แชร์

บทที่ 456 ความจริง

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อินชิงเสวียนมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วเอ่ยถามขึ้น “ความลับอะไร”

ดวงตาเล็กตี่เท่าเม็ดถั่วเขียวของหวังซุ่นตวับวาบ พูดว่า “เกี่ยวกับอา‍ซือ‍หลาน”

อินชิงเสวียนพูดอย่างจงใจ “เจ้าอยากจะบอกข้าว่า อา‍ซือ‍หลานยังไม่ตาย? ข่าวนี้ไม่มีราคาแล้ว”

รูม่านตาของหวังซุ่นเปลี่ยนไป แต่เขาไม่ยอมรับ

ทว่าอินชิงเสวียนยังพบคำตอบจากดวงตาของเขาเหมือนเดิม

นางอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

ตัวซวยอย่างอา‍ซือ‍หลานยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย

“พาตัวเขาไป”

หวังซุ่นตะโกนทันที “นอกจากอา‍ซือ‍หลาน ข้ายังมีข่าวอื่นอีก”

“ไปคุยกันในวังเถอะ”

อินชิงเสวียนสะบัดแขนเสื้อ แล้วออกจากห้อง

ครั้นแล้วทั้งหมดคุมตัวหวังซุ่น พากลับวังทันที

เมื่อมาถึงประตูวัง องครักษ์เงาถามว่า “กุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ จะให้นำตัวคนผู้นี้ไปที่ใด”

อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ส่งไปที่คุกหลวงชั้นใน ต้องจับตาดูคนผู้นี้ให้ดีด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ต่อมาอินชิงเสวียนก็ตรงไปที่คุกชั้นใน เมื่อมาถึง หวังซุ่นก็ถูกล่ามโซ่ตรวนไว้แล้ว

“เจ้ามีอะไรจะพูดอีกหรือไม่”

หวังซุ่นสงบลง ดวงตาเล็กตี่คู่นั้นยังคงมองไปยังใบหน้าของอินชิงเสวียนอย่างไม่วางตา

“ถ้าข้าบอกไปแล้ว พระสนมจะปล่อยข้าไปได้หร
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 457 ร้อนใจ

    “เสวียน‍เอ๋อร์ไม่ต้องกังวล ข้าจะเขียนจดหมายด่วนแปดร้อยลี้เดี๋ยวนี้”“ต้องใช้เวลากี่วันถึงจะส่งจดหมายถึงด่านถงกู่เพคะ”อินชิงเสวียนถามทันควันแม้ว่านางจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับอินจ้งโดยตรง แต่มนุษย์โลกล้วนมีความรู้สึก อินจ้งและลูกชายคิดเผื่อนางอยู่เสมอ อินชิงเสวียนจะมองไม่เห็นได้อย่างไร และจะไม่รู้สึกซาบซึ้งใจได้อย่างไรเย่‍จิ่ง‍อวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อย่างเร็วที่สุดก็หกหรือเจ็ดวัน”“ยิ่งเร็วได้ยิ่งดี”เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้า แล้วเดินไปเขียนจดหมายลับที่โต๊ะ เมื่อปิดผนึกซองแล้วก็ยื่นให้ผู้ส่งสารหลังจากที่ผู้ส่งสารจากไป อินชิงเสวียนก็ยังคงไม่สบายใจเย่‍จิ่ง‍อวี้จับมือของนาง ออกแรงบีบเล็กน้อย“ไม่ต้องห่วง บิดาเจ้าเป็นคนดีสวรรค์คุ้มครอง เคราะห์ร้ายต้องกลายเป็นดีได้แน่”อินชิงเสวียนถอนหายใจอย่างจนใจ“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”เย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่อยากเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของนาง ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อ“วันนี้ไปสำนักศึกษาหลวงเป็นอย่างไรบ้าง มีใครทำให้เจ้าลำบากใจบ้างหรือไม่”อินชิงเสวียนคลี่ยิ้มละไม“ไม่มีเพคะ แค่มีความรู้บางอย่างที่ต้องการให้ใต้เท้าทั้งหลายเชื่อ แต่คงต

