แชร์

บทที่ 169 เทวดาตัวน้อย

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ในตอนนี้ อินชิงเสวียนได้กลับมาที่ตำหนักจินหวูแล้ว

เมื่อเห็นคราบเลือดบนเสื้อผ้าของนาง ยายหลี่ อวิ๋นฉ่าย และเสี่ยวอานจื่อก็ตกใจไปตามๆ กัน

"เสี่ยวเสวียนจื่อ เจ้าได้รับบาดเจ็บรึ ได้รับบาดเจ็บที่ใด"

อินชิงเสวียนสงบสติอารมณ์ได้แล้วในตอนนี้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขาอ่อนอยู่บ้าง

นางนั่งบนเก้าอี้ หยิบน้ำขึ้นมาจิบ

"ไม่เป็นไร เป็นเลือดของคนอื่น"

แล้วจึงเล่าเรื่องการลอบสังหารฮ่องเต้ให้พวกเราฟัง

เสี่ยวอานจื่อปิดปากด้วยความตกใจ

"ผู้ใดกล้าลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท"

อินชิงเสวียนยักไหล่

"ข้าจะรู้ได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ไม่มีอันตรายใดๆ ท่านอ๋องสิบสามจับตัวนักฆ่าได้แล้ว พวกเจ้าทุกคนก็ออกไปได้แล้ว ข้าอยากจะอยู่เงียบๆ"

เมื่อเห็นใบหน้าของอินชิงเสวียนซีดลง ทุกคนก็ถอยออกไปอย่างรู้สถานการณ์

อินชิงเสวียนสงบจิตใจ เดินไปที่เตียง

เมื่อเห็นเสี่ยวหนานเฟิงยกกำปั้นเล็กๆ ขึ้น กำลังนอนหลับสนิท นางก็อดยิ้มไม่ได้

นางก้มศีรษะลงและจูบใบหน้าเล็กๆ ของลูก ถอดผ้าคาดเอว และถอดเสื้อคลุมที่เปื้อนเลือดออก

ในตอนนี้เองนี้ กล่องเล็กๆ อันประณีตก็ร่วงจากอกเสื้อของนาง ซึ่งนั่นก็คือกล่องชาชื่อหั่วที่เย่จั้นมอบให้นาง

อินชิงเสวียนทิ้งเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 170 ลูกกตัญญู

    บุรุษผู้นั้นยิ้มเยาะ"อย่างเจ้าน่ะหรือ จะเข้าไปในจวนจิ้งอ๋องได้"ฟางรั่วกัดริมฝีปาก และไม่พูดอะไรอีกบุรุษผู้นั้นมองไปข้างหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "คนเหล่านั้นล้วนเป็นชาวยุทธ์ พวกเขาไม่รู้จักตัวตนของเจ้าและข้า แม้ว่าพวกเขาจะถูกจับได้ แต่ก็ให้ปากคำไม่ได้ ไม่ต้องกังวล"ฟางรั่วโค้งคำนับเล็กน้อย "ข้านอยทราบแล้ว"นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า "น่าเสียดายที่โอกาสในการกำจัดเย่จิ่งอวี้นั้นสูญเปล่า เรามีนักธนูพิษหลายสิบคน หากเราใช้กำลังเต็มที่ บางที..."ใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเปลี่ยนเป็นเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เจ้าอยากให้ข้าเดิมพันด้วยชีวิตของชิงเสวียนงั้นรึ"ฟางรั่วก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก"ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว"บุรุษผู้นั้นตะคอกอย่างเย็นชา "ออกไป"หลังจากที่ฟางรั่วจากไป ดวงตาของบุรุษผู้นั้นก็ค่อยๆ สงบลงเขาแบมือขวาออก กลางฝ่ามือมีหยกสำชมพูชิ้นหนึ่งอยู่ ที่มุมจี้หยกสลักคำว่าเสวียนตัวเล็กๆเมื่อมองดูตัวอักษรน่ารักกระจิริด ดวงตาของบุรุษผู้นั้นก็แสดงความอ่อนโยนที่หาได้ยากหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เก็บจี้ไว้ในอ้อมแขน ดับเทียนแล้วเหาะลอยไปวันต่อมาอินชิง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 171 ข้าไม่มีทางไม่ชอบเจ้า

    จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็นึกถึงคำพูดของอินชิงเสวียน จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาพอเข้าใจที่พระสนมแต่ละตำหนักตัดเย็บเสื้อผ้าให้ลูก อย่างไรเสียพวกนางเหล่านี้มักออกอุบายอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อแย่งชิงความโปรดปราน แต่เมื่อพวกนางมาตามคำสั่งของไทเฮา เย่จิ่งอวี้จึงอดคิดมากไม่ได้เมื่อเห็นฝ่าบาทนิ่งเงียบไม่พูดจา หลี่เต๋อฝูค้อมเอวลงและถามว่า "ฝ่าบาท ต้องการพบหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"เย่จิ่งอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้น "ให้พวกนางเข้ามาทั้งหมด"ทันใดนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า "ช้าก่อน เรียกเสี่ยวเสวียนจื่อเข้ามาก่อน""พ่ะย่ะค่ะ"หลี่เต๋อฝูรีบส่งคนไปยังตำหนักจินหวูทันที พร้อมกับให้เหล่าพระสนมแต่ละตำหนักรออยู่ด้านนอกก่อนครู่หนึ่งแม้ว่าดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้า แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกร้อนเกินไป นี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้พบฝ่าบาท ดังนั้นจึงต้องคว้าทุกสิ่งทุกอย่างไว้ลู่จิ้งเสียนหยิบกระจกเล็กๆ ออกมา และหยิบลิปสติกออกมาเติมหน้าให้ตัวเองซูฉ่ายเวยก็ไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยกว่า จึงตบแป้งคุชชั่นอีกชั้นหนึ่งให้ตัวเอง ทำให้คิ้วดอกท้อของนางดูละเอียดอ่อนและสวยงามยิ่งขึ้นเพื่อที่จะรักษาดอกท้อสีทองแห่งคว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 172 เจ้าชอบก็ดีแล้ว

    ซูฉ่ายเวยอึ้งไปชั่วขณะนางเพียงแค่อยากได้หน้า และนางคงจะมีความสุขไปหลายวันหากได้รับคำชมเพียงเล็กน้อย ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะประทานตำแหน่งพระสนมให้นาง?ไม่ได้หูฝาดใช่ไหม?อินชิงเสวียนพูดขึ้นข้างๆ "พระนางสนม ยังไม่ก้มหัวแสดงความเคารพขอบพระทัยฝ่าบาทอีก"ซูฉ่ายเวยจึงได้สติขึ้นมา คุกเข่าลงพื้นด้วยความตื่นเต้น และก้มคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า"กระหม่อมขอบพระทัยในพระกรุณาธิคุณของฝ่าบาท กระหม่อมจะจัดการเรื่องวังหลังให้ดี เพื่อแบ่งเบาความกังวลของไทเฮาและฝ่าบาทเพคะ""ลุกขึ้นเถอะ"เย่จิ่งอวี้พูดเสียงราบเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆถึงกระนั้น ลู่จิ้งเสียนยังคงโกรธมากจนกัดฟันกรอด แต่นางยังคงต้องอดกลั้นความโกรธไว้ในใจ พลางบิดเอวเพื่อส่งเสื้อผ้าที่เหล่าข้าหลวงหญิงตัดเย็บขึ้นถวาย"ฝ่าบาท นี่คือเสื้อผ้าที่กระหม่อมใช้ผ้าเจ็ดสีในการตัดเย็บ หากดาวมงคลได้สวมใส่ ก็จะมีโชคลาภและอายุยืนยาวอย่างแน่นอนเพคะ"เย่จิ่งอวี้กวาดตามองผ่านๆ"วางลงเถอะ"คนอื่นๆ ก็ทยอยกันนำเสื้อผ้ามาถวายเย่จิ่งอวี้ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจมากนัก จนกระทั่งมาถึงสวีจือย่วน เขาจึงก้มศีรษะมองดูสีสันเรียบง่าย อินชิงเสวียนน่าจะชอบเด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 173 นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่นางช่วยเขา

