Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 441 เมื่อเข้าสู่สนามแล้วจะออกไปได้อย่างไร

Share

บทที่ 441 เมื่อเข้าสู่สนามแล้วจะออกไปได้อย่างไร

Author: ม่อเยี่ยน
ณ เจียงวู

การกลับมาของอา‍ซือ‍หลาน ทำให้ชาวเจียงวูรู้สึกคึกคักเป็นพิเศษ

เมื่อเห็นข้าราชบริพารทั้งหมดหลั่งไหลเข้ามาในกระโจมของอา‍ซือ‍หลาน ราชาเผ่าอูเอินก็เผยรอยยิ้มขมขื่น

เขาไม่มีความทะเยอทะยานตั้งแต่แรก ถ้าเขาไม่ใช่โอรสสายตรง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ ไม่ว่าใครจะถูกฆ่าหรือบาดเจ็บ เขาก็เสียใจไม่แพ้กัน

แม้แต่ทหารของต้าโจว ก็ถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อแม่ของพวกเขา หากไม่มีความขัดแย้งระหว่างสองขั้วอำนาจ พวกเขาคงไม่ต้องหลั่งเลือดรดดินแดนนี้เลย

แม้ตัวเองจะได้ชื่อว่าเป็นราชาเผ่า แต่ก็ยังเป็นหุ่นเชิดที่ควบคุมโดยผู้อื่น พวกเขาไม่เพียงควบคุมอินสิงอวิ๋นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเป่าเล่อเอ่อร์ด้วย

เมื่อคิดถึงเด็กในท้องของเป่าเล่อเอ่อร์ อูเอินก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น

จูอวี้เหยียนวางยาพิษในอาหารของพวกเขาโดยตลอด ตัวเองรู้อยู่เต็มอกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าน้องเล็กรู้ว่าเด็กไม่สามารถเกิดมาได้ นางคงจะเสียใจอย่างยิ่ง

เมื่อนึกถึงตรงนี้ อูเอินก็รู้สึกทั้งเกลียดชังและขุ่นเคือง

เขาตัดสินใจพูดคุยดีๆ กับอา‍ซือ‍หลาน

หากอาซือหลานต้องการบัลลังก์ เขาก็สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้ทุกเมื่อ ตัวเองหวังแค่ว
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Wattana Boonploog
ชอบเนื้อเรื่องสนุกมากค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 442 หรือว่าไปแอบกินน้ำผึ้งมา

    การต่อสู้ที่เจียงวูกำลังเตรียมพร้อมทางด้านเมืองหลวง สถานการณ์ทุกอย่างยังคงเดิมหลังจากการดูแลรักษาพยาบาลหลายวัน เย่จั้นก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สามารถเดินบนพื้นได้ได้หลังจากทราบข่าว อินชิงเสวียนก็ส่งน้ำพุวิญญาณสองถังให้เขาไปแช่ตัวทันทีหมอหลวงเหลียงยิ่งสับสนงุนงง“กุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องยังไม่หายดี ถ้าบาดแผลถูกน้ำจะไม่อักเสบแน่หรือ”อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร หมอหลวงเหลียงจะทำตามที่ข้าบอกก็พอ ข้ารับรองว่าจะไม่มีปัญหาอะไร”“เอ่อ...เช่นนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ใครก็ได้ มายกน้ำสองถังนี้เข้าไปหน่อย”เย่จั้นกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ เขานอนมาหลายวันแล้ว สมองตื้อไปหมด การได้นั่งเช่นนี้กลับรู้สึกสบายกว่าเขายังกังวลถึงเรื่องสงครามในเมืองซุ่ยหาน เขาเสนอตัวจะออกไปหลายครั้ง แต่ถูกเย่‍จิ่ง‍อวี้ปฏิเสธ เย่จั้นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลาบ้างเมื่อเห็นขันทีน้อยหลายคนช่วยกันถือถังน้ำขนาดใหญ่สองใบเข้ามา ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “นี่เอามาทำไมรึ”หมอหลวงเหลียงตามเข้ามา และกล่าวว่า “เป็นน้ำที่หวงกุ้ยเฟยส่งมาให้ท่านอ๋องไปอาบพ่ะย่ะค่ะ”เย่จั้นตกตะลึงอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 443 น้ำนี้ได้มาจากที่ใด

