หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 314 ถ้าเจ้าไม่ได้เกลียดข้าเช่นนั้นก็อย่ากลัว

แชร์

บทที่ 314 ถ้าเจ้าไม่ได้เกลียดข้าเช่นนั้นก็อย่ากลัว

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
มืออันอบอุ่นเลื่อนมาหยุดที่เอว ราวกับเปลวไฟที่ลามเลียทุ่งหญ้า ความร้อนแผ่กระจายไปทั่วร่างกายในทันที

แก้มของอินชิงเสวียนกลายเปนสีแดงปลั่ง

บุรุษหล่อเหลารูปงานปานนี้ นางจะเกลียดได้อย่างไร

นางกัดมุมปาก สายตาเลื่อนมองจับไปที่ผ้าสีขาวที่พันรอบทรวงอกของเขา

“หม่อมฉันจะเกลียดฝ่าบาทได้อย่างไร”

มือของเย่‍จิ่ง‍อวี้กระชับขึ้นอีกเล็กน้อย

“แล้วทำไมเจ้า...ถึงไม่ยอมใกล้ชิดกับข้าเล่า”

ครั้นเห็นร่างกายที่แนบชิดมาอย่างพอดีกัน ใบหูของอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

ทันใดนั้นก็ฉุกนึกถึงคำพูดหนึ่งได้ นางผลักเย่‍จิ่ง‍อวี้ออกไปทันที หันหลังให้แล้วพูดขึ้นว่า “ปราชญ์กล่าวว่า กลางวันแสกๆ ห้ามทำเรื่องบัดสี ฝ่าบาทเป็นถึงพระราชาผู้ครองแคว้น ควรดำรงอยู่ในวิถีแห่งปราชญ์”

จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเหมือนร่างถูกรัด ร่างทั้งร่างก็ถูกโอบกอดด้วยวงแขนที่แข็งแรงคู่หนึ่ง

กลิ่นหอมเย็นอ่อนๆ ลอยกรุ่ยเข้าไปในโพรงจมูกของอินชิงเสวียน ผสมกับกลิ่นยาจางๆ และเสียงทุ้มก็ดังขึ้นในหูในเวลาเดียวกัน

“ข้ายังเคยได้ยินคนพูดกันว่า เพียงอิจฉายวนยางไม่อิจฉาเซียน แม้ว่าข้าจะเป็นฮ่องเต้ผู้ครองแคว้น แต่ก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ยิ่งไม่ต้องการฝึกฝนวิถ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 315 หางจิ้งจอก

    อินชิงเสวียนก็มีความคิดเช่นเดียวกับเขา หลังจากพลิกผันมาหลายครั้ง ในที่สุดก็รอคอยจนกระทั่งอินจ้งสามารถกลับเมืองหลวงได้แล้ว หวังว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาอีกเมื่อนึกถึงตรงนี้ นางก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องพาไป๋เสวี่ยไปพบกวนเซี่ยว ดังนั้นนางจึงพูดกับเย่‍จิ่ง‍อวี้ว่า “หม่อมฉันต้องกลับไปที่ตำหนักจินหวูก่อน เพื่อให้ไป๋เสวี่ยจำกลิ่นของกวนเซี่ยวไว้ด้วย พรุ่งนี้ฝ่าบาทก็ยังมีประชุมเช้า วันนี้ก็รีบพักผ่อนเถอะเพคะ”“ไปเถอะ ข้าต้องเตรียมการบางอย่าง ตอนนี้เหลือกวนเซี่ยวเป็นทายาทเพียงคนเดียวในตระกูลกวน ข้าไม่อาจปล่อยให้เขาตกอยู่ในอันตรายโดยลำพังได้”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยังอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับความรักระหว่างชายหญิงแล้ว เรื่องงานสำคัญมากกว่าเขาส่งอินชิงเสวียนจนถึงประตูตำหนัก จากนั้นหันกลับไปที่ห้องโถงด้านในเสียงดีดนิ้วดังเปาะ ครั้นแล้วร่างหนึ่งก็ปรากฏที่ด้านหลังของฉากบังลมเย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่พอใจเล็กน้อย“เมื่อเจ้ากลับมาวังแล้ว เหตุใดถึงไม่มาพบข้า”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าทั้งสองข้างลง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“กระหม่อมปล่อยให้ฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ จึงยากที่จะเลี่ยงความผิดจริง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 316 กลับคำพิพากษาตระกูลอิน

