Home / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 448 ไม่มีสิ่งใดที่ตัดใจไม่ลง

Share

บทที่ 448 ไม่มีสิ่งใดที่ตัดใจไม่ลง

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ณ เจียงวู

อาซือหลานกลับมาที่กระโจม ใบหน้าอันหล่อเหลามีสีหน้าเคลือบคลุมไม่แน่นอน

จูอวี้เหยียนเดินนวยนาดเข้ามาจากประตู

“หรือว่าที่สถานการณ์การสู้รบไม่ดีสำหรับเรา”

อา‍ซือ‍หลานกล่าวว่า “อินจ้งมาถึงด่านถงกู่แล้ว จะต้องมีการต่อสู้ที่ดุเดือดเป็นแน่ คนผู้นี้ต่อสู้กับเจียงวูมาหลายครั้ง คุ้นเคยกับนิสัยการศึกของเจียงวูมาก หากต้องการเอาชนะเขา ต้องใช้กองทัพที่คาดไม่ถึง”

จูอวี้เหยียนกระตุกมุมปากขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเตรียมกองทัพที่คาดไม่ถึงมานานแล้วไม่ใช่หรือ ข้ารับรองว่าถ้าบอกให้อินสิงอวิ๋นไปทางใด เขาจะไม่มีวันไปอีกทาง”

อา‍ซือ‍หลานโอบแขนรอบเอวบาง ก้มศีรษะลงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กู่ของเจ้าร้ายกาจก็จริง แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะใช้มัน”

จูอวี้เหยียนแค่นเสียงหึและพูดว่า “หรือว่าที่ท่านอ๋องเห็นเขาเป็นว่าที่พี่ชายของภรรยา ถึงตัดใจให้เขาตายไม่ได้”

อาซือหลานกล่าวว่า “เขาไม่ใช่อินชิงเสวียนเสียหน่อย ทำไมข้าต้องตัดใจไม่ลง เพียงแค่ยังไม่สบโอกาสเหมาะ สิ่งที่ข้าต้องการคือชีวิตของอินจ้ง ไม่ใช่แค่ชัยชนะง่ายๆ”

จูอวี้เหยียนหัวเราะเบาๆ อิงแอบในอ้อมแขนของอา‍ซือ‍หลาน

“ท่านอ๋องโหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ ท
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 449 ความคิดของเย่ไห่ถัง

    เช้าวันต่อมาเมื่ออินชิงเสวียนตื่นขึ้นมา เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็จากไปแล้วเมื่อมองดูผ้าห่มที่พันรอบตัวนางอย่างแน่นหนา อินชิงเสวียนก็พูดไม่ออก เมื่อคืนนี้ตัวเองคงแย่งผ้าห่มจากเขาอีกแล้วสินะตอนนี้ก็เกือบเดือนสิบแล้ว แม้กลางวันจะร้อน แต่กลางคืนกลับเย็น ถึงไม่ได้ห่มผ้าก็ยังรู้สึกหนาวเย่‍จิ่ง‍อวี้จะนอนเตียงเดียวกับนาง ต้องลำบากเขาแล้วอินชิงเสวียนก็อยากเป็นคนสุภาพเรียบร้อยเช่นกัน แต่พอนอนหลับแล้ว นางจะคุมตัวเองได้อย่างไร นางก็จนปัญญาจริงๆหลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนก็แลกผ้านวมผ้าไหมคู่ขนาดใหญ่จากมิติ ทั้งยังให้นางกำนัลทำปลอกผ้านวม เพื่อป้องกันไม่ให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ถูกดึงผ้าห่มออกในเวลากลางคืนเมื่อก่อนเคยลังเลที่จะใช้คะแนน เพราะอยากเก็บให้ถึงถึง 100,000 คะแนนเพื่อซื้อปืนพกมาเก็บไว้ ตอนนี้ทั้งแลกเนื้อวัว สุรา กล้องส่องทางไกล และสิ่งของอื่นๆ ทั้งยังใช้แลกของเล็กๆ น้อยๆ ไว้มากอีกด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ว่าจะทำย่างไรคะแนนก็ไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้นอินชิงเสวียนจึงทุบหม้อหม้อมข้าวโยนทิ้งทั้งอย่างนั้นสิ่งเดียวที่เสียดายคือ พอได้พิณการเวกมาอยู่ในมือแล้ว แต่กลับไม่มีปัญญาบรรเลงให้เป็นบท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 450 วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ

    เมื่ออินชิงเสวียนกลับไปที่ตำหนักจินหวู ก็เกือบจะมืดแล้วเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงที่ไปเที่ยวเล่นมาเกือบทั้งวันก็ดูท่าทางจะเหนื่อยเล็กน้อย เขาดื่มนมชงไปครึ่งขวดแล้วหลับไปทั้งๆ ที่กัดกำปั้นน้อยอยู่ยายหลี่อุ้มเด็กไปนอนที่ห้องโถงด้านข้าง อินชิงเสวียนรู้สึกว่างหน่อย นางจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเกมพักผ่อนสมองสักพักในขณะกำลังเล่นอย่างสนุกอยู่นั้น หลี่เต๋อฝูก็เดินเข้ามาจากด้านนอกกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าว่า “พระสนม ฝ่าบาทกำลังดื่มสุราอยู่กับท่านอ๋องสิบสาม จึงส่งกระหม่อมให้มารายงานที่นี่ว่า หากดึกมากเกินไป พระองค์จะไม่มารบกวนพระสนมพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนยิ้ม “อืม ข้าทราบแล้ว”“เช่นนั้นกระหม่อมต้องทูลลา”หลี่เต๋อฝูโค้งคำนับ และออกจากห้องโถงกลางขณะที่เขาจากไป จู่ๆ อินชิงเสวียนก็เกิดความเหงาในใจเมื่อก่อนตอนที่นางยังไม่ชอบเย่‍จิ่ง‍อวี้ นางเล่นสนุกสนานทุกวัน ตอนนี้นางเริ่มมีความรู้สึกต่อเขาแล้ว ก็รู้สึกกังวลว่าจะไม่ได้ครอบครอบ พอได้ครอบครองก็กลัวว่าจะสูญเสียเขาไปซึ่งความคิดนี้ทำให้อินชิงเสวียนตกใจ ถ้าขืนนางยังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงเป็นโรคความรักขึ้นสมองกระมังนางไม่อยากเป็นแบบนั้น นางต้อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 451 คนที่เข้าใจนาง

    “นังสารเลว? ส่งเสียงร้องโหยหวน? นี่หมายความว่าอย่างไร”อินชิงเสวียนถามอย่างไม่เข้าใจซูฉ่ายเวยเม้มริมฝีปากพูดว่า “ก็หญิงแซ่สวีนั่นอย่างไร วันๆ ที่อยู่ในวังเย็นเอาแต่ร้องเพลงอยู่เช่นนั้น คงคิดว่าจะใช้วิธีนี้ดึงดูดฝ่าบาทล่ะสิ น่าเสียดายที่แม้ว่านางจะร้องเพลงจนคอแตก ฝ่าบาทก็ไม่แม้แต่จะมองดูนาง”จิ๊ๆ หญิงแซ่สวีนี่ยังไม่เลิกคิดอกุศลสินะ“นางเอาแต่ร้องเพลงในวังเย็นทั้งวันงั้นหรือ”ซูฉ่ายเวยพูดด้วยสีหน้าสะอิดสะเอียน “ก็ใช่น่ะสิ ร้องเพลงตั้งแต่เช้าตรู่ถึงเที่ยงคืนทุกวัน หอฉงฮวาของข้าอยู่ใกล้กับวังเย็นมาก ถึงไม่อยากฟังก็ยังได้ยิน น่ารำคาญจริงๆ”“นางก็ช่างหยัดยืนจริงๆ เสียงไม่แหบแห้งไปหมดแล้วหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยสีหน้าพูดไม่ออก“ถ้าเสียงไม่แหบมาก นางก็ร้องเพลงต่อ ถ้าเสียงแหบหนักเข้า นางก็หยุดพักหนึ่งวัน น่าเสียดาย ประตูวังเย็นลงสลักไว้อยู่ ไม่อย่างนั้นข้าอยากจะวางยาพิษให้นางเป็นใบ้ให้รู้แล้วรู้รอดไปจริงๆ” ในช่วงนี้ ซูฉ่ายเวยต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนัก พอพูดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกเกลียดสวีจือย่วนจนทนไม่ไหว “นางแค่เพิ่งมีความคิดเช่นนี้ พอนางอยู่ในวังเย็นไปอีกสามเดือน ก็จะสิ้นหวังไปเอง ไ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 452 เก็บเรื่องราวไว้ในใจและพยายามอดกลั้น

    เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของอินชิงเสวียน หัวใจของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็เต้นรัว จับมือน้อยที่อบอุ่นอ่อนโยนนั้นไว้“เจ้าทำเพื่อข้ามากมาย ชั่วชีวิตนี้ ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวัง”อินชิงเสวียนคลี่ยิ้มบางๆ และพูดว่า “เมื่อฝ่าบาทจะไม่ทำให้หม่อมฉันผิดหวัง หม่อมฉันก็จะไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวังเช่นกันเพคะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยกมือที่ขาวเนียนละเอียดขึ้นมาจรดริมฝีปากของเขา จุมพิตเบาๆ แล้วพูดด้วยสีหน้ารักลึกซึ้ง “เช่นนั้นพวกเราก็ได้สัญญากันแล้ว ร้อยปีก็ไม่เปลี่ยน”ครั้นมองไปยังดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังคู่นั้น อินชิงเสวียนก็หัวเราะคิกคัก“เหตุใดถึงพูดเหมือนกำลังเล่นพ่อแม่ลูกอยู่เลย รีบกินตอนร้อนเถอะเพคะ เย็นแล้วจะไม่อร่อย”เย่‍จิ่ง‍อวี้เงยหน้าขึ้น พูดอย่างดื้อรั้น “ เจ้าต้องรับปากกับข้าก่อน”อินชิงเสวียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เพคะ หม่อมฉันรับปาก ร้อยปีก็ไม่เปลี่ยน เท่านี้คงพอใจแล้วกระมัง”เย่‍จิ่ง‍อวี้หยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างมีความสุข พอกินได้สองคำ แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าได้บอกจอมพลเฒ่ากวนเกี่ยวกับโรงเรียนสอนการต่อสู้แล้ว เขาเห็นด้วยกับความคิดของเสวียน‍เอ๋อร์มาก สองวันนี้เลือกสถานที่ในเมืองหลวงได้แล้ว เมื่อก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 453 ลงมือ

    ทันทีที่กวนเซี่ยวโพล่งขึ้น ทุกคนก็ถลึงตามองด้วยความโกรธทันที“เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้าดีอย่างไรมาสั่งสอนพวกเรา เชื่อหรือไม่พวกเราอาบน้ำร้อนมาก่อนเจ้าอีก”“อย่าคิดว่าเพียงเพราะเจ้าติดตามแม่ทัพอิน แล้วจะมาสำคัญตัวเองเช่นนี้ อย่างเจ้าไม่มีค่าอะไรด้วยซ้ำ”“ใช่แล้ว เป็นแค่เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังกล้าคุยเรื่องปกป้องบ้านเมืองกับพวกเรา ตอนที่เราอยู่ในสงคราม ไม่รู้ว่าเจ้ายังเป็นวุ้นอยู่ในท้องของสตรีผู้ใดอยู่”แม่ทัพเหล่านี้พูดฉอดๆ คนละประโยคสองประโยค พวกเขาไม่กล้ามุ่งเป้าไปที่อินจ้ง แต่กลับไม่เห็นกวนเซี่ยวอยู่ในสายตาในสายตาของพวกเขา กวนเซี่ยวเป็นเพียงขุนพลน้อยที่ฝ่าบาทเรียกให้มาร่วมกองทัพเท่านั้น คงไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร“จริงอยู่ที่กวนเซี่ยวไม่เคยต่อสู้ในสงคราม แต่จอมพลเฒ่ากวนและแม่ทัพใหญ่กวนต่างก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์การต่อสู้หลายร้อยสนาม ไม่เคยได้ยินรึว่าพ่อเสือไม่ให้กำเนิดลูกหมา แม่ทัพทั้งหลายกล่าวหาเขาเช่นนี้ ค่อนข้างด่วนตัดสินเกินไปแล้วกระมัง”น้ำเสียงของอินจ้งแผ่วเบา แต่ทันทีที่เสียงนั้นเปล่งออกไป กลับเป็นเหมือนอสุนีบาตที่ฟาดเปรี้ยงทั้งๆ ที่ลมฝนสงบ ทำให้ทุกคนตกตะลึง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 454 สำนักศึกษาหลวง

    สีหน้าท่าทางของพวกเขาเปลี่ยนไปทันตา“แม่ทัพอิน ท่านอย่าเหิมเกริมนัก”อินจ้งหยิบป้ายทองอาญาสิทธิ์ออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าได้รับคำสั่งให้รักษาชายแดนและยึดดินแดนที่สูญเสียไปกลับคืน สามารถประหารก่อนค่อยทูลรายงานได้ ทหาร มาจับตัวแม่ทัพเหล่านี้ ประหารทันทีไม่มีการยกโทษ”ทหารจากเมืองหลวงก็รุมจับคนเหล่านั้นทันที เหลือเพียงเหลียงอันไท่คนเดียวเหลียงอันไท่ตัวสั่นด้วยความกลัว ขาสั่นพั่บๆ โชคดีที่เมื่อครู่คัวเองเพิ่งบอกว่าจะส่งทหารไป ไม่เช่นนั้นคงมีจุดจบเช่นกันคนที่เหลือเห็นดังนั้นก็รีบร้องขอความเมตตา แต่ก็ถูกลากลงจากกำแพงเมืองแล้วเสียงกรีดร้องระงม ครั้นแล้วแม่ทัพทั้งสี่ก็ถูกตัดศีรษะทันทีทหารทั้งหมดได้มาอยู่ภายใต้คำสั่งของอินจ้ง ไม่มีผู้ใดบ่นคำใดอีก กวนเซี่ยวจึงเข้าใจเจตนาของอินจ้ง เขาไม่ได้แสดงความเมตตา หากแต่ทำเพื่อให้ได้ใจของเหล่าทหารตอนนี้กองทัพมีใจไปทิศทางเดียวกัน มีขวัญกำลังใจเข้มแข็ง หากส่งทหารออกไปทำศึกอีกครั้ง จะได้ผลลัพธ์สองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวอย่างแน่นอนหลังจากนั้นอินจ้งได้เลื่อนตำแหน่งจังเถี่ยและสวีเหลียง ให้ทั้งสองเป็นแม่ทัพรักษาเมืองชั่วคราว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 455 เจอหวังซุ่นอีกครั้ง

