แชร์

บทที่ 33 สารเลว

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
สีหน้าอวิ๋นฉ่ายเปลี่ยนไปทันที เธอยกแขนขึ้นจับยายหลี่ไว้แน่น

ความตกใจกลัวฉายแววในดวงตาของยายหลี่ จากนั้นนางกัดฟันแน่น และหยิบเอาท่อนไม้ที่วางอยู่ตรงหน้าประตูขึ้น

"ยายแก่ ข้าคนนี้ไม่ยอมแพ้พวกเจ้าหรอก"

อินชิงเสวียนยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ จึงสวมรองเท้าและตามออกไป

"เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"

อวิ๋นฉ่ายรั้งเธอเอาไว้ ร้องไห้พร้อมพูดว่า "ไม่เป็นไรเพคะ พระสนม พระองค์อย่าออกไปเพคะ"

อินชิงเสวียนผลักอวิ๋นฉ่ายออก และเดินออกมาที่ประตูวังอย่างรวดเร็ว

ก็ได้ยินเสียงหวังเอ้อร์หวู่พูดด้วยเจตนาไม่ดีว่า "ต่อไปถ้าปรนนิบัติข้าให้พอใจแล้ว รับรองเรื่องกินของพวกเจ้าไม่มีขาด ดังนั้นถ้ารู้ความก็รีบย้ายหินที่ปิดรูบนกำแพงออก ให้พวกข้าสองคนได้เข้าไปเล่นสนุกเสีย"

หวังต้าหวู่ก็พูดสบทบตามว่า "เดิมทีว่าจะเข้าไปลิ้มรสพระสนมถูกปลดดูเสียหน่อย ใครจะไปนึกว่านางดันตายไปเสียก่อน น่าเสียดายจริงๆ"

เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว สีหน้าของอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนไปทันที

เมื่อหันกลับหลัง ก็มองเห็นอวิ๋นฉ่ายน้ำตาไหลพราก นางส่ายหัวให้อินชิงเสวียน แล้ววิ่งเข้าไปในห้อง

วินาทีนั้น อินชิงเสวียนรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว

ดูเหมือนสองสารเลวนั้นจ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 34 เจ้านายวังเย็นตายแล้ว

    เสี่ยวอานจื่อคุกเข่าลงอย่างร้อนรน"บ่าวถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อได้ยินว่าเป็นไทเฮา อินชิงเสวียนเองก็รีบคุกเข่าลงเช่นกันสายตาของเย่จิ่งอวี้มองไปที่ท้ายทอยของเธอ ความโกรธก็ฉายแววเล็กน้อยในดวงตาเจ้าบ่าวเลวเมื่อคืนนี้ก็หนีหายไปทั้งคืนทว่ากลับได้ยินไทเฮาตรัสว่า "ลุกขึ้นมาเถิด"อินชิงเสวียนไม่รู้ว่าไทเฮารู้จักตนเองหรือไม่ เธอลุกไปยืนด้านข้างพร้อมก้มศรีษะต่ำเย่จิ่งอวี้กับไทเฮาเข้าไปในห้องหนังสือแล้วไทเฮานั่งลงบนเก้าอี้ หยิบชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบเบาๆ แล้วตรัสว่า "ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาทสั่งให้คนขุดถอนต้นไม้ใบหญ้าในสวนอวิ๋นเซียง และปลูกเมล็ดข้าวสาลีอะไรสักอย่าง ข้าวสาลีคืออะไรหรือ?""สิ่งนี้เป็นของที่มาจากฮว๋าเซี่ย สามารถโม่เป็นอาหารที่มีลักษณะสีขาวละเอียด"เย่จิ่งอวี้ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จากนั้นก็พูดต่อว่า "ตอนนี้ปัญหาภัยแล้งยังมิได้รับการแก้ไข เมล็ดพันธ์ุสำหรับปีหน้านั้นก็เป็นปัญหา หากเมล็ดพันธ์ุในสวนอวิ๋นเซียงสามารถเพาะปลูกได้สำเร็จ จะต้องมีเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีให้เก็บจำนวนไม่น้อย ซึ่งก็นับว่ามีความหวังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหนทาง"ไทเฮายิ้มเบาๆ แล้วตรัสว่า "ฝ่าบาททรง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 35 ล้างแค้น

