หน้าหลัก / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 433 เป็นนังแพศยาเจ้านี่เอง

แชร์

บทที่ 433 เป็นนังแพศยาเจ้านี่เอง

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“เสด็จอาไม่ต้องร้อนใจไป รองแม่ทัพหลิวเฉิงโจวและเสด็จอารบทัพจับศึกตั้งแต่เหนือยันใต้ เรื่องการป้องกันเมืองไม่เป็นปัญหา ถ้าเสด็จอายืนกรานที่จะไปให้ได้ ข้าก็ทำได้แค่ต้องไปส่งเสด็จอากลับด้วยตัวเอง”

ครั้นได้ยินคำพูดของเย่‍จิ่ง‍อวี้ เย่จั้นก็ถอนหายใจ

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ตบมือที่ซีดเซียวของเขาเบาๆ ยิ้มอย่างอบอุ่นแล้วพูดว่า “ท่านกับข้าเป็นอาหลาน ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”

เมื่อเห็นว่าสองอาหลานสนิทสนมแน่นแฟ้นขนาดนี้ อินชิงเสวียนก็ไม่วายอิจฉา

ในใจยังคิดถึงตระกูลอินสองพ่อลูก ไม่รู้ว่าพวกเดินทางไปถึงที่ใดแล้ว

พวกเขากลับมาอยู่ได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ นางไม่ทันมีเวลาได้ถามถึงเรื่องของอินหลีเลยด้วยซ้ำ

ในเวลาเดียวกัน จู่ๆ อินปู้อวี่ที่กำลังเดินทางอยู่ก็จามขึ้น

“สหายอิน เจ้าไม่สบายหรือเปล่า”

กวนเซี่ยวเดินม้ามาถาม

อินปู้อวี่ลูบจมูก แล้วพูดด้วยรอยยิ้มแฉ่งว่า “ไม่เป็นไร น้องหญิงใหญ่อาจกำลังคิดถึงข้า”

กวนเซี่ยวพูดติดตลก “ที่แท้ก็เป็นน้องสาวอินนี่เอง ข้าคิดว่าเจ้ากำลังพูดถึงสตรีผู้อื่นเสียอีก”

อินปู้อวี่ต่อยเขาเบาๆ กล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างไม่คิดอะไรมาก “สตรีผู้ใดจะมาชอบข้า”

กวนเซี่ยวกอดอกมองดูเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 434 บุรุษเป็นเพียงเครื่องมือแย่งชิงอำนาจให้นางเท่านั้น

    ฟางรั่วตัวสั่นไปทั้งร่างกล่าวด้วยสีหน้าหวาดผวาว่า “ราชครูโปรดไว้ชีวิตด้วย”ให้ตายนางก็นึกไม่ถึงว่า ตัวเองอุตส่าห์ปลอมตัวมาตลอดทาง แต่ตัวตนกลับถูกเปิดเผยก่อนที่จะได้พบกับอาซือหลานด้วยซ้ำ“นังไพร่ชั้นต่ำ ยังกล้าขอให้ข้าไว้ชีวิตอีก ถ้าท่านอ๋องรู้ว่าเจ้าเป็นคนสวมรอยแทน เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”จูอวี้เหยียนตบหน้านางอีกฉาดหนึ่ง จนมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของฟางรั่วเมื่อนึกถึงวิธีการอันโหดเหี้ยมของอา‍ซือ‍หลานแล้ว ฟางรั่วก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นไม่รู้ว่าผีร้ายอะไรมาดลใจนางจริงๆ ทำไมถึงได้โดนอินชิงเสวียนหลอกได้ ท่านอ๋องเชี่ยวชาญในวิชาแปลงโฉม เป็นไปไม่ได้ที่จะมองไม่ออก นางถึงขั้นเพ้อฝันอยากจะค้างคืนกับเขาจริงๆ...เมื่อคิดถึงผลที่ตามมา ฟางรั่วก็หน้าถอดสีทันที“บ่าวไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ ทั้งหมดต้องโทษอินชิงเสวียนที่เจ้าเล่ห์เกินไป นางควบคุมตัวบ่าวไว้ แย่งหน้ากากของบ่าวไป แล้วใส่หน้ากากนี้ไว้บนใบหน้าของบ่าว บาวยังถูกจี้สกัดจุดมาตลอดทาง ไม่มีโอกาสที่จะอธิบายความจริงให้หระจ่าง”ฟางรั่วคลานขึ้นมาโขกศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างกายของนางสั่นสะท้านราวกับเรือลำเล็กในทะเลใหญ่จูอวี้เหยียนเหลือบ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 435 หรือจะให้ข้าตายไปพร้อมกับท่าน

