หน้าหลัก / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 423 ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน

แชร์

บทที่ 423 ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เสี่ยวหนานเฟิงทำราวกับฟังรู้เรื่อง เขาเบ้ปากด้วยความน้อยใจในทันที และมองอินชิงเสวียนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

“กิน กิน!”

เขาใช้มือเล็กๆ ชี้ไปที่เนื้อเสียบไม้ ริมฝีปากน้อยขมุบขมิบแจ๊บๆ อย่างอดไม่ได้ พร้อมกับน้ำไหลที่ไหลย้อยลงมา

เมื่อมองลูกชายที่น่าสงสารเช่นนี้ เย่จิ่งอวี้ก็ไม่อาจทำใจได้ เขาเดินเข้าไปอ้อนวอน “ให้พวกเรากินสักคำเถอะนะ!”

อินชิงเสวียนเวยหน้าขึ้น จึงเห็นเสี่ยวหนานเฟิงน้ำตาคลอเบ้าอยู่ นางก็รู้สึกสงสารเช่นกัน

ทว่าต่อให้สงสารมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาให้เขากินได้ เด็กน้อยอายุเพียงเท่านี้ยังไม่ถึงเวลากินอาหารเลย

“ตอนนี้จ้าวเอ๋อร์ยังไม่มีฟัน ไม่มีทางเคี้ยวเนื้อได้แน่เพคะ หม่อมฉันจะไปทำข้าวบดต้มให้เขาสักหน่อย”

“อะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น ขอเพียงมีอาหารให้เขาได้กินก็พอ ไม่เช่นนั้นคงน่าสงสารเหลือเกิน”

เย่จิ่งอวี้พูดไป สายตาก็เหลือบมองไปที่เนื้อเสียบไม้

มันช่างหอมจริงๆ ไม่แปลกที่ลูกชายจะอยากอาหารแบบนี้

เด็กอายุหกเดือนกว่า สามารถกินอาหารเสริมได้ในปริมาณที่เหมาะสม ด้านในร้านค้าสะสมคะแนนของอินชิงเสวียนมีครบทุกอย่าง นางแลกอาหารเสริมเด็กที่ดีที่สุดหนึ่งกล่อง เมื่ออ่านรายละเอียดด้านข้างเขียนว่า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Csc Samsung
ครือออออออออออออออ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 424 จิ้งอ๋องกลับวัง

    อินชิงเสวียนตื่นตระหนก และรีบคลุมเสื้อผ้าทันทีจิตใจของเย่จิ่งอวี้ต่างจดจ่ออยู่กับเรือนร่างของหญิงตัวเล็กที่อยู่ด้านล่างตัวเขา จึงไม่ได้ยินว่าหลี่เต๋อฝูพูดอะไร?สายตาเย็นชาขึ้นทันที และถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “มีเรื่องอะไร?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ หลี่เต๋อฝูรู้ดีว่าตัวเองมารบกวนเวลาดีๆ ของฝ่าบาทอีกแล้วทว่าท่านอ๋องสิบสามก็สำคัญต่อฝ่าบาทเช่นกัน จึงทำได้เพียงดันทุรังพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ท่านอ๋องสิบสามถูกทหารแบกกลับมาที่วังหลวง กระหม่อมไม่ทราบว่าท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ตอนนี้ยังคงหมดสติและยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ?”กามารมณ์ของเย่จิ่งอวี้มลายหายไปราวถูกคลื่นซัดเขาเดินลงพื้นด้วยเท้าเปล่า ทันทีที่เปิดประตูออก เขาก็ลากตัวหลี่เต๋อฝูเข้ามาเสื้อผ้าที่ถอดไว้ลากยาวมากับพื้น และมีรอยแดงจางๆ บนผิวขาวที่เย็นยะเยือก“เจ้าบอกว่าเสด็จอากลับมาแล้วงั้นหรือ?”หลี่เต๋อฝูก้มหน้าลง และพยักหน้าพูดเหมือนไก่จิกข้าวสาร “พ่ะย่ะค่ะ สำนักหมอหลวงเป็นผู้แจ้งกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”ด้านในห้อง อินชิงเสวียนได้ยินอย่างชัดเจนนางรีบจัดการชุดของตัวเอง สวมรองเท้าและวิ่งออกมา“จิ้งอ๋องได