    จอมพลเฒ่ากล่าวด้วยรอยยิ้มจนปัญญา “ตอนนี้ทำได้เพียงแค่รบกวนเท่านั้น ฝากพระสนมไปขอบพระทัยฝ่าบาทแทนกระหม่อมด้วย เมื่อกระหม่อมอาการทุเลาลงแล้ว จะไปขอบพระทัยที่ตำหนักเฉิงเทียนด้วยตนเอง”อินชิงเสวียนพูดเสียงอ่อนโยน “ท่านปาจารย์เป็นเสาหลักของบ้านเมือง ฝ่าบาทก็ให้ความเคารพท่านเป็นอย่างมาก พระองค์ไม่เพียงแต่ให้หมอหลวงรักษาเท่านั้น แต่ยังให้ทหารทหารรักษาพระองค์คุ้มครองอยู่ที่นี่ด้วย ขอให้ท่านปาจารย์พักฟื้นอย่างสบายใจได้”จอมพลเฒ่าถอนหายใจแล้วพูดว่า “กระหม่อมทราบแล้ว ที่ฝ่าบาททรงดีต่อตระกูลกวนเช่นนี้ กระหม่อมก็รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”อินชิงเสวียนคลี่ยิ้มบางๆ แล้วพูดกับกวนเซี่ยวว่า “วังหลังไม่ใช่ราชสำนัก ท่านปาจารย์สามารถพักฟื้นที่นี่ได้ แต่สำหรับพี่ชายกวนเกรงว่าจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน โปรดอภัยด้วย”กวนฮั่นหลินย่อมรู้อยู่แล้วว่าวังหลังคือสถานที่เช่นไร แม้ว่าอินชิงเสวียนไม่พูด เขาก็ไม่ให้กวนเซี่ยวอยู่ที่นี่“กระหม่อมก็มีความคิดเช่นเดียวกัน กำลังคิดว่าจะส่งเขากลับจวนพอดี”อินชิงเสวียนจึงกล่าวอีกว่า “คิดว่าพี่ชายกวนคงแจ้งให้ท่านปาจารย์ทราบเรื่องการลอบสังหารแล้ว หากพวกท่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 317 จัดวาง