    อินชิงเสวียนยกมือขึ้นปิดหน้าผาก เบิกตากว้างด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ไม่มีเพคะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้หัวเราะเบาๆ พูดอย่างมีความสุข “ไม่ก็ไม่ ถือว่าข้าเดาผิดไปเอง”เขาเอื้อมมือออกไปอุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงขึ้นมา เสี่ยวหนานเฟิงก็รีบชี้ไปที่ตู้หนังสือทันที“เด็กขนาดนี้ก็อยากเรียนหนังสือแล้วรึ”เย่‍จิ่ง‍อวี้หยิบพู่กันออกมา แล้วส่งให้เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงอ้าปากจะกัด แต่อินชิงเสวียนรีบแย่งออกไปก่อนพูดอย่างค้อนๆ “ฝ่าบาทตามใจเขามากเกินไปแล้ว”เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรต่อจากนี้ไปทั้งหมดนี้ก็จะเป็นของเขา”เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงที่ถูกแย่งพู่กันไป แสดงสีหน้าไม่มีความสุข คิ้วเล็กจ้อยขมวดมุ่นทันที“เอา~”เขายื่นมือป้อมๆ ออกมา แล้วกระดกปากสีชมพูนุ่มนิ่มขึ้น ใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยความจริงจังอินชิงเสวียนตีหลังมือของเขาเบาๆ “ห้ามเอาแต่ใจ”ทันใดนั้นเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็รู้สึกเสียใจ มุมปากคว่ำลงทันที ขอบตาแดงก่ำจากการกลั้นน้ำตาเมื่อเห็นว่าลูกชายเสียใจ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็หยิบพู่กันอีกด้ามออกมากล่าวด้วยสีหน้ารักใคร่ลุ่มหลงว่า “เล่นได้สิ แต่กัดไม่ได้ เข้าใจหรือไม่”เสี่ยว‍หนาน‍

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 444 อสุนีบาตธรณีเพลิง

    เย่‍จิ่ง‍อวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “น้ำที่สุดยอดเช่นนี้ เกรงว่าคงหามาได้ไม่ง่าย เสวียน‍เอ๋อร์ต้องทุ่มเทไปไม่น้อย ข้าไม่อยากบังคับนาง”“ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้ว เป็นกระหม่อมที่คิดมักง่าย เพียงแต่...”เย่จั้นหยุดชั่วครู่แล้วพูดว่า “กระหม่อมรู้สึกว่าหวงกุ้ยเฟยที่อยู่ตรงหน้า แตกต่างจากลูกสาวที่อินจ้งกล่าวบรรยายไว้...”เย่จั้นรู้ว่าอินชิงเสวียนไม่ใช่คนเลว ดูจากเรื่องที่นางยอมช่วยเหลือตัวเองและเย่‍จิ่ง‍อวี้ ก็พอจะมองออกได้บ้างอย่างไรก็ตาม ความสงสัยในใจถูกซ่อนไว้มานานแล้ว อดรำพึงรำพันออกไปไม่ได้จริงๆ เย่‍จิ่ง‍อวี้มองไปยังเย่จั้น แล้วยิ้มบางๆ “ข้าไม่สนใจว่านางเป็นใคร ตราบใดที่นางไม่ทำร้ายข้า ไม่ทำร้ายราษฎรในแผ่นดิน นางยังคงเป็นกุ้ยเฟยของข้าเช่นเดิม”น้ำเสียงของเขาเนิบช้า เขากล่าวเสริมอีกว่า “ข้าก็เคยสงสัยเรื่องนี้มาก่อน นางดูแตกต่างจากอินชิงเสวียนคนก่อนอยู่จริง ต่อมาข้าก็คิดได้ บางทีสิ่งที่ดึงดูดข้า อาจเป็นความฉลาดมีไหวพริบมีคุณธรรมนำใจ และความรักอันยิ่งใหญ่ของนาง”เย่จั้นพยักหน้าและกล่าวว่า “ในเมื่อฝ่าบาทคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว กระหม่อมก็ไม่พูดมากกว่านี้”หลังจากกลับมาเมืองหลวง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 445 เขินอาย

    ท้องฟ้าเริ่มสดใสขึ้น และในที่สุดค่ำคืนอันยาวนานก็สิ้นสุดลงอินชิงเสวียนหลับไปโดยที่ลืมตาไม่ขึ้นด้วยซ้ำเมื่อมองไปยังสาวน้อยที่ยังมีเหงื่อเกาะพราวที่ปลายจมูก เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกผิดเล็กน้อยแม้ว่าจะพยายามควบคุมตัวเองอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงสูญเสียการควบคุม หากครั้งนี้ทำให้นางกลัว ต่อไปหากต้องการใกล้ชิดกันนางอีกก็คงเป็นเรื่องยากเขาอยากอยู่ข้างกายอินชิงเสวียนจริงๆ พอนางลืมตาจะได้เห็นตัวเองทันที แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเขายังต้องไปประชุมเช้า ยังมีกิจการบ้านเมืองที่ยังสะสางไม่เสร็จในขณะนี้ จู่ๆ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกว่าเป็นฮ่องเต้โฉดก็น่าจะดีเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ลุกขึ้นจากม่านมุ้งสีแดงนุ่มๆหลี่เต๋อฝูถือเสื้อคลุมมังกรรออยู่ข้างนอกเป็นเวลานานแล้วเมื่อเห็นฝ่าบาทออกมา ขันทีน้อยหลายคนก็เริ่มทำงานกันทันทีมีคนเตรียมน้ำสำหรับชำระล้าง มีคนยกน้ำชามาให้ ส่วนหลี่เต๋อฝูก็พาคนอื่นๆ มาช่วยสวมชุดคลุมมังกรให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ และสวมมาลามงกุฎ หลังจากเร่งมือกันอย่างหนัก ก็ประคองฮ่องเต้ไปยังเกี้ยวพระที่นั่งมังกรเสียงขานเคลื่อนขบวนเสด็จดังขึ้น เย่‍จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 446 หน้าไหว้หลังหลอก

