในของนางสะเทือนได้ ซึ่งแสดงให้เ
“เสวียนเอ๋อร์ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”เย่จิ่งอวี้ตกใจขณะที่เขากำลังพูด ทักษะวรยุทธ์ยังคงคล่องแคล่ว เขาตีลังกากลับหลังกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ตัวยาว อินชิงเสวียนซัดฝ่าโดนอากาศ จึงซัดฝ่ามือใส่อีกครั้งเย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “บังอาจ เจ้าเป็นใคร ทำไมเจ้าถึงหลอมตัวเป็นเสวียนเอ๋อร์”อินชิงเสวียนพูดอย่างสงบ “หม่อมฉันไม่ใช่คนปลอมตัว หม่อมฉันคืออินชิงเสวียนตัวจริง เพื่อพระวรกายของฝ่าบาท โปรดให้ความร่วมมือด้วย”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วและพูดว่า “เหลวไหล ร่างกายของข้าไม่เป็นอะไร ในเมื่อเจ้าคือตัวจริง ก็รีบหยุดซะ”ก่อนที่เขาจะพูดจบ เย่จั้นก็เดินเข้ามาจากประตู“ฝ่าบาท ล่วงเกินแล้ว”เขางอนิ้ว และคว้ากระดูกไหปลาร้าของเย่จิ่งอวี้ไว้เย่จิ่งอวี้สับสนงุนงงไปหมดสองคนนี้ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด แต่ตอนนี้กลับกำลังร่วมมือกันสู้กับเขา เรียวตาหงส์ฉายแววเกรี้ยวกราดเป็นประกายวาวโรจน์ นัยน์ตาเย็นเฉียบ“เสด็จอา ท่านก็บ้าเหมือนกันหรือ”การโจมตีของอินชิงเสวียนยังไม่หยุด และวิชาฝ่ามือของนางก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ“เป็นฝ่าบาทที่บ้าไปแล้ว เรากำลังช่วยชีวิตท่านอยู่ บางขั้นตอนอาจจะเจ็บปวดเล็กน้อย แต่หม่อ