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 425 เรื่องในอดีต

    หมอหลวงเหลียงเรียบเรียงคำพูดและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะถูกบางสิ่งทำลายหัวใจ แต่กลับถูกก้อนกระแสอากาศอุ่นปกป้องหัวใจเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้สีหน้าเคร่งขรึม“เจ้าหมายความว่าอะไร?”หมอหลวงเหลียงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “อาการของท่านอ๋องแปลกประหลาดมากทีเดียว หัวใจถูกทำลาย เดิมทีควรถึงแก่ชีวิต แต่กลับมากระแสอากาศที่มองไม่เห็นปกป้องท่านอ๋องเอาไว้ อาการป่วยเช่นนี้กระหม่อมไม่เคยเห็นมาก่อน จึงไม่อาจตรวจรู้ได้ในทันท่วงที ฝ่าบาทได้โปรดให้เวลากระหม่อมสักหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว หมอหลวงเหลียงพูดเช่นนี้ เกรงว่าต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการรักษา เมื่อลองใช้ความคิดดูแล้ว นางก็หยิบน้ำพุวิญญาณออกมาจากมิติหนึ่งถุง“ฝ่าบาท สามารถให้ท่านอ๋องดื่มน้ำสักหน่อยหรือไม่เพคะ”เย่จิ่งอวี้นึกถึงน้ำพุวิญญาณเหล่านั้นที่ตัวเองได้อาบ เขาไม่เคยถามอินชิงเสวียนมาก่อน แต่กลับรู้ว่าน้ำนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หากเป็นเพียงน้ำธรรมดา นางคงไม่เอ่ยขึ้นมาเช่นนี้“ก็ดีนะ”เย่จิ่งอวี้รับถุงน้ำมา และพยุงเย่จั้นขึ้น พร้อมกับป้อนน้ำเขาอยู่หลายคำ ส่วนมากล้วนไหลออกมาจากมุมปากเช่นเดิมเมื่อสัมผัสร่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 426 นี่คงเป็นความรักสินะ

    ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เองอินชิงเสวียนจับมือของเย่จิ่งอวี้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ตอนนี้ฝ่าบาทเป็นผู้ควบคุมทั่ว ราชโองการเพียงฉบับเดียวก็สามารถเรียกตัวจิ้งอ๋องกลับมาได้แล้วเพคะ ไม่จำเป็นต้องกังวลใจเพราะเรื่องนี้เลย”เย่จิ่งอวี้ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ข้ารอคอยให้เสด็จอากลับเมืองหลวงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ในราชสำนักไม่มีผู้ใดมาแทนตำแหน่งของเสด็จอาได้ หากเขาออกจากเมืองซุ่ยหาน เป่ยมู่ต๋าต้องเกิดเรื่องไม่คาดฝันแน่นอน”“นับตั้งแต่เริ่มมีปฐมจักรพรรดิ ทุกพระองค์ล้วนแล้วแต่เน้นบุ๋นละบู๊ ใช้การปกครองอย่างมีเมตตาธรรมมาโดยตลอด ขุนนางฝ่ายบู๊จำนวนมากต้องผลัดเปลี่ยนไปเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ตอนนี้แม่ทัพในราชสำนักมีระดับที่สูงต่ำแตกต่างกัน ต่างหมดยุคสมัยไปแล้วทั้งสิ้น จึงทำได้เพียงกินบำเหน็จรอความตายเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะการถ่ายเทน้ำที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ข้าคงออกไปพิชิตเจียงวูกลุ่มน้อยด้วยตัวของข้าเอง”ขณะที่เย่จิ่งอวี้กล่าววาจาเช่นนี้ ออร่าของฮ่องเต้ก็แผ่กระจายออกมาจากด้านใน พลังอำนาจยิ่งใหญ่มหาศาลเมื่อมองใบหน้าที่อ่อนวัยและเข้มแข็งนี้ อินชิงเสวียนก็สามารถรับรู้ถึงความลำบากใจของเขาขุน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 427 ปฏิเสธ