    ณ ด่านถงกู่หลังจากพักผ่อนมาทั้งคืน เหล่าทหารก็ฟื้นกำลังวังชาได้พอควรแล้วในตอนเช้าตรู่ อินจ้งขึ้นไปที่ด่าน โดยที่ถือของแปลกๆ ไว้ในมือโหวเหนือติดตามอินจ้งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ท่านแม่ทัพ นี่คือสิ่งใด”อินจ้งหัวเราะเบาๆ “นี่เรียกว่ากล้องส่องทางไกล มันเป็นสมบัติหายากที่ลูกสาวของข้ารวบรวมได้มาจากชาวบ้าน สามารถมองเห็นได้ไกล แม้ในความมืดก็มองเห็นได้ชัดเจน”อินชิงเสวียนได้ฝากคนส่งของสิ่งนี้กลับมายังจวนตระกูลอิน ซึ่งมีประสิทธิภาพอย่างมาก เมื่อมีสิ่งนี้ ก็สามารถสังเกตสถานการณ์ของศัตรูได้ชัดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่โหวเหนือได้เห็นสิ่งนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะอยากลองเมื่อเห็นดังนี้ อินจ้งก็ส่งกล้องส่องทางไกลให้เขา โหวเหนือก็มองไปในระยะไกล แล้วก็ต้องรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก“นึกไม่ถึงว่าโลกนี้จะมีสิ่งที่ชาญฉลาดเช่นนี้ มองสถานที่ไกลๆ ก็เหมือนว่าอยู่ใกล้”อินจ้งยิ้ม แล้วรับกล้องส่องทางไกลกลับคืน“เหล่าทหารก็พักผ่อนมาทั้งคืนแล้ว ข้าเตรียมที่จะนำทหารออกรบในคืนนี้ ไม่ทราบว่าท่านโหวคิดว่าอย่างไร”โหวเหนือกลอกตาล่อกแล่ก พูดอย่างช่วยไม่ได้ “ทหารม้าที่ท่านแม่ทัพนำขบวนมาก็สามารถออกไปได้ แต่พวกพ้องห้า

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 447 ชัยชนะ

    ทุกอย่างเงียบสงบ ไม่มีสิ่งใดกระโตกกระตากคนกลุ่มหนึ่งออกจากเมืองไปอย่างเงียบๆ แม้ว่าทางเจียงวูจะยึดเมืองหนึ่งได้ แต่พวกเขายังคงคุ้นเคยกับการพักอาศัยอยู่ในกระโจม มีทหารเพียงไม่กี่คนที่คอยอารักขาเมือง ในความเห็นของพวกเขา ทหารม้าที่ด่านถงกู่ต่างหวาดกลัวไปหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องป้องกันอะไรมากนักเมื่อทุกคนเข้าใกล้เมืองถึงครึ่งลี้ ม้าส่วนหนึ่งก็หยุดลง ในขณะที่ส่วนหนึ่งเร่งความเร็วและบุกเข้าไปในเมืองทั้งคนและม้าเหล่านี้รวดเร็วมาก กระทั่งทหารที่อารักขาเมืองชาวเจียงวูยังไม่ทันได้ตอบโต้ คนเหล่านี้มาถึงด้านล่างของเมืองแล้วทุกคนหยิบวัตถุสีเข้มออกมาจากแขนเสื้อ แล้วโยนขึ้นไปที่กำแพงเมือง แล้วคนต่างปีนขึ้นไปตามเชือกอย่างรวดเร็วสิ่งนี้เรียกว่าตะขอบิน เป็นสิ่งที่อินชิงเสวียนผลิตขึ้นให้อินปู้อวี่ แม้ว่าจะมีจำนวนไม่มากนัก แต่คนที่ใช้มันล้วนต้องเป็นคนที่มีกำลังแขนแข็งแรง โดยพื้นฐานแล้วจะไม่มีการยิงพลาดเหล่าทหารรักษาเมืองต่างลนลานไปหยิบธนูและลูกธนู ในชั่วพริบตา อินปู้อวี่ก็พากลุ่มคนปีนขึ้นไปบนกำแพงเมือง และตวัดดาบใส่พวกเขาจนล้มระเนระนาดครั้นเห็นของสิ่งนี้มีประโยชน์มาก กวนเซี่ยวก็อดตื่นเต้นยินด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 448 ไม่มีสิ่งใดที่ตัดใจไม่ลง

    ณ เจียงวูอาซือหลานกลับมาที่กระโจม ใบหน้าอันหล่อเหลามีสีหน้าเคลือบคลุมไม่แน่นอนจูอวี้เหยียนเดินนวยนาดเข้ามาจากประตู“หรือว่าที่สถานการณ์การสู้รบไม่ดีสำหรับเรา”อา‍ซือ‍หลานกล่าวว่า “อินจ้งมาถึงด่านถงกู่แล้ว จะต้องมีการต่อสู้ที่ดุเดือดเป็นแน่ คนผู้นี้ต่อสู้กับเจียงวูมาหลายครั้ง คุ้นเคยกับนิสัยการศึกของเจียงวูมาก หากต้องการเอาชนะเขา ต้องใช้กองทัพที่คาดไม่ถึง”จูอวี้เหยียนกระตุกมุมปากขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเตรียมกองทัพที่คาดไม่ถึงมานานแล้วไม่ใช่หรือ ข้ารับรองว่าถ้าบอกให้อินสิงอวิ๋นไปทางใด เขาจะไม่มีวันไปอีกทาง”อา‍ซือ‍หลานโอบแขนรอบเอวบาง ก้มศีรษะลงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กู่ของเจ้าร้ายกาจก็จริง แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะใช้มัน”จูอวี้เหยียนแค่นเสียงหึและพูดว่า “หรือว่าที่ท่านอ๋องเห็นเขาเป็นว่าที่พี่ชายของภรรยา ถึงตัดใจให้เขาตายไม่ได้”อาซือหลานกล่าวว่า “เขาไม่ใช่อินชิงเสวียนเสียหน่อย ทำไมข้าต้องตัดใจไม่ลง เพียงแค่ยังไม่สบโอกาสเหมาะ สิ่งที่ข้าต้องการคือชีวิตของอินจ้ง ไม่ใช่แค่ชัยชนะง่ายๆ”จูอวี้เหยียนหัวเราะเบาๆ อิงแอบในอ้อมแขนของอา‍ซือ‍หลาน“ท่านอ๋องโหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ ท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 449 ความคิดของเย่ไห่ถัง

    เช้าวันต่อมาเมื่ออินชิงเสวียนตื่นขึ้นมา เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็จากไปแล้วเมื่อมองดูผ้าห่มที่พันรอบตัวนางอย่างแน่นหนา อินชิงเสวียนก็พูดไม่ออก เมื่อคืนนี้ตัวเองคงแย่งผ้าห่มจากเขาอีกแล้วสินะตอนนี้ก็เกือบเดือนสิบแล้ว แม้กลางวันจะร้อน แต่กลางคืนกลับเย็น ถึงไม่ได้ห่มผ้าก็ยังรู้สึกหนาวเย่‍จิ่ง‍อวี้จะนอนเตียงเดียวกับนาง ต้องลำบากเขาแล้วอินชิงเสวียนก็อยากเป็นคนสุภาพเรียบร้อยเช่นกัน แต่พอนอนหลับแล้ว นางจะคุมตัวเองได้อย่างไร นางก็จนปัญญาจริงๆหลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนก็แลกผ้านวมผ้าไหมคู่ขนาดใหญ่จากมิติ ทั้งยังให้นางกำนัลทำปลอกผ้านวม เพื่อป้องกันไม่ให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ถูกดึงผ้าห่มออกในเวลากลางคืนเมื่อก่อนเคยลังเลที่จะใช้คะแนน เพราะอยากเก็บให้ถึงถึง 100,000 คะแนนเพื่อซื้อปืนพกมาเก็บไว้ ตอนนี้ทั้งแลกเนื้อวัว สุรา กล้องส่องทางไกล และสิ่งของอื่นๆ ทั้งยังใช้แลกของเล็กๆ น้อยๆ ไว้มากอีกด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ว่าจะทำย่างไรคะแนนก็ไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้นอินชิงเสวียนจึงทุบหม้อหม้อมข้าวโยนทิ้งทั้งอย่างนั้นสิ่งเดียวที่เสียดายคือ พอได้พิณการเวกมาอยู่ในมือแล้ว แต่กลับไม่มีปัญญาบรรเลงให้เป็นบท

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status