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 458 ฝ่าบาทเป็นห่วง

    “ขอบพระทัยท่านอ๋อง! “อินชิงเสวียนโค้งคำนับกล่าวขอบคุณเขาเย่จั้นยิ้มอย่างอบอุ่น“กุ้ยเฟยไม่ต้องเกรงใจ ถ้าจะกล่าวขอบคุณ ควรเป็นข้าที่กล่าวขอบคุณมากกว่า หากไม่มีน้ำถังนั้น ข้าคงไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วเพียงนี้”“ท่านอ๋องเป็นเสด็จอาแท้ๆ ของฝ่าบาท ข้าต้องช่วยอย่างเต็มที่อยู่แล้ว”นอกจากนี้อินชิงเสวียนยังเคยสัญญากับเขาไว้ ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา นางจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่ ตอนนี้ก็นับว่าได้ตอบแทนที่เขาได้ดูแลตระกูลอินแล้วเย่‍จิ่ง‍อวี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้ายังขอบคุณกันต่อไป ฟ้าคงมืดพอดี หากไปนานไม่กลับเสียที ข้าจะเป็นห่วง”“ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้ว หม่อมหม่อมจะออกจากวังพร้อมกับท่านอ๋องเดี๋ยวนี้”อินชิงเสวียนยอบกายคำนับเย่‍จิ่ง‍อวี้ และเดินออกจากห้องหนังสือนำไปก่อน“รบกวนเสด็จอาแล้ว”เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้ากับเย่จั้น“ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ กระหม่อมจะส่งกุ้ยเฟยกลับวังอย่างปลอดภัยแน่นอน”เย่จั้นประกบมือคำนับ แล้วเดินตามอินชิงเสวียนไปขณะมองตามหลังทั้งสองคนไป เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยหวังว่าจดหมายฉบับนี้จะถูกส่งไปถึงโดยเร็วที่สุด ช่วยคุ้มครองอินจ้งสองพ่อล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 459 ท่านอาจารย์เย่จั้น

    พวกเขาทั้งสามพูดคุยเกี่ยวกับโรงเรียนสอนการต่อสู้อยู่พักหนึ่ง จากนั้นอินชิงเสวียนก็กล่าวลาและจากไปกวนฮั่นหลินเดินออกส่งไปจนถึงนอกจวน มองตามแผ่นหลังของคนสองคนที่ค่อยๆ หายไป คิ้วสีเทาของเขาขมวดมุ่นแซ่จู หรือว่าเป็น...กวนฮั่นหลินขมวดคิ้วพร้อมกับเดินกลับห้อง เขาเขียนจดหมายทันที และส่งไปที่ยังซอยจู๋หลินในอวิ๋นโจวถ้าเป็นตระกูลจูจริงๆ ตัวเองก็ได้ทำบาปมหันต์แล้วบนถนนเทียน อินชิงเสวียนถอนหายใจมาด้วยความหวัง แต่กลับต้องผิดหวังกลับไปเย่จั้นกล่าวว่า “กุ้ยเฟยอย่าเพิ่งร้อนใจไป ข้าเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ รู้จักเพื่อนชาวยุทธ์มากมาย สามารถช่วยพระสนมค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้”อินชิงเสวียนมีสีหน้ายินดี“เช่นนั้นต้องรบกวนท่านอ๋องแล้ว”เย่จั้นยิ้มอย่างสง่างาม และพูดว่า “พระสนมไม่ต้องเกรงใจ สิ่งที่เจ้าทุ่มเทเพื่อต้าโจว ทำให้ข้าเลื่อมใสศรัทธาจริงๆ ข้าก็อยากจะทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนแทนต้าโจวด้วย”“แค่เป็นเพียงสิ่งที่สามารถทำได้เท่านั้น ตวามจริงแล้วไม่มีอะไรน่ายกย่องเลย”อินชิงเสวียนพูดอย่างสงบเยือกเย็นเดิมทีเย่จั้นมีความสงสัยเกี่ยวกับนาง แต่ตอนนี้เขาคิดตกแล้วบางทีเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็พูดถูก ไม่ว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 460 โจมตีเมือง

    อูเอินสีสีหน้าเศร้าหมองเจียงวูเคยประมือกับอินจ้งเมื่อหลายปีก่อน จึงรู้ถึงความสามารถของเขาอยู่แล้ว เมื่อเห็นทหารโอบล้อมเมืองลั่วสยา ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก“มีอินจ้งเป็นแม่ทัพ เหล่าทหารมีขวัญกำลังใจสูง ไม่ทราบว่าผู้ใดจะเอาชนะเขาได้”อา‍ซือ‍หลานโบกพัดแล้วพูดอย่างใจเย็น “ราชาเผ่ามีแม่ทัพเฒ่าที่เป็นลูกน้องอยู่มากมาย จะต้องกลัวอินจ้งไปไย”ทันทีที่อาซือหลานเอ่ยปาก อูเอินก็เข้าใจความหมายของเขา เขาแค่อยากจะกำจัดแม่ทัพผู้จงรักภักดีเหล่านั้น“แม้ว่าแม่ทัพทั้งหลายจะสันทัดในการรบ แต่พวกเขาก็อายุมากแล้ว คนของน้องล้วนมีแต่แม่ทัพฝีมือล้ำเลิศ มิสู้ส่งพวกเขาออกไป เป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้เหล่าทหารด้วย”อา‍ซือ‍หลานส่ายศีรษะและพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ขิงแก่ยังเผ็ด แม่ทัพเฒ่ามู่จัวรวมถึงแม่ทัพเฒ่าคนอื่นๆ เคยทำศึกกับอินจ้งหลายครั้ง ค่อนข้างคุ้นเคยกับกลศึก ให้พวกเขาไปจะเหมาะกว่า”จูอวี้เหยียนจ้องเขม็งอินจ้งที่อยู่ด้านล่าง โดยไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นของนางได้คนถ่อยกล้ามาถึงเจียงวู ความตายก็ใกล้มาเยือนเขาแล้วอินจ้งได้มาถึงด้านล่างกำแพงเมืองแล้ว ตะโกนขึ้นไปบนกำแพงเมืองด้วยเสียงอันดัง “ทหารเจียงวูฟ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 461 ยึดเมือง