    ในเวลานี้ อา‍ซือ‍หลานพร้อมด้วยสาวใช้ทั้งสี่คนได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังภูเขาด่านถงกู่ได้รับการพิทักษ์ปกป้องโดยต้าโจวมาโดยตลอด หากพวกเขาต้องการกลับไปที่เจียงวู ก็มีแต้ต้องปีนข้ามเขาเท่านั้นหลังจากพักผ่อนไม่กี่วัน ความแข็งแกร่งทางร่างกายของอา‍ซือ‍หลานฟื้นตัวพอสมควรแล้ว สีหน้าดูสดใสขึ้นมากเขาขึ้นภูเขาด้วยฝีเท้าว่องไวดุจบินได้ ราวกับเดินบนพื้นราบ สาวใช้ทั้งสี่เดินตามหลังเขาไปติดๆ ทุกคนหายใจหอบ เหงื่อไหลไคลย้อย เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขา อา‍ซือ‍หลานก็หยุดฝีเท้าลง เอามือไพล่หลัง แล้วทอดสายตามองด่านถงกู่ไกลๆนี่เป็นปราการธรรมชาติด่านสุดท้ายของต้าโจว หากสามารถผ่านด่านถงกู่ได้ ก็สามารถโรมรุกบุกตะลุยตรงเข้าไปยึดเมืองหลวงได้เขาเล่นกับต้าโจวมานานแล้ว และถึงเวลาที่จะต้องกลับไปต่อสู้กับพวกที่ดีแต่ดื่มสุราไม่ได้ประโยชน์เหล่านี้อย่างจริงจังแล้วเมื่อคิดว่าเวลานี้อินชิงเสวียนน่าจะมาถึงเจียงวูแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุขบัดนี้เย่จั้นได้ตายแล้ว ทั้งอินชิงเสวียนและอินสิงอวิ๋นก็อยู่ในมือของเขา แม้ว่าอินจ้งจะกลับมา แล้วจะทำอะไรได้เล่าแม้เสือร้ายก็ไม่กินลูกของมัน ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าอินจ้งจะลงมือ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 436 หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์

    ณ สำนักหมอหลวงเย่จั้นฟื้นคืนสติเต็มที่แล้ว อินชิงเสวียนได้ปรุงน้ำแกงที่ใส่น้ำพุวิญญาณให้เขาเป็นพิเศษ ถือเป็นการชดเชยความผิดพลาดของตัวเองน้ำแกงมีรสกลมกล่อมถูกปากมาก เย่จั้นจึงกินได้มาก ซดน้ำแกงไปชามใหญ่ และกินเนื้อไก่ด้วยหลี่เต๋อฝูป้อนอาหารด้วยตัวเอง แต่เมื่อเห็นว่าเย่จั้นหยุดกิน เขาก็เก็บชามออกไปเย่จั้นไม่สามารถลุกขึ้นได้ จึงพยักหน้าให้อินชิงเสวียนแทน“ขอบคุณหวงกุ้ยเฟย”อินชิงเสวียนผลิยิ้มบางๆ“ท่านอ๋องเกรงใจไปแล้ว”ที่นั่งอยู่ข้างเตียงคือเย่‍จิ่ง‍อวี้ที่สวมเสื้อคลุมสีฟ้าครามปกกว้างปักลายเมฆามงคลสีเข้ม สีสะอาดตา ขับเน้นให้ผิวขาวดูราวกับหยก ยิ่งหล่อเหลายิ่งขึ้น“ดูสีหน้าของเสด็จอา เหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก”เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา“ดีขึ้นมากจริงๆ ต้องขอบคุณหมอหลวงเหลียงด้วย ถ้าเขาไม่มาช่วย กระหม่อมคงจากฮ่องเต้ไปแล้ว”เย่จั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนช่วยชีวิตเขา และคิดว่าเป็นหมอหลวงเหลียงที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ทำการผ่าตัดเพื่อกำจัดกู่ออกจากเขาเย่‍จิ่ง‍อวี้ส่ายศีรษะ“ผู้ที่ช่วยชีวิตเสด็จอาไม่ใช่หมอหลวงเหลียง แต่เป็นเสวียน‍เอ๋อร์”“โอ้?”เ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 437 คำสัญญา