    เย่จิ่งหลานพูดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม “เช่นนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ค่อยมาหาข้าใหม่”อินชิงเสวียนไร้ซึ่งทางเลือก“เย่จั้นนับเป็นผู้มีบุญคุณต่อตระกูลอิน เห็นแก่ที่เราสองคนเป็นคนบ้านเดียวกัน ข้าหวังว่าท่านจะช่วยไปตรวจดูว่าเขาป่วยด้วยโรคอะไรกันแน่?”เย่จิ่งหลานพูดอย่างไม่เต็มใจ “ผู้มีบุญคุณของหวงกุ้ยเฟยเกี่ยวอะไรกับข้า?”อินชิงเสวียนพูดไม่ออกทันทีนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง เงยหน้าและพูดอย่างไม่เกรงใจ“ท่านน่าจะรู้ว่าฝ่าบาทมีท่าทีต่อข้าอย่างไร ตอนนี้มีเพียงข้าผู้เดียวที่สามารถเปลี่ยนความคิดของฝ่าบาทได้ หากท่านอยากออกจากวังไปเปิดจวนของตัวเอง จำเป็นต้องให้ข้าเป็นผู้พูดเสนอ และข้าคิดแล้วว่าจะไปเจรจากับโหรหลวงด้วยตัวเอง เพียงแค่ต้องแต่งเรื่องขึ้นมามั่วๆ ท่านก็จะออกจากวังได้แล้ว แต่ว่าท่านต้องช่วยข้าจัดการปัญหาที่ล้นมือก่อน ไม่เช่นนั้นท่านคงต้องรออีกหลายปี”เย่จิ่งหลานกัดเนื้อเสียบไม้ มองนางกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม“นี่ท่านกำลังขู่ข้าใช่ไหม?”อินชิงเสวียนยักไหล่“ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น ข้าเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น เพราะในโลกใบนี้ มีเพียงเราสองคนที่รู้จักกันดีที่สุดแล้ว”เย่จิ่งหลานแค่นเสียงหัวเราะและพู

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 428 พอกัน

    ณ ห้องหนังสือเย่จิ่งอวี้เพิ่งเลิกประชุม เมื่อมาถึงก็เห็นอินชิงเสวียนยืนอยู่หน้าประตู“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เขารีบก้าวเท้าลงจากรถม้าพระที่นั่งมังกร และถามด้วยความห่วงใย “มาหาข้าด้วยเรื่องใดกัน?”“มีเรื่องเล็กน้อยเพคะ แต่ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตหรือไม่”“เรื่องใดกันถึงจริงจังขนาดนี้?”เย่จิ่งอวี้ก้มหน้ามองนาง ลูกปัดแขวนบนมาลามงกุฎของเขาทำให้เกิดเงาเล็กๆ บนใบหน้าของเขา ดวงตาคมของเขาก็ยิ่งลึกลงไปอีกอินชิงเสวียนพูดว่า “เกี่ยวกับเรื่องของจิ้งอ๋องเพคะ”เย่จิ่งอวี้ทำสีหน้าและแววตาดีใจ “หรือว่าจิ้งอ๋องฟื้นแล้ว?”อินชิงเสวียนส่ายหน้า “ยังเพคะ”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย และถามขึ้นว่า “หรือว่า... เสวียนเอ๋อร์มีวิธี?”อินชิงเสวียนเม้มปากบางอดชมพูของนางเล็กน้อย เงยหน้าและพูดว่า “หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าสิ่งนี้นับเป็นวิธีหรือไม่ แต่คุ้มค่าที่จะลองเพคะ ฝ่าบาทคงทราบดีว่าฝูอี้อ๋องมีวิชาการแพทย์ที่ปราดเปรื่อง หม่อมฉันไปหาฝูอี้อ๋องมาแล้ว แต่เขาเสนอเงื่อนไขมาหนึ่งข้อเพคะ”“เงื่อนไขของเขา คือการออกจากวังเพื่อเปิดจวนใช่หรือไม่?”“เพคะ”เย่จิ่งอวี้สีหน้าเข้มเล็กน้อย“เขาช่า

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 429 ภัยพิบัติ

    อินชิงเสวียนชะงักฝีเท้าลง นางไม่ค่อยเข้าใจมิติการรักษา และไม่รู้ว่าเขามีวิธีในการอัพเกรดอย่างไร แต่ว่า นางอยากถามเพื่อให้แน่ใจความคิดของเย่จิ่งหลาน“ท่านอ๋องคงไม่ทำเรื่องที่กบฏต่อต้าโจวใช่หรือไม่?”เย่จิ่งหลานแบมือออกอย่างทำอะไรไม่ได้“ท่านคิดว่าร่างกายเล็กจ้อยร่อยของข้าจะทำอะไรได้? ข้าก็แค่อยากออกไปหาที่อยู่ และตรวจรักษาอาการให้ผู้อื่น หากเขอโรคที่มีความยากและซับซ้อน ไม่แน่ว่าอาจสะสมประสบการณ์เพิ่มได้ ก็แค่นี้เอง”ฟังน้ำเสียงที่ไร้เดียงสาและผ่อนคลายของเขา อินชิงเสวียนก็ไม่เห็นความคิดอื่นใดในสายตาเขาอีกแล้วระหว่างบทสนทนา ทั้งสองก็มาถึงสำนักหมอหลวงแล้วหมอหลวงเหลียงไม่ได้ปิดตานอนมาตลอดคืน และเขายังถือเข็มทองไว้ในมือ เพื่อหาใิธีที่อาจใช้รักษาเย่จั้นได้เมื่อเห็นดวงตาสองข้างที่แดงก่ำของหมอหลวงเหลียง อินชิงเสวียนก็อดสงสารไม่ได้“หมอหลวงเหลียงพักสักครู่ก่อนเถอะ ให้ฝูอี้อ๋องตรวจดูจิ้งอ๋องดีกว่า”หมอหลวงเหลียงรีบลุกขึ้นทำความเคารพทั้งสองคน สายตาของเขาเผยความยินดีปรีดาออกมาวันนั้นจอมพลเฒ่ากวนบาดเจ็บสาหัส และเขาก็ไร้ซึ่งหนทางในการรักษา แต่กลับถูกท่านอ๋องน้อยเป็นผู้ช่วยชีวิตเอาไว้ ตอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 430 ผ่าตัดล้มเหลว