    สามสิบนาทีต่อมา อินชิงเสวียนก็มาถึงประตูวัง ข้างกายยังคงมีฉินเทียนและหลี่ชีติดตามอยู่พวกเขาทั้งสองกลายเป็นองครักษ์หลวงของนางไปโดยปริยาย ไม่จำเป็นต้องพูดจาอย่างสุภาพเกรงใจ ทันทีที่ขึ้นหลังม้าก็วิ่งตรงไปที่สนามฝึกจังเถี่ยและสวีเหลียงกำลังฝึกทหาร และแม่ทัพหลายคนยืนบนแท่นสูงเพื่อคุมการฝึกซ้อมเมื่อไม่มีปลาเน่าอย่างซ่งเฉียวอัน แม่ทัพที่เหลืออยู่ตั้งใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นอินชิงเสวียน คนทั้งหลายต่างพากันลงมาจากแท่นสูง และพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น "เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงมาแล้ว"อินชิงเสวียนลงจากม้าและทำความเคารพ "สวัสดีท่านแม่ทัพทั้งหลาย ข้าได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้มาตรวจดูว่าการฝึกซ้อมสร้างเกราะกระดองเต่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว"ผู้หนึ่งยิ้มและพูดขึ้น "นายพลทั้งสองกำลังฝึกซ้อมอยู่ และตอนนี้ก็เริ่มเห็นผลแล้ว"อีกคนหนึ่งพูดต่อว่า "วิธีการทำสงครามของกงกงน้อยเก่งกาจเสียจริง เรียกได้ว่าเป็นกำแพงทองแดงและกำแพงเหล็ก ป้องกันง่าย แต่โจมตียาก"คนอื่นๆ ต่างก็พูดขึ้น "กงกงน้อยสามารถออกความคิดอันชาญฉลาดเช่นนี้ ถือเป็นบุญวาสนาของต้าโจวเสียจริง""ฝ่าบาททรงค้นพบกงกงน้อย ถือว่าพระองค์

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 174 ข้าอาจช่วยเจ้าได้อีกแรง

    นางใช้แรงหนีบหลังม้าไว้ แล้วรีบเลี้ยวเข้าไปในตรอกข้างๆ อย่างรวดเร็วสรุปว่าจะไปหาจอมพลเฒ่ากวน หรือจะไปจวนอ๋องเพื่อตามหาเย่จั้นเมื่อมองดูผู้คนที่ผ่านไปมา อินชิงเสวียนรู้สึกลังเลเล็กน้อยและเมื่อคิดไตร่ตรองดูแล้ว นางตัดสินใจไปยังจวนอ๋องเย่จั้นเป็นลุงแท้ๆ ของเย่จิ่งอวี้ และทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก แม้ว่าเย่จิ่งอวี้รู้อะไรบางอย่าง ก็ไม่อาจตัดสินโทษเย่จั้นให้ถึงแก่ความตาย ส่วนตัวเองก็ใช้เหตุผลในการขอบคุณสำหรับชาคั่วเป็นข้ออ้างจอมพลเฒ่ากวนกลับไม่เป็นเช่นนั้น เย่จิ่งอวี้มีความสงสัยในตัวเขาแล้ว หากเขาถูกจับได้ คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะปกป้องตัวเอง และเขาอาจจะปล่อยให้เย่จิ่งอวี้ใช้เรื่องนี้เป็นข้อแก้ตัวอินชิงเสวียนรีบมายังร้านเสื้อผ้าเพื่อซื้อชุดเสื้อผ้าธรรมดา นำม้าไปฝากไว้ยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง และรีบมุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องจิ้งประตูของจวนอ๋อง ทหารเกราะแดงสองนายยืนขนาบทั้งสองข้าง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รีบพูดขึ้นเสียงเข้ม"มาทำสิ่งใด?"อินชิงเสวียนรุดหน้าหนึ่งก้าวและพูดว่า "ข้ามาหาท่านอ๋อง ข้าจะขอพี่ทหารทั้งสองช่วยรายงานด้วย หากท่านอ๋องเห็นสิ่งนี้ พระองค์จะต้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 175 ทุกสิ่งจากนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นใหม่

