บุรุษผู้นั้นยิ้มเยาะ"อย่างเจ้าน่ะหรือ จะเข้าไปในจวนจิ้งอ๋องได้"ฟางรั่วกัดริมฝีปาก และไม่พูดอะไรอีกบุรุษผู้นั้นมองไปข้างหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "คนเหล่านั้นล้วนเป็นชาวยุทธ์ พวกเขาไม่รู้จักตัวตนของเจ้าและข้า แม้ว่าพวกเขาจะถูกจับได้ แต่ก็ให้ปากคำไม่ได้ ไม่ต้องกังวล"ฟางรั่วโค้งคำนับเล็กน้อย "ข้านอยทราบแล้ว"นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า "น่าเสียดายที่โอกาสในการกำจัดเย่จิ่งอวี้นั้นสูญเปล่า เรามีนักธนูพิษหลายสิบคน หากเราใช้กำลังเต็มที่ บางที..."ใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเปลี่ยนเป็นเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เจ้าอยากให้ข้าเดิมพันด้วยชีวิตของชิงเสวียนงั้นรึ"ฟางรั่วก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก"ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว"บุรุษผู้นั้นตะคอกอย่างเย็นชา "ออกไป"หลังจากที่ฟางรั่วจากไป ดวงตาของบุรุษผู้นั้นก็ค่อยๆ สงบลงเขาแบมือขวาออก กลางฝ่ามือมีหยกสำชมพูชิ้นหนึ่งอยู่ ที่มุมจี้หยกสลักคำว่าเสวียนตัวเล็กๆเมื่อมองดูตัวอักษรน่ารักกระจิริด ดวงตาของบุรุษผู้นั้นก็แสดงความอ่อนโยนที่หาได้ยากหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เก็บจี้ไว้ในอ้อมแขน ดับเทียนแล้วเหาะลอยไปวันต่อมาอินชิง
จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็นึกถึงคำพูดของอินชิงเสวียน จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาพอเข้าใจที่พระสนมแต่ละตำหนักตัดเย็บเสื้อผ้าให้ลูก อย่างไรเสียพวกนางเหล่านี้มักออกอุบายอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อแย่งชิงความโปรดปราน แต่เมื่อพวกนางมาตามคำสั่งของไทเฮา เย่จิ่งอวี้จึงอดคิดมากไม่ได้เมื่อเห็นฝ่าบาทนิ่งเงียบไม่พูดจา หลี่เต๋อฝูค้อมเอวลงและถามว่า "ฝ่าบาท ต้องการพบหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"เย่จิ่งอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้น "ให้พวกนางเข้ามาทั้งหมด"ทันใดนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า "ช้าก่อน เรียกเสี่ยวเสวียนจื่อเข้ามาก่อน""พ่ะย่ะค่ะ"หลี่เต๋อฝูรีบส่งคนไปยังตำหนักจินหวูทันที พร้อมกับให้เหล่าพระสนมแต่ละตำหนักรออยู่ด้านนอกก่อนครู่หนึ่งแม้ว่าดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้า แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกร้อนเกินไป นี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้พบฝ่าบาท ดังนั้นจึงต้องคว้าทุกสิ่งทุกอย่างไว้ลู่จิ้งเสียนหยิบกระจกเล็กๆ ออกมา และหยิบลิปสติกออกมาเติมหน้าให้ตัวเองซูฉ่ายเวยก็ไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยกว่า จึงตบแป้งคุชชั่นอีกชั้นหนึ่งให้ตัวเอง ทำให้คิ้วดอกท้อของนางดูละเอียดอ่อนและสวยงามยิ่งขึ้นเพื่อที่จะรักษาดอกท้อสีทองแห่งคว