    อา‍ซือ‍หลานและจูอวี้เหยียนได้ถอยออกไปหลายจั้งแล้วบนหอคอยกำแพงเมืองมีเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง ต่อมาก็มีเสียงร้องโอดโอยดังระงมอูเอินได้รับการคุ้มกันจากองครักษ์หลายคนพาถอยไปอยู่มุมหนึ่ง เศษดินบนผนังตกใส่ใบหน้าของเขาอา‍ซือ‍หลานได้เห็นฤทธิ์เดชของดินปืนมาก่อนแล้ว แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่สามารถทำร้ายยอดฝีมือเช่นเขาได้ แต่กลับมีอานุภาพมากเกินพอที่จะจัดการกับทหารธรรมดาๆ ได้ อูเอินตะโกนทันที “รีบถอนกำลังลงจากกำแพง”สีหน้าของอา‍ซือ‍หลานเปลี่ยนไปเล็กน้อย“ถอยไม่ได้ ใช้ธนูจัดการพวกเขา”อูเอินกล่าวอย่างร้อนรน “นักธนูหรือจะต่อกรกับดินปืนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขามีโล่ป้องกัน หากเราให้พวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูในเวลานี้ ก็เท่ากับบอกให้พวกเขาไปมอบชีวิต”อา‍ซือ‍หลานพูดอย่างเย็นชา “หากล่าถอยในเวลานี้ ก็ต้องเสียเมืองนี้ไป ทหาร เตรียมธนู!”ชาวเจียงวูศรัทธาผู้ที่มีกำลังแข็งแกร่งมาโดยตลอด ในบรรดาบุตรชายหลายคนของราชาเผ่าคนเก่า อูเอินมีทักษะวรยุทธ์ต่ำที่สุด เกือบทุกคนต่างก็รู้ดีว่าท่านอ๋องเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง ทุกคนให้ความเคารพนับถืออา‍ซือ‍หลานเหนือกว่าอูเอินมานานแล้ว จึงมีหลายคนที่หยิบธนูและลูกธนู

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 462 อินสิงอวิ๋นกลับค่าย

    ไม่ใช่ว่าโหวเหนือไม่รู้วิธีการทำศึก เพียงแต่ว่าเขาเห็นแก่ตัวเกินไป จึงนำไปสู่ชะตากรรมก่อนหน้านี้ถ้าเขาลงมือเด็ดขาดจริงๆ แม่ทัพเหล่านั้นจะทำอะไรได้อินจ้งติดต่อกับโหวเหนือมาหลายครั้ง รู้จักนิสัยของเขาอยู่พอสมควร เมื่อเห็นเขาพูดเช่นนี้ ก็ไม่ได้เปิดโปงออกไป“ตอนนี้คนขี้ขลาดเหล่านั้นตายไปแล้ว โหวเหนือก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป หวังว่าเจ้าและข้าจะเกลียดชังศัตรูคนเดียวกัน ร่วมมือกันทำให้เจียงวูสงบลง”“ย่อมเป็นเช่นนั้น มีแม่ทัพอินอยู่ ข้าก็รู้สึกสบายใจมาก”โหวเหนือเริ่มวางแผนในใจเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รับความดีความชอบที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าอย่างไรเมืองนี้เขาก็สมควรได้รับความดีความชอบบ้าง“ข้าจะออกไปตรวจนับกองทหารแล้ว พวกเราพักอีกสักสองสามวัน แล้วค่อยไปสู้กับเจียงวู”ขณะมองตามแผ่นหลังของโหวเหนือ นัยน์ตาของอินจ้งก็ฉายแววหยามเหยียดถ้าใช้ดินปืนเป็น ไหนเลยจะยืดเยื้อมาจนถึงป่านนี้ ตัวโหวเหนือเองก็อยากจะรอใช้กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ยเพียงแต่จะทำอย่างไรต่อไปถ้าขืนบุ่มบ่ามเข้าไปในเจียงวู อินสิงอวิ๋นจะได้รับผลกระทบหรือไม่อินจ้งกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของลูกชายคนโตของเขามากแต่หากไม่โจมตี พวกเขาก็จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 463 ยากที่จะเอ่ยปาก