    อินชิงเสวียนชะงัก"ฝ่าบาทเอาสิ่งนี้ไปทำอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?"เย่จิ่งอวี้ใบหน้าเคร่งขรึม "อย่าพูดไร้สาระ"เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลามีท่าทีเย็นชา อินชิงเสวียนก็ไม่กล้าพูดจาอีกต่อไปเธอเรียกเสี่ยวอานจื่อ และพาขันทีพร้อมกับทหารองครักษ์จำนวนหนึ่งกลับไปที่วังเย็นทันทีเมื่อมาถึงกำแพงข้าง อินชิงเสวียนโยนหินเข้าไปข้างในสามก้อน และพาคนมายังหน้าประตูวังหวังเอ้อร์หวู่และหวังต้าหวู่กำลังยืนพิงประตูวังเย็นและงีบหลับอยู่ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก็รีบลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นกลุ่มขันทีและทหารองครักษ์ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา"คารวะทุกท่าน"อินชิงเสวียนถามเสียงเย็นชาว่า "ใครคือหวังเอ้อร์หวู่?"หวังเอ้อร์หวู่รีบตอบทันที "บ่าวขอรับ ไม่ทราบว่ากงกงมีอะไรจะสั่งหรือ?"อินชิงเสวียนเดินหน้า ยกมือขึ้นแล้วตบไปที่หน้าเขาสองฉาดหวังเอ้อร์หวู่ถูกตบจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมาเมื่อคิดถึงขันทีที่เห็นในวันนั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา หรือว่าความแตกเสียแล้ว?"เขาคุกเข่าลงดังตึ่ง"กงกงโปรดอภัยขอรับ"เมื่ออินชิงเสวียนมองไปที่หน้าเขา ความโกรธก็พุ่งพรวดขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ จึงยกเท้าเตะไปที่คางของเขา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 36 ถอดอาภรณ์ให้เรา

    หัวใจของอินชิงเสวียนเต้นโครมครามราวกับจะกระเด็นออกมาจากอกรีบเอ่ยขึ้นทันควัน “กระดูกส่วนใหญ่ของพระสนมเน่าเปื่อยไปมากแล้ว กระหม่อมเก็บได้เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ...”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองโถแล้วพูดเสียงเรียบ “มีก็ดีแล้ว หลี่เต๋อฝู ส่งกระดูกไปที่หอสวดมนต์ เก็บไว้ทำพิธีในภายหลัง”ครั้นได้ยินดังนี้ อินชิงเสวียนก็โล่งอกในที่สุด เดิมคิดว่าทรราชผู้นี้ต้องการจะบดขยี้เจ้าของร่างเดิมให้เหลือเพียงเถ้าถ่านเสียอีกหลี่เต๋อฝูเหลือบมองอินชิงเสวียนแวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยเสียงที่บีบให้เล็กแหลมว่า “กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”ขณะที่มองดูหลี่เต๋อฝูหยิบขวดโหลออกไป อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเฮือก นับว่าเย่จิ่งอวี้ยังคงมีมโนธรรมอยู่บ้างทว่ากลับได้ยินเย่จิ่งอวี้กล่าวเสียงเรียบ “โครงการผันน้ำใต้ขึ้นเหนือที่เจ้าพูดถึง เราได้ส่งคนไปทำตามนั้นแล้ว หากสามารถปลูกข้าวสาลีได้ ก็จะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เราให้เวลาเจ้าคิดสองสามวันว่าอยากได้รางวัลอะไร เพียงแต่จะออกจากวังไม่ได้”อินชิงเสวียนแอบกลอกตา ไม่ออกจากวังก็ได้ เช่นนั้นเอาเงินก็แล้วกัน“ขอบพระทัยฝ่าบาท กระหม่อมไม่ต้องการออกจากวังอีกแล้ว เพื่อประโยชน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 37 ให้กระหม่อมถอดกางเกงให้ด้วยหรือ