ซูฉ่ายเวยอึ้งไปชั่วขณะนางเพียงแค่อยากได้หน้า และนางคงจะมีความสุขไปหลายวันหากได้รับคำชมเพียงเล็กน้อย ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะประทานตำแหน่งพระสนมให้นาง?ไม่ได้หูฝาดใช่ไหม?อินชิงเสวียนพูดขึ้นข้างๆ "พระนางสนม ยังไม่ก้มหัวแสดงความเคารพขอบพระทัยฝ่าบาทอีก"ซูฉ่ายเวยจึงได้สติขึ้นมา คุกเข่าลงพื้นด้วยความตื่นเต้น และก้มคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า"กระหม่อมขอบพระทัยในพระกรุณาธิคุณของฝ่าบาท กระหม่อมจะจัดการเรื่องวังหลังให้ดี เพื่อแบ่งเบาความกังวลของไทเฮาและฝ่าบาทเพคะ""ลุกขึ้นเถอะ"เย่จิ่งอวี้พูดเสียงราบเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆถึงกระนั้น ลู่จิ้งเสียนยังคงโกรธมากจนกัดฟันกรอด แต่นางยังคงต้องอดกลั้นความโกรธไว้ในใจ พลางบิดเอวเพื่อส่งเสื้อผ้าที่เหล่าข้าหลวงหญิงตัดเย็บขึ้นถวาย"ฝ่าบาท นี่คือเสื้อผ้าที่กระหม่อมใช้ผ้าเจ็ดสีในการตัดเย็บ หากดาวมงคลได้สวมใส่ ก็จะมีโชคลาภและอายุยืนยาวอย่างแน่นอนเพคะ"เย่จิ่งอวี้กวาดตามองผ่านๆ"วางลงเถอะ"คนอื่นๆ ก็ทยอยกันนำเสื้อผ้ามาถวายเย่จิ่งอวี้ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจมากนัก จนกระทั่งมาถึงสวีจือย่วน เขาจึงก้มศีรษะมองดูสีสันเรียบง่าย อินชิงเสวียนน่าจะชอบเด
สามสิบนาทีต่อมา อินชิงเสวียนก็มาถึงประตูวัง ข้างกายยังคงมีฉินเทียนและหลี่ชีติดตามอยู่พวกเขาทั้งสองกลายเป็นองครักษ์หลวงของนางไปโดยปริยาย ไม่จำเป็นต้องพูดจาอย่างสุภาพเกรงใจ ทันทีที่ขึ้นหลังม้าก็วิ่งตรงไปที่สนามฝึกจังเถี่ยและสวีเหลียงกำลังฝึกทหาร และแม่ทัพหลายคนยืนบนแท่นสูงเพื่อคุมการฝึกซ้อมเมื่อไม่มีปลาเน่าอย่างซ่งเฉียวอัน แม่ทัพที่เหลืออยู่ตั้งใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นอินชิงเสวียน คนทั้งหลายต่างพากันลงมาจากแท่นสูง และพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น "เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงมาแล้ว"อินชิงเสวียนลงจากม้าและทำความเคารพ "สวัสดีท่านแม่ทัพทั้งหลาย ข้าได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้มาตรวจดูว่าการฝึกซ้อมสร้างเกราะกระดองเต่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว"ผู้หนึ่งยิ้มและพูดขึ้น "นายพลทั้งสองกำลังฝึกซ้อมอยู่ และตอนนี้ก็เริ่มเห็นผลแล้ว"อีกคนหนึ่งพูดต่อว่า "วิธีการทำสงครามของกงกงน้อยเก่งกาจเสียจริง เรียกได้ว่าเป็นกำแพงทองแดงและกำแพงเหล็ก ป้องกันง่าย แต่โจมตียาก"คนอื่นๆ ต่างก็พูดขึ้น "กงกงน้อยสามารถออกความคิดอันชาญฉลาดเช่นนี้ ถือเป็นบุญวาสนาของต้าโจวเสียจริง""ฝ่าบาททรงค้นพบกงกงน้อย ถือว่าพระองค์
นางใช้แรงหนีบหลังม้าไว้ แล้วรีบเลี้ยวเข้าไปในตรอกข้างๆ อย่างรวดเร็วสรุปว่าจะไปหาจอมพลเฒ่ากวน หรือจะไปจวนอ๋องเพื่อตามหาเย่จั้นเมื่อมองดูผู้คนที่ผ่านไปมา อินชิงเสวียนรู้สึกลังเลเล็กน้อยและเมื่อคิดไตร่ตรองดูแล้ว นางตัดสินใจไปยังจวนอ๋องเย่จั้นเป็นลุงแท้ๆ ของเย่จิ่งอวี้ และทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก แม้ว่าเย่จิ่งอวี้รู้อะไรบางอย่าง ก็ไม่อาจตัดสินโทษเย่จั้นให้ถึงแก่ความตาย ส่วนตัวเองก็ใช้เหตุผลในการขอบคุณสำหรับชาคั่วเป็นข้ออ้างจอมพลเฒ่ากวนกลับไม่เป็นเช่นนั้น เย่จิ่งอวี้มีความสงสัยในตัวเขาแล้ว หากเขาถูกจับได้ คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะปกป้องตัวเอง และเขาอาจจะปล่อยให้เย่จิ่งอวี้ใช้เรื่องนี้เป็นข้อแก้ตัวอินชิงเสวียนรีบมายังร้านเสื้อผ้าเพื่อซื้อชุดเสื้อผ้าธรรมดา นำม้าไปฝากไว้ยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง และรีบมุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องจิ้งประตูของจวนอ๋อง ทหารเกราะแดงสองนายยืนขนาบทั้งสองข้าง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รีบพูดขึ้นเสียงเข้ม"มาทำสิ่งใด?"อินชิงเสวียนรุดหน้าหนึ่งก้าวและพูดว่า "ข้ามาหาท่านอ๋อง ข้าจะขอพี่ทหารทั้งสองช่วยรายงานด้วย หากท่านอ๋องเห็นสิ่งนี้ พระองค์จะต้อง
ขณะนี้ เสียงฝีเท้าอยู่ที่หน้าประตูแล้วเสียงเครื่องประดับกระทบกันดังมาจากด้านนอก เสียงอ่อนโยนพูดขึ้น "เสด็จน้องสิบสาม ไม่พบกันมานาน สบายดีหรือไม่!"ผู้มาเยือนถอดหมวกไม้ไผ่สานที่คลุมศีรษะออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามและสง่าผ่าเผยเย่จั้นยกเสื้อคลุมของเขาและคุกเข่าลงบนพื้น"กระหม่อมเย่จั้น ถวายบังคมไทเฮา!""เสด็จน้องสิบสามรีบลุกขึ้นเถอะ"ไทเฮาพยุงเย่จั้นขึ้น และนั่งลงบนเก้าอี้อย่างสง่างามนางมองเย่จั้น และพูดขึ้นอย่างเศร้าโศก "เพียงชั่วพริบตา เราก็ไม่ได้เจอกันนานหลายปี ข้าแต่งงานกับฮ่องเต้ผู้ล่วงลับตอนที่เจ้าอายุยังน้อย ปัจจุบันเป็นถึงขุนนางคนสำคัญที่ดูแลประเทศ เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต รู้สึกเหมือนกับเป็นเรื่องของเมื่อวาน"เย่จั้นถอนหายใจเล็กน้อยและพูดว่า "เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และวันเวลามักทำให้คนแก่ลงอย่างไร้ความปรานี ไทเฮายังมีร่างกายที่แข็งแรง ถือเป็นวาสนาของต้าโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ"ไทเฮายิ้มและพูดขึ้น "ข้าเป็นเพียงผู้ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง จะเป็นวาสนาของต้าโจวได้อย่างไร ชะตากรรมของประเทศข้าไม่อาจตัดสินใจได้ ตอนนี้ฝ่าบาทมีอำนาจอันยิ่งใหญ่และเป็นผู้ควบคุมต้าโจวอย่างแท้จริง"
เย่จั้นตกใจเล็กน้อยนึกไม่ถึงว่าอินชิงเสวียนสามารถพูดคำพูดที่ลึกซึ้งและเฉียบแหลมเช่นนี้ได้เสียงทุ้มลึกควบคู่ไปกับใบหน้าที่ครุ่นคิดเล็กน้อย ทำให้เย่จั้นอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งทว่าเพียงพริบตาเดียว เขาก็กลับสู่สภาพปกติ"ในเมื่อเจ้ามีทางออกสำหรับตัวเองแล้ว ก็อย่าได้เสียใจไปเลย"อินชิงเสวียนยิ้มอ่อนๆ และพูดขึ้น "ท่านอ๋องวางใจได้ หม่อมฉันไม่ใช่ผู้ที่พูดกลับไปกลับมา การตัดสินใจทั้งหมดเกิดขึ้นจากการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว หวังเพียงจะทำได้รอบคอบและไม่พัวพันถึงท่านอ๋องเพคะ"เย่จั้นคิดในใจ ตัวเองได้เข้าไปพัวพัน นับตั้งแต่เขารับข้อความผ้ามาจากอินจ้ง ตอนนี้มีเพียงคำถามว่าเขาสามารถไว้วางใจหลานชายของเขาได้มากแค่ไหนเขาพูดขึ้นเสียงเรียบ "ข้ามีวิธีเอาตัวรอดด้วยตัวเอง เจ้าเพียงรอฟังข่าวจากข้าก็พอ"อินชิงเสวียนคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แสดงความเคารพแล้วพูดว่า "เช่นนั้นหม่อมฉันขอขอบพระทัยท่านอ๋องมาก บุญคุณอันใหญ่หลวงครานี้ อินชิงเสวียนจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาส หม่อมฉันก็จะขอตอบแทน"เย่จั้นยื่นมือไปพยุงกลางอากาศ"ไม่ต้องพูดคำพิธีรีตองกันแล้ว รอให้ข้าเตรียมการเสร็จเรียบร้อย ข้าจะติดต่อเจ้าไปเอง"