    อินชิงเสวียนเอามือไพล่หลังพูดว่า “สัญลักษณ์นี้เรียกว่าตัวเอ็กซ์ ซึ่งหมายถึงตัวแปรที่ไม่ทราบค่า ซึ่งนี่ก็คือสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวในคณิตศาสตร์”“ตัวเอ็กซ์? ทำไมชื่อถึงดูแปลกๆ”บัณฑิตเฒ่าไม่เข้าใจฉางเฮ่อไหลก็เดินมาหาด้วย“ใช่ๆ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แล้วตัวแปรที่ไม่ทราบค่าคืออะไร”แล้วอินชิงเสวียนก็อธิบายให้ทุกคนฟังทันที พร้อมกับหาโจทย์ง่ายๆ สองสามข้อ มาแสดงวิธีทำและหาคำตอบโดยใช้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวแม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ใช่คนอายุน้อย แต่ในด้านวิชาการ พวกเขาเป็นผู้ที่เก่งที่สุดในแคว้น แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจแล้ว“ไม่นึกว่าโจทย์เลขจะแก้ด้วยวิธีนี้ได้ด้วย”“ใช่ ง่ายกว่าวิธีการคำนวณแบบตั้งเดิมมาก”“วิเศษจริงๆ คิดไม่ถึงว่าอาจารย์อินที่อายุยังน้อย จะมีความรู้มากมายเพียงนี้ ข้าเทียบไม่ได้เลย”เหล่าบัณฑิตเฒ่าต่างก็พยักหน้าพร้อมกัน แล้วอินชิงเสวียนก็สอนเรื่องการหาค่าพื้นที่ของรูปลักษณะต่าง รวมถึงจำนวนบวกและลบ คณิตศาสตร์เชิงตรรกะ และสมการกำลังสองเป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นความรู้พื้นฐานตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมต้น แต่เสียดายที่บัณฑิตเฒ่าเหล่านี้ไม่สามารถรับความรู้มากมายได้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 456 ความจริง

    อินชิงเสวียนมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วเอ่ยถามขึ้น “ความลับอะไร”ดวงตาเล็กตี่เท่าเม็ดถั่วเขียวของหวังซุ่นตวับวาบ พูดว่า “เกี่ยวกับอา‍ซือ‍หลาน”อินชิงเสวียนพูดอย่างจงใจ “เจ้าอยากจะบอกข้าว่า อา‍ซือ‍หลานยังไม่ตาย? ข่าวนี้ไม่มีราคาแล้ว”รูม่านตาของหวังซุ่นเปลี่ยนไป แต่เขาไม่ยอมรับทว่าอินชิงเสวียนยังพบคำตอบจากดวงตาของเขาเหมือนเดิมนางอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจตัวซวยอย่างอา‍ซือ‍หลานยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย“พาตัวเขาไป”หวังซุ่นตะโกนทันที “นอกจากอา‍ซือ‍หลาน ข้ายังมีข่าวอื่นอีก”“ไปคุยกันในวังเถอะ”อินชิงเสวียนสะบัดแขนเสื้อ แล้วออกจากห้องครั้นแล้วทั้งหมดคุมตัวหวังซุ่น พากลับวังทันทีเมื่อมาถึงประตูวัง องครักษ์เงาถามว่า “กุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ จะให้นำตัวคนผู้นี้ไปที่ใด”อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ส่งไปที่คุกหลวงชั้นใน ต้องจับตาดูคนผู้นี้ให้ดีด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”ต่อมาอินชิงเสวียนก็ตรงไปที่คุกชั้นใน เมื่อมาถึง หวังซุ่นก็ถูกล่ามโซ่ตรวนไว้แล้ว “เจ้ามีอะไรจะพูดอีกหรือไม่”หวังซุ่นสงบลง ดวงตาเล็กตี่คู่นั้นยังคงมองไปยังใบหน้าของอินชิงเสวียนอย่างไม่วางตา“ถ้าข้าบอกไปแล้ว พระสนมจะปล่อยข้าไปได้หร

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

DMCA.com Protection Status