    เย่จิ่งอวี้ฮึมฮัมในลำคอเบาๆ“คราวนี้ดูแลเฉพาะดอกไม้ใบหญ้าเสียแล้ว ปากของเจ้าจะพูดความจริงบ้างได้หรือไม่”อินชิงเสวียนรีบเอ่ยขึ้น “เรื่องที่กระหม่อมเป็นขันที เป็นเรื่องสัตย์จริงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้พูดเสียงเนิบ “ถ้าเช่นนั้นก็เลิกยืดยาดได้แล้ว”อินชิงเสวียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอดอาภรณ์ของเขาออกทีละชิ้น แต่นิ้วเจ้ากรรมก็ดันไปแตะต้องกับผิวกายของเย่จิ่งอวี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรู้สึกได้ว่าผิวนั้นแน่นและเรียบเนียน โดยเฉพาะแนวท่อนแขนอันเรียบเนียน ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งในอัตลักษ์ของความเป็นของบุรุษเพศอินชิงเสวียนหายใจเร็วอย่างอธิบายไม่ได้ ใบหน้างามพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือกเย่จิ่งอวี้ก้มหน้าพิจารณาดูนางแต่งงานมีลูกแล้วแท้ๆ ยังจะเขินอายอะไรเช่นนี้แต่หารู้ไม่ว่าอินชิงเสวียนนั้นไม่เคยแม้แต่จะคุยเรื่องความรักกับชายใดด้วยซ้ำ เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่หายใจไม่ทั่วท้องเช่นนี้ นางก็เกือบจะเป็นลมอยู่แล้ว แล้วจึงรีบอุ้มเสื้อคลุมไปแขวนไว้ข้างๆปากก็พึมพำเงียบๆ “ฝ่าบาท พระองค์คงไม่ต้องให้กระหม่อมถอดกางเกงให้ด้วยกระมัง”เสียงแผ่วเบาของเย่จิ่งอวี้ดังมาจากด้านหลัง“ต้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 38 พระสนมกล้าหาญมาก

    อินชิงเสวียนรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ในที่สุดก็จะได้ไปเสียที นางแทบจะหลับอยู่แล้วทันใดนั้นนางก็นึกถึงอวิ๋นฉ่ายและยายหลี่ จึงรีบเอ่ยขึ้นทันที “ฝ่าบาท กระหม่อมจะไปวังเย็น หาน้องสาวได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเข้ม “ไปเถอะ แต่ต้องกลับมาก่อนยามซู”อินชิงเสวียนรีบโค้งคำนับอย่างตื่นเต้น“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้ได้ก้าวออกไปแล้วระหว่างทาง หลี่เต๋อฝูอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างขมขื่น “ฝ่าบาทพระทัยดีกับเสี่ยวเสวียนจื่อเกินไปแล้ว”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง“แล้วเราไม่ดีต่อเจ้ารึ”หลี่เต๋อฝูหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ฝ่าบาทย่อมดีต่อกระหม่อมอยู่แล้ว”เย่จิ่งอวี้เอนตัวพิงราชรถ หรี่ตาลงแล้วพูดว่า “แล้วเจ้าจะปวดใจไปไย”หลี่เต๋อฝูเป็นขันทีที่รับใช้เย่จิ่งอวี้มาตั้งแต่เยาว์วัย แม้ว่าเขาจะพูดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เป็นครั้งคราว ทว่าเย่จิ่งอวี้ก็มิได้มีข้อห้ามมากนัก ถึงจะเป็นนายกับบ่าว แต่ในความรู้สึกกลับเป็นเหมือนญาติสนิทไปแล้วหลี่เต๋อฝูยิ้มอย่างขอลุแก่โทษ แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงคิดว่าเสี่ยวเสวียนจื่อปลิ้นปล้อน วาจาเป็น

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 39 ที่แท้ก็เป็นองค์หญิง

    ยายหลี่รีบอุ้มเจ้าหมาน้อยแล้วโยกตัวไปมา“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ ไม่ร้องนะ!”แต่เจ้าหมาน้อยกลับยังร้องไห้ไม่หยุด ร่างกายเล็กๆ เหยียดตัวตรง ขาป้อมๆ เตะไปมา อารมณ์ร้ายไม่เบาอินชิงเสวียนทนไม่ไหว เอื้อมมือไปรับเขามา“ไม่ร้องไห้นะลูก ไม่ใช่ว่าแม่ของเจ้าจะไม่กลับมาอีก”ทันทีที่อยู่ในมือของอินชิงเสวียน เจ้าหมาน้อยก็หยุดร้องไห้ จ้องมองนางด้วยดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเมื่อมองดูปากเล็กๆ ของเขาพร้อมน้ำตาหยดเล็กๆ บนแพขนตา อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความรักของแม่ที่ล้นเหลือ นางจูบดวงแก้มเล็กๆ ของเขาด้วยความทุกข์ใจ“อย่าร้องไห้นะลูกรัก แม่ไปหาเทพเซียนเอาของเล่นมาให้เจ้า”เจ้าหมาน้อยยังคงมองอินชิงเสวียนด้วยตาโต ศีรษะเล็กๆ ส่ายอย่างแรง ส่ายกระแทกหน้าของอินชิงเสวียน แล้วเริ่มกัดใบหน้าของนางอินชิงเสวียนถูกกัดรู้สึกเจ็บๆ คันๆ จนอดหัวเราะไม่ได้เจ้าหมาน้อยก็โบกไม้โบกมือตามนาง ดวงตาสีเข้มเล็กๆ ของเขาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวเล็กๆ สองวงช่างเป็นเจ้าตัวน้อยที่น่ารักจริงๆ!อินชิงเสวียนชอบเด็กๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งเป็นเจ้าหมาน้อยผู้น่ารักน่าเอ็นดู ความคิดแวบหนึ่งยิ่งรู้สึกว่าไม่อยากจากไปที่ใด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 40 หม่อมฉันต้องการขันที