    เย่‍จิ่ง‍อวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เสด็จอาไม่เคยขอร้องข้าเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากขอรร้องข้า แม้ว่าจะมีความยากลำบากและเสี่ยงอันตรายมากมาย ข้าก็จะช่วยเขาเติมเต็มความปรารถนาของเขา เพียงแต่ไม่รู้ว่า...ทำไมเสด็จอาถึงอยากสืบหาหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์”จู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกถึงอินหลีหลังจากเล่นดนตรีนางหายตัวไป และตอนนี้มีคนมาขโมยพิณ จึงอดปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้แต่เมื่อดูท่าทางของเย่‍จิ่ง‍อวี้ ดูเหมือนเขาจะไม่รู้เรื่องนี้เลย“ฝ่าบาทไม่กลัวว่าจะเป็นการไปก่อกวนสำนักสันโดษหรอกหรือ”อินชิงเสวียนถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมอง“ข้าย่อมไม่ต้องการไปก่อกวนพวกเขาอยู่แล้ว แต่ข้ายิ่งไม่อยากละอายใจต่อเสด็จอา”เย่‍จิ่ง‍อวี้หยุดชะงัก และกุมมือเล็กๆ ของอินชิงเสวียนไว้ในฝ่ามือของเขา“หากวันหนึ่ง เสวียน‍เอ๋อร์ต้องการให้ข้าทำอะไรสักอย่าง แม้ต้องบุกน้ำลุยไฟข้าก็จะยอมทำเพื่อเสวียน‍เอ๋อร์ ถึงตัวตายก็ไม่หวั่น”เมื่อมองดูดวงตาที่ลึกล้ำราวกับทะเลลึกคู่นั้น อินชิงเสวียนก็รู้สึกเหมือนถูกไฟดูด หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำนางหลุบตาลง รอยยิ้มก็ระบายออกมาจากมุมริมฝีปากที่เม้มแน่น“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 438 เย่จิ่งหลานออกจากวัง

    เมื่อเย่‍จิ่ง‍อวี้เข้ามา เห็นอินชิงเสวียนกำลังอ่านหนังสือภายใต้แสงเทียน ท่าทางดูจริงจังยิ่งนักเพื่อไม่ให้อินชิงเสวียนตกใจ เขากระแอมไอเบาๆ อินชิงเสวียนเงยหน้าที่ขอบตาแดงก่ำขึ้น ก็เห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้ที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูพอหันไปมองเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงดูอีกที เห็นเขากัดกำปั้นเผลอหลับไปแล้ว“อ่านอะไรอยู่ เพลินขนาดนั้นเลยรึ”เย่‍จิ่ง‍อวี้เดินไปที่เตียง และก้มลงดูอินชิงเสวียนขยี้ตาเบาๆ“เป็นตำราเลี้ยงลูก ซื้อมาจากพ่อค้าก่อนที่จะออกเรือนเพคะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้หยิบหนังสือขึ้นมาและถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้ทำมาจากอะไร”ตอนที่อินชิงเสวียนยังเป็นขันทีน้อย เขาสนใจใคร่รู้เจ้าสิ่งที่สามารถบันทึกตัวอักษรเหล่านี้ได้การใช้สิ่งของประเภทนี้จดบันทึกเหตุการณ์น่าจะสะดวกกว่าม้วนไม้ไผ่มากนัก ม้วนใบไผ่อาจดูใหญ่ แต่จริงๆ แล้วไม่สามารถจดจารตัวอักษรได้มากนักแต่ตำราเล่มเล็กๆ นี้กลับสามารถบันทึกตัวอักษรได้หลายพันคำ ทั้งยังพกพาสะดวก เย่‍จิ่ง‍อวี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นอินชิงเสวียนครุ่นคิดครู่พักหนึ่ง แล้วพูดว่า “จริงๆ แล้วก็ไม่ยุ่งยากเพคะ ขั้นแรกต้มเปลือกไม้ต้นป่านให้กลายเป็นเยื่อกระดาษ ทิ้งให้เย็น วางบนม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 439 ต่างคนต่างมีเลศนัย

    เมื่อมองดูร่างของลูกชายที่ค่อยๆ พร่าเลือนหายไปจากคลองสายตา อันไท่ผินก็ควบคุมตัวเองไม่ได้และร้องไห้ออกมาไม่ว่าวิญญาณที่อยู่ในร่างของเย่จิ่งหลานจะเป็นใคร แต่ร่างกายนี้ก็คือลูกชายของอันไท่ผินลองนึกภาพว่าหากวันหนึ่งตัวเองถูกบังคับให้แยกจากเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง อินชิงเสวียนก็คงจะรู้สึกไม่ดีเช่นกันนางเดินเข้าไปช้าๆ จับมือของอันไท่ผิน“อันไท่ผินไม่จำเป็นต้องเสียใจไป ฝูอี้อ๋องเพียงออกจากวัง ไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงแต่อย่างใด หากเขาอยากจะกลับมา ก็สามารถกลับมาเยี่ยมท่านได้ตลอดเวลา”อันไท่ผินสะอื้น เงยหน้าพูดทั้งน้ำตาว่า “หลานเอ๋อร์อายุไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ เขาจะดูแลจวนได้อย่างไร หากพวกบ่าวไพร่รังแกเขาจะทำเช่นไร หวงกุ้ยเฟยช่วยขอความเมตตาจากฝ่าบาทได้หรือไม่ แม้ต้องให้เขาอยู่ต่ออีกสองปีก็ยังดี”อินชิงเสวียนรู้สึกหมดหนทาง ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นลูกชายของท่านที่ขอร้องเช่นนี้เอง จึงได้แต่พยักหน้าพูดว่า “ไท่ผินโปรดวางใจ ข้าจะหาโอกาสพูดคุยเรื่องนี้กับฝ่าบาทเอง”อันไท่ผินโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นต้องขอบใจหวงกุ้ยเหยมากแล้ว”อินชิงเสวียนรีบช่วยประคองนางลุกขึ้นแม้ว่าอันไท่ผินจะมีตำแหน่งอยู่ในขั้นผิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 440 พรุ่งนี้ตามข้าไปโจมตีเจียงวู