    “ท่านอ๋อง!”อินชิงเสวียนตะโกนเรียกด้วยความตกใจเย่จั้นกลับสู่สภาวะหมดสติอีกครั้งเมื่อเห็นริมฝีปากเริ่มเขียวเล็กน้อย อินชิงเสวียนก็ร้อนใจ“นี่มันอะไรกัน ทำไมดูเหมือนอาการทรุดลงกว่าเดิม? ก้อนนั่นคืออะไร และจะเอาพวกมันออกมาได้อย่างไร?”เย่จิ่งหลานไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน เขาเองก็งุนงงเช่นกัน“ข้าก็ไม่รู้ว่านี่คืออะไร ดูเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิต แต่มันแยกออกจากกันได้ นี่มันน่าประหลาดเกินไปแล้ว”หากไม่เห็นด้วยตาของตัวเอง เย่จิ่งหลานก็ไม่มีทางเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีเรื่องอัศจรรย์พันลึกเช่นนี้ หากอยู่ในยุคสมัยปัจจุบัน พวกนักวิชาการเหล่านั้นจะต้องจับเย่จั้นไปทำการวิจัยอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้เย่จั้นเป็นถึงท่านอ๋อง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ เขาคงรับผิดชอบไม่ไหวเขาหยิบคีมขึ้นมาแล้วสัมผัสไปที่กล้ามเนื้อหัวใจ แต่สิ่งนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก และมันก็แทรกซึมเข้าไปจนหมดเขาจึงส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้“นอกเสียจากผ่าตัดเปิดหัวใจของเย่จั้น แต่ว่าร่างกายเย่จั้นอ่อนแอมากเกินไป เกรงว่าจะรับการผ่าตัดระดับสูงขนาดนี้ไม่ไหว”“เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”ผ่าตัดเปิดร่างคนถึงขนาดนี้แล้ว กลับตรวจหาอะไรไม่พบ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 431 ข้าสามารถช่วยเย่จั้นได้

    ไอเย็นยะเยือกชนิดหนึ่งเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของคนชุดดำ ทำให้อินชิงเสวียนชาวาบไปทั้งศีรษะนางหยุดฝีเท้าลง กระซิบกับเสี่ยวอานจื่อ “เจ้ากลับตำหนักไปก่อน ปกป้องจ้าวเอ๋อร์ให้ดี”เสี่ยวอานจื่อไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นคนผู้นั้นยืนนิ่งอยู่ที่พื้นไม่ไหวติงราวกับภูตผีก็ไม่ปาน เขาก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นในใจแล้ว“พระสนม...”ใบหน้าของอินชิงเสวียนมืดลง“อย่าพูดมาก รีบไปซะ”เสี่ยวอานจื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกระซิบ “กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง”คนชุดดำทำราวกับมองไม่เห็นเสี่ยวอานจื่อ ดวงตาทั้งคู่จ้องเขม็งแต่เพียงอินชิงเสวียนอินชิงเสวียนไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งเสี่ยวอานจื่อหายตัวไป นางจึงประกบมือคำนับพูดว่า “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเข้าวังมาด้วยธุระอันใด”คนผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงแหบกระด้าง “ลิ่นเซียวไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง และพิณก็ไม่ได้อยู่กับเขา”อินชิงเสวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พิณก็ไม่ได้อยู่ที่ผู้เยาว์เช่นกัน ผู้อาวุโสที่เป็นถึงยอดฝีมือผู้ถือสันโดษ คงไม่บีบบังคับผู้เยาว์เพียงเพราะเครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียวกระมัง หากผู้อาวุโสดึงดันต้องการให้แสดงวรยุทธ์ที่แท้จริง ผู้เยาว์ก็พร้อมรับใช้”สิ่

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

DMCA.com Protection Status