    ณ ห้องหนังสือเย่‍จิ่ง‍อวี้ถอดมาลามงกุฎออก แล้วเปลี่ยนเป็นชุดคลุมตัวยาวตรงสีขาวราวกับหิมะคาดเอวด้วยผ้าโปร่งเมฆาสีขาวเงินจันทร์ และมีหยกขาวสีไขมันแพะชั้นดีสองชิ้นห้อยไว้ที่สายคาดเอว ทว่าอาภรณ์ที่เรียบง่ายเช่นนี้ยังคงไม่สามารถปกปิดความสูงศักดิ์แต่กำเนิดของเขาได้ฉินไห่ฉิวยืนเข้างๆ ด้วยความเคารพ“สิ่งที่ฝ่าบาทให้ไปรวบรวม กระหม่อมได้ส่งคนไปรวบรวมได้มากแล้ว และได้สั่งให้คัดแยกเป็นหมวดหมู่ เก็บไว้ในคลังของกรมโยธาพ่ะย่ะค่ะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่างท่าผึ่งผายองอาจ พูดเรียบๆ “ดีมาก ภายในวันสองวันนี้ ข้าจะส่งคนไปตรวจรับ ข้อมูลนี้จะต้องถูกเก็บเป็นความลับด้วย”ฉินไห่ฉิวโค้งคำนับแล้วพูดว่า “กระหม่อมจะปิดปากเงียบ ไม่เปิดเผยออกไปแม้เพียงครึ่งคำ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ส่งเสียงอืมตอบรับ แล้วพูดว่า “อืม ออกไปเถอะ”“กระหม่อมขอทูลลา”แม้ว่าฉินไห่ฉิวจะไม่รู้เหตุผล แต่เขาก็เชื่อในตัวของเย่‍จิ่ง‍อวี้วิธีการผันน้ำจากใต้ขึ้นเหนือเห็นผงเป็นที่ประจักษ์แล้ว ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าการตัดสินใจของเย่‍จิ่ง‍อวี้นั้นถูกต้องเมื่อฝ่าบาทขึ้นครองบัลลังก์ ฉินไห่ฉิวก็เป็นเหมือนกับขุนนางทุกคน ที่รู้สึกตะขิดตะขวงใ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 318 หม่อมฉันไม่ไป

    สวีจือย่วนที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้าวเอ๋อร์ฉลาดจริงๆ จำหน้าคนได้แล้ว เรียกฝ่าบาทเป็นด้วย”เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดด้วยสีหน้ามีความสุข “จ้าวเอ๋อร์เป็นโอรสสายตรงของข้า ย่อมฉลาดอยู่แล้ว”สวีจือย่วนหยุดไปชั่วขณะ และเหมือนตั้งใจแต่คล้ายไม่เจตนา “มีเพียงโอรสที่เกิดจากครรภ์ของฮองเฮาเท่านั้นกระมัง ถึงสามารถเรียกว่าโอรสสายตรงได้”เมื่อมองดูเด็กน้อยที่กำลังเล่นผมของเขา เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ยิ้มกล่าวด้วยนน้ำเสียงเจือความเอ็นดูลุ่มหลง“เสวียน‍เอ๋อร์ก็คือฮองเฮาของข้า ตอนนี้แม่ทัพอินได้กลับมายังเมืองหลวงแล้ว ข้าจะรีบแก้ไขสถานะให้ถูกต้องโดยเร็วที่สุด เดิมทีนางก็เป็นชายาเอกเมื่อตอนที่ข้ายังเป็นรัชทายาทอยู่แล้ว จะอยู่ในตำแหน่งฮองเฮา ก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม”สวีจือย่วนตกตะลึงเล็กน้อย “แม่ทัพอิน...จะกลับราชสำนักแล้วหรือเพคะ”ถ้าอินจ้งกลับมาจริงๆ แล้วใครจะเป็นต่อสู้กับอินชิงเสวียนได้อีกตระกูลฝ่ายแม่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท...เย่‍จิ่ง‍อวี้กำลังยุ่งอยู่กับการหยอกล้อเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง ไม่มีเวลาอธิบายมาก เขาจึงตอบรับสั้นๆอินชิงเสวียนเพิ่งเดินมาถึงประตูพอดี เมื่อได้ยินเช่น