    ขณะนี้ เสียงฝีเท้าอยู่ที่หน้าประตูแล้วเสียงเครื่องประดับกระทบกันดังมาจากด้านนอก เสียงอ่อนโยนพูดขึ้น "เสด็จน้องสิบสาม  ไม่พบกันมานาน สบายดีหรือไม่!"ผู้มาเยือนถอดหมวกไม้ไผ่สานที่คลุมศีรษะออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามและสง่าผ่าเผยเย่จั้นยกเสื้อคลุมของเขาและคุกเข่าลงบนพื้น"กระหม่อมเย่จั้น ถวายบังคมไทเฮา!""เสด็จน้องสิบสามรีบลุกขึ้นเถอะ"ไทเฮาพยุงเย่จั้นขึ้น และนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสง่างามนางมองเย่จั้น และพูดขึ้นอย่างเศร้าโศก "เพียงชั่วพริบตา เราก็ไม่ได้เจอกันนานหลายปี ข้าแต่งงานกับฮ่องเต้ผู้ล่วงลับตอนที่เจ้าอายุยังน้อย ปัจจุบันเป็นถึงขุนนางคนสำคัญที่ดูแลประเทศ เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต รู้สึกเหมือนกับเป็นเรื่องของเมื่อวาน"เย่จั้นถอนหายใจเล็กน้อยและพูดว่า "เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และวันเวลามักทำให้คนแก่ลงอย่างไร้ความปรานี ไทเฮายังมีร่างกายที่แข็งแรง ถือเป็นวาสนาของต้าโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ"ไทเฮายิ้มและพูดขึ้น "ข้าเป็นเพียงผู้ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง จะเป็นวาสนาของต้าโจวได้อย่างไร ชะตากรรมของประเทศข้าไม่อาจตัดสินใจได้ ตอนนี้ฝ่าบาทมีอำนาจอันยิ่งใหญ่และเป็นผู้ควบคุมต้าโจวอย่างแท้จริง"

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 176 เจ้าเป็นห่วงข้ามากเลยหรือ

    เย่จั้นตกใจเล็กน้อยนึกไม่ถึงว่าอินชิงเสวียนสามารถพูดคำพูดที่ลึกซึ้งและเฉียบแหลมเช่นนี้ได้เสียงทุ้มลึกควบคู่ไปกับใบหน้าที่ครุ่นคิดเล็กน้อย ทำให้เย่จั้นอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งทว่าเพียงพริบตาเดียว เขาก็กลับสู่สภาพปกติ"ในเมื่อเจ้ามีทางออกสำหรับตัวเองแล้ว ก็อย่าได้เสียใจไปเลย"อินชิงเสวียนยิ้มอ่อนๆ และพูดขึ้น "ท่านอ๋องวางใจได้ หม่อมฉันไม่ใช่ผู้ที่พูดกลับไปกลับมา การตัดสินใจทั้งหมดเกิดขึ้นจากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว หวังเพียงจะทำได้รอบคอบและไม่พัวพันถึงท่านอ๋องเพคะ"เย่จั้นคิดในใจ ตัวเองได้เข้าไปพัวพัน นับตั้งแต่เขารับข้อความผ้ามาจากอินจ้ง ตอนนี้มีเพียงคำถามว่าเขาสามารถไว้วางใจหลานชายของเขาได้มากแค่ไหนเขาพูดขึ้นเสียงเรียบ "ข้ามีวิธีเอาตัวรอดด้วยตัวเอง เจ้าเพียงรอฟังข่าวจากข้าก็พอ"อินชิงเสวียนคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แสดงความเคารพแล้วพูดว่า "เช่นนั้นหม่อมฉันขอขอบพระทัยท่านอ๋องมาก บุญคุณอันใหญ่หลวงครานี้ อินชิงเสวียนจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาส หม่อมฉันก็จะขอตอบแทน"เย่จั้นยื่นมือไปพยุงกลางอากาศ"ไม่ต้องพูดคำพิธีรีตองกันแล้ว รอให้ข้าเตรียมการเสร็จเรียบร้อย ข้าจะติดต่อเจ้าไปเอง"