    ณ วังหลวงอินชิงเสวียนกล่อมเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงจนนอนหลับไป แล้วให้ยายหลี่พาเขาไปนอนที่ห้องโถงด้านข้างขณะที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอน เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็เดินเข้ามาจากประตูอินชิงเสวียนรีบดึงเสื้อลงทันทีถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมฝ่าบาทถึงมาที่นี่อีกเพคะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้เดินช้าๆ ไปที่เตียง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไม เจ้าโกรธหรือ”เมื่อคืนเย่จิ่งอวี้มีงานต้องทำ เขาจึงนอนในห้องหนังสือ หลังจากวันนี้สะสางงานเสร็จ เขาก็รีบขึ้นเกี้ยวมาหาภรรยาสุดที่รักที่ตำหนักจินหวู อินชิงเสวียนพูดอย่างงอนๆ “ฝ่าบาทเห็นหม่อมฉันเป็นคนขี้ใจน้อยหรือเพคะ ในฐานะกษัตริย์ควรให้ความสำคัญกับกิจการบ้านเมืองเป็นสำคัญ จะเล่นสนุกทุกวันได้อย่างไร”“ข้าเล่นสนุกทุกวันที่ไหน ข้ากับเสวียน‍เอ๋อร์เล่นรักกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง”เมื่อมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงสีหน้าน้อยใจ อินชิงเสวียนก็เม้มริมฝีปากอย่างอดไม่ได้“ในฐานะกษัตริย์ยิ่งไม่ควรหมกมุ่นเรื่องราคะ เพื่อจะได้มีจิตใจผ่องใสอยู่เสมอ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยื่นมือไป รั้งร่างอันงดงามขึ้นมานั่งบนตัก หลุบตาลงแล้วถามว่า “หรือว่าเสวียน‍เอ๋อร์ติดเชื้อจากเหล่าบัณฑิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 464 ความซึ้งใจของซูหมิงหลาน

    ก่อนที่อินชิงเสวียนจะได้พูด ต่งจื่ออวี๋ก็รีบอธิบายอีกว่า “อาจารย์ของข้ารู้แล้วว่าข้ามอบกระพรวนทองให้ผู้อาวุโส หลังจากใช้เสร็จแล้ว ข้าจะมอบคืนให้ผู้อาวุโสอีกครั้ง”ในความเห็นของอินชิงเสวียน สิ่งที่ต่งจื่ออวี๋พูดนั้นเป็นเพียงคำพูดที่สุภาพเท่านั้น กระพรวนทองนั้นมีค่ามาก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอาคมที่สลักไว้ จึงต้องเป็นสิ่งล้ำค่า อาจารย์ของเขาจึงให้เด็กโง่คนนี้กลับมาขอคืนเมื่อคิดว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้เก็บไว้อยู่นานแล้วก็ยังค้นคว้าอะไรไม่ได้ เก็บไว้ก็ไม่มีปะโยชน์ กล่าวว่า “ของสิ่งนั้นอยู่กับฝ่าบาท เมื่อข้ากลับวังแล้วจะนำมาคืนให้เข้า”ต่งจื่ออวี๋รู้สึกซาบซึ้ง ยกมือคำนับแล้วพูดว่า “ขอบคุณผู้อาวุโส หลังจากใช้เสร็จแล้ว ข้าจะส่งคืนกลับวังให้ท่าน”อินชิงเสวียนยิ้มบางๆ และพูดว่า “ไม่จำเป็น เดิมทีก็เป็นทรัพย์สินของสำนักของเจ้า สมควรกลับไปหาเจ้าของเดิม”ต่งจื่ออวี๋รีบโบกมือพัลวัน “ผู้อาวุโส ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าต้องการยืมสิ่งนี้จริงๆ ให้แล้วไม่มีความตั้งใจที่จะเอาคืน ผู้อาวุโสก็รู้ดีว่ากระพรวนทองนี้เดิมทีมีสามพวง ต่อมาพวงหนึ่งขาดหายไป และอีกสองพวงที่เหลือจึงไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ท่านอาจารย์ได้พบพวงกระพร

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

DMCA.com Protection Status