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 319 เหตุพลิกผัน

    อินชิงเสวียนได้กลับเข้ามาในเรือนแล้ว กำลังจะขึ้นไปที่ศาลา แต่กลับเห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้ที่มือซ้ายอุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง ส่วนมือขวาก็ประคองสวีจือย่วน และสวีจือย่วนก็ซบอยู่บนตักของเขาพอดีเพลิงโทสะในใจพลันลุกโชน บุรุษไม่มีคนดีเลยจริงๆโดยเฉพาะฮ่องเต้!นางมาที่ห้องครัวเล็กด้วยสีหน้าโกรธเคือง บอกอวิ๋นฉ่ายที่กำลังผสมไส้ว่า “ไม่ต้องนึ่งซาลาเปาแล้วล่ะ ฝ่าบาทบอกว่าไม่กินแล้ว”อวิ๋นฉ่ายตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “อ้าว? แล้วจะทำอาหารอะไรดีเพคะ”“ไม่ต้องทำแล้ว ประเดี๋ยวพวกเจ้าค่อยกินอาหารที่ห้องพระเครื่องต้นส่งมาก็ได้”อินชิงเสวียนกลับไปที่ห้องโถงด้านใน และหายตัวเข้าไปในมิติพอดีกับพืชผลในมิติที่กำลังสุกงอม นางจึงถือโอกาสเก็บเกี่ยวไว้ด้วยเลยจากนั้นก็ปลูกพืชอีกครั้ง แต่ในใจยังรู้สึกไม่มีความสุขดูเหมือนว่าสิ่งที่นางคิดเมื่อก่อนนั้นถูกต้อง จะชอบใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ฮ่องเต้เย่‍จิ่ง‍อวี้มีสตรีชอบด้วยกฎหมายมากมาย แต่นางมีเพียงเขาเท่านั้น นี่ไม่ยุติธรรมเลยเดิมทีอินชิงเสวียนได้ตกลงปลงใจไว้แล้ว คิดไว้ว่าจะรอให้อินจ้งกลับมาก่อน แล้วนางค่อยเพลิดเพลินไปกับชีวิตรักในยุคโบราณทว่าตอนนี้นางหมดอารม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 320 ศิษย์คนดี

    ในช่วงเวลาวิกฤติ ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวแวบออกมา และพาเย่‍จิ่ง‍อวี้ออกจากระยะฝ่ามือของชายคนนั้นฝ่ามือของชายคนนั้นพลาด เขาก็หันฝ่ามือขึ้น แล้วสะบัดใส่ผู้มาเยือนด้วยความเร็วปานอสุนีบาตมีเสียงปังดังสนั่น แล้วร่างทั้งคู่ก็แยกออกจากกันเย่‍จิ่ง‍อวี้อุทาน “เสวียน‍เอ๋อร์”ซึ่งผู้ที่ดึงเย่‍จิ่ง‍อวี้ออกไป ก็คืออินชิงเสวียนนั่นเองนางรู้จักกับเย่‍จิ่ง‍อวี้มานาน ถึงจะในฐานะเพื่อน นางก็ไม่อาจเห็นเขาได้รับบาดเจ็บได้ อีกทั้งตัวเขายังได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วเมื่อเห็นชายผมขาวกำลังจะลงมือ นางก็แลกความเร็วและพลังของมิติ เพื่อสู้ฝ่ามือกับชายผมขาวผู้นั้นทันทีเมื่อฝ่ามือนั้นพุ่งออกมา ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงพลังงานและเลือดในอกที่กำลังปั่นป่วน กลิ่นเค็มคาวเลือดก็พุ่งออกมาจากลำคอ ยากที่จะระงับไว้ได้ นางจึงกระอักเลือดออกมาเต็มคำชายคนนั้นหยุดฝีเท้า ดวงตาทั้งคู่จ้องมองอินชิงเสวียนด้วยแววตาลึกล้ำตอนแรกดวงตาที่สงบคู่นั้น คล้ายจะเกิดคลื่นขนาดใหญ่ และค่อยๆ บ้าคลั่ง“ดีมาก ถ้าเสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องดีใจมากที่ได้พบเจ้าอย่างแน่นอน”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยืนขวางหน้าอินชิงเสวียนไว้ถามด้วยน้ำเสียงเย็

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 321 เสวียนเอ๋อร์จะเบื่อหรือไม่