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 177 ฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่มีทางแก้

    "คนคนหนึ่ง? หรือท่านทำเพื่อสวีจือย่วน?"อินชิงเสวียนถามด้วยความตกใจอินสิงอวิ๋นประหลาดใจเล็กน้อย "เจ้ารู้จักสวีจือย่วนงั้นหรือ?"อินชิงเสวียนคิดในใจ แน่นอนสิ ตั้งแต่สมัยโบราณวีรบุรุษต้องเสียใจให้กับสาวงาม!"ใช่สิ ตอนนี้นางได้เข้าวังแล้ว นอกเสียจากท่านจะลักตัวนางออกมาจากวังได้ มิเช่นนั้น เกรงว่าทั้งชาตินี้คงไม่ได้พบหน้ากันอีก"สีหน้าของอินสิงอวิ๋นไร้อารมณ์ความรู้สึกในทันที"ข้าไม่ได้ทำเพื่อนาง"อินชิงเสวียนถามอย่างแปลกใจ "เช่นนั้นทำเพื่อสิ่งใด?""เป็นเพราะว่า..."อินสิงอวิ๋นพูดครึ่งหนึ่ง และพูดต่อ "เรื่องพวกนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ข้าขอถามเพียงว่า เจ้าอยากออกจากเมืองหลวงหรือไม่?""แน่นอนว่าข้าอยากไป แต่ตอนนี้ท่านยังเอาตัวเองไม่รอด แล้วจะพาข้าไปได้อย่างไร?"อินสิงอวิ๋นยิ้มแล้วถามว่า "เจ้าเห็นข้าเหมือนคนเอาตัวไม่รอดงั้นหรือ?""แต่ท่านเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญของราชสำนัก เอ่อ ข้าหมายถึง..."อินชิงเสวียนไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรแล้วอินสิงอวิ๋นไม่ได้รู้สึกโกรธ พลางดึงมือของอินชิงเสวียนและพูดอย่างอ่อนโยน "เจ้าวางใจได้ ข้ายังคงอยู่ในเมืองหลวง และมีหนทางสำหรับการเข้าออก ขอเ

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1456 ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้

    “ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1455 การทดสอบของพ่อหนุ่มน้อย

    เมื่อเห็นชายคนนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที อินชิงเสวียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“คุณบอกว่า...คุณชื่อเย่จิ่งหลานไม่ใช่เหรอ”ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ใช่น่ะสิ ผมชื่อเย่จิ่งหลานแล้วมันขัดแย้งอะไรกับเรื่องที่ผมเป็นหมอล่ะ”เสี่ยวหลานหลานที่อยู่ข้างๆ สั่นศีรษะ พูดอย่างน่ารัก “ก็ไม่ขัดแย้ง”เย่จิ่งหลานยักไหล่“งั้นก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผมอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณสาวสวยคนนี้ที่ช่วยเหลือ เพิ่มเพื่อนในไลน์ได้ไหม”เย่จิ่งหลานสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่มันก็ว่างเปล่าเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์หายไปไหน“แล้วคุณรู้ไหมว่าคุณมาจากโรงพยาบาลไหน”“รู้...”เย่จิ่งหลานพูดขึ้นมาคำหนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้งเขาจำได้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะไปคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อมาก็ฝันอะไรตั้งมากมาย ในฝันเหมือนเขาจะกลายเป็นอ๋อง แล้วต่อมาก็ได้เป็นจอมยุทธ์เมื่อมองดูเตียงในโรงพยาบาลตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงขึ้นมาทันทีเขายกนิ้วขึ้นแตะหัวเตียง ผิวสัมผัสเย็นๆ บอกเขาว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต

DMCA.com Protection Status