    ทันใดนั้นดวงตาของอินชิงเสวียนก็เป็นประกายวาว นางก็รีบหยิบหยวนเป่าทองคำทันที“ขอบพระทัยองค์หญิง”นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้สัมผัสหยวนเป่าทองคำ ก้อนทองมีขนาดประมาณฝ่ามือ หนักสองเหลี่ยง[footnoteRef:1] ยามที่สัมผัสนั้นให้ความรู้สึกเรียบและกะทัดรัด ช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก [1: เหลี่ยง 1 เหลี่ยง เท่ากับ 50 กรัม] เย่ไห่ถังหัวเราะเบาๆ“ไม่ต้องเกรงใจ หากเจ้ามีอะไรสนุกๆ หรือมีประโยชน์ ข้าก็จะซื้อจากเจ้าอีก”อินชิงเสวียนรีบเอ่ยขึ้นทันควัน “ตอนนี้กระหม่อมก็มีของดีจริงๆ เช่นนั้นก็ขอถวายให้องค์หญิงเลย”นางหยิบชาดทาปากออกมาจากอกเสื้อ เดิมทีนางต้องการให้เย่จิ่งอวี้ช่วยขาย แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเขาคือฮ่องเต้ การค้านี้เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป เช่นนั้นก็มอบให้องค์หญิงเลยดีกว่า“นี่คือชาดทาปากรูปแบบใหม่ เป็นสิ่งที่พี่ชายของกระหม่อมนำมาจากแคว้นฮว๋าเซี่ยเช่นกัน หวังว่าองค์หญิงจะรับไว้พ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนเปิดฝาออก แล้วหมุนแท่งชาดทาปากออกมาดวงตาคู่งามของเย่ไห่ถังเบิกกว้าง นางมองดูชาดทาปากด้วยความประหลาดใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่า เหตุใดเจ้าสิ่งนั้นถึงค่อยๆ โผล่ออกมาได้เมื่อมองดูสีแดงสดซึ่งงดงามกว่าชาดทาปากที่ตั

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 41 กระหม่อมจะไปกับพระสนม

    ณ สุสานหลวงชายผู้หนึ่งในชุดผ้าแพรสีฟ้ากำลังมองไปในทิศทางของวังหลวงด้วยท่าทางน่ากลัวชายผู้นี้อายุสิบเจ็ดสิบแปดปีโดยประมาณ รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ดวงตายาวเรียว แววตามืดมนเล็กน้อยซึ่งบุคคลผู้นี้ก็คือน้องชายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน อันผิงอ๋อง ผู้ที่ซึ่งมีนามว่าเย่จิ่งเย่าหนึ่งปีก่อน ตอนที่เย่จิ่งอวี้ขึ้นครองบัลลังก์ เขาถูกส่งไปยังสุสานหลวงในนามการไว้ทุกข์แทนฮ่องเต้พระองค์ใหม่เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตทุกๆ เรื่องราว ความเกลียดชังในแววตาของเย่จิ่งเย่าพลันแข็งกร้าวขึ้นถ้าตาเฒ่าอินจ้งยอมช่วยเขาในวันนั้น บัลลังก์ก็จะเป็นของเขา...ยามนี้ก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว ในวังหลวงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เห็นชัดว่าเจ้าลูกสุนัขเย่จิ่งอวี้ผู้นี้ กลัวเขากลับราชสำนักนิ้วมือค่อยๆ รวบเข้าหากัน เสียงข้อต่อหักดังกรอบหากเขาสามารถกลับราชสำนักได้ เขาจะชำระหนี้แค้นนี้แน่นอนขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้นก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งจากไกลๆ ในใจจิ่งเย่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเพียงชั่วพริบตา หลี่เต๋อฝูและเสนาบดีกรมพิธีการก็เข้ามาใกล้มากขึ้นเสนาบดีกรมพิธีการพลิกกายลงจากม้า ยกเสื้อคลุมขึ้นแล้วคุกเข่าลงกับพื้น“กระ

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status