    “เช่นนั้นก็ดีแล้ว พวกเจ้าดูแลให้ดีด้วย”“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”“ออกไปเถอะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้โบกมือหมอหลวงเหลียงถอยหลังออกไปหลายก้าว“กระหม่อมทูลลา”หลังจากที่หมอหลวงเหลียงจากไปแล้ว อินชิงเสวียนก็เดินเข้ามาในห้องโถงด้านในนางเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “การต่อสู้เมื่อครู่ คงทำให้ฝ่าบาทมีเหงื่อออกมาก หม่อมฉันได้สั่งให้คนเตรียมน้ำไว้แล้ว ฝ่าบาทไปชำระพระวรกายเถิด”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยืนขึ้นทั้งที่สวมชุดคลุม เดินมาหาอินชิงเสวียน แล้วมองสำรวจนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“เสวียน‍เอ๋อร์ไม่เป็นไรจริงๆ หรือ”อินชิงเสวียนยักไหล่“หม่อมฉันดูคล้ายคนที่เป็นอะไรงั้นหรือเพคะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้มองดูนางอยู่นาน แล้วจึงพูดด้วยอารมณ์ทอดถอนใจ “ไม่คิดว่าเจ้าจะมีวรยุทธ์เช่นนี้ แม้แต่ข้าก็อาจจะรับฝ่ามือของคนประหลาดผู้นั้นไม่ได้”เขาขมวดคิ้วและถามอีกครั้ง “เสวียน‍เอ๋อร์รู้จักคนประหลาดผมขาวคนนั้นหรือเปล่า”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ “ไม่รู้จักเพคะ หม่อมฉันไม่รู้จักคนผู้นี้จริงๆ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ขมวดคิ้วกล่าวว่า “แปลกมาก ทำไมพอเขาเห็นเจ้าถึงเรียกเจ้าว่าศิษย์ แล้วเหตุใดถึงมีวรยุทธ์สูงขนาดนี้”อินชิงเสวียนพูดอย่างไม่รู้จะอธ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 322 ข้าจะลงโทษเจ้า

    หลังจากดื่มชาแล้ว เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็แต่งตัวเต็มยศชุดคลุมสีเหลืองอ่อนทำให้เขาดูมีสูงศักดิ์น่าครั่นคร้าม เรียวตาหงส์ดูผ่องใสเย่จั้นยังคงสวมชุดขาวราวกับหิมะ ปราศจากฝุ่นผงแปดเปื้อนเขาเดินเข้าไปในห้องโถงชั้นใน กางเสื้อคลุมออก และคุกเข่าลงข้างหนึ่ง“กระหม่อมเย่จั้น ถวายบังคมฝ่าบาท!”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยื่นมือออกไปช่วยเย่จั้นลุกขึ้น พูดอย่างอบอุ่น “ที่นี่ไม่มีคนนอก เหตุใดเสด็จอาต้องมากพิธีเช่นนี้ เชิญลุกขึ้นเร็ว”เย่จั้นยืนขึ้น กวาดสายมองสำรวจร่างกายของเย่‍จิ่ง‍อวี้แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “กระหม่อมได้ยินมาว่ามีคนลอบสังหารในวัง ฝ่าบาทก็ได้รับบาดเจ็บจากการใช้กำลังภายในด้วย ตามหมอหลวงมาหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “พันแผลเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ข้ามีพลังงานเหลือเฟือ ไม่รู้สึกว่าไม่สบายตรงไหนแม้แต่น้อย เสด็จอาไม่ต้องห่วง”อินชิงเสวียนเหลือบมองใบหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้ ก็เห็นว่าเขาดูแช่มชื่น สีหน้าดูไม่เลว จึงคิดว่าการแช่ตัวในน้ำพุวิญญาณได้ผลจริงๆช่วงนี้ควรให้เขาแช่น้ำพุวิญญาณทุกวันก็ดี เย่‍จิ่ง‍อวี้ฝึกวรยุทธ์มา ดังนั้นน้ำพุวิญญาณน่าจะช่วยเขาได้เมื่อนึกถึงตรงนี้ อินชิงเสว

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status