    โหวเหนือได้ก้าวลงจากหอคอยบนกำแพงเมือง และต้อนรับอินจ้งเข้ามาในเมืองกล่าวด้วยถ้อยคำอันเต็มไปด้วยความอบอุ่น“แม่ทัพอินมาถึงที่นี่ได้ นับเป็นโชคดีของด่านถงกู่จริงๆ พวกข้านับคืนนับวันคอยเฝ้ารออยู่ตลอด ในที่สุดแม่ทัพอินก็มาแล้ว”อินจ้งหัวเราะเบาๆ ประกบมือคำนับพูดว่า “โหวเหนือกล่าวเกินไปแล้ว ได้ยินมาว่าเจียงวูรุกโจมตีเร่งด่วน ที่โหวเหนือสามารถปกป้องด่านถงกู่ไว้ได้ ทำให้อินจ้งเคารพเลื่อมใสไม่น้อย”โหวเหนือหัวเราะแห้งๆ“แม่ทัพอินกล่าวยกย่องเกินไปแล้ว ด่านในตอนนี้เต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย เราใช้ทุกวิถีทางที่พอจะทำได้แล้ว ถ้าไม่มีการส่งคนมาจากเมืองหลวง เกรงว่าด่านถงกู่ก็อาจจะไม่สามารถป้องกันได้”ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงกลองสงครามดังมาแต่ไกลมุมปากของโหวเหนือกระตุก“เอาอีกแล้ว นี่ก็หนึ่งเดือนแล้วที่ชาวเจียงวูส่งกองกำลังออกมาทั้งวันทั้งคืน ทำให้จิตใจของเหล่าทหารระส่ำระสาย ทั้งโดนหลอกให้ยิงธนูไปจนหมด ตอนนี้ดินปืนถูกใช้ไปหมดแล้ว จัดการกับโจรหยาบเหล่านี้ได้ยากยิ่ง”อินจ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย ในด่านไม่มีแม้แต่ลูกธนูเช่นนั้นหรือ“พวกเราขึ้นไปดูสถานการณ์บนหอคอยก่อนค่อยว่ากัน”อินจ้งออกจากกร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 441 เมื่อเข้าสู่สนามแล้วจะออกไปได้อย่างไร

    ณ เจียงวูการกลับมาของอา‍ซือ‍หลาน ทำให้ชาวเจียงวูรู้สึกคึกคักเป็นพิเศษเมื่อเห็นข้าราชบริพารทั้งหมดหลั่งไหลเข้ามาในกระโจมของอา‍ซือ‍หลาน ราชาเผ่าอูเอินก็เผยรอยยิ้มขมขื่นเขาไม่มีความทะเยอทะยานตั้งแต่แรก ถ้าเขาไม่ใช่โอรสสายตรง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ ไม่ว่าใครจะถูกฆ่าหรือบาดเจ็บ เขาก็เสียใจไม่แพ้กันแม้แต่ทหารของต้าโจว ก็ถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อแม่ของพวกเขา หากไม่มีความขัดแย้งระหว่างสองขั้วอำนาจ พวกเขาคงไม่ต้องหลั่งเลือดรดดินแดนนี้เลยแม้ตัวเองจะได้ชื่อว่าเป็นราชาเผ่า แต่ก็ยังเป็นหุ่นเชิดที่ควบคุมโดยผู้อื่น พวกเขาไม่เพียงควบคุมอินสิงอวิ๋นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเป่าเล่อเอ่อร์ด้วยเมื่อคิดถึงเด็กในท้องของเป่าเล่อเอ่อร์ อูเอินก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่นจูอวี้เหยียนวางยาพิษในอาหารของพวกเขาโดยตลอด ตัวเองรู้อยู่เต็มอกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าน้องเล็กรู้ว่าเด็กไม่สามารถเกิดมาได้ นางคงจะเสียใจอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงตรงนี้ อูเอินก็รู้สึกทั้งเกลียดชังและขุ่นเคืองเขาตัดสินใจพูดคุยดีๆ กับอา‍ซือ‍หลานหากอาซือหลานต้องการบัลลังก์ เขาก็สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้ทุกเมื่อ ตัวเองหวังแค่ว

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

DMCA.com Protection Status