"คนคนหนึ่ง? หรือท่านทำเพื่อสวีจือย่วน?"อินชิงเสวียนถามด้วยความตกใจอินสิงอวิ๋นประหลาดใจเล็กน้อย "เจ้ารู้จักสวีจือย่วนงั้นหรือ?"อินชิงเสวียนคิดในใจ แน่นอนสิ ตั้งแต่สมัยโบราณวีรบุรุษต้องเสียใจให้กับสาวงาม!"ใช่สิ ตอนนี้นางได้เข้าวังแล้ว นอกเสียจากท่านจะลักตัวนางออกมาจากวังได้ มิเช่นนั้น เกรงว่าทั้งชาตินี้คงไม่ได้พบหน้ากันอีก"สีหน้าของอินสิงอวิ๋นไร้อารมณ์ความรู้สึกในทันที"ข้าไม่ได้ทำเพื่อนาง"อินชิงเสวียนถามอย่างแปลกใจ "เช่นนั้นทำเพื่อสิ่งใด?""เป็นเพราะว่า..."อินสิงอวิ๋นพูดครึ่งหนึ่ง และพูดต่อ "เรื่องพวกนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ข้าขอถามเพียงว่า เจ้าอยากออกจากเมืองหลวงหรือไม่?""แน่นอนว่าข้าอยากไป แต่ตอนนี้ท่านยังเอาตัวเองไม่รอด แล้วจะพาข้าไปได้อย่างไร?"อินสิงอวิ๋นยิ้มแล้วถามว่า "เจ้าเห็นข้าเหมือนคนเอาตัวไม่รอดงั้นหรือ?""แต่ท่านเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญของราชสำนัก เอ่อ ข้าหมายถึง..."อินชิงเสวียนไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรแล้วอินสิงอวิ๋นไม่ได้รู้สึกโกรธ พลางดึงมือของอินชิงเสวียนและพูดอย่างอ่อนโยน "เจ้าวางใจได้ ข้ายังคงอยู่ในเมืองหลวง และมีหนทางสำหรับการเข้าออก ขอเ
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง
“แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ
“ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก
เมื่อเห็นชายคนนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที อินชิงเสวียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“คุณบอกว่า...คุณชื่อเย่จิ่งหลานไม่ใช่เหรอ”ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ใช่น่ะสิ ผมชื่อเย่จิ่งหลานแล้วมันขัดแย้งอะไรกับเรื่องที่ผมเป็นหมอล่ะ”เสี่ยวหลานหลานที่อยู่ข้างๆ สั่นศีรษะ พูดอย่างน่ารัก “ก็ไม่ขัดแย้ง”เย่จิ่งหลานยักไหล่“งั้นก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผมอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณสาวสวยคนนี้ที่ช่วยเหลือ เพิ่มเพื่อนในไลน์ได้ไหม”เย่จิ่งหลานสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่มันก็ว่างเปล่าเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์หายไปไหน“แล้วคุณรู้ไหมว่าคุณมาจากโรงพยาบาลไหน”“รู้...”เย่จิ่งหลานพูดขึ้นมาคำหนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้งเขาจำได้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะไปคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อมาก็ฝันอะไรตั้งมากมาย ในฝันเหมือนเขาจะกลายเป็นอ๋อง แล้วต่อมาก็ได้เป็นจอมยุทธ์เมื่อมองดูเตียงในโรงพยาบาลตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงขึ้นมาทันทีเขายกนิ้วขึ้นแตะหัวเตียง ผิวสัมผัสเย็นๆ บอกเขาว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต